ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน  (อ่าน 8128 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1
ตามคำถามเลยคะ
ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน

 thk56
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 08:05:03 pm »
0

ความเข้าใจผิดเรื่อง อภัยทาน มีผลเหนือ ธรรมทาน

เรื่องนี้มีที่มาจาก หนังสือ วิธีสร้างบุญบารมี ซึ่งมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าสมเด็จพระสังฆราช(องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินธุ์)เป็นผู้แต่ง โดยมีเนื้อหาดังนี้

(พึงทราบว่า เนื้อหาในหนังสือข้างต้น ที่นำมาแสดงนี้ มีบางส่วนที่ไม่ตรงกับพระพุทธพจน์)
     สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้ คือ

๑. ทำทานแก่สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ แม้จะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมเลยก็ตาม ทั้งนี้เพราะสัตว์ย่อมมีบุญวาสนาบารมีน้อยกว่ามนุษย์ และสัตว์ไม่ใช่เนื้อนาบุญที่ดี
๒. ให้ทานแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีล ไม่มีธรรมวินัย แม้จะให้มากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๓. ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๕ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้มีศีล ๘ แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๔. ให้ทานแก่ผู้ที่มีศีล ๘ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานแก่ผู้ที่มีศีล ๑๐ คือสามเณรในพระพุทธศาสนา แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม




๕. ถวายทานแก่สามเณรซึ่งมีศีล ๑๐ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมุติสงฆ์ ซึ่งมีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อ

    พระด้วยกันก็มีคุณธรรมแตกต่างกัน จึงเป็นเนื้อนาบุญที่ต่างกัน บุคคลที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนามีศีลปาฏิโมกข์สังวร ๒๒๗ ข้อนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังไม่ตรัสเรียกว่าเป็น “พระ” แต่เป็นเพียงพระสมมุติเท่านั้น เรียกกันว่า “สมมุติสงฆ์”

    พระที่แท้จริงนั้น หมายถึงบุคคลที่บรรลุคุณธรรมตั้งแต่พระโสดาปัตติผลเป็นพระโสดาบันเป็นต้นไป ไม่ว่าท่านผู้นั้นจะได้บวชหรือเป็นฆราวาสก็ตาม นับว่าเป็น “พระ” ทั้งสิ้น และพระด้วยกันก็มีคุณธรรมต่างกันหลายระดับชั้น จากน้อยไปหามากดังนี้คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และย่อมเป็นเนื้อนาบุญที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

๖. ถวายทานแก่พระสมมุติสงฆ์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะได้ถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม (ความจริงยังมีการแยกเป็นพระโสดาปัตติมรรคและพระโสดาปัตติผล ฯลฯ เป็นลำดับไปจนถึงพระอรหัตผล แต่ในที่นี้จะกล่าวแต่เพียงย่นย่อพอให้ได้ความเท่านั้น)
๗. ถวายทานแก่พระโสดาบัน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๘. ถวายทานแก่พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามีแม้จะถวายทานดังกล่าว แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๙. ถวายทานแก่พระอนาคามี แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๑๐. ถวายทานแก่พระอรหันต์ แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๑๑. ถวายทานแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะถวายทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม
๑๒. ถวายทานแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นป ระธาน แม้จะได้ถวายสังฆทานดังกล่าวแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม



๑๓. การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน แม้จะได้กระทำแต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม วิหารทาน ได้แก่การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัยคนเดินทาน อันเป็นสาธารณประโยชน์ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน อนึ่ง การสร้างสิ่งที่เป็นสาธารณประโยชน์หรือสิ่งที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน แม้จะไม่เกี่ยวเนื่องกับกิจในพระพุทธศาสนา เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ ศาลาป้ายรถยนต์โดยสารประจำทาง สุสาน เมรุเผาศพ ก็ได้บุญมากในทำนองเดียวกัน

๑๔. การถวายวิหารทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง (๑๐๐หลัง) ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ธรรมทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้ธรรมทานก็คือการเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่นที่ยังไม่รู้ให้ได้รู้ ที่รู้อยู่แล้วให้รู้ยิ่งๆขึ้น ให้ได้เข้าใจในมรรค ผล นิพพาน ให้ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฐิได้กลับใจเป็นสัมมาทิฐิ ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม รวมตลอดถึงการพิมพ์การแจกหนังสือธรรมะ

๑๕. การให้ธรรมทาน แม้จะมากถึง ๑๐๐ ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ “อภัยทาน” แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทาน ก็คือการไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรู ซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อละ “โทสกิเลส” และเป็นการเจริญ “เมตตาพรหมวิหารธรรม” อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร ๔ ให้เกิดขึ้น
     อันพรหมวิหาร ๔ นั้น เป็นคุณธรรมที่เป็นองค์ธรรมของโยคีบุคคลที่บำเพ็ญฌานและวิปัสสนา
     ผู้ที่ทรงพรหมวิหาร ๔ ได้ย่อมเป็นผู้ทรงฌาน ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้วเมื่อใด
     ก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง “พยาบาท” ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้
     การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจัดเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง


     อย่างไรก็ดี การให้อภัยทาน แม้จะมากเพียงใด แม้จะชนะการให้ทานอื่นๆทั้งมวล ผลบุญนั้นก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า “ฝ่ายศีล” เพราะเป็นการบำเพ็ญบารมีคนละขั้นต่างกัน


อ้างอิง
Posted on พฤษภาคม 31, 2012 by DrRonEnv
drronenv.wordpress.com/2012/05/31/ความเข้าใจผิดเรื่อง-อภั/
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/,http://topicstock.pantip.com/,http://addboon.tarad.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 08:07:40 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 08:29:46 pm »
0

ความเข้าใจผิดเรื่อง อภัยทาน มีผลเหนือ ธรรมทาน(ต่อ)

เรื่องนี้ขออธิบายว่า เนื้อหาที่ทำตัวเข้มเป็นเนื้อหาที่ผิด เพราะในศาสนาพุทธนั้น คำพูดของพระพุทธเจ้า (พระพุทธพจน์) ถือเป็นหลักสำคัญ ที่อยู่เหนือ คำพูดของพระสาวก (สาวกพจน์) แม้แต่หลักในการตัดสินก็ยังยึด พระพุทธพจน์ในพระไตรปิฎกเป็นหลักใหญ่ (เทียบได้กับรัฐธรรมนูญในแง่กฏหมาย)

ส่วนคัมภีร์อื่นๆ ให้ยืดถือเป็นลำดับรองลงมา ตามลำดับ ได้แก่ อรรถกา ฏีกา อนุฏีกา และ คำสอนของอาจารย์ต่างๆ ซึ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสาวกพจน์ (เทียบได้กับกฏหมายย่อย) ถ้ามีส่วนใดของ คัมภีร์อื่นๆ ที่ค้านกับ พระพุทธพจน์ ให้ถือ พระพุทธพจน์เป็นหลัก คำพูดที่แย้งกับพระพุทธ พจน์ให้ตัดสินว่าคำพูดนั้นไม่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย 
    แม้ว่าคำพูดนั้นจะเป็นจะเป็นของพระที่มีชื่อเสียงแค่ไหน หรือของพระสังฆราชก็ตาม
    ย่อมจัดอยู่ใน สาวกพจน์ มิใช่พระพุทธพจน์ จะเอามาหักล้างกับพระพุทธพจน์มิได้
    (แต่ความจริงแล้วพระสังฆราชไม่ได้เป็นผู้แต่งหนังสือเล่มที่ผิดเล่มนี้)

    ทั้งนี้ ต้องยึดพระพุทธพจน์เป็นหลักเป็นแม่บทเป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบ
    ซึ่งหลักเกณฑ์ตรวจสอบนี้เรียกเรียกว่า “มหาปเทส ๔” (หรือเรียกว่า มหาประเทศก็ได้) 
    ซึ่งปรากฏใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค ดังนี้


    พระผู้มีพระภาคประทับ ณ อานันทเจดีย์ ในโภคนครนั้น ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
    “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงมหาประเทศ ๔ เหล่านี้ พวกเธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงกล่าวอย่างนี้ว่า

๑. อาวุโสข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา หรือ
๒. สงฆ์พร้อมทั้งพระเถระ พร้อมทั้งปาโมกข์ อยู่ในอาวาสโน้น ข้าพเจ้าได้ฟังมาได้รับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา หรือ
๓. ภิกษุผู้เป็นเถระมากรูปอยู่ในอาวาสโน้น เป็นพหูสูต มีอาคมอันมาถึงแล้ว เป็นผู้ทรงธรรมทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา หรือ
๔.  ภิกษุผู้เป็นเถระอยู่ในอาวาสโน้น เป็นพหูสูต มีอาคมอันมาถึงแล้ว เป็นผู้ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระนั้นว่า นี้เป็นธรรมนี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา
พวกเธอไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น
    ครั้นแล้วพึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย
    ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัยลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่านี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ ภิกษุนี้/ภิกษุสงฆ์นี้/พระเถระเหล่านั้น/พระเถระนั้น (ในที่นี้หมายถึงผู้แต่งหนังสือ) จำมาผิดแล้ว
     ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสียถ้าเมื่อสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงใน พระสูตรได้ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้เป็นคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และ ภิกษุนี้/ภิกษุสงฆ์นี้/พระเถระเหล่านั้น/พระเถระนั้น จำมาถูกต้องแล้ว
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงทรงจำมหาประเทศเหล่านี้ไว้ ฯ”



  ซึ่งจุดที่ผิดในหนังสือ คือ

1. การอธิบายเรื่อง อภัยทานมีผลเหนือธรรมทาน
     ซึ่งหลักฐานในพระไตรปิฎก พบว่าพระพุทธเจ้ากล่าวไว้ชัดเจน ในคาถาธรรมบท ตัณหาวรรคที่ ๒๔ ว่า
     "สัพพะ ทานัง ธัมมะ ทานัง ชินาติ"
     (การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทานทั้งปวง)


ผลของทานที่ไล่ตามลำดับ 15 ข้อตามหนังสือวิธีสร้างบุญบารมีนี้ แท้จริงแล้วพระพุทธเจ้า มิได้ตรัสถึงผลทาน เหมือนกับ ในหนังสือ วิธีสร้างบุญบารมี ของสมเด็จพระสังฆราช แต่พระพุทธเจ้าตรัสถึงผลทาน 14 ข้อนี้ในทักขิณาวิภังคสูตร  ดังนี้
   (พึงทราบว่าข้อความต่อไปนี้ เป็นข้อความที่ถูกต้องจากพระพุทธพจน์)
ดูกรอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น
1) บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า
2) ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า
3) ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า
4) ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม (พวกนักพรตฤาษีต่างๆ) พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า
5) ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้
จนประมาณไม่ได้
6) จะป่วยกล่าวไปไยสำหรับการให้ทานในพระโสดาบัน(ว่าจะหวังผลได้มากแค่ไหน)
7) ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง
8) ในพระสกทาคามี
9) ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง
10) ในพระอนาคามี
11) ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง
12) ในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์
13) ในพระปัจเจกสัมพุทธ และ
14) ในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ ฯ


และพระพุทธเจ้าก็ตรัสต่อไปอีกว่า
   “ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้น (ที่มีภิกษุทุศีลในหมู่สงฆ์) เราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทาน (ทานจำเพาะเจาะจงบุคคล) ว่ามีผลมากกว่าทักษิณา (ทานที่ไม่จำเพาะเจาะจงบุคคล) ที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย ฯ”



สำหรับเรื่องทานนั้น พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทานสูตร  ว่า
   “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทาน ๒ อย่างนี้ คือ อามิสทาน ๑ ธรรมทาน ๑
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาทาน ๒ อย่างนี้ ธรรมทานเป็นเลิศ”


ซึ่งอรรถกถาทานสูตรอธิบายเพิ่มเติมว่า
   อามิสทาน คือ การบริจาคปัจจัย ๔ ด้วยเจตนาตั้งใจให้
   ส่วนธรรมทาน คือ การที่บุคคลในพุทธศาสนานี้ แสดงหรือแนะนำตามจริง เช่นว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ตำหนิ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ  ธรรมเหล่านี้สมาทานให้บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นไปเพื่อสิ่งไร้ประโยชน์ เพื่อทุกข์ ธรรมเหล่านี้ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ดังนี้,
    กระทำกรรมและผลของกรรมให้ปรากฏ ดุจชี้ให้เห็นโลกนี้และโลกหน้า โดยประจักษ์แสดงธรรม ให้เลิกละอกุศลธรรม ให้ตั้งอยู่ในกุศลธรรมทั้งหลาย นี้ชื่อว่าธรรมทาน


     ส่วนบุคคลบางพวกชี้แจงสัจจะทั้งหลายให้แจ้งชัดว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอภิญไญยธรรม ธรรมเหล่านี้เป็นปริญไญยธรรม ธรรมเหล่านี้เป็นปหาตัพพธรรม ธรรมเหล่านี้เป็นสัจฉิกาตัพพธรรม ธรรมเหล่านี้เป็นภาเวตัพพธรรม ดังนี้ แสดงธรรมอันเป็นข้อปฏิบัติ เพื่อบรรลุอมตธรรม นี้ชื่อว่าธรรมทานขั้นสุดยอด

   นอกจากนี้ อรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก สโมธานกถา 
   ยังได้อธิบายความหมายของธรรมทานว่าคือ การแสดงธรรมไม่วิปริตแก่ผู้มีจิตไม่เศร้าหมอง โดยมีรายละเอียดคือ
   การชี้แจงประโยชน์อันสมควร นำผู้ยังไม่เข้าถึงศาสนาให้เข้าถึง ผู้เข้าถึงแล้วให้เจริญงอกงาม ด้วยทิฏฐธรรมิกประโยชน์ สัมปรายิกและปรมัตถประโยชน์. ในการแสดงธรรมนั้น พึงทราบนัยโดยสังเขปดังนี้ก่อน คือ ทานกถา ศีลกถา สัคคกถา โทษและความเศร้าหมองของกามและอานิสงส์ในการออกจากกาม.


    ส่วนโดยพิสดาร พึงทราบประดิษฐานและการทำให้ผ่องแผ้วในธรรมนั้นๆ ตามสมควร ด้วยสามารถการประกาศคุณของธรรมเหล่านั้นแก่ผู้มีจิตน้อมไปแล้วในสาวกโพธิญาณ คือ การเข้าถึงสรณะ การสำรวมศีล ความคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ความรู้จักประมาณในการบริโภค การประกอบความเพียรเนืองๆ สัทธรรม ๗ การประกอบสมถะ ด้วยการทำกรรมในอารมณ์ ๓๘ การประกอบวิปัสสนา ด้วยหัวข้อคือการยึดมั่นตามสมควรในการยึดมั่นวิปัสสนาในรูปกายเป็นต้น.
    ปฏิปทาเพื่อความหมดจดอย่างนั้น การยึดถือความถูกต้อง วิชชา ๓ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทา ๔ สาวกโพธิญาณ.

    อนึ่ง พึงทราบการประดิษฐาน การทำให้ผ่องแผ้วในญาณทั้งสอง ด้วยการประกาศความเป็นผู้มีอานุภาพมาก ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น ในฐานะแม้ ๓ อย่าง โดยหัวข้อประกาศมิสภาวะ ลักษณะและรสเป็นต้นของบารมีมีทานบารมีเป็นต้น ตามสมควรแก่สัตว์ทั้งหลายผู้น้อมไปในปัจเจกโพธิญาณ และในสัมมาสัมโพธิญาณ. 
    พระมหาบุรุษย่อมให้ธรรมทานแก่สัตว์ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้


อ้างอิง
Posted on พฤษภาคม 31, 2012 by DrRonEnv
drronenv.wordpress.com/2012/05/31/ความเข้าใจผิดเรื่อง-อภั/
ขอบคุณภาพจาก http://mudjai-card.tarad.com/,http://www.pb-book.com/,http://i.kapook.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 10:52:46 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 08:41:39 pm »
0
 st11 st12 st11 st12 thk56

  ท่าน nathaponson ที่มาตอบครับ เคยฟังในรายการ RDN เรื่องนี้ครั้งหนึ่งน่าจะเป็นเสียงพระอาจารย์ กล่าวว่า ธรรมทาน เป็น เลิศ ที่สุด เพราะพระพุทธเจ้า นั้นทรงบำเพ็ญธรรมทาน ตลอด 45 พรรษา ส่วน อภัยทาน นั้นเป็นส่วนของ ปุถุชน จนถึง  พระโสดาบัน และ พระสกทาคามี เท่านั้น แต่ตั้งแต่ พระอนาคามี ขึ้นไป นั้นไม่ต้องทำ อภัยทาน ครับ พระพุทธเจ้า ถูกพระเทวฑัตร ทำร้าย หลายครั้ง พระพุทธเจ้าไม่ต้องทำอภัยทาน เพราะ พระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ ไม่มีการผูกโกรธ อาฆาต มาดร้าย ดังนั้น อภัยทาน สิ้นสุดที่ พระสกทาคามี ยังต้องใช้อยู่ แต่พระอรหันต์ ยังต้องทำ ธรรมทาน อยู่

    thk56 st11 st12
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 08:57:34 pm »
0


ความเข้าใจผิดเรื่อง อภัยทาน มีผลเหนือ ธรรมทาน(ต่อ)

  ทั้งนี้อรรถกถาทานสูตรกล่าวว่า
   อามิสทานมีผลน้อยกว่าธรรมทานเพราะ อามิสคือปัจจัย ๔ เป็นเครื่องจับต้องด้วยกิเลสมีตัณหาเป็นต้น แต่การให้ธรรมทานนั้นทำให้บุคคลจะหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวงในวัฏฏะทั้งสิ้นได้ และถึงพระนิพพาน และธรรมทานก็ป็นเหตุแห่งทานทุกอย่าง คือเป็นรากเง่าของสมบัติทั้งปวง


    แล้วอภัยทานจัดอยู่ในหมวดใด?
    ในอรรถกถาทานสูตร กล่าวว่า
    “อภัยทานพึงทราบว่า ทรงสงเคราะห์เข้ากันด้วยธรรมทานนั่นเอง”
    นอกจากนี้ อรรถกถาเวลามสูตร ยัง สรุปว่าอภัยทานก็เป็นเหตุให้เกิดศีล ดังคำพูดที่ว่า
    “ส่วนอาจารย์อีกพวกหนึ่งกล่าวว่า ชื่อว่าศีล เพราะตนให้อภัยทานแล้วแก่สัตว์ทั้งปวง”


    และบางครั้งเวลากล่าวถึงทานนั้น หมายรวมถึง อามิสทานและอภัยทาน ดังรายละเอียดใน จวมานสูตร ซึ่ง ในสูตรนี้พระพุทธเจ้าตรัสถึงเทวดาที่กำลังจะจุติ (เคลื่อนจากสภาวะเทวดาไปสู่ภพอื่น) ว่าเพื่อนเทวดาจะอวยพรว่า ให้ไปสู่สุคติคือ โลกมนุษย์ และเมื่อเกิดแล้วขอให้ ทำบุญทำทานรักษาศีล ให้มาก และ มีศรัทธามั่นคงในพุทธศาสนา 
    และอรรถกถาจวมานสูตร กล่าวไว้ว่า คำว่าทานนั้นหมายถึงอามิสทานและอภัยทานด้วย

    ส่วนในอรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก สโมธานกถา ได้จำแนกทานบารมีที่พระโพธิสัตว์กระทำ เป็น 3 อย่างคือ อามิสทาน, อภัยทาน, และ ธรรมทาน แต่ในจุดนี้ จะไม่ตรงกับพระพุทธพจน์ที่ไว้ใน ทานสูตร ว่า ทานมี 2 อย่างคือ อามิสทาน และ ธรรมทาน
    ดังนั้น อภัยทานจึงน่าจะจัดเป็นส่วนหนึ่งของธรรมทาน ตามที่อรรถกถาทานสูตรได้กล่าวไว้
    สรุปได้ว่า อภัยทานจัดเป็นธรรมทานในระดับต่ำ ส่วนการให้ธรรมะปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์จัดเป็นธรรมทานในระดับสูงสุด


    ดังนั้น คำพูดที่ว่า อภัยทานมีผลเหนือธรรมทาน ขอพึงทราบว่าเป็นคำพูดที่ผิด เป็นสิ่งที่จำมาผิดแล้ว ดังนั้นพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย  เพราะค้านกับพระพุทธพจน์ ที่ว่า
    “สัพพะ ทานัง ธัมมะ ทานัง ชินาติ “
    (การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทานทั้งปวง)

    อย่างไรก็ตาม ผู้แต่งหนังสือเล่มที่เป็นปัญหา ดังกล่าวนั้นได้ ออก version ใหม่โดยได้ปรับแก้บางส่วนคือ แก้จาก  อภัยทานมีผลเหนือธรรมทาน เป็น  ธรรมทาน มีผลเหนือกว่า อภัยทาน แล้ว แต่ในเนื้อหาของหนังสือก็ยังมีจุดที่ผิดอยู่คือ


2. การอธิบายเรื่อง วิหารทานมีผลเหนือสังฆทาน
ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ ไม่มีความรู้ในพุทธศาสนาดีพอ จึงกล่าวเช่นนี้ เพราะความจริงแล้ว สังฆทานคือการให้โดยไม่เจาะจงผู้รับกับสงฆ์ (ซึ่งก็คือหมู่พระตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป) ดังนั้น วิหารทานก็เป็นสังฆทานได้เช่นกัน ถ้าให้กับสงฆ์โดยไม่เจาะจงผู้รับ ดังนั้นจึงไม่ถูกต้องที่นำ วิหารทาน มาเปรียบเทียบกับ สังฆทาน

3. การแอบอ้างว่า สมเด็จพระสังฆราชเป็นผู้แต่งหนังสือ เล่มที่ผิดนี้
     ไม่ว่าจะเป็น version เก่า หรือ version ใหม่ก็ตาม ก็ไม่ใช่ หนังสือที่พระสังฆราชพระนิพนธ์ทั้งสิ้น โดยดูจากหลักฐาน ตามที่ พระ ดร. อนิลมาน ธมฺมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราช ท่านได้ชี้แจงไว้ดังนี้
     วิธีสร้างบุญบารมี เป็นพระนิพนธ์ ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเรื่องหนึ่ง พระนิพนธ์เรื่อง วิธีสร้างบุญบารมี มีพุทธศาสนิกชนมากมายนำไปพิมพ์เผยแพร่แจก ในโอกาสต่าง ๆ มากมาย แต่ปรากฏว่า ฉบับที่แจก กันอยู่นั้นหาได้เป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จพระ สังฆราชไม่ แต่มีผู้ประสงค์ดีรวบรวมขึ้นมาและ ถวายพระนามของพระองค์เป็นผู้พระนิพนธ์

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่ามิได้เป็นพระนิพนธ์
1. ขึ้นต้นอ้างพจนานุกรมพุทธศาสตร์ของท่าน เจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป. ปยุตฺโต) ในการแปลคำว่า “บุญ” ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ไม่เคยอ้างคัมภีร์รุ่นหลัง ส่วนใหญ่พระองค์อ้างชั้นบาลี และอรรถกถาทั้งนั้น
2. ในเนื้อเรื่อง พูดถึงอานิสงส์ของทาน ในเชิง หนังสืออานิสงส์ร้อยแปด ดังเช่นข้อความต่อไปนี้

 
    ซึ่งเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ทรงไม่เคย แสดงพระธรรมเทศนาในรูปแบบนี้ ถ้าได้ อ่านพระนิพนธ์ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช เล่มอื่น ๆ ที่มีมากมาย จะเห็นได้ชัดว่าทั้งสำนวน และเนื้อหา หาได้เป็นพระนิพนธ์ในพระองค์ไม่เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงได้นำพระนิพนธ์ เรื่อง วิธีสร้างบุญบารมี ที่ถูกต้องในสมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัด บวรนิเวศวิหาร มาเผยแพร่แก่สาธารณชน เพื่อจัก ได้ไม่นำคำสอนที่ผิด ๆ ไปใช้หรืออ้างอิงในพระ นามของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช

     นั่นคือ สรุปได้ว่า ใครก็ไม่รู้แต่งหนังสือวิธีสร้างบุญบารมีเล่มที่นิยมเผยแพร่กันนี้ขึ้นมา แล้วก็ กล่าวอ้างว่าพระสังฆราชเป็นผู้แต่ง โดยที่พระองค์ไม่รู้เรื่องเลย

     ดังนั้นเนื้อหาในหนังสือจึงกลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปที่ค้านกับคำสอนของพระพุทธเจ้า และอรรถกถาจารย์ขึ้นมาได้ เพราะผู้แต่งไม่มีความรู้ในธรรมะดีพอ จึงทำให้ข้อความในหนังสือ วิธีสร้างบุญบารมีเล่มที่นิยมเผยแพร่กัน “ไม่งดงามในเบื้องต้น ในท่ามกลาง และ ในที่สุด” (คือมีข้อมูลที่ขัดแย้งกัน หรือไม่ถูกตามจริง)
     ซึ่งต่างจากธรรมะของพระพุทธเจ้าที่ท่านแสดงไว้ดีแล้ว ดังปรากฏใน ทานสูตร  เรื่องธรรมทานเป็นเลิศกว่าทานทั้งปวง หรือเรื่องการเรียงลำดับผลของทานนั้น พระพุทธเจ้าก็แสดงไว้ดีแล้วใน ทักขิณาวิภังสูตร



    ดังนั้น จึงขอแจ้งประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า หนังสือวิธีสร้างบุญบารมีเล่มที่นิยมเผยแพร่กันนั้น
        - มีเนื้อหาบางส่วนที่ไม่ถูกต้องตามพระพุทธพจน์ และ
        - สมเด็จพระสังฆราชก็ไม่ได้เป็นผู้แต่งหนังสือเล่มที่นิยมเผยแพร่กันนี้  แต่ท่านก็เคยนิพนธ์หนังสือวิธีสร้างบุญบารมีเหมือนกันซึ่งเป็นคนละเล่มกับที่คนส่วนใหญ่นำมาเผยแพร่ ซึ่งท่านสามารถอ่านต้นฉบับหนังสือ “วิธีสร้างบุญบารมี” ของแท้ที่ สมเด็จพระสังฆราช ทรงนิพนธ์ไว้ได้โดย คลิกที่นี่
      เนื่องจากชื่อหนังสือเหมือนกัน (แต่เนื้อหาในเล่มไม่เหมือนกัน) จึงทำให้คนเข้าใจผิดว่า หนังสือเล่มที่มีเนื้อหาผิดๆนั้น(ซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นผู้แต่ง) เป็นผลงานของพระสังฆราชไปด้วย

สรุปก็คือ
1) ทานแบ่งเป็นสองประเภทคือ อามิสทาน และ ธรรมทาน (ตามพระพุทธพจน์)
2) ธรรมทานเป็นทานที่สูงสุด ชนะทานอื่นๆทั้งปวง
3) อภัยทานจัดเป็นส่วนหนึ่งของธรรมทาน ไม่ใช่เหนือกว่าธรรมทาน
4) ธรรมทาน ในแง่ของการบอกวิธีการปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ เหนือว่า ธรรมทานในแง่ของอภัยทาน
5) ผลการให้ทานที่จำเพาะเจาะจงบุคคลไม่ว่าบุคคลนั้นจะบริสุทธิ์แค่ไหนก็ตาม (แม้ผู้รับเป็นพระพุทธเจ้า) ก็ยังน้อยกว่าผลของทานที่ให้โดยไม่เลือกหน้าไม่เจาะจงใครในสงฆ์ หรือ สังฆทาน
6) วิหารทานก็จัดเป็นสังฆทานได้ ถ้าให้แก่สงฆ์ตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไปโดยไม่เจาะจง (ไม่ใช่เหนือกว่าสังฆทาน)
7) สมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้เป็นผู้นิพนธ์หนังสือ วิธีสร้างบุญบารมีเล่มที่มีเนื้อหาผิดๆ



อ้างอิง
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต คาถาธรรมบท ตัณหาวรรคที่ ๒๔
(http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=1162&Z=1243)
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ ทักขิณาวิภังคสูตร
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต  ทานสูตร
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=6453&Z=6470
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
http://84000.org/tipitaka/read/?10/113-116/144
http://www.sangharaja.org/home/index

ขอบคุณ
drronenv.wordpress.com/2012/05/31/ความเข้าใจผิดเรื่อง-อภั/
Posted on พฤษภาคม 31, 2012 by DrRonEnv
ขอบคุณภาพจาก http://s2.uppic.mobi/,http://www.oknation.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 09:16:51 pm »
0
ask1
ตามคำถามเลยคะ
ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน

 thk56

    ans1 ans1 ans1
     
   หากว่ากันตามพุทธพจน์ ไม่มีทานไหนที่เหนือกว่าธรรมทานอีกแล้ว
   ดังข้อธรรมใน "คาถาธรรมบท ตัณหาวรรคที่ ๒๔" พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
   ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
   http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?book=25&item=34

      การให้ธรรมเป็นทานย่อมชำนะการให้ทั้งปวง
      รสแห่งธรรมย่อมชำนะรสทั้งปวง
      ความยินดีในธรรมย่อมชำนะความยินดีทั้งปวง
      ความสิ้นตัณหาย่อมชำนะทุกข์ทั้งปวง

    
        สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ     
        สพฺพรตึ ธมฺมรติ ชินาติ
        สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ      
        ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาติ.

                                     
    ส่วนอภัยทานไม่มีพุทธพจน์มารองรับ ผมได้ยินจากพระอาจารย์ว่า อภัยทานเป็นเรื่องของพระอรหันต์
    อย่างไรก็ตาม อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ติกนิบาต ปัญจมวรรค ทานสูตร

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=278
    ได้แสดงไว้ว่า "อภัยทานพึงทราบว่า ทรงสงเคราะห์เข้ากันด้วยธรรมทานนั่นเอง."
    หมายถึง อภัยทานเป็นส่วนหนึ่งของธรรมทานนั่นเอง
    ขอคุยเท่านี้ครับ

     :25:
 


     
     กระทู้แนะนำ
     อภัยทาน มีวิธีการปฏิบัติอย่างไร ?
     http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=479.0
     การให้ธรรมทาน หรือ สร้างธรรมทาน เช่น หนังสือธรรมะ เป็นต้นมีอานิสงค์อย่างไรคะ
     http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=8962.0
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

sompong

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 218
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 09:28:27 pm »
0
เปิดตา เปิดหู เปิดใจ เปิดสติปัญญา จริง ๆ กับบท วิสัชชนา จากท่าน nathaponson
 
  และ ผมก็ได้ฉุกคิด ไว้เสมอว่าการให้อภัยทาน เลิศกว่า ธรรมทาน จึงไม่เคยคิดที่จะำทำ ธรรมทาน เวลาใครชวนสร้างธรรมทาน และ ไปฟังธรรม เพราะผมคิดว่า ให้ อภัยเป็นเลิศ กว่า นั่นเอง

  วันนี้นับว่าได้เปลี่ยนมุมมองของตนเอง ด้วยครับ โง่ มา ตั้ง 50 กว่าปี

  thk56 st11 st12
บันทึกการเข้า

สถาพร

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 220
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 12:53:00 am »
0
แจกกันไปหลายเล่ม นึกว่า เป็นหนังสือที่นิพนธ์ โดยพระสังฆราช
โธ่ ความไม่เข้าใจ เลยทำให้ เข้าใจ ผิดไปอีก

  ขอบคุณ ท่าน  nathaponson ด้วยครับ ที่นำข้อความมาช่วย ชี้แจง ให้เกิดความเข้าใจ

 แต่ที่ต้องขอบคุณโดยตรง ก็คือผู้ถาม คุณ sinjai ที่สรรหา คำมาถาม

 และ ขอบคุณเว็บ ด้วยครับที่เผยแผ่ ความเข้าใจให้เกิดขึ้น

   thk56 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

drift-999

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 239
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2013, 11:51:46 pm »
0
เมื่ออ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ จึงพอจะเข้าใจประเด็นความสำคัญ
สำหรับ ปุถุชนแล้ว สิ่งที่ทำได้ยากก็คือ การให้อภัย การขอขมา การขอโทษ ดังนั้นชาวปุถุชนจึงให้ความสำคัญส่วนนี้มากว่าสำคัญ แต่สำหรับพระอริยบุคคลตั้งแต่พระอนาคามี ท่านพ้นจาก ปฏิฆะแล้ว จึงไม่มีพยาบาท โกรธเคือง ต่อไป จึงไม่มีการผูกอาฆาต มาดร้าย จึงไม่ต้องมีการให้อภัยเพราะมิได้ ผูกเวร แก่ผู้ใด

ธรรมทาน ระดับ พระอรหันต์ พระอนาคามี พระสกทาคามี พระโสดาบัน ตลอดถึงชนธรรมดา  ยังทำอยู่นะ ครับและเป็นสากลกว่า การให้อภัยทาน

อภัยทาน สิ้นสุดระดับ พระสกทาคามี เท่านั้น

 ที่สำคัญ หนังสือ บุญบารมีที่เคยได้อ่านมานั้น กลับมีสิ่งที่กล่าวผิดไปจากพระสูตร
 สาธ ที่ทุกท่านมาช่วยชี้แนะกันครับ

  thk56 st12
บันทึกการเข้า

nithi

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 68
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 10:44:46 am »
0
สรุปแล้วธรรมทาน เป็น ทานที่เลิศที่สุด และ เลิศกว่า อภัยทาน เพราะอภัยทาน ยังประกอบด้วยจิตที่ผูกโกรธอยู่ เรื่องนี้ จึงไปสัมพันธ์ กับเรื่อง ทานูปฏินิสสัคคา 8 ที่พระอาจารย์เคยพูดไว้ว่า ธรรมทาน สูงสุดด้วยการ ทำธรรมทาน เพื่อนปีิติ ปัสสัทธิ สุข ไปตามลำดับ จนถึง วิมุตติ

  thk56
บันทึกการเข้า
ขุมทรัพย์แห่ง ความหลุดพ้น ปรากฏอยู่ที่พระไตรปิฏก อ่านพระไตรปิฏก มาก ๆ
 ก็จะเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนาได้ ของจริงต้องตาม พุทธวัจนะ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2013, 02:44:34 pm »
0
สรุปให้นะจ๊ะ (เป็นความคิดเห็นส่วนตัว)

     การที่จะทำการให้อภัยทาน ได้นั้น ก็ต้องมีภูมิธรรม ในระดับหนึ่ง  นั้นหมายถึง  ท่านได้มีธรรมะในจิตในใจเมากขึ้น จึงทำการให้อภัย เพื่อเป็นทานได้  มิใช่  ให้อภัย เพียงเพราะ มีคนขอ หรือตัวเราขอตัวเราเอง แต่เป็นเพราะ เราได้เกิดศรัทธาที่จะทำความดีนี้ โดยนึกถึงคำสั่งสอนของพุทธองค์ คือพระธรรม ก้องอยู่ในหู จึงกระทำ  และก็ด้วยพระธรรมนี้เหล่า  เราจึงได้ให้อภัยทานเป็น  และมากกว่านั้น คือ ก็ด้วยเพราะพระธรรมของพระพุทธองค์ จึงทำให้เหล่าสัตว์ได้โอกาส สำเร็จ บรรลุธรรม  สำเร็จ เป็นโสดาบัน สำเร็จเป็นอรหันต์   

     อภัยทาน ก็ เป็นธรรมอย่างหนึ่ง ก็อยู่ในธรรม

     ธรรมที่ว่านี้ ก็ต้องเป็นทั้งจากการ ได้ฟัง และจากการได้ปฏิบัติด้วย(การปฏิบัติของจิต) จึงทำให้บรรลุธรรม

เมื่อได้บรรลุซึ่งธรรมแล้วจึงพ้นจากสังสารวัฏ จึงเป็น ทานที่เลิศที่สุด (เพราะเพียงแต่อภัยทานอย่างเดียว ไม่สามารถที่จะทำให้เหล่าสัตว์หลุดพ้นได้)
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ทานใดมีผลมากกว่า ระหว่าง ธรรมทาน กับ อภัยทาน
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กันยายน 30, 2014, 12:25:13 pm »
0
ท่าน nathaponson ที่มาตอบครับ เคยฟังในรายการ RDN เรื่องนี้ครั้งหนึ่งน่าจะเป็นเสียงพระอาจารย์ กล่าวว่า ธรรมทาน เป็น เลิศ ที่สุด เพราะพระพุทธเจ้า นั้นทรงบำเพ็ญธรรมทาน ตลอด 45 พรรษา ส่วน อภัยทาน นั้นเป็นส่วนของ ปุถุชน จนถึง  พระโสดาบัน และ พระสกทาคามี เท่านั้น แต่ตั้งแต่ พระอนาคามี ขึ้นไป นั้นไม่ต้องทำ อภัยทาน ครับ พระพุทธเจ้า ถูกพระเทวฑัตร ทำร้าย หลายครั้ง พระพุทธเจ้าไม่ต้องทำอภัยทาน เพราะ พระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ ไม่มีการผูกโกรธ อาฆาต มาดร้าย ดังนั้น อภัยทาน สิ้นสุดที่ พระสกทาคามี ยังต้องใช้อยู่ แต่พระอรหันต์ ยังต้องทำ ธรรมทาน อยู่

st11          ;)          st12          :93:          gd1          :72:         thk56
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา