ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สกัดพวกนอกรีต.! ร่างเกณฑ์ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมใหม่..ต้องมีวิปัสสนาจารย์ประจำ  (อ่าน 2792 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


สกัดพวกนอกรีต.!
ร่างเกณฑ์ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมใหม่..ต้องมีวิปัสสนาจารย์ประจำ

ร่างเกณฑ์ใหม่ตั้งสำนักปฏิบัติธรรมสกัดพวกนอกรีต คุมเข้มสถานที่ต้องเหมาะสม มีพระวิปัสสนาจารย์สอนประจำอย่างน้อย 1 รูป

วันนี้ (8 พ.ย.) พระราชวรมุนี (พล อาภากโร) คณบดีคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) เปิดเผยว่า ตามที่มหาเถรสมาคม(มส.)ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาหลักเกณฑ์การจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดขึ้น เพื่อดำเนินการร่างเกณฑ์ในการจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดฉบับใหม่ โดยมอบหมายให้ตนเป็นประธานในการดำเนินการยกร่าง

    เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า มีสำนักปฏิบัติธรรมบางแห่ง
    เมื่อได้รับอนุญาตจัดตั้งแล้ว ไม่มีการสอนปฏิบัติธรรม
    มีเพียงแต่การขึ้นป้ายว่าเป็นสำนักปฏิบัติธรรมเท่านั้น
    เกณฑ์การจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมฉบับเดิม ไม่มีข้อที่ระบุให้ยุบสำนักปฏิบัตธรรมที่มีการสอนได้


พระราชวรมุนี กล่าวต่อว่า ร่างเกณฑ์จัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมฉบับใหม่ขณะนี้ ยกร่างเสร็จแล้ว เกณฑ์ใหม่มีสาระสำคัญ ดังนี้

     - มส.จะตั้งคณะกรรมการดูแลกำกับการดำเนินงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดขึ้นมา 1 ชุด เพื่อคอยเป็นที่ปรึกษาให้คณะกรรมการสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัด

     - ทั้งยังมีอำนาจในการเสนอปัญหา นโยบายต่างๆไปยัง มส. เพื่อให้ยุบสำนักปฏิบัติธรรมที่ไม่ดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ รวมไปถึงสำนักปฏิบัติธรรมที่มีการสอนบิดเบือนไม่เป็นไปตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาด้วย

     - นอกจากนี้การจัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมจะกำหนดชัดเจนว่า จะต้องเป็นวัดที่ถูกต้องตามกฎหมายตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มีสถานที่ที่เหมาะสม

     - มีจำนวนพระวิปัสสนาจารย์สอนประจำที่เหมาะสมและเพียงพอ ต้องมีอย่างน้อย 1 รูป โดยพระวิปัสสนาจารย์จะต้องมีความสามารถในการสอนปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐาน หรือต้องผ่านการอบรมหลักสูตรพระวิปัสสนาจารย์ของคณะสงฆ์ หรือหลักสูตรกัมมัฏฐานของมหาวิทยาลัยสงฆ์

    - ขณะเดียวกันสำนักปฏิบัติธรรมต้องมีหลักสูตรการปฏิบัติธรรมที่เหมาะสม มีการดำเนินการปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี

    ทั้งนี้จะมีการเสนอร่างดังกล่าวเพื่อขอความเห็นชอบจากมส.ในเร็วๆนี้



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/education/165606
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จะเหมือนวัด มหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ ในสมัยก่อนหรือเปล่า

ใช้อำนาจเรียกวิปัสสนาจารย์แนวต่างๆทั่วประเทศ มาอบรม

ตามแนววัดมหาธาตุฯทั้งหมด แล้วจึงจะถือว่าใช้ได้

จนป่านนี้ยังมีการเถียงกันไม่จบเลย


จากคุณ    : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่

ผมว่าส่วนนี้ คุณ สู่ฝัน แสดงข้อความสำคัญนะครับ
 ผมว่าช่วงนี้ได้ยินพระสงฆ์ ตามวัดต่าง ๆ กำลังกล่าวถึง มติคณะหนกลางให้ ทุกวัดสอนกรรมฐาน เหมือนกันทั้งหมดทั่วประเทศ โดยแนวที่สอนคือ แนวสติปัฏฐาน 4 ( ผมว่าเป็น แนวยุบหนอ พองหนอ ตามแบบวัดมหาธาตุ ซึ่งมีการสอนในสายพม่ามากกว่า ) ดังนั้นตามหัววัดต่าง ๆ จึงต้องเข้าไปอบรมการสอน วิปัสสนา ส่วนนี้กันซึ่ง มองตามรูปการณ์ ก็น่าจะดีเพราะ สติปัฏฐาน ก็ดี และมีหมวดธรรม อยู่หลายภาค แต่สำนักอื่น ๆ ที่ไม่ได้สอน สติปัฏฐาน โดยตรง เช่นการสอน พทธานุสสติ มโนมยิทธิ ธรรมเปิดโลก ธรรมกาย อานาปานสติ ต่าง ๆ เหล่านี้จะให้ควบคุมอย่างไร คำตอบที่ได้ฟังจากเจ้าออาวาส หลาย ๆ วัด ก็คือ ให้เลิกสอนแบบนั้น หรือ ไม่ต้องสอน ไม่ต้องนิมนต์มาสอน ไม่ต้องให้สอน

   ผมก็เลยเกิดความสงสัยขึ้นว่า ทางคณะสงฆ์ใหญ่ ได้ถามความเห็นของ มหาชน ที่อยากเรียนปฏิบัติกันบ้างหรือไม่ ดังนั้นเราชาวบ้าน ไม่อยากยุ่งกับเรื่องพระ ไม่ชอบวัดนี้ เราก็ไปวัดโน้น ใช่หรือไม่ครับ สุดท้าย ผมว่า ระเบียบไม่ได้แก้ปัญหา อะไรเลย

   ที่สำคัญที่สุด พระวิปัสนนาจารย์ ที่เก่ง ๆ ในประเทศมีถึง 1000 รูป หรือไม่ ผมว่าถ้ามีมากขนาดนั้น เราคงไม่ต้องเข้าป่า ไปหาหลวงปู่ หลวงพ่อ กันไกล ๆ ใช่หรือไม่ครับ

  ขออนูญาตนะครับ ถ้าอาจจะเห็นต่าง จากความคิดส่วนนี้ไปบ้าง

    :49: :c017: :25:
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โดยความเห็นทุกอย่าง  ในทางโลก ก็เป็นเรื่องไม่มีผิด ไม่มีถูก ไม่มีอะไรทั้งนั้น เพราะมันเป็นของมันอย่างนั้น
    แต่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้แล้ว
 
     หลังกึ่งพุทธกาล อภิญญาหก จะเกิดมาก จะมีมาก

     มรรคผลยังมีอยู่ จวบพอศอห้าพัน

      บารมีพระพุทธองค์ยังคงสมบูรณ์

     พระพุทธเจ้าอยู่กับเรา
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การจัดระเบียบ ก็เพื่อเป็นการวางรากฐาน ให้มีการตรวจสอบได้ ถ้าเราไปขัด ก็จะลำบากกันอีก ดีเหมือนกันไม่สอนสะเปะสะปะ ก็ดีนะครับ ผมเชือว่า ครูอาจารย์แท้ ๆ ยังอยู่ได้ในสถานการณ์นี้ครับ แ่ต่ครูอาจารย์ที่ไม่แท้ ก็จะต้องปิดไปตามระเบียบของ ระเบียบการจัดการครับ

   ตอนนี้ ที่น่ากลัว คือจำนวนของพระภิกษุ ก็น้อยลงทุกวัน พูดง่าย ๆ คนไทยไม่นิยมบวช แล้ว พวกที่มาบวชก็คือพวกที่ไม่รู้จะไปไหนแล้ว มาบวชกันแต่จำนวนก็ต้องลดลงเพราะ เศรษฐกิจเมืองไทยผันแปรด้วยครับ ที่วัดใกล้บ้านผมนั้น มีพระเหลืออยู่ 2 รูป ผมได้ไปถามพระว่าทำไมพระมีน้อย คำตอบก็คือ อาหารการช้ ความเป็นอยู่ อัตคัต วัดบ้านนอกไม่มีรายได้ ลำัพังแค่จ่ายค่น้ำ ค่าไฟฟ้า บางเดือนต้อง ยืมกำนัน ผู้ใหญ่ มาจ่ายก่อนเลย คือชาวบ้านที่อยู่รอบวัดมีฐานะยากจนเป็นส่วนใหญ่ เป็นชาวนา ชาวไร่ รายได้รับจ้างเป็นคราว ๆ รายวัน ถ้าเป็นสถานการณ์อย่างนี้พระที่ไม่ตั้งใจบวชก็อยู่ไม่ทนกันหรอกครับ งานนี้

   สาธุ จัดระเบียบก็ดีครับ

   :s_hi: :25:
บันทึกการเข้า