หัวข้อ: ถาม ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องชาติหน้า ชาติหลัง แต่เชื่อเพียงชาตินี้ เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 23, 2020, 09:00:37 am ถาม ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องชาติหน้า ชาติหลัง แต่เชื่อเพียงชาตินี้ และพยายามทำความสุข ให้มีมากขึ้นในชาตินี้ โดยสิ่งที่ทำลงไปทุกอย่างก็เพื่อความสุขในชาตินี้ ถ้าผมจะทำทานก็ต้องมีสุขในชาตินี้ คือ ผมมีความสุข ไม่ใช่ไปรอชาติหน้า เหมือนการภาวนา ผมก็ต้องการความสุขในชาตินี้ ไม่ใช่ทำไปเพื่อสะสมให้มีผลในชาติหน้า ดังนั้นทุกอย่างที่ผมทำนี้ ก็เพื่อสุขในชาตินี้ทั้งหมด เพราะผมไม่เชื่อเรื่องชาติที่แล้ว และ ชาติหน้าผมเชื่อว่าตายแล้วก็จบกันครับ ไม่ทราบความคิดอย่างนี้เป็นความคิดถูกต้องตามหลักการ พุทธศาสนา หรือไม่ครับ ?
ตอบ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล จะเชือชาตินี้ หรือ ไม่เชื่อชาติก่อน หรือ ชาติหน้า ทั้งหมดเป็นความเชื่อที่เป็นส่วนบุคคล เชื่อ หรือ ไม่เชื่อก็ไม่ได้มีผลกระทบกับหลักการของพุทธศาสนา สิ่งที่่สาวกในพุทธศาสนา ควรจะต้องเชื่อ ถ้าเป็นนะ 1. เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 2. เชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้เป็นมรรค 3. เชื่อในคุณธรรมของพระสาวก ความเชื่อ 3 ประการนี้เป็น คุณสมบัติ ของโสดาบัน ส่วนหนึ่ง จะพูดส่วนที่ควรจะต้องเชื่อก่อน 1. เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า นั้นมี 3 ช่วง ทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า 3 ยาม ในคืนตรัสรู้ ในยามที่ 1 พระพุทธเจ้าล่วงรู้อดีตชาตของพระองค์เอง 9 แสนอสงไขยชาต ( ในยามที่ 1 พระพุทธเจ้ายืนยันเลยว่า ชาติที่แล้ว มีจริง ของพระองค์ มีจริง ถึง 9 แสนอสงไขยชาติ นี่พระพุทธเจ้ายืนยัน ใน ปฐมยาม ในคืนตรัสรู้ ในยามที่ 2 พระพุทธเจ้าระลึกถึงชาตของผู้อื่นทั่วทั้งที่อยู่ใกล้กับพระองค์แต่ในนี้ท่านอธิบายว่า( รู้ของปวงสัตว์ทุกคน ) นี่เป็นยามที่ 2 ที่พระพุทธเจ้ายืนยัน ไม่ใช่แต่ว่า พระองค์ ตายเกิด ๆ เท่านั้น แต่สรรพสัตว์ทุกชีวิตในโลกในจักรวาล ล้วนแล้วก็ตายเกิด ๆ เช่นกัน ในยามที่ 3 พระพุทธเจ้าตรัสรู้ หมดกิเลส สำเร็จธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้นคนที่เป็นสาวก พระสาวก ควรที่จะต้องเชือ่ในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่เชือ มรรค ผล นิพพาน ก็จะไม่มี ดังนั้นการที่ท่านจะเชื่อ หรือ ไม่เชื่อ ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลของทาน การที่ท่านไม่เชื่อก็ไม่ได้มีผลกับ ธัมมะวังโส เจริญธรรม / เจริญพร |