ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถาม อาการป่วยของ พอจ เป็นอย่างไรบ้าง และ เมื่อไหร่ พอจ จะไปรักษา  (อ่าน 943 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถาม อาการป่วยของ พอจ เป็นอย่างไรบ้าง และ เมื่อไหร่ พอจ จะไปรักษา

ตอบ อาการป่วย ก็เป็นธรรมดาของสังขาร ความเจ็บเป็นเรื่องธรรมดาของสังขาร เมื่อความเจ็บเข้ามา พอจ จะจัดลำดับความเจ็บออกเป็น 4 ระดับ

ระดับที่ 1 ไม่มีทุกขเวทนามาก พักผ่อน ทานยาหาย ควรรักษาดูแลด้วยตนเองก่อน

ระดับที่ 2 มีทุกขเวทนามากกว่าปกติ คือ ไม่สามารถทรงกายได้แต่ไม่มีความเจ็บปวด เช่นเป็นไข้หวัด ท้องร่วง ท้องเสีย เป็นต้น เหล่านี้ มันต้องหยุดกิจวัตร และรักษาไปตามอาการที่เกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็จะเยียวยาด้วย อำนาจสมาธิ เป็นหลัก

ระดับที่ 3 มีทุกขเวทนาตลอดเวลาอย่างต่อเนื่องเช่น พิษไฟไหม้ ไฟลวก ปวดท้องเป็นนิ่ว ความดันขึ้น ความดันลง ที่ไม่สามารถทรงกายได้อย่างปกติ นอนก็เจ็บ นั่งก็ปวด เดินก็หนัก ยืนก็ไม่ไหว อาการอย่างนี้ ก็ต้องไปหาหมอ รักษาไปตามวาระที่เป็น

ระดับที่ 4 รักษาก็ตาย ไม่รักษาก็ตาย สำหรับระดับนี้ไม่ต้องไปรักษา อะไรไม่ต้องพยุงอะไรทั้งนั้่น ฉันไม่ต้องการให้เสียบโน่นนี่ ในกายฉัน ขอนั่ง มรณะภาพอย่างกับครูอาจารย์ ฉัน ไม่ต้องการนอนบนเดียง ที่มีสายโน่น สายนี่เสียบเต็มคอเต็มปาก ในระดับนี้ ฉันยอมตายอย่างครูอาจารย์ ไม่ยอมตายอย่างคนป่วยตาย

ความเจ็บไม่มีวันหาย จากกาย นี้ สำหรับ พระภาวนาย่อมเจริญสติอย่างนี้จนขึ้นใจ มันมีอยู่เป็นธรรมดา การจัดการก็มีทั้งจัดการได้ และจัดการไม่ได้เป็นไปตาม โรคที่เป็น อาการที่เกิด

ความจริงของญาณ ภาพที่เห็น ก็ชี้ชัดให้ตระหนักในความไม่ประมาท เป็นหลัก

เหตุที่ช่วงหลังมานี้ไม่ไปหาหมอ เพราะหมอทำกรรม กับ พอจ โดยไม่รู้ตัวกันหลายท่าน ทั้งการขู่ตะคอก การไม่ใส่ใจในการรักษา และเหตุผลของหมอเอง ที่มีทัศนคติ ต่อ พระ ไม่ถูกต้อง หมอไม่ได้ เคารพพระสงฆ์ทุกคน ยิ่งพระสงฆ์อ้วน ๆ อย่าง พอจ หมอจะคิดไปอีกแบบ การปรามาส มารยาทการรักษาไปอีกแบบหนึ่ง แม้แต่คนทั่วไปก็สัมผัสได้ว่า "เขาไม่อยากรักษาเรา " ช่วงปีที่ผ่านมา หลายครั้งที่หมอนัด พอจ แต่ก็ไม่ได้ตรวจรักษา อะไร นอกจากให้ยาไปอีกคนละโรค เลย ป่วยไปหาหมอ เพราะ เลือดออกจากคอ แต่ หมอไม่ได้สนใจเรื่องนี้ สาเหตุของการเป็นแต่กลับไปสนใจเรื่อง ของความดันสูง ไปหาหมอหลายครั้งเรื่องเดียวเลยเรื่องนี้ แต่โรคที่ไปหาหมอตรง ต้องหาซื้อยากินเอง

รถเก่า เวลาเข้าอู่ จะซ่อม พอช่างตรวจก็บอกว่า อันนั่น อันนี้เสีย อันนี้ต้องเปลี่ยน อันนี้ต้องทำ มันลามไปเรื่อย

ฉันใดก็ฉันนั้น ตอนนี้อาการป่วยของ พอจ เป็นการรักษาไม่ตรงตามความต้องการ เพราะมันลามไป จุดอื่น เพิ่มขึ้น และ เป้าหมายของคนที่มารักษาให้ ไป จดจ่อ กับอีกโรคหนึ่ง โดยที่โรคที่เป็นอยู่นั้น ไม่ได้ทำอะไรให้เลย ตามทีต้องการ

พิจารณา จากโรค นิ่ว กระเพาะปัสสาวะ มีอาการปวดหลังมาอย่างต่อเนื่อง ครั้น พอจ ขวนขวายยาขับนิ่ว สลายนิ่ว มาเอง บัดนี้อาการปวดหลังก็หายไป อย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ จึงรู้ว่า อาการปวดหลังไม่ได้เกิดจากเรื่องกระดูกสันหลังเสื่อม แต่เกิดจากการเป็นนิ่ว ในกระเพาะปัสสาวะ

ที่ยังไม่ไปรักษาวันนี้ เพราะว่า มองเห็นภาพ การลามการรักษา ที่ไปสู่โรคอื่น เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ โรคติดเชื้อในกระแสโลหิต ซึ่งจะทำให้ถึง วาระสุดท้ายตามภาพที่เห็น พร้อมสายระโยงระยาง มากมาย ที่เป็นนิมิตให้เห็นชัดเจนในสมาธิ นั่นเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ พอจ จึงยังไม่ไป รพ.

เพราะถ้าจะมรณะภาพ ขอ มรณะภาพ อย่างพระภาวนาดีกว่า คือนั่งมรณะภาพ ดีกว่าไป มรณะภาพที่มีสายโน่น สายนี่เสียบไปในคอ ด้วยความคิดอย่างนี้จึงไม่ไป หาหมอในขณะนี้ และพยายามรักษาเยียวยา ด้วยอำนาจสมาธิ เท่าที่ทำได้ก่อน

เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ