ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮากว่ายิ่งลักษณ์ ! พิษณุโลกมีสัปเหร่อหญิง หนึ่งเดียวในเมืองไทย  (อ่าน 1529 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ลูกคิด

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 117
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ฮือฮากว่ายิ่งลักษณ์ !

พิษณุโลกมีสัปเหร่อหญิง หนึ่งเดียวในเมืองไทย

 

ไม่ต้องเลือกตั้ง เพราะอาชีพนี้อย่าว่าแต่ผู้หญิงไม่ค่อยประสงค์เลย แม้แต่ผู้ชายเองก็เถอะ กลัวผีกันทั้งนั้น

 

 

เปิดตัว 'สวง ขันทิพย์' ผู้หญิงเก่ง ยึดอาชีพสัปเหร่อ หนึ่งเดียวในพิษณุโลก ทำงานกับศพมานานร่วม 20 ปี

 

ประเทศไทยพ.ศ.นี้เรียกได้ว่า เป็นยุคผู้หญิงเก่ง ประเทศไทยกำลังมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ส่วนที่พิษณุโลก นางเปรมฤดี ชามพูนท นักการเมืองหญิงเก่ง ก็เพิ่งนั่งตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกสมัยที่ 5 ขณะที่วัดท่ามะปราง อ.เมืองพิษณุโลก ก็มีผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่ง ทำงานกับศพมานานาร่วม 20 ปี ในตำแหน่งสัปเหร่อประจำวัด เรียกได้ว่า เป็นสัปเหร่อหญิงหนึ่งเดียวในจังหวัดพิษณุโลก


นางสวง ขันทิพย์ หรือ ป้าเตือน อายุ 54 ปี เรือนแพเลขที่ 100/3 ถนนพุทธบูชา อ.เมือง จ.พิษณุโลก เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในจังหวัดพิษณุโลก ที่ยึดอาชีพสัปเหร่อ เป็นอาชีพหลัก ทั้งที่มีหลายอาชีพให้เลือกทำหลายอย่าง แต่ป้าเตือน กับบอกว่าชื่นชอบในอาชีพสัปเหร่อแบบนี้ ทำแล้วสบายใจดี

 

ป้าเตือน เล่าว่า ด้วยบ้านอยู่ใกล้วัดท่ามะปราง ถนนพุทธบูชา อ.เมือง จ.พิษณุโลก ทำให้คลุกคลีอยู่กับวัดตั้งแต่วัยเด็ก พอโตขึ้นก็ช่วยลุงๆ ป้าๆ ที่มาทำครัวที่วัด เวลามีงานศพ งานบวช หรืองานบุญต่างๆ ก็พอได้กับข้าว บางครั้งได้ค่าแรง 20-30 บาทด้วย

 

หลังจากนั้น ก็ยึดทำครัวช่วยพระสงฆ์มาตลอด ซึ่งวัดท่ามะปรางเดิมมีสัปเหร่อเป็นชาย แต่เป็นพวกชอบดื่มเหล้า คงดูถูกตัวเอง และมองว่า สัปเหร่อเป็นอาชีพต่ำต้อย เวลาเมาก็อาละวาดทำลายเมรุเผาศพจนเสียหาย กระทั่งสัปเหร่อชายเลิกไป ป้าเตือนจึงบอกว่า ไม่ต้องไปหาสัปเหร่อที่ไหนหรอก เธอนี่แหละจะทำหน้าที่นี้เอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นการทำอาชีพสัปเหร่อ โดยยึดเป็นอาชีพมานานกว่า 20 ปี

 

สำหรับหน้าที่สัปเหร่อ ที่ป้าเตือนทำ เรียกว่า ทำทุกอย่างเกี่ยวกับงานศพ ตั้งแต่เตรียมโลงศพ มัดตราสังค์ อาบน้ำศพ บรรจุลงโลง การเตรียมดอกไม้หน้าศพ (กรณีเจ้าภาพต้องการให้จัดเตรียมให้) การสวดพระอภิธรรมทุกคืนก่อนทำพิธีเผาศพ ในวัดประกอบพิธีเผาศพ ก็จะเตรียมนำศพออกจากโลงเย็น นำมาเวียนรอบเมรุ 3 รอบ ต้องดันรถลางโลงศพเอง จัดเตรียมวางรูป ดอกไม้หน้าเมรุ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหน้าศพ

 

สุดท้ายเปิดฝาโลงให้ญาติกราบลาศพ ผ่าน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ ก่อนยัดศพลงเตา ขั้นตอนเผาให้ลูกหลานญาติจุดธูปใส่โลงศพ พรมน้ำให้ความเย็นปิดโลง ซึ่งขั้นตอนการเผาสมัยนี้ใช้น้ำมัน สะดวกสบายกว่าในอดีตที่ต้องใช้ใส่ฟืนเผาศพ ซึ่งต้องคอยใส่ฟืนให้ลุกไหม้จนกว่าศพจะถูกเผาหมด จากนั้นทิ้งข้ามคืน รุ่งเช้าวันใหม่ เวลา 06.00 น. ก็เก็บกระดูก โดยนำกระดูกมาทำพิธีปั้นหุ่น ต่อแขนขาตัว โปรยดอกไม้ น้ำหอมน้ำปรุง นิมนต์พระมาสวดบังสุกุลอีกครั้ง จากนั้น เก็บกระดูกใส่โกฐ ให้ญาตินำไปบูชา ส่วนที่เหลือนำไปลอยอังคาร เป็นเสร็จพิธี 1 ศพ

 

สำหรับค่าแรงสัปเหร่อ ต่อการทำพิธีศพนั้น ขึ้นอยู่กับญาติผู้เสียชีวิต บางงานก็ได้ 500 บาท บางงานก็ได้ 2,000-3,000 บาท บางงานเป็นคนจน คนไร้ญาติ ก็ทำไป ถือว่าได้บุญ

 

"ทำงานแบบนี้ชอบ เราไม่คิดอะไร เราทำให้คนตายครั้งสุดท้ายได้บุญกุศลดี สัปเหร่อเป็นอาชีพไม่มั่นคง บางเดือนไม่มีศพเลย ก็ไม่ได้เงิน บางเดือนก็มีศพเป็นกว่า 10 -20 ศพ"

 

ป้าเตือนเล่าว่า เป็นผู้หญิงบางคนมองว่าขวัญอ่อนต้องกลัวผี แต่เรากับคิดตรงข้าม มองว่าผีไม่น่ากลัว กลัวคนมากกว่า ทีมงานของเธอก็เป็นผู้หญิงทั้งหมด มีผู้ช่วยทำความสะอาดสองคนคือป้าแจ๊ว กับป้าเอียด

 

"ผู้ชายเรื่องมาก ขี้เมา ผู้หญิงดีกว่า บางวันต้องนอนเฝ้าศพ ทำงานอยู่ในวัดกลางดึกก็ไม่กลัว ไม่เคยเจอผี เราทำดีกับเขาเขาก็ไม่ทำอะไรเรา ก็จะยึดอาชีพนี้ตลอดไปจนตัวตาย" ป้าเตือน กล่าวในท้ายที่สุด

 

 

ข่าว : คมชัดลึก
13 กรกฎาคม 2554
บันทึกการเข้า