ผรณาปีติ เบา สั่น กลัว กังวล บางทีเหมือนมีลมหลุดออกตัวทําให้ใจหายใจหาย แว๊บ
      ธาตุเบาก็ต้องแก้ด้วยธาตุที่มีนําหนัก ดึงอุเบกขานิมิตซักหนึ่งครั้ง ก็คือดึงลมหายใจ สูดลมหายใจแรงๆ พุทโธ กลับไปตั้งมั่นฐานจิต แล้วเริ่มบริกรรม กรรมฐานงานสามอย่างต่อ
     เมื่อจิตหลุดไปเกาะความคิดอีก ก็ผนวกอุเบกขานิมิตใหม่ จิตที่ซัดส่ายไป ในสามกาลก็จะกลับมาพร้อมทํางาน มีวิตก วิจารย์ ใหม่ จิตก็หลุดจากการปรุงแต่งนั้นๆที่เป็นอยู่ เป็นคราวๆไป
      ก็ตรวจแบบนี้ตลอดระยะเวลาที่ฝึกกรรมฐาน ขยันตรวจตรา ความตั้งมั่น ก้าวหน้าก็มีไว
        อย่าลืมส่งอารมณ์กรรมฐานกับครูบาอาจารย์บ้าง กรรมฐานจะได้ก้าวหน้า
     

ก็ได้ วิตก วิจารย์
      แต่การรู้ยิ่ง ปฐวิโดยความเป็นปฐวี หมายถึงรู้ด้วยสัญญาที่แตกต่างจากปุทุชน หรือรู้ด้วยญาณอันพิเศษยิ่ง
          ครูอาจารย์ว่าไว้ว่า เมื่อรู้ยิ่ง ในปฐวี ก็รู้ว่า ปฐวี ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา(ครูบาอาจารย์ว่าไว้แค่นี้)
      ต่อจากนี้คือความเห็นแบบมนุษย์ ว่าวิจารย์แบบปริยัตินะ  ต้องเป็นผู้ที่ฉลาดชุมนุมกรรมฐาน ฉลาดชุมนุม อานาปา 9 จุด ปฐวีกสิน กายคตา จักรสุกิตติมา ท่าข้ามรอบด้าน(ช่อง) สโตริกาญาณชุมนุม รูปที่สั้น ยาว ละเอียด หยาบ
       รูปยาวรูปสั้นรูปหยุด  รูปลม 16 ข้อ(หายใจเข้า-ออก กลายเป็นอาการ 32)และเป็น สติปัฏฐานเต็มๆ มี กาย เวทนา จิต ธรรม อุปาทายรูปก็ย่อมตั้ง อยู่มิได้ ในรูปวัตถุ 16(วาง เกิดฃึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ในลม)และเห็นด้วยญาณพิเศษ คือ ญาณสติ 200 ธาตุย่อมตั้งอยู่มิได้ ในวิญญาณ ที่หลุด ทะยาน พุ่งไป หมุนซี่กงล้อ หมุนอวิชชาทั้งแปด ไม่มีที่สิ้นสุด  แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นไตรลักษณ์ ว่าฉลาดเว้นธรรมที่เป็นอุปการะ และ ที่ไม่เป็นอุปการะ ถือมาก ถือน้อย วางมาก วางน้อย รึวางหมด ทั้งรูป และอารมณ์
          สองส่วนดับ เหมือนทลายตาลทั้งคู่นั้น หรือเปล่า ขอคุยเล่นๆเป็นเพื่อนแค่นี้
               
         

กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ก็มีชื่อ วิชานวหรคุณ เป็นวิชารักษาโรคะนิททัง ทั้งกายใจรูปนาม
           อยากได้ต้องฝึกให้ผ่าน ปีติ ยุคล สุข อยู่ตรงหลังสมาบัติแปด ก็คือต้องได้สมาบัติแปดแล้ว ไปนวหรคุณ ขึ้นโสดาบัน...สกทาคา..อนาคา...อรหัต วิชานี้เฉียดกับฌานโลกุตตระเลยนะ(เคยฟังครูเล่าให้ฟังมาหนึ่งครั้ง)
       ใครอยากรักษาโรค ก็มาฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา ครูบาอาจารย์ท่านสอนได้
          ท่านอยากได้ ครูอาจารย์จัดให้ได้ อย่าถอดใจซะก่อนก็แล้วกัน
            เพราะ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ครบเครื่อง เต็มรูปแบบทั้ง ปรมัติ บัญญัติ

ก็ดีมีข้อสอบคือเสียง มารไม่มีบารมีบารมีไม่เกิด
   รู้ตัว และยอมรับความจริงในเสียงดังกล่าว  วางใจให้เป็นกลาง มากๆ วางเฉยในเสียงนั้น และกลับเข้า นิมิตสามประการ งานสามอย่าง ให้ถูกต้อง ผนวกฐานจิตใหม่ ดึงลมหายใจซักหนึ่งครั้ง ไปตั้งมั่นที่ฐานจิต และเริ่มคําบริกรรมใหม่ อย่าลืมมีอุเบกขา ใจเป็นอุเบกขา เรื่องเกี่ยวกับเสียงผุด(ก็วางอุเบกขา) ฐานจิตอย่าหายอย่าลอย ฐานจิตหายใจเคล้งคว้างลอยปรุงแต่งผุดมีเรื่องอีก(นั่นลอยแล้ว) ขาดภาชนะรองรับพุทโธ ลอยก็ไม่เป็นไร รู้ตัว ก็ตั้งฐานจิตใหม่ ผนวกลมอุเบกขานิมิต ตั้งมั่นฐานจิตเริ่มคําบริกรรมใหม่
       ตรวจแบบนี้ตลอดเวลาที่ตั้งใจฝึกกรรมฐาน
      ส่วนเรื่อง ทีว่าให้ผู้ผ่านการเข้าสะกดมาแนะนํา
          กรณี บางคนยังต้องตั้งธาตุสี่ก่อน ธาตุสี่มีแล้วธาตุห้าจึงมี
           แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์

           ทีเคยได้ยินมา ไม่เกินสองเสียง น่าจะฝึกได้ เสียงบริกรรมหนึ่ง เสียงนอกหนึ่ง ฝึกโจทย์นี้ผ่าน อาจจะได้ขั้นห้าโดยไม่รู้ตัว(ก็ขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์)

            ขอให้อยู่ในฐานจิตที่ครูบาอาจารย์สั่ง ห้ามเปลี่ยนเอง

อย่าได้ปรารพในธรรมเลย อยากฝึกก็ลองฝึกดู ฝึกกรรมฐานไหนก็เอากรรมฐานนั้น ถูกจริตไม่ถูกจริตว่ากันอีกที......ถ้าจะฝึก กรรมฐาน มัชฌิมา ก็ต้องว่าตามครูบาอาจารย์กรรมฐาน มัชฌิมา อย่าไปเปรียบเทียบ เพราะศรัทธา ปณิธาน เน้นความเคารพครู คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เท่ากับสําเร็จไปแล้วครึ่งตัว....

ความน้อยใจคือ มานะสังโยชน์เป็นกิเลส .....ทํากรรมฐานนี้แล้วก็ตั้งใจ ตั้งใจ และอย่าลืมตั้งมั่น ในพระพุทธองค์ ใจจะได้อิ่ม และก็ไม่มีศิษย์อื่นนะ เราเป็นศิษย์กรรมฐานเดียวกัน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ....ต้นตํารับ วัดราชสิทธาราม มูลนิธิสถาบันกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ (ฝั่งธน)...สมเด็จพระสังฆราช(สุก) ไก่เถื่อน.....มีศรัทธา ปณิธาน ว่ากรรมฐาน ไปตามลําดับ พอกพูนอุเบกขาที่เกิดไปตามลําดับ..เช่นกัน

เพิ่มเติม....เว็บแม่ของเราอีกเว็บที่สําคัญก็คือ www.somdejsuk เพราะเป็นกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เช่นเดียวกัน และเป็น สถาบันหลักของเรื่องการเผยแผ่กรรมฐานนี้ ในยุคนี้

พระอาจารย์ท่านยกเรื่อง  ความไว ในอาการเกิด-ดับ  ความไวในอาการเกิดขึ้นพร้อมดับ ทุกเกิดทุกข์ดับ ช้าไว หรือดับคาใจ หรือดับในรูปเลย
          ความเห็นแบบนี้ ยกให้เข้าใจ บางทีท่านก็ไม่เข้าใจ
            เอาอย่างนี้ดีกว่า เรื่องภาวนา อะไรที่ท่านอ่านยังไม่รู้เรื่อง สิ่งนั้น เรายังไม่ได้
              ความเห็นไตรลักณ์ เห็นความเกิดดับช้าไว ต้องไปพอกพูนมา
               การพอกพูนไม่ใช่ หาข้อมูล หรือ คิด
                แต่ต้อง ภาวนา
        ว่าเห็นเกิดดับ เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ช้าไว หรือว่า ดับในรูปเลย

               อาการแบบนี้ ที่ได้เจโตวิมุติ เปรียบไว้ ว่า ได้กินข้าวจริงๆ
                                                ที่ได้สุขวิปัสสก เปรียบไว้ว่า เหมือนได้กิน แต่จริงๆไม่ได้กิน
 เคยอ่านมาแบบนี้

รูปนาม มีอยู่ในปีติทั้งห้า สมถะวิปัสสนา มีอยู่ในปีติทั้งห้า การศึกษาปีติห้าคือการศึกษาธาตุ คือการเรียนร้รูปและนาม

บริกรรมนิมิตร คือ การบริกรรมวิตก หรือ บางทีก็เรียก บริกรรมปถวี -ปฐวี
 คําบริกรรมง่ายๆ ก็พุทโธ ....พุทโธ...พุทโธ เป็นต้น

เป้าหมายไม่ได้วัดกันที่ใครนั่งนาน นั่งไม่นาน กรรมฐานที่ทําแล้วมีคําว่าต้องเก่งกว่า หรือแข่ง
      ทําไปทั้งมานะสังโยชน์เรียกว่าเข้าทั้งกิเลส ทําให้ตายก็ไม่ได้อะไร คิดแบบนี้เข้าไม่ถึงของจริงมีแต่ของหรอก จงทิ้งรูปแบบเหล่านี้ เป็นมิจฉาสมาธิ คือสมาธิที่ไม่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน มีกิเลส มีตัวล่อ(คือ นั่งนาน หรือแข่ง)นี่แหละ
         อย่างกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เอาแค่วันละ สามสิบนาที การงานทําให้ถูก เข้ากรรมฐาน ออกกรรมฐานให้ถูก ก่อนก็พอ ขอแนะแค่นี้ก่อน ถ้าเอาจริง
         ควรมีครูบาอาจารย์ ก็ไปเริ่มที่ต้นสังกัดมาก่อน ถ้ากรรมฐานพระราหุล สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ก็ฝั่งธนวัดราชสิทธาราม คณะห้า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ
       
         

 ใช้กรรมฐานอะไรอยู่ ขอรายละเอียดมากกว่านี้
           ที่ทรมานมากเรื่องใด ไม่ชัดเลย
              เผื่อครูอาจารย์ท่านจะได้ชี้แนะให้

....สาธุ...

กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เรื่องการแจ้งอารมณ์ ควรแจ้งกับพระอาจารย์กรรมฐานนะจ๊ะ
           เพราะจะทําให้ผู้อื่นเกิดมานะ ปฏิบัติไม่ได้ เป็นวิบาก
             เช่น เห็นว่าเค้าได้ดีกว่าเรา เห็นว่าเราได้ดีกว่าเค้า หรือเห็นว่าเสมอกัน เราเท่าเค้า เค้าเท่าเรา เห็นแบบนี้เป็นกิเลส
         พระอาจารย์ ตอบไว้วันก่อนเกี่ยวกับพระรัศมี ว่าดังนี้
             คุณพระรัศมี เป็นปีติที่สูง มีอุคคนิมิตเป็นอารมณ์ เกิดเมื่อจิตกระทบจิต เมื่อกระทบแล้วส่งผลทางพระลักณะด้วย จิตต้องอาศัย อุปาทินกสังขารมีใจครอง เป็นเหตุจึงจะเริ่มเห็นพระรัศมี
           เหตุที่กล่าในที่นี้ หมายถึงสีของภาพที่ปรากฏในจิตนั้น
           เพราะทางกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ไม่สนใจนิมิตภาพ สนใจสีของภาพ เพราะเป็นนิมิตแท้ ไม่มีอุปาทานหรอกหลอน
          ส่วนพระอาจารย์จิ๋ว ตอบไว้ในวีดิโอ ว่า..สีคือรูป รูปคือสี ไม่มีอุปทานหรอกหลอน
             ควรแจ้งอารมณ์กับพระอาจารย์กรรมฐาน นะจ๊ะ

ถ้ารู้สึกว่ายังสุขบ้าง-ทุกข์บ้าง ก็นั่นแหละ มันไหล มันฟุ้งไป   เพราะเหตุเหล่านี้ มันคือภพสาม อีกอย่างไม่ทุกข์ไม่สุข เดี๋ยวจะไม่ครบสาม
        จุดมุ่งหมาย ของการภาวนา ก็เพื่อพอกพูนความเป็นอุเบกขา มีสิบ ระดับ อุเบกขาคือความรู้ตัว เพราะรู้ตัว มันปล่อย
       ก็คุมเรื่องความเห็น จะได้ไม่ถูกใครทัก ถ้าเค้าทักแล้วมันเป็นทุกข์ แต่หาเงื่อนไม่เจอ ก็ต้องหยุดคิดหาเงื่อนที่เค้าทัก เดี๋ยวมันจะไม่ปล่อย(อุเบกขา) เพราะว่าเราถือมันอยู่ถูกมั๊ย
           กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ
    ไม่ใช่กรรมฐานพิจราณา เพราะมีอุเบกขาอยู่ตามธรรม เราอยู่ขั้นไหนก็ทําไปตามขั้นของเรา ภาวนาไปอุเบกขาก็พอกพูนขึ้นมาเองตามธรรม เดี๋ยวก็ดีเอง สําหรับผู้ภาวนา
        วิธีตวจสอบ ก็คือหยุดตรวจสอบ ตั้งอยู่ที่รู้ตัวอุเบกขา เมื่อมีอุเบกขาแล้ว มันคงไม่ตรวจต่อ
          ผู้ภาวนาอยู่กรรมฐานไม่เสื่อม มีแต่เพิ่ม มีแต่พูน เพราะเป็นการสร้างความดีที่เป็นมงคล ชีวิต อยู่แล้ว
           แต่เมื่อเราอยู่ในโลกผู้คน ควรคุมความเห็น อารมณ์ เราต้องอยู่กับคนในโลก ในความจริง ความเห็นเราอาจจะไม่ตรงกับ ความเห็นใครเข้า ไม่ถูกใจเขา เขาวกมาป่วนอารมณ์ มาติงธรรมเราเข้าธาตุไฟมันก็เลยกําเริบ ไฟมันลุกมันไม่หยุดคิดหรอก พอไฟมันลุกลมมันก็พัด ถ้ามันไม่เลิกคิด ก็ดึงลมให้ตัวโคลงซักสามคู่ เข้า-ออก เผื่อจะดีกว่าเก่า ถ้ามันไม่หายก็ปล่อยมัน กรรมฐานนี้เข้าตามปีติ ถ้ามันไม่ได้ทุกอะไรมากก็ปล่อยมัน
         เพราะผลประโยชน์ของการเข้าอยู่ตามธาตุ คือมูลฐานของการได้ลม เบื้องสูงกว่านี้โลกสูงขึ้น ธรรมก็สูงขึ้น โลกกับธรรมไปด้วยกันหนุนกัน เพื่อถึงปริสุทธุเปกขา
         ถ้ามันร้อนเหมือนเป็นไข้หลายวัน ควรเข้าพบครูกรรมฐาน เพื่อแจ้งอารมณ์ ตามที่เรารู้สึก
         
         

ควรหัดฝึกแบบมี...วสี...ของตัวเอง
        อย่างเช่นที่พระอาจารย์ท่าน เคยใช้ที่ท่านเคยเล่าเอาไว้  ท่านใช้ แบบพุทโธ นับ
           พุทโธ1 พุทโธ2..................พุทโธ28000
              1วัน 1คืน-ท่านนับพุทโธได้....สองหมื่นแปดพันพุทโธ
                        แบบนี้ก็กําหนดเวลาเข้าออกได้
              ถ้ายังไม่เก่ง ก็หาวิธีลดลงมา เอาเอง

ตรงนี้ไม่รู้ว่าเรียนตอนไหน ยกตัวอย่าง สมเด็จพระสังฆราช(สุก)ไก่เถื่อน เป็นต้น
        ตอนที่หลวงปู่ท่านเรียน เห็นหลวงปู่ท่านพบพระอริยะเถราจารย์ทางนิมิตทั้งนั้นเลย.ถ้าสนใจในประวัติหนังสือหลวงปู่ของคณะ 5 มีมาก มีหลายยุค ถึงสามแผ่นดินทีเดียว อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ ลองตามไปที่วัดราชสิทธาราม จะได้กราบท่านด้วยได้เพิ่มบารมี
        ถ้าไปวันที่ 4 มิถุนายน (วันวิสาขบูชาก็ดี) ได้ไปร่วมฉลองพระพุทธมัชฌิมา พระประจํากรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ
       ใครได้ไปจะได้บุญมากที่สุดในวันนั้น....เพราะเป็นวันฤกษ์ดีที่สุดประจําปีนี้.

การฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ หากเป็นไปตามขั้นตอน ตามลําดับ ส่งถึงสมาธิสูตรอันบริบูรณ์
         เพราะเป็นกรรมฐานสองส่วน อุภโตภาควิมุติ มีทั้งสมถะ และวิปัสสนา อยู่ในหมวด
           เพราะเมื่อได้สองส่วน จุดหมายต่อไปคือห้องสี่  ก็ อานาปานสติ ปฏิสัมภิทามรรค(เข้าสู่ลม)
                เพราะ สติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม...รู้ ว่าง ดับแล้ว ที่ลม
                             เคยอ่านมาแบบนี้.จําพระมาเล่า.
           

ศิล สมาธิ ปัญญา (ปัญญานั้น คือผล แล้วนะ)ถ้าขาด สมาธิ สามคํานี้จะครบองค์ประกอบมั๊ย เพราะศิล สมาธิคือเหตุ ปัญญาคือผล
      ถ้าศรัทธาในพระพุทธเจ้า ก็ควรว่าตาม ศิล สมาธิ ปัญญา
          ปีติ สุข เป็นราก เป็นเง่า เป็นเค้า เป็นโคลง เป็นมูล ของธรรม
           เพราะปีติ สุข มี อุเบกขา จึงเกิดภายหลัง
              อย่างในตําราวิชาโลกุดรสยบมาร
  ก็เริ่มมาจาก...สติ ธัมมวิจย วิริยะ ปีติ ปัสสัทธิ สมาธิ อุเบกขา(มีอุเบกขา วางอยู่องค์สุดท้าย วางแล้วใช่ติด ใช่ถืออยู่อีกมั๊ย)
     คงไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย
       เป็นวิชา เดิน โพชฌงค์ 7
      อยู่ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ
            ดูตัวอย่างในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้า ส่งพระมหากัสสปะ ไปเยี่ยม อาการป่วยของ ท่านองค์คุลิมาร เเละสอนให้เดินโพชฌงค์ 7 ก่อนมรณะภาพท่านก็ได้พระอรหันต์
       ผลประโยชน์ของวิชาโลกุดร สยบมาร
          1.แผ่ให้ผู้ที่ลําบาก
          2.แผ่บารมีให้มาร
          3.ทําจิตให้หลุดพ้น
          4.บูชาคุณครูบาอาจารย์
          5.เมตตา
          6.ปราบมาร
          7.มีความเพียร
          8.ปราบคนทุศิล
          9.รักษาโรคกาย โรคจิตตัวเองและผู้อื่น.

          ก็จงพิจราณา เอาเอง ว่าปีติ สุขจะขวางทางพระนิพพาน แบบที่ใครๆว่าใหม คงจะไม่จริงกระมัง ก็องค์คุลิมาร ยังได้เป็นพระอรหันต์ได้
           ..........อีกนัยหนึ่ง......
           ในวิชาหลวงปู่
                   ธาตุสุข คือ (ธาตุพระพุทธเจ้า) ธาตุกายสุข จิตสุข มีธาตุดิน นํา ลม ไฟ ทําจิตเป็นสุข สยบกิเลส ธาตุ
  อุปจารพุทธานุสติ ใช้สยบมารทั้งภายนอก ภายใน ใช้สยบภายในและภายนอก.
                          สุดแล้วแต่บุญวาสนานะจ๊ะ
                         

วิชาธรรมของหลวงปู่ในเรื่องเหล่านี้ อยากรู้ให้ไปอ่าน
       เรื่องลมสุริยกลา ลมจันทรกลา
       เรื่องสติปัฏฐานสันโดด
        สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน ท่านเขียนไว้ ในใบลานที่วัดพลับ
        หลวงพ่อจิ๋ว ท่านนํามาเผยแผ่สืบทอดไม่ให้สูญหายไป
        ในเว็ป สมเด็จสุก
         แต่อ่านจะเข้าใจไม่เข้าใจ นั่นก็ว่ากันไป
         เพราะในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เน้นธรรมสภาวะ ความถึง ความได้
         ก็แล้วแต่บุญบารมี ศรัทธา และปณิธาน เจตนา.
         

อยู่ที่เป้าหมาย  ว่าท่านต้องการสิ้นกิเลสแบบชั่วคราว หรือว่า แบบถาวร ทุกดับจริงๆ หรือดับชั่วคราวแล้วก็กําเริบอีก
       ถ้าเป้าหมายต้องการสิ้นสุดอย่างไม่เห็นทุกฃ์เลย ก็ต้องท่านั่ง ฝึก
               เพราะท่านั่งฝึก มีลมสับคืบ เข้าคืบ เข้าวัดออกวัด อนุโลม-ปฏิโลม  ฝึกท่านั่ง จนกว่าจะทรงได้ อย่างน้อยที่อุปจารฌาณ  จึงจะเริ่มปรับลม ปล่อยลม บังคับลมได้ ปล่อยลมได้ก็เป็นวิปัสสนา(พระพุทธเจ้าท่านก็เลือกท่านี้)
             พระองค์ตรัสไว้ว่า เมื่อจิตของเธอเป็นสมาธิ ก็จะเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง
              ควรมาเริ่มฝึกที่ห้อง 1 พระปีติ5 มีทั้งสมถะ-วิปัสสนา
                แต่ถ้าไม่ต้องการดับทุกข์ ก็ขอเชิญตามปีติ ที่ท่านอยู่
                ถ้าต้องการสิ้นทุกข์ ก็ขอเชิญไปขึ้นกรรมฐานที่วัด ราชสิทธาราม คณะ 5
             ว่าไปตามลําดับ ตามตครูบาอาจารย์
               

นิมิตคือรูปวัตถุ 16 บอกไม่ได้เป็นรูปอะไร เพราะเป็นอุบายในกรรมฐาน ผู้ที่เข้าถึงก็รู้เอง
      และยังมีญาณสติอีก 200 พระธรรม
          อานาปาห้องสี่ ต้องกําเนิดมาแต่พุทธานุสสติ ดังนั้น ห้อง 1-2-3 นับว่าสําคัญที่สุด

เรื่องการวิจัยเกี่ยวกับรอยหยักบนสมอง ของฝรั่งทําให้หัวไว คล่องแคล่ว
          ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ และวิชชาของหลวงปู่ สมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน ก็มีชื่อ วิชชาเข้าจักรสุกิตติมา

ฝ่ายวิชชาถอดออกด้านบน(สมาธิสัมโพชฌงค์)กลางกระหม่อม  ฝ่ายอวิชชาถอดออกด้านล่าง(รูทวารหนัก) คือพวกปอบ ได้ยินมาแบบนี้
               
               

ขออนุโมทนาสาธุ

ขออนุโมทนาสาธุ

หากสนใจกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ควรไปขึ้นกรรมฐาน กรรมฐานนี้เน้นศรัทธาเป็นหลัก ไม่ได้บอกอะไรได้หมด แนะนําได้เบื้องต้นเท่านั้น  วิธีแก้อารมณ์ หรือส่งอารมณ์ ต้องส่งกับครูและรับกับครู เพราะครูจะบอกวิธีกันจิตหรอกจิตหลอนให้ด้วย ขึ้นอยู่กับความสนใจของท่าน

สิ่งที่เล่ามาทั้งหมด รวมทั้งภาพเหล่านั้น คืออุปทานจิต วิธีแก้ คุณพิชัย ไปดูอีกข้อหนึ่งที่แนะนําไว้เบื้องต้น
              สิ่งที่สําคัญคือควรมีครูอาจารย์ อย่ามองข้ามครูบาอาจารย์สิ่งนี้ควรมีเป็นสิ่งแรก เราจะได้ไม่ติดโมหะ(หลงตัวหลงตน)หรือโลภ(ความอยากมีอยากเป็น)

ลองเปลี่ยนฐานไปที่ใต้สะดือสองนิ้ว ก็คืออยู่ตํากว่าสะดือสองนิ้ว  ฐานนี้ตั้งมั่นได้ไว เข้าปีติได้ไว บริกรรมพุทโธ ไม่ต้องดูลมหายใจ และไม่ต้องตามลมหายใจ เข้าออกเดี๋ยวจะทิ้งฐานจิต ถ้าทิ้งฐานจิตเคว้งคว้างและฟุ้งซ่านง่าย   บริกรรมพุทโธใส่ลงไปอย่างเดียวเริ่มจากเร็วก่อน แต่ถึงบริกรรมเร็วก็ให้มีจังหวะสมําเสมอ ของพุทโธ  ถ้าบริกรรมไปแล้วพุทโธ มันยานของมันเองก็อย่าขาดพุทโธ อย่าหลับ ถ้าหลับตื่นมาต้องคว้าฐานจิตแล้วบริกรรมพุทโธต่อ
          ลองไปทําตามนี้ดู ถ้ารู้สึกพอใจ ก็ขอเชิญไปขึ้นกรรมฐาน ที่วัดราชสิทธาราม จะได้พบครูบาอาจารย์แบบเป็นการเป็นงาน 
         ตอนนี้ยังทําแบบลูกผสมอยู่(ผสมตามใจตัว)
     ฐานจิตที่ลิ้นปี่เป็นนาม ไม่มีรูปผู้ฝึกใหม่ไม่ควรใช้ ควรตามครูบาอาจารย์ จะไปได้ดีกว่า

ทําเป็นเล่นก็ได้ของเล่น ทําจริงก็ได้ของจริง ลองตั้งสัจจะดู หรือใช้นาฬิกาปลุกก็ได้
              นาฬิกาไม่ร้อง ห้ามลุกจากที่ เอาครึ่งชั่วโมงก่อน ตั้งศรัทธาไปที่พระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าท่านดูเราอยู่
              จะได้ไม่โลเล เคว้งคว้าง และ จะได้มีความหนักแน่นในการงานของใจ ของผู้ดําริ

เอาแบบนี้ก็ได้ จะได้อบอุ่นหน่อยไม่เคล้งคว้าง จงเชื่อว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีจริง กฎแห่งกรรมมีจริง เกิดแก่เจ็บตายเรื่องจริง  31ภพมีจริง นรกมีจริง ผีเทวดามี ไปดูบทสวดธรรมจักร ในอนุสสติ7 ก็มีเทวตานุสสติ มรรคผลนิพพานคือของดี และยังมีครูผู้สอน คือพระอาจารย์กรรมฐาน ยังมีให้เห็นอยู่
กัลยาณมิตร ที่ควรเข้าหา ที่เป็น พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบก็คือครูผู้สอน ก็ยังมีจริง

มิจฉาสมาธิ คือสมาธิที่เป็นไปเพื่อกิเลส  ส่วนสัมมาสมาธิคือ สมาธิที่เป็นไปเพื่อพระนิพพาน
          ส่วนการหาที่ฝึกก็แล้วแต่จริต ก็คือตามที่ชอบ
                แต่ถ้าสนใจกรรมฐานนี้ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ก็ขอเชิญ ไปขึ้นกรรมฐานที่ พระอาจารย์คณะ 5 วัดราชสิทธาราม ฝั่งธน กรุงเทพได้ทุกวัน หรือจะเปิดดูก่อน ก็เว็ป สมเด็จสุก somdejsuk ก็คือ พระปรมาจารย์ สมเด็จพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน .

ฝึกกสิน ต้องวัดยานนาวา กรุงเทพจ้า

ยากจะอธิบายให้เข้าใจได้ กสิน ใน กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เป็นกรรมฐานต่อเนื่อง เป็นของสูงรู้เฉพาะหน้า เเละเป็นของ พระอริยเจ้าชั้นสูง
           อย่างในตํารา ที่เราไปอ่านเจอ ของพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระองค์นั้นคือพระอะไร...รู้หรือเปล่า
                พื้นฐานในห้องพุทธานุสสติ สําคัญมาก เพราะ สนับสนุน อานาปา และกสิน ด้วย
                กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เรียนตามลําดับ
                       การสวด เวทาสากุ ก็เพื่อสร้างความศรัทธา ในพระปรมาจารย์ สมเด็จพระสังฆราช สุกไก่เถื่อน และครูบาอาจารย์ กรรมฐาน มัชฌิมา ทุกองค์ ที่มีกําเนิดมาจนถึงปัจจุบันไม่เว้น
                      และการสวดเวทาสากุ ก็เพื่อสนับสนุน ความเข้าถึง การได้ลม อานาปา และ ลมกสินเป็นกรรมฐานเนื่องกัน
               จงทําความเข้าใจในห้องพุทธานุสสติให้ดีก่อน เพราะมีความละเอียดอ่อน ชั้นเชิง ลีลา และขุมพลังพระพุทธเจ้า ยังคงมั่นคงใน พื้นฐานกรรมฐาน อย่างน่าอัศจรรย์ อยู่ในองค์ธรรมของการงาน
                   ส่วนที่ไม่ใช่ศิษย์ กรรมฐานมัชฌิมา ควรหาที่ฝึก ที่สอนแนวกสินโดยตรง นะจ๊ะ

ควรภาวนาให้จบๆไป นั่นคือปณิธาน คือความตั้งมั่น และการแสดงความมั่นคง ทางใจ และเชื่อใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และพระรัตนตรัย โดยตรง เรียกว่า ศรัทธา
           ศรัทธา คือตัวนํา ไปสู่ผลสําเร็จที่มี เจตนา ตั้งไว้
           พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (ครูบาอาจารย์ ที่จะสอนเรา)
               เราอยากชี้ทางให้ท่าน ตรงนี้ว่า พลังใจของท่าน ดีพอควร พลังใจสร้างได้ โดยมุ่ง พุ่งศรัทธา ไปที่ พระรัตนตรัย และ ภาวนา ๆๆๆๆ ทุกอย่างรู้ได้ ในภาวนา รู้ผิดถูก ยินดี ยินร้าย อย่างไร
                  ก็ควรส่งอารมณ์มาที่ ....ธัมมะวังโส อาโลโก มีโอกาส ก็ไปขึ้นกรรมฐาน กราบ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน
           สิ่งศักสิทธิ์ที่พอจะอธิฐานเพิ่ม ใกล้สุด พระพุทธบาทสี่รอย อําภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
                ไม่ควรประมาทมานั่งรอนอนรอความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เข้าใจนั้นถูกต้อง
                ควรเชื่อเรื่อง ว่า...พระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรม พระสงฆ์ พระอริยะ มีจริง เวรกรรมมีจริง  ผี เทวดา สัตว์นรกมีจริง มรรคผล มีจริง และยังอยู่ จวบ พศ5000  กฏไตรลักษณ์มีให้เห็นจริง
                มรรคมีองค์แปดมีจริง ศิลสมาธิปัญญามีจริง อริยสัจ 4 มีจริง
                 ........สิ่งที่ควรศึกษาเพิ่มเติม คือพระประวัติพระกรรมฐาน  พระประวัติของครูอาจารย์ในอดีตครูที่เป็นกรรมฐานมัชฌิมา มีที่นี่ กับเว็ป สมเด็จสุก
               ชี้สูตรพลังใจแบบเติมเต็มด้วยตัวเองให้
               ภาวนาๆๆๆอย่างเดียว เดียวก็รู้ เองเป็นขั้นไป
                เมื่อบางครั้งจิตฟ้งซ่าน ก็มองที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เอาไว้เดี๋ยวพลังพุทธะก็มา
           ภาวนาแล้วแจ้งอารมณ์ แจ้งอารมณ์มาที่ พระอาจารย์ ที่เราชี้แนะ
                แต่อย่าลืมถ้าภาวนา สําเร็จ ถ้าไม่ภาวนาไม่สําเร็จ
                รู้หมดแบบเรียนเก่งก็ไม่สําเร็จ จะสําเร็จ ก็ต้อง ภาวนา ขอแนะนําแค่นี้

การสวดบริกรรมวิตก ผู้ที่เป็นศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาที่ได้กรรมฐานสองส่วน เรียกว่าเข้าสู่กระบวนการสัมปยุตธาตุธรรม รวมปีติยุคคล เป็นจิตล้วนๆ เพื่อทิ้งกาย ฝ่ายศิษย์ บริกรรม จัดเป็นกรรมฐาน ตามลําดับ ได้ระลึกถึงพุทธคุณเพื่อสําเร็จ พุทธานุสสติ ได้อุคหนิมิต เข้าพระรัศมี เพื่อทิ้งกายเป็นจิตล้วน เพื่อทําความละเอียด คู่ต่อไป
              ฝ่ายไม่ใช่ศิษย์ ได้อานิสงค์ ตามพระคาถา ไม่เกี่ยวกับมรรคผล ข้างต้น
         แต่ก็คือได้เหมือนกัน แต่ได้น้อยหน่อย ตอบให้เข้าใจ เลิกสงสัยซะ
                 การวิพากวิจารย์ ถ้าธาตุยังมีกิเลส มีกรรมโดยความไม่ได้ตั้งใจได้นะจ๊ะ แล้วแต่ศรัทธา เชิญตามสบาย.

ขออนุโมทนา สาธุ

มีโอกาสควรไปขึ้นกรรมฐานด้วยนะการเกิดร้อนนั่งห้องแอร์ก็ร้อนจะเป็นอยู่ช่วงหนึ่งไม่นานก็จะผ่านไป  อาการที่เกิด  ท่านอยู่ในขั้นพระลักษณะ อยู่ในช่วงเข้าคืบเข้าสับพระปีติ ก็เป็นไปตามองค์ธรรม ตามลําดับ ปีติมี5องค์  จะขยายความ ก็มีเย็น ร้อนอ่อน แข็ง เบา ไปหาอ่าน อาการ พระลักษณะพระปีติ 5 ที่พระอาจารย์ท่านลงไว้อยู่ในหน้าแรก หมวดสาระสําคัญ
       ขอแนะว่าอย่าไปดูกายมาก ให้อยู่กับ นิมิตทั้งสามประการ งานสามอย่าง อย่าให้ขาดสามอย่านี้ความก้าวหน้ามีเอง ความลังเลสงสัยมันก็เหมือน ไม้ขอนที่ลอยมาติด มันก็ไม่ลอยต่อไป 
       ควรไปขึ้นกรรมฐาน จะได้นําอาการเหล่านี้ไปส่งอารมณ์ กับครูอาจารย์ เพื่อไม่เสียเวลา จะได้เลื่อนขั้นก้าวไปตามลําดับ 
       
     

 ขอตอบ  อะไรก็แล้วแต่ถ้าลงด้วย แปดหมื่นสี่พัน เท่ากับจํานวน พระธรรมขันธ์
        สิ่งนั้นทําเพื่อถวายเป็น พุทธบูชา เป็นการเจริญพุทธานุสสติ
             
มีประวัติมาตั้งแต่ครั้ง พระเจ้าอโศกมหาราช สืบประเพณีกันมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้า

 เหล่าพรหม ก็มาตรวจผู้ทําฌาณ พระอริยะเบื้องบนก็มาช่วยผู้ทํามรรคผล
     หมู่อบายภูมิสัตว์นรกก็มาตรวจ และก็ดีใจที่นรกก็ยังไม่ว่าง ยังมีคนทําชั่วอยู่
       สําหรับผู้ปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องน่าดีใจ ที่มีพระอริยะที่เป็นเสียงจริงพรําสอน และยังมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่รอช่วยเหลือในอากาศธาตุ ที่เรายังไม่เห็นอีก บารมีพระพุทธเจ้า ถึงพุทธกาล ก็ห้าพันปี