สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 10, 2012, 10:08:42 am



หัวข้อ: นำธรรม..."เข้าโรงงาน-ชุมชน" ของซีพีเอฟ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ พฤศจิกายน 10, 2012, 10:08:42 am

(http://www.komchadluek.net/media/img/size_photo_slide/2012/11/08/e9hefcb99b5b6j6gi65h9.jpg)

นำธรรม...เข้าโรงงาน-ชุมชน ของซีพีเอฟ
นำธรรมเข้าโรงงานและชุมชนโครงการส่งเสริมจริยธรรมองค์การของ'ซีพีเอฟ'
เยือนถิ่นเรือนธรรมโดยพาบุญมา

    โครงการ “ส่งเสริมจริยธรรมองค์การ” เป็นโครงการของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญา 3 ประโยชน์ที่ว่า กิจการของบริษัทต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ต่อประชาชน และต่อบริษัท โดยมุ่งเน้นการปลูกฝังพนักงานและชาวชุมชนรอบข้างโรงงานให้เป็นคนดีมีจริยธรรม ด้วยการนิมนต์พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงมาบรรยายธรรมะ

     ทั้งนี้ จะให้โรงงานแต่ละแห่งกำหนดวันที่จะฟังธรรม พร้อมกำหนดว่าอยากจะได้พระนักเทศน์ชื่อดังรูปใดไปเทศน์ โดยประสานงานมายังสำนักงานกลาง โดยให้การฟังธรรมเป็นเวลาทำงาน และบริษัทเป็นผู้รับผิดชอบค่าจ่ายทั้งหมด
 
     อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาซีพีเอฟได้เดินสายธรรมะบรรยายไปยังโรงงานต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ลำพูน โรงงานผลิตอาหารสัตว์พิษณุโลก โรงงานผลิตอาหารสัตว์บางนา กม.๒๑ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บีพี โรงงานสัตว์น้ำหนองแค จ.สระบุรี โรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำบ้านบึง จ.ชลบุรี โรงงานผลิตอาหารสัตว์น้ำบ้านพรุ โรงงานอาหารสัตว์น้ำและโรงงานแปรรูปอาหารสัตว์น้ำมหาชัย โรงงานอาหารแปรรูปมีนบุรี โรงงานแปรรูปเนื้อไก่สระบุรี และโรงงานแปรรูปเนื้อไก่นครราชสีมา เป็นต้น โดยมีเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมให้ครบทุกโรงานปีละ ๓-๔ ครั้ง  
 
     กิจกรรมนี้เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้รับฟังธรรมะที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องใกล้ตัว ในรูปแบบของการบรรยายธรรมะ การสนทนาธรรม และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งในแต่ละครั้งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากไม่เพียงแต่ผู้บริหารและพนักงานของซีพีเอฟเท่านั้น บริษัทยังได้เชิญชวนชาวชุมชนบริเวณรอบโรงงานมาร่วมกิจกรรมด้วยทุกครั้ง ทั้งส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล คณะครูอาจารย์ นักเรียน โดยหน่วยงานต่างๆ สนใจนำคณะเข้าฟังธรรมะ


 

(http://www.utcc.ac.th/public_content/files/001/0001751_1.jpg)


      “คุ้มเกินคุ้ม คุ้มทั้งเงินคุ้มทั้งเวลา” นี่เป็นคำยืนยันของนายชินทัต เวียร์สุวรรณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักส่งเสริมจริยธรรมองค์การ พร้อมกับให้เหตุผลด้วยว่า หากเปรียบเทียบระหว่างเชิญวิทยากรมาบรรยาย กับเชิญพระมาเทศน์ ถ้าเป็นวิทยากรเราจะได้ความรู้ด้านเดียว  ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งเวลาตั้งเป็นไปตามที่กำหนดเท่านั้น
      แต่การนิมนต์พระ นอกจากได้ธรรมะแล้ว ท่านยังสอดแทรกการบริหางานเข้าไปด้วย ส่วนเวลาและค่าใช้จ่ายนั้นท่านไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์อะไร ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามศรัทธา เพราะท่านคิดเสมอว่าเป็นหน้าที่”
 
     ทั้งนี้ นายชินทัต ได้ฝากธรรมะไว้อย่างน่าคิดว่า
     เราคงเคยได้เห็นได้รู้การทุจริตมาหลายรูปแบบ ที่มองเห็นชัดๆเลย เช่น     
     โกงด้วยวิธีต่างๆนาๆ การโกงการหลอกลวง การประพฤติสำส่อนนอกใจสามีหรือภรรยา การฆ่าทำลายชีวิตทั้งหลาย เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะเห็นผลสาธารณชนก็จะรับรู้ได้ง่าย การลักขโมยปล้นทรัพย์แม้ทางอินเทอร์เน็ตก็เกิดขึ้นแล้ว คนก็จะรับรู้และระมัดระวังกายทุจริตแบบนี้

     ทุจริตทางวาจาอันนี้ยิ่งเห็นผลทันที เช่น ด่าว่าเขา พูดกระแนะกระแหน พูดหยาบคาย พวกเราก็คงมีกันบ้างและได้รับผลจากวจีทุจริตนั้น
 
     แต่ก็ยังมีสิ่งที่มองไม่เห็นและน่ากลัวกว่า นั่นก็คือ ทุจริตทางใจหรือมโนทุจริต ไม่มีใครมองเห็นหรือรู้ได้เพราะเกิดอยู่ในใจคน
     อันนี้น่ากลัวเพราะวันนี้ยังไม่ทำชั่วเนื่องจากโอกาสไม่อำนวยแต่ในใจคิดชั่วอยากได้ของเขา
     อยากได้อำนาจของเขา อยากเอาชนะเขา พยาบาทปองร้าย เขายังไม่สบโอกาสก็ดูเรียบๆ เฉยๆ เห็นว่าการทำสิ่งที่ผิดศีลธรรมเป็นเรื่องธรรมดา
    อันนี้น่ากลัวมากเพราะไม่รู้ว่าคนใกล้ตัวหรือคนที่เรารู้จักมีมโนทุจริตหรือไม่เห็นว่าการเนรคุณเป็นเรื่องธรรมดา แม้มีมิตรแท้และศัตรูถาวร (เพราะไม่เคยจริงใจกับใคร)
    เมื่อรู้จักสิ่งที่น่ากลัวทั้ง ๓ นี้แล้วก็พึงระมัดระวังควบคุมตัวเองไม่ให้ทำทุจริตทั้ง ๓ ประการนี้


ขอบคุณภาพข่าวจาก
www.komchadluek.net/detail/20121109/144283/นำธรรมเข้าโรงงานชุมชนของซีพีเอฟ.html#.UJ3Cnmfvolh (http://www.komchadluek.net/detail/20121109/144283/นำธรรมเข้าโรงงานชุมชนของซีพีเอฟ.html#.UJ3Cnmfvolh)
http://www.utcc.ac.th/ (http://www.utcc.ac.th/)