ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปาราชิกแล้ว...โทษถึงสิ้นชีวิต!  (อ่าน 989 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ปาราชิกแล้ว...โทษถึงสิ้นชีวิต!
« เมื่อ: มีนาคม 09, 2015, 08:29:46 pm »
0


ปาราชิกแล้ว...โทษถึงสิ้นชีวิต!
โดย...กรกิจ ดิษฐาน

เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่สู้ดีหลายๆ ครั้งในพุทธจักร ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึง “กฎพระสงฆ์” ซึ่งตราขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก กฎเหล่านี้มีทั้งหมด 10 ฉบับ มีลักษณะคล้ายกับพระราชกำหนด เพราะประกาศขึ้นเมื่อเกิดคดีร้ายแรงในพระศาสนา หรือทรงปรารภว่าบรรยากาศในพระศาสนจักรมัวหมองลง สมควรจะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน

บทลงโทษในกฎพระสงฆ์นั้นรุนแรงมาก หากปาราชิกไม่เพียงถูกสึกแต่เสี่ยงที่จะตายยกครัว ตัวอย่าง เช่น “กฎพระสงฆ์ฉบับที่ 5” ความว่า

    “...แต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ถ้าภิกษุองค์ใดต้องจตุปาราชิกทั้งสี่ แด่อันใดอันหนึ่งปาราชิกแล้ว ให้มาบอกแก่สงฆ์ จงแจ้งแด่ในอุโบสถเดียวนั้น อย่าให้ปกปิดโทษจตุปาราชิกไว้ ปฏิญาณตัวเป็นสงฆ์สมณะ เข้ากระทำสังฆกรรม อุปสมบทกรรมด้วยคณะสงฆ์ให้เป็นมลทินในสังฆกรรมทั้งปวง... ให้ศาสนาเศร้าหมอง ถ้ามีผู้โจทนาว่ากล่าวพิจารณาเป็นสัจ จะเอาตัวเป็นโทษถึงสิ้นชีวิต แล้วให้ริบราชบาท ขับเฆี่ยนตีโบยญาติโยมจงหนัก อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป...”

 ask1 ans1 ask1 ans1

สาเหตุที่ทรงกำหนดโทษรุนแรงมาก เพราะสถานการณ์พุทธศาสนาช่วงตั้งกรุงเทพฯ สั่นคลอนอย่างหนักพระสงฆ์ดูเหมือนจะไม่รู้พระธรรมวินัย ถึงขนาดเลี้ยงชีพอย่างฆราวาส หากปล่อยไปศาสนาคงสิ้นสูญเหลือแต่จำพวก “ผ้าเหลืองน้อยห้อยหู” รัชกาลที่ 1 จึงทรงรับภาระปราบทุกข์เข็ญในพระศาสนาด้วยวิธีการเด็ดขาด

ที่เรียกว่า “ทรงรับเป็นภาระ” เพราะผมเห็นว่าการลงโทษสงฆ์ หรือบริภาษสงฆ์ไม่ว่าจะผิดหรือถูกเป็นอกุศลกรรมหนักหน่วง หากแต่ทรงมุ่งโพธิญาณ ปฏิบัติกรณียกิจอย่างพระโพธิสัตว์ ยอมรับบาปกรรมจากการประหารอลัชชี ดีกว่าปล่อยให้สรรพสัตว์สิ้นที่ยึดเหนี่ยว จนจมปลักในอวิชชา


    :96: :96: :96: :96:

    รัชกาลที่ 1 ทรงปรารถนาพุทธภูมิอย่างชัดเจน ดังที่ทรงประกาศไว้ในตอนต้นของประมวลกฎพระสงฆ์
    “...ทุกวันนี้มีพระราชประนิทานปรารถนาพระโพธิญาณสัพพัญญูประกอบด้วยพระมหากรุณาญาณ หากตักเตือนพระไทยเปนทำมะดา กรุณาจะเปนประโยชนแก่สัตวโลกทั้งปวง...”

ในทางศาสนาแล้วไม่เป็นที่สงสัยว่า เหตุใดจึงทรงกล้าที่จะลงโทษพระสงฆ์และแทรกแซงศาสนจักร เพราะเห็นว่าให้สึกจากปาราชิกคงไม่พอ ต้องลงโทษทางโลกมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง หาไม่แล้วพวกอลัชชีจะเหิมเกริม แม้จะต้องทรงตกนรกหมกไหม้เพราะทำเช่นนี้ก็ทรงยอม ด้วยทรงถือโพธิสัตว์จรรยา


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/351799/ปาราชิกแล้ว-โทษถึงสิ้นชีวิต-
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ