ถาม คนทำไมบางคนโชคดี รวย แต่ทำไมบางคนโชคร้าย ยากจน ลำบาก บางคนไม่ได้ทำความดีอะไร โกงกินชาติบ้านเมือง แต่อยู่สบายร่ำรวย มีอำนาจวาสนา เป็นเพราะอะไรค่ะ
ตอบ ความรวย ความจน ไม่ได้เป็นความบังเอิญที่ใครจะมีได้ คนถูกหวย ถูกเบอร์ก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นที่ความบังเอิญ
รวย จน อยู่สบาย เป็นเพราะกรรมที่ได้สร้างไว้ ส่งผล
ส่วนคนที่ทำไม่ดี แล้วรวย เพราะกรรมที่ไม่ดียังไม่ส่งผล ดังนั้น กรรมส่งผลเร็วช้า ใครเป็นผู้จัดการอันนี้พูดได้อย่างลำบาก เพราะไม่มีใครทราบได้ แต่ พระพุทธเจ้า กรรมที่ส่งผลไว คือกรรมที่มีเจตนาเป็นตัวร่วม จึงส่งผลไว
เช่นคนทำบุญทำไมผลบุญยังไม่ส่งผล เพราะเจตนาที่ทำบุญต้องการสั่งสมไว้ในภพชาติต่อไปนั่นเอง ผลบุญก็จะไปส่งให้ตามเจตนา แต่บางท่านเกิดผลไว ก็เพราะว่าเจตนาต้องการได้รับผลไว
แต่ที่ผลของบุญจะไว จะช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้
1. ผลบุญที่สร้าง ต้องมีความสุจริต กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
2. ผลบุญที่สร้าง ได้กระทำต่อเนื้อนาบุญที่สมบูรณ์ หรือ หมายถึงพระอรหันต์
3. ผลบุญที่ทำ ต้องประกอบด้วย ปีติ อันน้อมไปในกุศลด้วยเจตนาที่เป็นกุศล
4. วาระ( โอกาส ) ที่เหมาะสมของเนื้อนาบุญ หรือ ของกาลแห่งการทำบุญ
เช่น พระออกจากสมาบัติ นิโรธสมาบัติ หรือ กรานกฐิน มหาสังฆทาน หรือ สังฆทาน อย่างนี้เป็นต้น
ส่วนคนชั่วที่ทำชั่วร่ำรวย นั้นผลกรรมก็รอส่งผลอยู่ อาจจะเร็วช้า แตกต่างกันด้วยเหตุปัจจัย อย่างไรก็ต้องใช้กรรมหนีไม่พ้น อย่าได้คิดว่าทำกรรมชั่วแล้วจะไม่ได้รับผลชั่ว มีสัตว์นรกที่ตายตกไปแล้วรับกรรมในนรก โดยเฉพาะพวกคอรัปชั่นโกงกินทำให้คนลำบาก พอจ ก็ทราบมามีจำนวนมากตอนไปโลกทิพย์
คนส่วนใหญ่ มักทิ้งโอกาส แม้จะมีโอกาส
คนบางคนคิดว่าทำบุญด้วยมโนสุจริต ทำกับพระองค์ไหนก็ได้ ก็ได้บุญเหมือนกัน คนพวกนี้เรียกว่าทิ้งโอกาส เพราะคิดว่าทำกับพระรูปไหนก็ได้ก็ได้บุญเหมือนกัน จริงอยู่ที่ความคิดดูเหมือนจะเป็นธรรมแต่ความเป็นจริง เรียกว่าความคิดทิ้งโอกาส มีมากกว่า
บางคนเป็นลูกศิษย์ธัมมะวังโส ได้แต่อนุโมทนาคนอื่นทำบุญแต่ไม่เคยทำบุญกับ ธัมมะวังโส เพราะคิดว่าตัวเขาก็ทำบุญกับพระอื่น ๆ ก็ได้บุญเช่นกัน เพราะคิดว่าบุญทีทำกับพระอื่นเสมอ หรือ ดีกว่าทำกับธัมมะวังโส ดังนั้นศิษย์เหล่นั้นจึงเลือกทำบุญกับพระอื่น ๆ แต่ไม่เคยกับธัมมะวังโส แต่ถามว่าเคารพกันไหม เขาก็ตอบว่าเคารพกันอยู่ เพียงแต่ไม่ทำบุญด้วยเท่านั้น ความเป็นจริงนี่เรียกว่าทิ้งโอกาส แต่เพราะ ธัมมะวังโส พูดเอาดีเข้าตัวไม่ได้ เป็นมารยาท ดังนั้นใครจะทำกับพระรูปไหนก็ตามอัธยาศัย ไม่อยากทำหรือสนับสนุนกับครูอาจารย์ก็แล้วไป ไม่ได้ว่ากันเพราะว่ากันไม่ได้เกิดจากจิตศรัทธาเคารพและรู้จักโอกาส ดังนั้นลูกศิษย์แบบนี้ ธัมมะวังโส ก็จะไม่ค่อยพูดย้ำอะไรมากนักเพื่อให้เขาเกิดความสบายใจ ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาสนทนากัน เพราะหน้าที่ของคตรูอาจารย์ต้องไม่ทำให้เขาทุกข์
ดังนั้นไม่ใช่คนเราไม่มีโอกาสทำบุญทำความดี แต่คนส่วนใหญ่เลือกจะทิ้งโอกาสการทำบุญความดี แม้ผลบุญความดีจะเป็นผลบุญที่มีกำไรมหาศาลแต่หลายท่านมักทิ้งโอกาส เมื่อทิ้งโอกาสก็ต้องยอมรับชะตา ไม่ควรจะบ่น ว่าเกิดมาลำบากยากจน อัตคัตขัดสน ขาดคนช่วยเหลือควรจะต้องตำหนิตนเองงว่าทิ้งโอกาสมาเพื่อลำบากยากจนเอง
ลูกศิษย์ ธัมมะวังโส ทำบุญ 100 บาทก็บ่นว่าลำบาก บ่นโน่น บ่นนี่ ยากจนเพราะเงิน 100 เดียว น่าสงสารส่วนตัวคิดอย่างนั้น แต่จะให้พูดตำหนินั้นก็ไม่ควรเพราะว่าบุญต้องเกิดจากใจ ถ้าไม่ศรัทธาหรือเห็นประโยชน์ มันก็ไม่ทำก็เป็นอย่างนั้นใช่ไหม
แต่ลูกศิษย์ประเภทสามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้เป็นแสน ๆ แต่ไม่เคยทำบุญกันเลยมีจำนวนมาก เกินหลักร้อย
( ถ้าพูดก็เหมือนตำหนิ )
เจริญธรรม / เจริญพร