ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่ามุ่งภาวนา ด้วยการวัดที่เวลา หรือการเห็นสภาวะ  (อ่าน 6854 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ทุกครั้งเวลาภาวนา อย่ามุ่งไปที่การทำให้ได้ในเวลา หรือ การเห็นในสภาวะ

ถ้าหากการนั่งภาวนาเราเอาแต่เรื่องเวลา หรือ การเห็นในสภาวะ ก็จะทำให้จิตเราบอด

เพราะมีความพอใจ เรียกว่า นิกันติ ต้องการเพียงแค่นั้น

ดังนั้นผู้ฝึกภาวนา ควรภาวนาเพื่อภาวนา

ภาวนาเพื่อภาวนา คืออย่างไร

ต้องถามว่า เราภาวนา เพื่ออะไร?

  คำตอบ ก็คือ เพื่อความสงบแห่งจิต อันเป็นพื้นฐาน วิปัสสนาไปสู่ พระนิพพาน

 ดังนั้นเมื่อเราภาวนา ควร ภาวนาเพื่อความสงบระงับ แห่งจิต

ผลของการสงบระงับแห่งจิตนั้น คือจิตที่พร้อมเพื่อการทำวิปัสสนา คือ เห็นตามความเป็นจริง

 วิปัสสนา คือ เห็นพร้อมตามความเป็นจริง

พระนิพพาน จะเข้าถึงหรืออยู่ได้ ก็คือต้องตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริง เข้าใจตามความเป็นจริง
ละวางจากความเป็นจริง ไม่ยึดมั่นถือมั่นตามความเป็นจริง

ถ้าผู้ภาวนา ๆ ได้ตามนี้ก็จะถึงพร้อมด้วยการภาวนา อันนี้เรียกว่า ภาวนาเพื่อภาวนา

เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

prachabeodee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 135
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ต้องขอแย้งพระคุณเจ้าหน่อยแล้วล่ะเจ้าค่ะ....
ในสายปฎิบัติภาวนาเพื่อดูทุกข์หรือดูเวทนากับไม่เป็นดั่งพระคุณเจ้าพูด เพราะสานนี้จงใจนั่งให้นานเป็นหลายชั่วโมง(๓-๔ชั่วโมง)เพื่อจุดประสงค์ให้เกิดทุกข์เวทนาแล้วพิจารณาจิตโดยไม่ไห้จิตหลบเข้าไปนิ่งหรือหลบเข้าไปในฌาณเพื่อดูการดีดดิ้นของจิต,ดูการปรุงแต่งของจิต,ดูการไม่ยอมรับความจริงของจิต.......
...............................................
ส่วนการนั่งเพื่อไม่ให้เห็นสภาวะนั่น ดิฉันเห็นด้วย.......เพราะถ้าเห็นสภาวะนั่นคือการตกไปสู่การปรุงแต่งเสียแล้ว(สติไม่ไวพอทำให้ตกอยู่ภายใต้การปรุงแต่งของกิเสลแล้ว)..........
                                         :34: :bedtime2: :015:
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ทุกครั้งเวลาภาวนา อย่ามุ่งไปที่การทำให้ได้ในเวลา จะทำให้จิตเราบอด

เพราะมีความพอใจ เรียกว่า นิกันติ ต้องการเพียงแค่นั้น

ดังนั้นผู้ฝึกภาวนา ควรภาวนาเพื่อความสงบระงับ แห่งจิตที่พร้อมเพื่อการทำวิปัสสนา คือ เห็นพร้อมตามความเป็น

จริง ถ้าผู้ภาวนา ๆ ได้ตามนี้ก็จะถึงพร้อมด้วยการภาวนา อันนี้เรียกว่า ภาวนาเพื่อภาวนา

เจริญธรรม

ต้องขอแย้งพระคุณเจ้าหน่อยแล้วล่ะเจ้าค่ะ....

ในสายปฎิบัติภาวนาเพื่อดูทุกข์หรือดูเวทนากับไม่เป็นดั่งพระคุณเจ้าพูด เพราะสายนี้จงใจนั่งให้นานเป็นหลาย

ชั่วโมง(๓-๔ชั่วโมง)เพื่อจุดประสงค์ให้เกิดทุกข์เวทนาแล้วพิจารณาจิตโดยไม่ไห้จิตหลบเข้าไปนิ่งในฌาณเพื่อดูการ

ดีดดิ้นของจิต,ดูการปรุงแต่งของจิต,ดูการไม่ยอมรับความจริงของจิต.......


ผมเคยนั่งภาวนาสู้กับเวทนาในถ้ำยาวนานถึง 3 ชั่วโมง เจ็บปวดทรมานมาก แต่พิจารณาถามตัวเองแล้วเพียร

ทรมานเพื่ออะไร? คำตอบก็คือ ต้องการพิสูจน์ตัวเองก็เท่านั้น

ผมได้นำเอาสิ่งเพียรกระทำนี้ไปกราบเรียนถามหลวงปู่ศรี ปริสุทฺโธ วัดหน้าพระลาน ก็ได้คำตอบเพียงว่า สิ่งนี้

คือ ขันติบารมี, วิริยะบารมี, สัจจะบารมี, อธิษฐานบารมี เป็นอานิสงส์ หลวงปู่ศรี ท่านให้พิจารณาตามดู ดูจิต

ดูมันไป เพียงเท่านี้


แต่สำหรับประเด็นที่แย้งไว้ ผมพิจารณาเห็นว่ามองคนละด้านคนละประเด็นหลายท่านได้อ่านอาจจะสับสน

ประเด็นธรรมของพระอาจารย์นั้นหมายเอาถึงผู้ใหม่ในการภาวนาได้ข้อมูลจากการรู้ปรุงจิตมากเกินทำให้วาง

เป้าหมายในการภาวนาผิดไป แต่ประเด็นคุณป้าปชาบดีนั้น ก็ออกแนวสายวัดป่าดุเดือดในแนวพิจารณาหยั่ง

จิตให้ยอมจำนนราบคาบต่อกิเลสมาร ผมถือว่าเป็นการแย้งเพราะสำคัญตนว่ารู้ก็ว่ากันไปตามนั้น นี่ก็พิจารณา

ได้ว่านี่เป็นกิเลสที่ถือว่าแย้งเพราะรู้ ต้องขอกราบอภัยท่านผู้อาวุโสไว้ ณ ที่นี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 28, 2011, 01:38:07 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ปกติทุกครั้งที่ตนเองปฏิบัติกรรมฐานก็มักจะกำหนดเวลา และพยายามฝืนให้ได้ตามเวลา แต่ทุกครั้งที่เลิกภาวนาก็
จะมีความรูสึกว่า กรรมฐานภาวนานั้นเป็นเรื่องที่ทำยาก เหนือโลกฃะจนเราไม่สามารถที่ไปถึงได้ง่าย

แต่ครั้นได้อ่าน ที่พระอาจารย์แนะนำไว้ วันนี้ลองภาวนาดูโดยมุ่งที่ความสงบของใจเป็นกำลัง โดยทิ้งเรื่องของเวลา
ออกไปครั้งแรกก็ยังทำไม่ได้ แต่ก็พอใจที่มีความสงบเกิดขึ้นบ้างพอนึกถึงตรงนั้นแล้วมีความสุขมากๆ พอครั้งที่ สอง
ก็ภาวนาอีก ก็ไปได้อีกหน่อย แต่ก็ได้ความรู้สึกสงบมากขึ้น พอครั้งที่สามภาวนาอีกคราวนี้ภาวนาได้ดีมาก ที่สุดสามารถทรงอารมณ์ที่ความสงบระงับส่วนนี้ได้ ออกจากภาวนามาในครั้งที่สามกลับภาวนาได้เป็นเวลา สามชั่วโมง
ซึ่งรู้สึกอัศจรรย์มาก ๆ ตรงที่ตนเองไม่เคยภาวนากรรมฐานเกินสามสิบนาทีเลยทุกครั้ง

นี่เป็นเพราะอะไรคะ

 :25:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ปกติทุกครั้งที่ตนเองปฏิบัติกรรมฐานก็มักจะกำหนดเวลา และพยายามฝืนให้ได้ตามเวลา แต่ทุกครั้งที่เลิกภาวนาก็
จะมีความรูสึกว่า กรรมฐานภาวนานั้นเป็นเรื่องที่ทำยาก เหนือโลกฃะจนเราไม่สามารถที่ไปถึงได้ง่าย

แต่ครั้นได้อ่าน ที่พระอาจารย์แนะนำไว้ วันนี้ลองภาวนาดูโดยมุ่งที่ความสงบของใจเป็นกำลัง โดยทิ้งเรื่องของเวลา
ออกไปครั้งแรกก็ยังทำไม่ได้ แต่ก็พอใจที่มีความสงบเกิดขึ้นบ้างพอนึกถึงตรงนั้นแล้วมีความสุขมากๆ พอครั้งที่ สอง
ก็ภาวนาอีก ก็ไปได้อีกหน่อย แต่ก็ได้ความรู้สึกสงบมากขึ้น พอครั้งที่สามภาวนาอีกคราวนี้ภาวนาได้ดีมาก ที่สุดสามารถทรงอารมณ์ที่ความสงบระงับส่วนนี้ได้ ออกจากภาวนามาในครั้งที่สามกลับภาวนาได้เป็นเวลา สามชั่วโมง
ซึ่งรู้สึกอัศจรรย์มาก ๆ ตรงที่ตนเองไม่เคยภาวนากรรมฐานเกินสามสิบนาทีเลยทุกครั้ง

นี่เป็นเพราะอะไรคะ


ดำเนินอย่างนี้ / ลำดับอย่างนี้ / เข้าใจอย่างนี้ ............ ถูกต้อง

แล้ว อนุโมทนา! จ้ะ




กบน้อยคล้อยหยั่งธรรม

       หยั่งตนภาวนา      ลำดับพาให้ดูเพลิน
สัปปยุตฐานจิตเดิน      ปัคคหะนับตามขั้นตอน
     รู้หยั่งรู้เข้าใจ      ภาวนาไปจิตคลายผ่อน
เวรภัยมลายถอน      ปิติธรรมประดับตน.


                                                        ธรรมธวัช.!   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 29, 2011, 10:48:06 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นปรากฏการณ์ ที่ผมลองไปดำเนินปฏิบัติดู ทุกครั้งที่ผมฝึกกรรมฐาน ก็จะมุ่งตามดูสภาวะที่จะเกิดคือสภาวะ

ความเห็นอันออกจะเป็นแนวฤทธิ์บ้าง แต่พอผมลองภาวนาดูในเมื่อวานและมุ่งที่ผลคือความสงบระงับจากกิเลส

ทุกครั้งที่ผมเข้ากรรมฐาน จะไม่ค่อยปลื้มและจะมองเห็นว่าเราอ่อนภาวนา แต่ครั้นพอได้พิจารณาความสงบ

ระงับที่ได้แล้วปรากฏว่า เมื่อวานผมได้ความสงบระงับ นานมาก ๆ พอนึกถึงแล้วมันมีความปีติลึก ๆ ในใจ

ครั้นพอได้ภาวนาใหม่อีกรอบ ปีติเกิดไวมาก จนถึงห้องพระสุขสมาธิไวมาก ๆ เลยครับ ครั้นออกจากกรรมฐาน

ความสงบระงับนี้ไม่เหมือนเดิม พอได้มองและพิจารณาโลก รู้สึกจะมีความรู้สึกวางลงมากกว่าแต่ก่อน

อันนี้อาจจะเป็นเคล็ดที่สำคัญมาก

  เมื่อวานผมได้อ่านพระสูตรว่าด้วยเรื่องอานาปานสติ กับเป็นคำกล่าวขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส

ในพระสูตรว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเธอจงพอใจในความสงบระงับในอานาปานสติ  เพราะความสงบระงับคือผล

ของอานาปานสติ 

  เข้าใจแล้วครับ

  ขอบคุณพระอาจารย์ครับ

   :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

Namo

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 206
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ทุกครั้งเวลาที่โยมภาวนา ก็มักจะหดหู่ทุกครั้ง ที่ได้แต่นั่งทน ไม่สำเร็จธรรมอะไรเลย

สามวันมานี้พอได้เห็นการเตือนวิธีวางจิต แล้วพอได้ปฏิบัติดูแล้ว ใจสงบเย็นมากขึ้นและรู้ถึงอำนาจของ

การวางพอออกจากสมาธิ ก็รู้ถึงความที่ิจิตมีความสงบระงับจากกิเลส คือนิวรณ์ได้จริงซึ่งต่างเมื่อก่อน

ถึงจะไม่ได้กำหนดหมายมั่นเวลาแบบเมื่อก่อน แต่กลับทำได้นานขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกคะ

 :25:
บันทึกการเข้า

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นเรื่องที่ผมข้ามไป ยังไม่ทันได้อ่าน
อ่านแล้ว รู้สึกว่า เกิดประโยชน์ มากครับ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ปฏิบัติตามในทันที ครับ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ทุกครั้งเวลาภาวนา อย่ามุ่งไปที่การทำให้ได้ในเวลา หรือ การเห็นในสภาวะ

ถ้าหากการนั่งภาวนาเราเอาแต่เรื่องเวลา หรือ การเห็นในสภาวะ ก็จะทำให้จิตเราบอด

เพราะมีความพอใจ เรียกว่า นิกันติ ต้องการเพียงแค่นั้น

ดังนั้นผู้ฝึกภาวนา ควรภาวนาเพื่อภาวนา

ภาวนาเพื่อภาวนา คืออย่างไร

ต้องถามว่า เราภาวนา เพื่ออะไร?

  คำตอบ ก็คือ เพื่อความสงบแห่งจิต อันเป็นพื้นฐาน วิปัสสนาไปสู่ พระนิพพาน

 ดังนั้นเมื่อเราภาวนา ควร ภาวนาเพื่อความสงบระงับ แห่งจิต

ผลของการสงบระงับแห่งจิตนั้น คือจิตที่พร้อมเพื่อการทำวิปัสสนา คือ เห็นตามความเป็นจริง


 วิปัสสนา คือ เห็นพร้อมตามความเป็นจริง

พระนิพพาน จะเข้าถึงหรืออยู่ได้ ก็คือต้องตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริง เข้าใจตามความเป็นจริง
ละวางจากความเป็นจริง ไม่ยึดมั่นถือมั่นตามความเป็นจริง

ถ้าผู้ภาวนา ๆ ได้ตามนี้ก็จะถึงพร้อมด้วยการภาวนา อันนี้เรียกว่า ภาวนาเพื่อภาวนา

เจริญธรรม


 ;)

อนุโมทนา สาธุ ครับ
  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
องค์รวม อุปสรรค ของผู้ภาวนา นั้นก็คือ เรื่องของเวลา หลาย ๆ ท่านมักจะกล่าวให้อาตมาฟังว่า ผม ดิฉัน ข้าพเจ้า นั่งกรรมฐานได้ 1 ชม. 2 ชม. ซึ่งคำพูดที่ท่านทั้งหลาย นั้นสะท้อนให้เห็นว่า ให้ความสำคัญ กับเวลาเป็นอย่างมาก

  อันแท้ที่จริง ความสำคัญ ของการรวมมรรค ด้วยสมาธินั้น อยู่ที่
   1.ละนิวรณ์ เป็นเบื้องต้น
   2.เข้าถึง ปีติ ธรรม และ สภาวะเป็นลำดับ
   3.เข้าถึง ขอบเขตของ ยถาภูตญาณทัศศนะ
   4.เข้าถึง ปรมัตถ์ ของ พระอริยะมรรค
   5.แจ้งชัด ปหานกิเลส นุสัย ด้วยประการทั้งปวง

   ดังนั้้น อยากให้ท่านทั้งหลาย กล่าวถึงการภาวนา ด้วยอาการที่กล่าวอย่างนี้ จะมีผลมาก มีอานิสงค์มาก

 เจริญธรรม / เจริญพร

  ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

paisalee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 382
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
องค์รวม อุปสรรค ของผู้ภาวนา นั้นก็คือ เรื่องของเวลา หลาย ๆ ท่านมักจะกล่าวให้อาตมาฟังว่า ผม ดิฉัน ข้าพเจ้า นั่งกรรมฐานได้ 1 ชม. 2 ชม. ซึ่งคำพูดที่ท่านทั้งหลาย นั้นสะท้อนให้เห็นว่า ให้ความสำคัญ กับเวลาเป็นอย่างมาก

  อันแท้ที่จริง ความสำคัญ ของการรวมมรรค ด้วยสมาธินั้น อยู่ที่
   1.ละนิวรณ์ เป็นเบื้องต้น
   2.เข้าถึง ปีติ ธรรม และ สภาวะเป็นลำดับ
   3.เข้าถึง ขอบเขตของ ยถาภูตญาณทัศศนะ
   4.เข้าถึง ปรมัตถ์ ของ พระอริยะมรรค
   5.แจ้งชัด ปหานกิเลส นุสัย ด้วยประการทั้งปวง

   ดังนั้้น อยากให้ท่านทั้งหลาย กล่าวถึงการภาวนา ด้วยอาการที่กล่าวอย่างนี้ จะมีผลมาก มีอานิสงค์มาก

 เจริญธรรม / เจริญพร

  ;)

ขอบคุณ พระอาจารย์ ที่ชี้แนะครับ

 :c017: :25:
บันทึกการเข้า
บุญที่้ข้าพเจ้าได้ทำวันนี้ ขออุทิศให้แก่ บิดาและน้องชายที่ล่วงลับ มารดาที่ยังมีชีวิตอยู่

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เรื่องของเวลา นั้นเป็นสิ่งที่เราไม่ควรไปแตะต้อง เพราะอะไร เพราะเราจะรู้ หรือ ไม่รู้ เวลาก็เป็นอย่างนั้น เวลาก็ผ่านไปอย่างนั้น ดังนั้นเรื่องของเวลาเป็นเพียงเรื่อง ของสติที่ควรกำหนดรู้ไว้ ว่า อันนีเป็นอดีต อันนี้เป็นปัจจุบัน อันนี้เป็นอนาคต และจัดลำดับความสำคัญการภาวนาให้เป็นการตามระลึกให้ทันในปัจจุบัน แต่ความเป็นจริงนั้น เราไม่มีทางทันที่จะกำหนดทันปัจจุบัน เพราะเวลาไม่ได้หยุด ปัจจุบันจึงเป็นเพียงแต่กำหนดรู้ แล้วก็เป็นอดีตทันที ดังนั้นเมื่อบุคคลเข้าถึง สติ ขั้นสูงก็จะเห็น อดีต ปัจจุบัน อนาคต เป็นจังหวะคร่อมกัน ดังนั้นเมื่อกำหนดรู้ด้วยสติ ในอดีต ก็รู้อนาคต ก็รู้ในปัจจุบัน ที่ปรากฏไม่ใช่เวลา แต่เป็นเพียง รูป และ นาม ปรากฏ ขึ้นมาเท่านั้น
   
  ดังนั้นท่านทั้งหลาย เมื่อเราภาวนากรรมฐาน ก็อย่าพึงไปใส่เวลา และ ภูมิใจเวลาที่ภาวนาอยู่ที่ผ่านไปแล้ว เพราะบางท่านก็มาภูมิใจ ที่เรียกว่า ติดสุข เพราะ พอใจในอดีต และ คาดหวังในอนาคตไว้อย่างนั้น ดังนั้นการภาวนา สำเร็จไม่ได้วัดที่เวลา แต่วัดที่การรวมศูนย์จิต เป็นหนึ่ง กับบริกรรม ให้ได้ ท่านทำได้ 1 นาที ก็อนุโมทนา 2 นาที 3 นาที อย่างนี้ก็ควรแก่การอนุโมทนา เพราะเป็นการพอกพูน เหมือนหยดน้ำในการภาวนา ซึ่งถ้าตุ่มภาชนะ คือ กายใจ นั้นไม่ชำรุดทรุดโทรมแตกหัก ก็ต้องเต็มด้วยคุณธรรม สัก เพลาหนึ่ง

  ขอให้ท่านดำเนินการภาวนา รวมศูนย์จิต ให้ได้กันนะจ๊ะ

  เจริญธรรม / เจริญพร

 ;)

 
 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ