ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - เมตตา
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การให้ธรรม เป็น ทาน ชนะการให้ทั้่งปวง เพราะอะไร ? เมื่อ: กันยายน 26, 2014, 07:53:26 pm
 ask1 ask1 ask1

การให้ธรรม เป็น ทาน ชนะการให้ทั้่งปวง เพราะอะไร ?
ตกลง คน เรา ต้องการ ธรรม หรือ ต้องการ สุข หรือ ต้องการอะไร ?

 นาน ๆ จะถามที ไม่ ถาม ถี่ อย่างเมื่อก่อน

  :bedtime2: :58: :88:
 
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ล้มแล้วเหยียบ ( สะใจ ใคร ) รับมืออย่างไร ? เมื่อ: เมษายน 24, 2012, 09:37:33 am



ล้มแล้วเหยียบ


ฝรั่งมีสำนวนประโยคหนึ่งว่า “Add insult to injury” หมายถึงการเหยียบซ้ำ 

พลาดแล้วถูกซ้ำเติมเป็นเรื่องเราต้องเคยเจอสักครั้งหนึ่ง

เคยไหมที่คุณขับรถฝ่าไฟแดง แล้วไม่ถูกตำรวจจับ และคนข้างๆ บอกประชดว่า “ขับรถเก่งจัง”

แต่ครั้นทำอย่างเดียวกันอีกครั้ง แล้วถูกตำรวจจับ จะได้รับคำซ้ำเติมว่า  “บอกว่าอย่าฝ่าไฟแดง แล้วไง โดนใบสั่งจนได้”

ความผิดพลาดอาจเป็นความเสียหาย แต่ก็เป็นความเสียหายในระดับหนึ่ง การซ้ำเติมทำให้ความเสียหายนั้นสูงขึ้นกว่าเดิม และทำให้ปัญหานั้นแก้ไขยากขึ้น

มีตัวอย่างมากมายที่เมื่อเด็กสอบตก พ่อแม่ก็ดุด่าเด็กจนเด็กกลัว ทำอะไรก็ผิดพลาดไปหมด เสียอนาคตไปเลย 

บางเหตุการณ์เกิดมานานหลายสิบปี ยังรื้อฟื้นขึ้นมา และยังสามารถโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในเรื่องที่จบไปนานแล้ว

บางคนติดนิสัยด่าคนที่ทำพลาด ตอกย้ำทุกครั้งที่ทำผิด และทุกครั้งที่คิดการใหม่ ด้วยประโยค “ทำไปทำไม เดี๋ยวก็คงผิดอย่างเดิมอีก”

ด้วย ‘กำลังใจ’ แบบนี้ ถึงไม่ทำผิด ก็คงต้องผิดสักวัน

ประโยคยอดนิยมคือ : 
"บอกแล้วว่าอย่าทำๆ"
"เห็นมั้ย ฉันว่าแล้ว ผิดซะเมื่อไหร่"
"นึกแล้วเชียว"
"สมน้ำหน้า เตือนแล้วไม่ฟัง"

การกระหน่ำซ้ำคนที่ทำผิดพลาดไม่ใช่กุศโลบายที่ดี โดยเฉพาะในฐานะของผู้นำ 

ด่าไปแล้วก็ไม่ช่วยให้ความผิดพลาดกลับคืนสู่สภาพเดิมได้

มองโลกในแง่ดีว่า ไม่มีใครอยากทำผิด ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดี

ภาษิตฝรั่งว่า “Don't cry over spilt milk.”

ทำน้ำนมหกไปแล้วก็อย่าเสียเวลาคร่ำครวญกับมัน เสียเวลาเปล่า เพราะไม่มีทางที่จะนั่งยานเวลาย้อนกลับไปป้องกันเหตุการณ์นั้นได้

การเหยียบซ้ำก็เหมือนการถูกมีดบาดแล้วโรยเกลือซ้ำ บางครั้งอาจทำให้คนทำผิดพาลไม่ยอมเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น หรือแสดงออกด้วยการประชด ตั้งใจทำผิดซ้ำสองอีก

คนทำผิดส่วนใหญ่เรียนรู้จากความละอายใจมากกว่าจากคำด่า 

มองโลกในแง่ดีคือเมื่อรู้จักให้อภัย เมื่อนั้นความผิดพลาดนั้นๆ ก็อาจคุ้มค่ากับความเสียหาย เพราะต่างคนต่างได้รับบทเรียน


บทความโดย....วินทร์ เลียววาริณ 

ขอบคุณบทความจากทำดดอทเน็ต
3  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / O ทุกชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้า เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 07:41:54 am
ทุกชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้า

O ทุกชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้า

มีพระพุทธศาสนาสุภาษิตว่า “ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนพาล ทั้งบัณฑิต ล้วนไปสู่อำนาจแห่งความตาย ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า”

แทบทุกคน เคยได้รับรู้ความหมายของข้อความนี้อยู่ตลอดมาแล้ว แทบทุกคนเคยพูดออกจากปากตนเองมาแล้วนับครั้งไม่ได้ แม้จะไม่ตรงเป็นคำคำ แต่ก็มีความหมายตรงกัน

O ไม่มีสักคนเดียว ที่จะหนีความตายพ้น

ทุกคนมีความรู้แก่ใจ ว่าทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ไม่มีสักคนเดียวที่จะหนีความตายพ้น แล้วทุกคนมีความได้เปรียบอยู่ประการหนึ่ง ที่มีความรู้นี้ติดตัวติดใจอยู่

แต่แทบทุกคนก็มีความเสียเปรียบอยู่ประการหนึ่ง ที่ไม่เห็นค่า ไม่เห็นประโยชน์ของความรู้นี้ จึงมิได้ใส่ใจเท่าที่ควร ปล่อยปละละเลย รู้จึงเหมือนไม่รู้ สิ่งที่เป็นคุณประโยชน์จึงเหมือนเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า

O ความรู้ว่าตัวตาย เป็นคุณประโยชนิ์ยิ่งใหญ่

ความรู้ว่าทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย เป็นสิ่งเป็นคุณประโยชน์ยิ่งใหญ่ แม้ใส่ใจในความรู้นี้ให้เท่าที่ควร ก็จะสามารถนำให้เกิดคุณเกิดประโยชน์แก่ตนเองได้มหาศาล ยากจะหาประโยชน์ใดอาจเปรียบได้

O ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา สอนให้หัดตายก่อนถึงเวลาตายจริง

ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาทั้งหลาย สอนให้หัดตายก่อนถึงเวลาตายจริง ท่านสอนให้หัดตายไว้เสมอ อย่างน้อยก็ควรวันละครั้ง ครั้งละ ๕ นาที ๑๐ นาที เป็นอย่างน้อย

การหัดตายนั้นบางผู้บางพวกน่าจะเริ่มหัดคิดถึงสภาพเมื่อตนกำลังจะถูกประหัตประหารให้ถึงตาย คิดให้ลึกซึ้งถึงความกลัวตายของตนในขณะนั้น แล้วก็คิดจนถึงเมื่อต้องถูกประหัตประหารถึงตายจนได้ แม้จะกลัวแสนกลัว แม้จะพยายามกระ:-)ระสนช่วยตนเองให้รอดพ้นอย่างไร ก็หารอดพ้นไม่ต้องตายด้วยความทรมานทั้งกายทั้งใจ

O การหัดตาย มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจอย่างยิ่ง

การหัดตาย ด้วยเริ่มตั้งแต่ความกลัวตายอย่างทารุณโหดร้ายเช่นนี้ มีคุณเป็นพิเศษแก่จิตใจ จะสามารถอบรมบ่มนิสัยที่แม้เหี้ยมโหดอำมหิต ปราศจากเมตตากรุณาต่อชีวิตร่างกายผู้อื่น สัตว์อื่นให้เปลี่ยนแปลงได้ ความคิดที่จะประหัตประหารเขา เพื่อผลได้ของตนก็จะเกิดได้ยาก หรือจะเกิดไม่ได้เลย

การพยายามหัดตายให้รู้สึกหวาดกลัวการถูกประหัตประหารผลาญชีวิตตนนั้น เมื่อทำไว้เสมอ ก็จะเกิดผลเป็นความเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่จะต้องหวั่นกลัว เช่นเดียวกัน

ความเมตตาปรานีชีวิตผู้อื่น สัตว์อื่น ก็จะเกิดได้แม้จะไม่เคยเกิดมาก่อน ซึ่งก็เป็นการเมตตาปรานีชีวิตตนเองพร้อมกันไปด้วยอย่างแน่นอน

O กรรม..... ให้ผลเหมือนยาพิษร้าย และสัตย์ซื่อยิ่งนัก

ผู้ประหัตประหารเขา แม้จะได้สิ่งที่มุ่งได้ แต่ผลที่แท้จริงอันจะเกิดจากกรรม คือ การประหัตประหารที่ได้ประกอบกระทำลงไปนั้น จะเป็นทุกข์โทษแก่ผู้กระทำ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กรรมนั้นให้ผลสัตย์ซื่อยิ่งนัก เหมือนผลของยาพิษร้าย กรรมนั้นเมื่อทำแล้ว ก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไป จักไม่เกิดผลแก่ชีวิตและร่างกายไม่มี ถ้าเป็นกรรมดี ก็จักให้ผลดี ถ้าเป็นกรรมชั่ว ก็จักให้ผลชั่ว

O พุทธศาสนิกชนถึงมีปัญญาเชื่อเรื่องกรรมให้ถูกต้อง

เราเป็นพุทธศาสนิกชนนับถือพระพุทธศาสนา พึงมีปัญญาเชื่อให้จริงจังถูกต้องในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม จักเป็นสิริมงคล เป็นความสวัสดีแก่ตนเอง

ยุคสมัยนี้น่าจะง่ายพอสมควร สำหรับจะนึกให้กลัวการถูกประหัตประหารถึงชีวิต เพราะเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นแก่ใครต่อใครไม่ว่างเว้น อาจจะเกิดแก่เราเองวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้ หัดคิดไว้ก่อนจึงเป็นการเตรียมพร้อมที่ไม่ปราศจากเหตุผล แต่เป็นความไม่ประมาท

O ทุกชีวิต..... จะถูกมฤตยูรุกรานเมื่อไร ไม่มีใครรู้ได้

ความตายเกิดขึ้นได้แก่ทุกคน ทุกแห่ง ทุกเวลา พุทธศาสนสุภาษิตกล่าวว่า เมื่อสัตว์จะตาย ไม่มีผู้ป้องกัน จะอยู่ในอากาศ อยู่กลางสมุทร เข้าไปสู่หลืบเขา ก็ไม่พ้นจากมฤตยูได้ ประเทศคือ ดินแดนที่มฤตยูจะไม่รุกรานผู้อยู่..... ไม่มี

เราจะถูกมฤตยูรุกรานเมื่อไร ที่ไหน..... เราไม่รู้ หายใจออกครั้งนี้แล้ว อาจจะไม่หายใจเข้าอีก เมื่อถึงเวลาจะต้องตายไม่มี ผู้ใดผัดเพี้ยนได้ ไม่มีผู้ใดจะช่วยได้ เพราะเมื่อสัตว์จะตายไม่มีผู้ป้องกัน และความผัดเพี้ยนกับมฤตยูอันมีกองทัพใหญ่นั้นไม่ได้เลย

O ทุกย่างก้าวของทุกคน นำไปถึงมือมฤตยูได้

ทุกย่างก้าวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่แห่งหนตำบลใด นำไปถึงมือมฤตยูได้ ผู้ร้ายก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยู ทั้งที่ถุงใส่เงินแสนเงินล้านที่ไปปล้นจี้เขามายังอยู่ในมือ ไม่ทันได้ใช้ ไม่ทันได้เก็บเข้าบัญชีสะสมเพื่อความสมปรารถนาของตน

นักการเมืองไม่ว่าเล็กไม่ว่าใหญ่ ก็เคยตกอยู่ในมืองมฤตยู ในขณะกำลังเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ใช้หัวคิดทุ่มเทเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดของตน ผู้ที่กำลังยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขกับครอบครัว เคี้ยวข้าวอยู่ในปากแท้ๆ ก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยูโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ผู้เหินฟ้าอยู่บนเครื่องบินใหญ่โตมโหฬารราวกับตึก ก็เคยอยู่ในมือมฤตยูโดยไม่คาดคิด
ผู้โดยสารเรือเดินสมุทรใหญ่ ก็เคยตกอยู่ในมือมฤตยูพร้อมกันมากมายหลายร้อยชีวิต
นักไต่เขาผู้สามารถ ก็เคยหายสาบสูญในขณะกำลังไต่เขา โดยตกเข้าไปอยู่ในมือมฤตยู 
 

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11321
4  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ของขวัญจากใจ การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 07:39:19 am
ของขวัญจากใจ
การให้ธรรม ชนะการให้ทั้งปวง


พระนิพนธ์
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

พ ร ะ นิ พ น ธ์ เ พื่ อ ค ว า ม ส วั ส ดี
 แ ห่ ง ชี วิ ตแ ล ะ พ ร ะ ค ติ ธ ร ร ม
เ พื่ อ เ ป็ น แ ส ง ส่ อ ง ใจ


พระคติธรรม

หน้าที่ของคนเราที่จะพึงปฏิบัติต่อชีวิตร่างกาย คือ การบริหารรักษาร่างกายให้ปราศจากโรค ให้มีสมรรถภาพ และประกอบประโยชน์เพื่อให้เป็นชีวิตดี ชีวิตที่อุดม ไม่ให้เป็นชีวิตชั่ว ชีวิตเปล่าประโยชน์ และในขณะเดียวกัน ก็ให้กำหนดรู้คติธรรมดาของชีวิต เพื่อความไม่ประมาท

พระพุทธเจ้าตรัสห้ามมิให้ทำลายชีวิตร่างกาย ถ้าจะเกิดความอยาก ความโกรธ ความเกลียด ในอันที่จะทำลายชีวิตร่างกายก็ให้ทำลายความอยาก ทำลายความโกรธ ทำลายความเกลียดนั้นแหละเสีย

อีกอย่างหนึ่ง ธรรมคือคุณงามความดี ตรงกันข้ามกับอธรรม คือ ความชั่ว ซึ่งโดยมากก็รู้กันอยู่ ฉะนั้น เมื่อเคารพในความรู้หมายความว่า เมื่อรู้ว่าไม่ดี ก็ตั้งใจเว้นไว้ เมื่อรู้ว่าดี ก็ตั้งใจทำ ดังนี้เรียกว่า เคารพในธรรมที่รู้โดยตรง ซึ่งทำคนให้เป็นคน กล่าวคือเป็นมนุษย์โดยธรรม

สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

               O การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง

      พุทธศาสนาสุภาษิตบทหนึ่ง ซึ่งเป็นที่คุ้นหูคุ้นใจคนจำนวนมาก
           คือบทที่ว่า..... “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”
          แปลความว่า “การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”
เพราะพุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อย มีศรัทธาเชื่อให้คุณแห่งการให้ธรรมเป็นทาน จึงแม้สามารถก็จะพากันพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทาน ซึ่งเชื่อว่าเหนือการให้ทั้งปวง ซึ่งจักเป็นบุญเป็นกุศล ยิ่งกว่าบุญกุศลที่เกิดจากการให้ทานอื่นทั้งปวง

นี้เป็นการถูก เป็นการดี เพราะการเผยแพร่ธรรมของ พระพุทธเจ้าเป็นความความดีอย่างยิ่ง ยิ่งผู้ได้รับนำไปปฏิบัติก็จะยิ่งเป็นการดีที่สุด เพราะการปฏิบัติธรรม ทรงธรรม ตั้งอยู่ในธรรม เป็นการนำให้ถึงความสวัสดีอย่างแท้จริง และไม่เพียงเป็นความสวัสดีเฉพาะตนเองเท่านั้น ยังสามารถแผ่ความสวัสดีให้กว้างไกลไปถึงผู้เกี่ยวข้องได้มากมาย

กล่าวได้ว่า ผู้มีธรรมเพียงคนเดียว ย่อมยังความเย็น ความสุข ให้เกิดได้เป็นอันมาก ตรงกันข้ามกับผู้ไม่มีธรรม.....แม้เพียงคนเดียว ก็ย่อมยังความร้อนความทุกข์ให้เกิดได้เป็นอันมาก

                   O การให้ธรรมที่แท้จริง
         หมายถึงการทำตนเองของทุกคนให้มีธรรม

พิจารณาจากความจริง ที่ว่าผู้มีธรรมเป็นผู้ให้ความเย็น ความสุขแก้ผู้อื่นได้ เช่นเดียวกันกับที่ให้ความเย็นความสุขแก่ตนเอง อาจเห็นได้ว่า การให้ธรรมไม่หมายถึงเพียงการพิมพ์หนังสือธรรมแจก หรือการอบรมสั่งสอนด้วยวาจา ให้รู้ให้เห็นธรรมเท่านั้น

แต่การให้ธรรมที่แท้จริง ย่อมหมายถึงการทำตนเองของทุกคนให้มีธรรม ให้ธรรมในตนปรากฏแก่คนทั้งหลายโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมีการแสดงออกเป็นการสั่งสอนด้วยวาจา หรือเช่นด้วยการแสดงธรรมแบบพระธรรมเทศนาของพระ

การสั่งสอนธรรมหรือให้ธรรมด้วยความประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยตนเองนั้น มีความสำคัญเหนือกว่าการแจกหนังสือธรรมเป็นอันมากด้วยซ้ำ เพราะการประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ จนธรรมนั้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายกับใจ นั่นแหละเป็นการแสดงธรรมให้ปรากฏแก่ผู้รู้ผู้เห็นทั้งหลายทั้งปวง และจะต้องได้ผลมากกว่าการให้ธรรมที่เป็นข้อเขียนในหน้าหนังสือ

        O ความสูงต่ำ ห่างไกลของธรรมที่ดีและชั่วนั้นมีมากมายยิ่งนัก

อันคำว่าธรรมนั้น ที่แท้จริงมีความหมายเป็นสองอย่าง คือทั้งที่ดีและที่ชั่ว หนังสือธรรมมิได้แสดงแต่ธรรมที่ดี แต่แสดงธรรมที่ชั่วด้วย เพียงแต่แสดงธรรมที่ดีว่าให้ประพฤติปฏิบัติ แสดงธรรมที่ชั่วว่าไม่ควรประพฤติปฏิบัติ และผู้ประพฤติธรรมหรือผู้มีธรรมนั้นก็คือ ผู้ประพฤติธรรมที่ดี ไม่ประพฤติธรรมที่ชั่ว

ผู้ประพฤติธรรมที่ดีเรียกได้ว่าเป็นสัตบุรุษ ผู้ประพฤติธรรมที่ชั่ว เรียกว่าได้เป็นอสัตบุรุษ ความสูงต่ำห่างไกลของธรรมที่ดีและที่ชั่วนั้นมากมายนัก

มีพุทธสุภาษิตกว่าไว้ว่า “ฟ้ากับดินไกลกัน และฝั่งทะเลก็ไกลกัน แต่นักปราชญ์กล่าวว่า ธรรมของสัตบุรุษกับของอสัตบุรุษไกลกันยิ่งกว่านั้น”

           O การทำตนที่ชั่ว ให้เป็นตนที่ดีได้ เป็นกุศลที่สูงที่สุด

ผู้ให้ธรรมทั้งด้วยการให้หนังสือธรรม และทั้งการปฏิบัติด้วยตนเองให้ปรากฏเป็นแบบอย่างที่ดีงาม เป็นแบบอย่างของสัตบุรุษ กล่าวว่าเป็นผู้ให้เหนือการให้ทั้งปวง เพราะการพยายามช่วยให้คนเป็นผู้มีธรรมของสัตบุรุษ ละธรรมของอสัตบุรุษนั้น ก็เท่ากับพยายามช่วยให้คนบนดินคือต่ำเตี้ยได้เข้าใกล้ฟ้าคือสูงส่ง หรือช่วยให้คนชั่วเป็นคนดีนั่นเอง

การช่วยให้คนชั่วเป็นคนดีนั้น ผู้ใดทำได้จักได้กุศลสูงยิ่ง การช่วยตนเองที่ประพฤติไม่ดีให้เป็นประพฤติดีนั้น ก็เป็นการช่วยคนชั่วให้เป็นคนดีเช่นกัน และจะเป็นกุศลที่สูงที่สุดเสียด้วยซ้ำ เพราะนอกจากตนเองจะช่วยตนเองแล้ว คนอื่นยากจักช่วยได้

นี่หมายความว่า อย่างน้อยตนเองต้องยอมรับฟังการแนะนำช่วยเหลือของผู้อื่น ยอมปฏิบัติตามผู้อื่นที่ปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีให้ปรากฏอยู่ คือทำตนเองให้เป็นผู้ประพฤติธรรมของสัตบุรุษ ละการประพฤติปฏิบัติธรรมของอสัตบุรุษให้หมดสิ้น

             O พึงอบรมปัญญา เพื่อเป็นแสงสว่างขับไล่โมหะ

ผู้มาบริหารจิตทั้งนั้น พึงดูจิตตนเองให้เห็นชัดเจนว่า มีความปรารถนาต้องการจะก่อทุกข์โทษภัยให้แก่ตนเองหรือไม่

ถ้าไม่มีความปรารถนานั้น ก็ถึงรู้ว่าจำเป็นต้องอบรมปัญญาเพื่อให้ปัญญาเป็นแสงสว่างขับไล่ความมืดมิดของโมหะ ให้บรรเทาเบาบางถึงหมดสิ้นไป ปัญญาจะช่วยให้เห็นถูกเห็นผิดตามความเป็นจริง และเมื่อเห็นตรงตามความเป็นจริงแล้ว การปฏิบัติย่อมไม่เป็นเหตุแห่งทุกข์โทษภัยของตนเองและของผู้ใดทั้งสิ้น

ทุกข์โทษภัยย่อมไม่มีแก่ตน อาจมีปัญหาว่าแม้ตนเองไม่ก่อทุกข์โทษภัยแก่ตนเองด้วยกระทำที่ไม่ถูกไม่ชอบทั้งหลาย แต่เมื่อยังมีผู้อื่นอีกเป็นอันมากที่ก่อทุกข์โทษภัยอยู่ แล้วเราจะพ้นจากทุกข์โทษภัยนั้นได้อย่างไร

ปัญหานี้แม้พิจารณาเพียงผิวเผิน ก็น่าจะเป็นปัญหาที่ต้องยอมจำนน คือต้องรับว่าถูกต้อง แต่ถ้าพิจารณาให้ลึกซึ้ง อย่าประกอบด้วยปัญญาแท้จริง ย่อมจะได้รับคำตอบแก้ปัญหาให้ตนไปได้อย่างสิ้นเชิง

เพราะผู้มีความเห็นชอบ ปราศจากโมหะ ย่อมเห็นได้ว่าไม่มีทุกข์โทษภัยใดจะเกิดแก่ตน ถ้าตนสามารถวางความคิดไว้ได้ชอบ เพราะความทุกข์ทั้งปวงเกิดจากความคิด

          O ผู้มุ่งปฏิบัติธรรม ต้องรู้จักพิจารณาเลือกเฟ้นธรรม

ผู้มุ่งมาบริหารจิต มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นจากกิเลส ต้องพิจารณาใจตนในขณะอ่านหนังสือหรือฟัง เรียกว่าเป็นการเลือกเฟ้นธรรม ธรรมใดกระทบใจว่า ตรงกับที่ตนเป็นอยู่ พึงปฏิบัติน้อมนำธรรมนั้นเข้าสู่ใจตน

เพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย ที่ท่านกล่าวว่า “เห็นบัณฑิตใด ผู้มีปกติชี้ความผิดให้ ดุจผู้บอกขุมทรัพย์ให้ ซึ่งมีปกติกล่าวกำราบ มีปัญญา พึงคบบัณฑิตเช่นนั้น เมื่อคบท่านเช่นนั้น ย่อมประเสริฐ ไม่เลวเลย”

“บัณฑิต” นั้นคือ “คนดีผู้มีธรรม หรือผู้รู้ธรรมปฏิบัติธรรมที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนนั่นเอง” การกล่าวธรรมของบัณฑิต คือ การกล่าวตามที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ และบัณฑิตนั้นมีพุทธภาษิตกล่าวไว้ด้วยว่า.....

“บุรุษจะเป็นบัณฑิตในที่ทั้งปวงก็หาไม่ แม้สตรีมีปัญญาเฉียบแหลมในที่นั้น ๆ ก็เป็นบัณฑิตได้เหมือนกัน”

           O สามารถหนีไกลจากกิเลสได้มากเพียงไร
           ก็สามารถแลเห็นพระพุทธเจ้าได้ใกล้ชิดเพียงนั้น

คนดีมีปัญญา คือคนมีกิเลสบางเบา โลภน้อย โกรธน้อย หลงน้อย กิเลสนั้นมีมากเพียงไร ก็ทำให้เหลือน้อยได้ ทำให้หมดจดอย่างสิ้นเชิงก็ได้ สำคัญที่ผู้มีกิเลสต้องมีปัญญา แม้พอสมควรที่จะทำให้เชื่อว่า กิเลสเป็นโทษอย่างยิ่ง ควรหนีให้ไกล สามารถหนีไกลกิเลสได้มากเพียงไร ก็สามารถเป็นคนดี เป็นบัณฑิตได้เพียงนั้น ทั้งยังจะสามารถแลเห็นพระพุทธเจ้าได้ใกล้ชิดเพียงนั้นด้วย

อ่านต่อได้ที่นี้ครับ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11321[/b][/size][/size][/b]
5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สภาพทางรถไฟที่ ขุนตาล คะ เมื่อ: ตุลาคม 12, 2011, 10:30:14 am



ภาพรางรถไฟที่ขุนตาลโดนน้ป่าเซาะ เป็นทางยาว
หลายสิบเมครจนใช้การไม่ได้ เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2554

ที่ถามว่า รถไฟวิ่งได้หรือยัง ก็ตอบว่า ยังเจ๊า คะ
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตะลึง แก้วมงคลหยดน้ำค้าง มีรอยตัวเลขชัด เมื่อ: กันยายน 23, 2011, 10:21:45 am
หลังมีการลูกแก้วขาวที่ทางวัดน้ำตกแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขุดพบจากซากเจดีย์โบราณหน้าวัดหลังจากขุดพระพุทธรูปโบราณได้ถึง 4 องค์....
จากกรณี วัดน้ำตกแม่สา หมู่ 1 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  ทำการขุดพบซากพระเจดีย์โบราณหน้าวัด  พบพระพุทธรูปโบราณอายุกว่า 500 ปีจำนวน 4 องค์ และพระเครื่องสิบสอง ตระกูลลำพูนอายุ 1,200 ปี พร้อมพระโกฐบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 3 องค์ สร้างความแตกตื่นโดยก่อนที่ขุดต่อได้มีงูกันปล้องดำเหลืองโผล่ขึ้นมาต่อหน้า ผู้คนจำนวนมากก่อนที่จะเลื้อยหาย แต่เมื่อขุดต่อไปพบลูกแก้วใสกลมขนาดเท่าผลมะนาว เชื่อว่าเป็นลูกแก้วปลายยอดพระเจดีย์โบราณ จึงได้นำมาเก็บไว้และการขุดยังดำเนินต่อไป  ภายในการควบคุมของทางกรมศิลปากร ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 ก.พ.  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบริเวณที่ทำการขุดซากเจดีย์โบราณ หน้าวัดน้ำตกแม่สา  พระครูฐานปนพงศ์ หรือ หลวงพ่อใจ เจ้าอาวาสวัด พร้อมทั้งนายสายกลาง จินดาสุ เจ้าหน้าที่หน่วยศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้มาดูแลการขุด  พบว่าแนวอิฐดินปรากฎเด่นชัดว่า เป็นซากพระเจดีย์โบราณ อย่างแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้มีการถกเถียงกันต่างๆนานา ว่า น่าจะเป็นวิหารหรือ พระอุโบสถ ทำให้การขุดค้นเป็นไปอย่างระมัดระวัง ในขณะนี้ คณะกรรมการการขุดค้นของวัด ได้พบว่ามีเสียงคล้ายมีช่องว่างอยู่ภายในดิน จึงให้ยุติการขุดในบริเวณที่น่าเชื่อว่าจะเป็นช่องว่างอาจจะเป็นไหใส่โบราณ วัตถุเช่นพระเครื่องและพระพุทธรูปโบราณอีกจึงขอให้รอไว้ก่อนเพื่อจะมีการ ประชุมกันอีกครั้ง



พระ ครูฐานปนพงศ์ กล่าวว่าในวันที่ 18 ก.พ.นี้เวลา 09.00 น. วัดจะได้จัดพิธีล้างพระพุทธรูปโบราณที่ค้นพบชุดแรก โดยจะมีการเชิญเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร นักวิชาการด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณะกรรมวัดและหมู่บ้าน มาร่วมเป็นพยานในการล้างพระพุทธรูป มีดินห่อหุ้มไว้จนแข็งใกล้จะเป็นหิน เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าเป็นพระพุทธรูปเนื้อข้างในเป็นอะไรบ้างและสร้างในสมัย ใด ในวันนั้นก็อาจจะให้ขุดบริเวณที่ต้องสงสัยว่า จะมีพระพุทธรูปฝั่งอยู่ อีกก็ขอให้ทางสื่อมวลชนเข้ามาร่วมในการเป็นพยาน ทั้งด้านพิธีล้างพระพุทธรูป และการขุดค้นต่อ

ขณะเดียวกัน พระครูฐาปนพงศ์ ได้นำลูกแก้ว ออกมาให้ทางคณะกรรมการวัดตรวจสอบเพื่อจะทำความสะอาด กำหนดจะทำพิธีล้างพระ พุทธรูปโบราณทั้งหมดที่ขุดพบและลูกแก้ว ปรากฏว่าเมื่อนำออกมาพบว่า ลูกแก้วมีรอยคล้ายถูกกระแทกด้วยของแข็งในวันที่ ขุดพบ ทำให้ชาวบ้านที่มามุงดูต่างระบุว่า รอยขุดขีดนั้นเหมือนกับตัวเลข จึงได้ตีความต่างๆนาๆเพราะในวันที่ 16 ก.พ.เป็นวันลอตเตอรี่ออก จึงสร้างความฮือฮาจึงพากันขอดูรอยขุดขีดที่ลูกแก้ว

เบื้องต้นพบว่า ลักษณะเป็นเลข 1 กับเลข 9 บางกลุ่มระบุว่า ลูกแก้วใสกลมเป็นเลข 0 และแก้วระบุชัดว่ามีเลข 9 อยู่  พระครูฐาปนพงศ์ เห็นเช่นนั้นจึงได้เก็บลูกแก้วไว้ เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านนำไปตีเลขเด็ดจนงมงาย  พร้อมทั้งได้กล่าวห้ามปรามเตือนสติว่าเป็นเพียงร่องรอยของแข็งไปกระทบในวัน ที่ขุดพบไม่ได้สังเกตเห็น

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากหลังมีการลูกแก้วขาวที่ทางวัดน้ำตกแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ขุดพบจากซากเจดีย์โบราณหน้าวัดหลังจากขุดพระพุทธรูปโบราณได้ถึง 4 องค์....

จากกรณี วัดน้ำตกแม่สา หมู่ 1 ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่  ทำการขุดพบซากพระเจดีย์โบราณหน้าวัด  พบพระพุทธรูปโบราณอายุกว่า 500 ปีจำนวน 4 องค์ และพระเครื่องสิบสอง ตระกูลลำพูนอายุ 1,200 ปี พร้อมพระโกฐบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 3 องค์ สร้างความแตกตื่นโดยก่อนที่ขุดต่อได้มีงูกันปล้องดำเหลืองโผล่ขึ้นมาต่อหน้า ผู้คนจำนวนมากก่อนที่จะเลื้อยหาย แต่เมื่อขุดต่อไปพบลูกแก้วใสกลมขนาดเท่าผลมะนาว เชื่อว่าเป็นลูกแก้วปลายยอดพระเจดีย์โบราณ จึงได้นำมาเก็บไว้และการขุดยังดำเนินต่อไป  ภายในการควบคุมของทางกรมศิลปากร ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 ก.พ.  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบริเวณที่ทำการขุดซากเจดีย์โบราณ หน้าวัดน้ำตกแม่สา  พระครูฐานปนพงศ์ หรือ หลวงพ่อใจ เจ้าอาวาสวัด พร้อมทั้งนายสายกลาง จินดาสุ เจ้าหน้าที่หน่วยศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้มาดูแลการขุด  พบว่าแนวอิฐดินปรากฎเด่นชัดว่า เป็นซากพระเจดีย์โบราณ อย่างแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้มีการถกเถียงกันต่างๆนานา ว่า น่าจะเป็นวิหารหรือ พระอุโบสถ ทำให้การขุดค้นเป็นไปอย่างระมัดระวัง ในขณะนี้ คณะกรรมการการขุดค้นของวัด ได้พบว่ามีเสียงคล้ายมีช่องว่างอยู่ภายในดิน จึงให้ยุติการขุดในบริเวณที่น่าเชื่อว่าจะเป็นช่องว่างอาจจะเป็นไหใส่โบราณ วัตถุเช่นพระเครื่องและพระพุทธรูปโบราณอีกจึงขอให้รอไว้ก่อนเพื่อจะมีการ ประชุมกันอีกครั้ง



พระ ครูฐานปนพงศ์ กล่าวว่าในวันที่ 18 ก.พ.นี้เวลา 09.00 น. วัดจะได้จัดพิธีล้างพระพุทธรูปโบราณที่ค้นพบชุดแรก โดยจะมีการเชิญเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร นักวิชาการด้านโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณะกรรมวัดและหมู่บ้าน มาร่วมเป็นพยานในการล้างพระพุทธรูป มีดินห่อหุ้มไว้จนแข็งใกล้จะเป็นหิน เพื่อจะได้ตรวจสอบว่าเป็นพระพุทธรูปเนื้อข้างในเป็นอะไรบ้างและสร้างในสมัย ใด ในวันนั้นก็อาจจะให้ขุดบริเวณที่ต้องสงสัยว่า จะมีพระพุทธรูปฝั่งอยู่ อีกก็ขอให้ทางสื่อมวลชนเข้ามาร่วมในการเป็นพยาน ทั้งด้านพิธีล้างพระพุทธรูป และการขุดค้นต่อ

ขณะเดียวกัน พระครูฐาปนพงศ์ ได้นำลูกแก้ว ออกมาให้ทางคณะกรรมการวัดตรวจสอบเพื่อจะทำความสะอาด กำหนดจะทำพิธีล้างพระ พุทธรูปโบราณทั้งหมดที่ขุดพบและลูกแก้ว ปรากฏว่าเมื่อนำออกมาพบว่า ลูกแก้วมีรอยคล้ายถูกกระแทกด้วยของแข็งในวันที่ ขุดพบ ทำให้ชาวบ้านที่มามุงดูต่างระบุว่า รอยขุดขีดนั้นเหมือนกับตัวเลข จึงได้ตีความต่างๆนาๆเพราะในวันที่ 16 ก.พ.เป็นวันลอตเตอรี่ออก จึงสร้างความฮือฮาจึงพากันขอดูรอยขุดขีดที่ลูกแก้ว

เบื้องต้นพบว่า ลักษณะเป็นเลข 1 กับเลข 9 บางกลุ่มระบุว่า ลูกแก้วใสกลมเป็นเลข 0 และแก้วระบุชัดว่ามีเลข 9 อยู่  พระครูฐาปนพงศ์ เห็นเช่นนั้นจึงได้เก็บลูกแก้วไว้ เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านนำไปตีเลขเด็ดจนงมงาย  พร้อมทั้งได้กล่าวห้ามปรามเตือนสติว่าเป็นเพียงร่องรอยของแข็งไปกระทบในวัน ที่ขุดพบไม่ได้สังเกตเห็น

 

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://www.dektube.com/action/viewarticle/8130/___________________________________________/?vpkey=74770928c1

7  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การทำสมาธิ ( แนวหลวงพ่อวิริยังค์ ) เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 12:23:24 pm
คำแนะนำการฝึกสมาธิจากหลวงพ่อวิริยังค์ เจ้าของหลักสูตรครูสมาธิ...แนะนำให้เดินจงกรมครึ่งชม.และนั่งสมาธิครึ่งชม.จะได้ผลเร็วขึ้น 

วัตถุประสงค์ของการทำ สมาธิ  คือการสร้างพลังจิต พลังจิตที่ได้จากการทำสมาธิมี ๒ ประเภท คือพลังหลัก และพลังเฉลี่ย
พลัง หลัก - จะถูกเก็บสะสมไว้ในจิต ไม่มีการแตกสลายตามกายเนื้อแต่สะสมข้ามภพ-ชาติ พลังเฉลี่ย - จะถูกใช้ไปในชีวิตประจำวัน การทำสมาธิ เริ่มจากการบริกรรม กำจัดความคิดและอารมณ์ต่าง ๆ ออกไป จนกว่าจิตจะสงบเบา   สมาธิต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่มีอารมณ์ กำจัดได้มากเท่าไรก็เป็นสมาธิได้ลึกเท่านั้น เพราะ การทำสมาธิเป็นการกะเทาะอารมณ์ออกจากจิต เปรียบดังกะเทาะสนิมออกจากเนื้อเหล็ก ความนึกคิด การเคร่งเครียดต่อการงานทุกวัน ทำให้สมองต้องทำงานตลอดเวลาไม่มีเวลาพัก   ยิ่งคิดหรือ  เคร่งเครียด มากก็ยิ่งเป็นเหตุให้สมองมีความเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่ากำหนด   การว่างจากความคิดเสียบ้าง จึงเป็นวิธีที่ทำให้สมองได้รับการพักผ่อน การทำสมาธิจึงเป็นการหยุดพักที่มีประสิทธิภาพ เปรียบเหมือนคนเดินทางไกลหลังจากการหยุดพักสักวัน ชั่วโมงหรือไม่กี่นาที ก็ย่อมได้เรี่ยวแรงกลับมา

การทำสมาธิ มี   ๒  แบบคือ สมถะ และวิปัสสนา
สมถะ ต้องการให้ทรงสติสัมปชัญญะ ได้ความสงบ สุขสบาย
วิปัสสนา เพื่อการรู้แจ้งเห็นจริง ใช้ปัญญาเป็นเครื่องภาวนาตามความเป็นจริงของขันธ์ ๕
การ ทำสมาธิเบื้องต้นจำต้องมีสมถะ คือ ควบคุมอารมณ์จิตให้ทรงอยู่   ถ้าอารมณ์ไม่ทรงตัว วิปัสสนาจะไม่มีผล เป็นวิปัสสนาตะครุบเงา หรือวิปัสสนาตกน้ำ

วิปัสสนา ตกน้ำ                    คำพังเพย
เหมือนเงาเพชรใต้น้ำเอย        บอกให้
งมเอาเพชรเลย                   งมเปล่า    แลนา
วิปัสสนาขาดสมาธิไซร้          ผิดแล้ว    ทางกลาง   
         
   
การ ทำสมาธิต้องมีขั้นตอน การทำสมาธิขั้นต้นจึงต้องปูรากฐานด้วยความระมัดระวัง ควรจะมีผู้รู้คอยแนะนำ เปรียบเหมือนขั้นตอนของหมอรักษาโรคภัยไข้เจ็บ คนที่ไม่ไปหาหมอ แต่ซื้อยามารับประทานเองตามคำแนะนำ ของบางคน อาจจะเป็นอันตรายหรือไม่ปลอดภัย เช่นเดียวกับผู้ฝึกสมาธิที่ไม่มีครูอาจารย์แนะนำ คลำ ๆ ทำไป ก็คงจะได้ผลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แน่นอน เหมือนกับคนไข้รับประทานยากลางบ้านไม่มีหมอสั่งให้
สมาธิมีคุณสมบัติ : ซึมซาบ อ่อนละมุน นุ่มนวลแต่เหนียวแน่น เหมือนลมละเอียดชนิดหนึ่งที่ถูกกลั่นกรองแล้วคล้ายปุยนุน เพียงแต่ปุยนุ่นไม่แกร่ง แต่สมาธิแกร่ง

ขั้นตอนของ การเดินจงกรม
๑. กำหนดเส้นทางจงกรม
๒. ยืนตรงจุดเริ่มต้นทางเดินจงกรม พนมมือระหว่างอกแล้ว หลับตากล่าว คำอธิษฐานเดินจงกรม ว่า
" เมตตา  กรุณา  มุทิตา  อุเบกขา "
ขอให้ใจของข้าพเจ้าาจงสงบเป็นสมาธิ
ยกมือที่พนมสูงขึ้นระหว่างคิ้ว กล่าวในใจว่า "สาธุ"
๓. เอามือลง ใช้มือขวาจับมือซ้าย ห้อยมือพอสบายไม่เกร็ง
๔. กำหนดจิตไว้ที่หน้าผาก ไม่ต้องหลับตา ตามองทางเดินจงกรมไกลว่าตัวประมาณ ๑.๕ - ๒ เมตร
๕. เริ่มบริกรรมคำว่า " พุทโธ ๆ " อยู่ในใจ พร้อมก้าวเท้าขวาเดินตามด้วยเท้าซ้าย ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป เดินในลักษณะเดินปกติ
๖. เมื่อเดินสุดทางจงกรม ให้ค่อย ๆ หมุนตัวกลับทางขวา ยืนทรงตัวตรง แล้วจึงเริ่มก้าวด้วยเท้าขวาเหมือนตอนเริ่มต้น
๗. เมื่อครบตามเวลาทำกำหนด ให้ยืนตรงจุดเริ่มต้นเดิน พนมมือระหว่างอก กล่าวในใจว่า
" สัพเพ  สัตตา  สุขิตา  โหนตุ "
ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุข  ๆ  เถิด
แล้วยกมือที่พนมขึ้นระหว่างคิ้วแล้วกล่าวในใจว่า  " สาธุ " เป็นอันจบพิธีการเดินจงกรม


วิธีนั่งสมาธิ
นั่งขัดสมาธิ ขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายตรง ยกมือพนมระหว่างอก กล่าวคำอธิษฐานสมาธิ
" ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาล ให้เจ้าของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ... พุทโธ ธัมโม สังโฆ ... พุทโธ ธัมโม สังโฆ ... พุทโธ ๆ  ๆ
เอามือลง วางบนตัก  มือขวาทับมือซ้าย  หลับตาเบา ๆ บริกรรม พุทโธ ๆ ๆ   ........ ในใจจนกว่าจะเลิก ตามเวลาที่กำหนด
หลังจากนั้นให้ตั้งใจสวดแผ่เมตตาพิเศษ  ดังนี้

สัพเพ  สัตตา  สะทา โหนตุ,  อะเวรา  สุขะชีวิโน
ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง, สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต
ขอให้สัตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ อันที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ

หมั่นศึกษาเพิ่มเติมฟังธรรม หา พระอาจารย์บ้างตามสมควร แล้วท่านจะประสบความสำเร็จครับ
ขออนุโทสาธุด้วยครับ

จากคุณ    : มันตรัย2009
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / หลังจากนั่งกรรมฐาน แล้ว เกิดโรคอย่างหนึ่งแก่ดิฉันคะ.... เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 09:54:06 am
หลังจากที่ดิฉันได้นั่งกรรมฐาน มาเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวานคืนก่อนก็นั่งตามปกติ อีกประมาณ 2 ชั่วโมง
ก็เป็นเวลา 22.40 น. โดยประมาณ ปรากฏว่า มีโรคเกิดขึ้นคะ คือ โรคนอนไม่หลับ ก็เลยหลับตา
ตั้ง จิตไว้ ที่ กลางหน้าอก แล้วภาวนา พุทโธ ไปเรื่อย ๆ คะ ก็ไม่หลับ จนกระทั่ง ถึงตี 5 เลยหลับได้
แต่ก็ต้องตื่น 6 โมง คะเพราะเตรียมตัวไปทำงานคะ

  คือว่า ทีแปลกใจคือ ไปทำงานก็คิดว่าต้องง่วง แน่ ๆ คะแต่ก็ไม่ง่วง นะคะ พอกลับจากทำงานมาก็
คิดว่า วันนี้จะนอนให้อิ่มเลย ก็ปรากฏว่ามีอาการเิดิมอีกคะ คือ นอนไม่หลับ มาหลับเอาตอนที่ 4 อีก
เป็นอย่างนี้มา 2 วันแล้วคะ

  เกรงว่าจะมีผลต่อการทำงาน คะ ใครมีวิธีแก้ไขบ้างคะ

  :c017: :41:
9  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ข้อความส่วนนี้ มีอยู่ในพระไตรปิฏก ตอนไหน ใครรู้บ้างคะ เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2011, 10:01:39 am
ครั้นกาลล่วงนานมาในห้าพันปี พระบรมธาตุทั้งหลายนี้เสด็จไปสู่ลังกาเกาะ เพื่อที่จะทรงสงเคราะห์ชาวสิงหฬ ให้เกิดสวัสดิมงคลด้วยกระทำสักการบูชาพระคุณ เมื่อถึงกาลพระพุทธศาสนาใกล้จะสิ้นสูญครบจำนวนถ้วนห้าพันปี พระบรมธาตุทั้งหลายนี้จะเสด็จไปสู่ที่พระเจดีย์ฐานดำรงอยู่โดยจำเนียรกาลบ่ มิได้คลาด ครั้นถึงพระพุทธศักราชล่วงได้สี่พันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าพรรษาเศษ สังขยาเดือนล่วงได้สิบเอ็ดเดือนกับยี่สิบสองวัน วันพฤหัสบดีเดือนหกขึ้นเก้าค่ำ คิมหันตฤดูปีชวดนักษัตรอัฐศก เวลารุ่งอรุโณทัย พระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายนี้ไซร้ จะเสด็จไปสู่สถานที่สันนิบาตมิทันนาน ทรงทำยมกปาฏิหาริย์ด้วยพุทธฤทธิ์อันพิเศษ บังเกิดเป็นพุทธนิเวศน์ แลพระพุทธวรกายสูงได้สิบแปดศอก เปล่งพระรัศมีออกสิบหกประการ มีพระบวรสัณฐานวิจิตรจำรัสศรีสุนทโรภาส ทรงพระสิริวิลาศอันเพริศแพร้ว ดวงพระพักตร์ผุดผ่องแผ้ว ดังสีสุวรรณทองแท่งธรรมชาติ พระรูปองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถ เสด็จขึ้นสถิตนั่งเหนือรัตนบัลลังก์อาสน์ทรงพระสมาธิมั่นในควงต้นไม้พระศรี มหาโพธิ์ ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ โปรดสัตว์คนธรรพ์เทวะนิกรอมรฤษีสิทธิ์พิทยาธรกินนรนาคราช ทั้งหมู่อสุระเดียรดาษนั่งแน่นเหนือพื้นแผ่นพสุธา สตฺตาห ทรงตรัสพระธรรมเทศนาโปรดสัตว์อีกเจ็ดวัน ในครั้งนั้นได้สี่อสงไขยสองล้านสามแสนหกสิบเจ็ดพันโกฏิแล้ว พระเตโชธาตุก็พวยพุ่งรุ่งโรจน์โชตนาการ สังหารพระบวรพุทธสริรธาตุให้สิ้นสุดในวันพุธเดือนหกขึ้นสิบ(ห้า)ค่ำ ปีชวดนักษัตรอัฐศก พระพุทธศาสนาก็บรรจบครบจำนวนถ้วนห้าพันพรรษา
อหํ วนฺทามิ ธาตุโย ข้าพเจ้าขอน้อมนมัสการพระบรมสารีริกธาตุทั้งหลาย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น, อหํ วนฺทามิ สพฺพโส ข้าพเจ้า ขอนมัสการองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ด้วยประการทั้งปวง


ที่มา
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=18144
10  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watkhaowong.com/ วัดเขาวง ( ถ้าำนารายณ์ ) สระบุรี เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 12:56:21 pm


http://www.watkhaowong.com/

เคยไปทำบุญและปฏิบัติธรรมที่นี่ คะ อากาศดี วัดสะอาดมากคะ

ปฏิบัติ มโนมยิทธิ ในสายวัดท่าซุงคะ



แนะนำอีกทีนะคะ

 :25:

11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สงกรานต์ คนเยอะจริง ๆ วันสุดท้าย เมื่อ: เมษายน 16, 2011, 09:48:59 am
สงกรานต์เริงร่าประชาชนแห่รวมตัวเล่นน้ำวันสุดท้ายคึกคัก  ขณะประชาชนบางส่วนเริ่มทยอยกลับเมืองหลวงหลังหยุดยาว

เมื่อ วันที่ 15 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการ เล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ถนนสีลม เป็นไปอย่างคึกคัก ขณะจนท. คอยรักษาความปลอดภัย ส่วนที่ถนนข้าวสาร โชคชัย 4 ดอนเมืองและอีกหลายพื้นที่ยังคงมีประชาชนออกมาเล่นกันอย่างคึกคัก เช่นเดียวกับทั่วทุกจังหวัดที่มีประชาชนทยอยออกมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางการรักษความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่

ส่วนถนนสีลม เป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ต่างทยอยกันออกมาเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานอย่างไม่ขาดสาย โดยบริเวณหน้า ถนนคอนแวนต์ได้มีการนำรถฉีดน้ำฉีดดับเพลิงขนาดใหญ่ ของ อปพร.เขตบางรัก นำมาเติมน้ำบริการประชาชน ในพื้นที่ และมีการนำเครื่องเสียงมาเปิดเพื่อสร้างความคึกคักกันอยู่เป็นจุดๆ  แต่อย่างถึงไรตามยังพบการจำหน่ายแป้งดินสอฟองและเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เช่น เบียร์ สุรา ให้กับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18  ปี อยู่ทั่วไป โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูและในพื้นที่เลยแม้แต่หน่วยงานเดียว

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนและกลุ่มวัยรุ่นนับหมื่นคนเดินทางไปรวมตัวเล่นสาดน้ำที่บริเวณถนนอู่ ทอง ต.หอรัตนไชย ช่วงใต้สะพานปรีดี-สามแยกสาธารณสุข ความยาวกว่า 2  กม.ด้วยการเดินเล่นสาดน้ำ และใช้รถบรรทุกน้ำเข้าไปเล่น ซึ่งจุดนี้ทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา นำถังน้ำขนาดใหญ่แล้วเปิดน้ำใส่ตลอดเวลา ให้เล่นกันอย่างเต็มที่  มีกลุ่มวัยรุ่นหญิงบางคนแต่งชุดไม่สุภาพด้วยการนุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อบิกินี่   ขึ้นเต้นแบบโคโยตี้บนรถปิกอัพติดเครื่องเสียง  ด้วยท่าทางลีลาเย้ายวน  สร้างความสนุกสนานให้กับกลุ่มวัยรุ่นชาย   แบบสุดเหวี่ยง เป็นการทิ้งทวนในวันมหาสงกรานต์ชาวกรุงเก่า  โดยมี เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาอำนวยความสะดวกการจราจร  นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันจำนวนมาก     นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวัยรุ่นบางคนร้อนจัดถึงกับลงไปกระโดดน้ำเล่นบริเวณท่า น้ำใต้สะพานปรีดีด้วย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากประชาชนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. ที่ผ่านมา และในนช่วงสายของวันที่นี้ ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มทยอยเดินทางกลับกรุงเทพแล้วบางส่วนทำให้การจราจรติดขัด บางช่วงโดยเฉพาะในตัวเมืองนครสวรรค์เริ่มแออัดตามจุดแยกต่างๆที่มีสัญญานไฟ จราจร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เปิดสัญญาณไฟจราจรให้รถยนต์วิ่งใช้เส้นทางตามปกติ   ส่วนรถยนต์ที่มาจากสายพิษณุโลก-นครสวรรค์ ต้องวิ่งผ่านสี่แยกพหลโยธินเข้าสามแยกอุทยานสวรรค์ เข้าสี่แยกเดชาติวงศ์ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จราจรได้พยายามแก้ไขปัญหาด้วยการคุมสัญญานไฟให้รถทางตรง วิ่งยาวตลอดเข้ากรุงเทพได้มากกว่าปกติ ทำให้สภาพการจราจรเริ่มคล่องตัวขึ้น แต่ก็ยังมีรถยนต์ที่เดินทางกลับเข้ากรุงเทพวิ่งมาตามถนนสาย พิษณุโลก-นครสวรรค์ อย่างต่อเนื่อง

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=132981
12  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กรรมของใคร บาปหรือไม่ อย่างนี้ เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 09:28:51 am
กรรมของใคร บาปหรือไม่ อย่างนี้






 :smiley_confused1:
13  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การดูกีฬา เหล่านี้เป็นบุญหรือบาป คะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 03:36:44 pm
เห็นคุณพ่อ เป็นคนชอบดูคะ

 มีรายการ มวยไทย มวยปล้ำ เป็นต้นคะ

 เห็นดูแล้วออกอาการเชียร์นอกจอด้วยคะ

ไม่ทราบการดูอย่างนี้เป็นบาปมากหรือไม่คะ

  :smiley_confused1:
14  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / สวดมนต์ จำเป็นต้องขึ้น นะโม หรือไม่ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 03:34:10 pm
แบบว่า สวดแค่ พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ แล้วนอนเลยได้หรือไม่ ?

เพราะเห็นบทสวดวางรูปแบบไว้ หลายบทมาก

สวดเท่านี้ พอหรือไม่คะ

 :25:
15  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สิ่งปิดบัง พระไตรลักษณ์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2011, 03:31:47 pm
ที่เราไม่อาจเห็นพระไตรลักษณ์ได้ชัดนั้น  ก็เพราะมีสิ่งปิดบังพระไตรลักษณ์อยู่ 3 ชนิด
1. สันตติ  ความสืบต่อ  เป็นตัวปิดบัง อนิจจัง เอาไว้
2. อิริยาบถ  เป็นตัวปิดบัง ทุกขัง เอาไว้
3. ความเป็นก้อน  เป็นตัวปิดบัง  อนัตตา  เอาไว้

ไม่ค่อยจะเข้าใจ จากหนังสือ วิปัสสนาเล่มหนึ่งกล่าวไว้อย่างนี้
ขอท่านผู้รู้ช่วยอธิบายเพิ่มด้วยคะ

 :c017:
16  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นอนไม่หลับ เวลาใจสับสน กำหนดกรรมฐาน อย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2011, 01:33:36 am
คืนนี้นอนไม่หลับ เพราะมีความทุกข์ กำหนดกรรมฐานไม่ได้
ทำอย่างไรดีคะ ที่จะกำหนดกรรมฐาน ให้ได้ในระหว่างที่ใจมีความทุกข์

มีความรู้สึก ร้อนรุ่ม กระวน  กระวาย ( ปัญหาก็จากเรื่องความรัก คะ )
ช่วยด้วยคะ ถ้าใครไม่หลับตอนนี้ โปรดแนะนำด้วยคะ ว่าทำอย่างไรดีคะ

 :73: :03: :73:
17  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ขับรถเที่ยวเชียงใหม่ แม่วาง-แม่จอนหลวง Posted by cm_coffee เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:14:03 pm
ขับรถเที่ยวเชียงใหม่ แม่วาง-แม่จอนหลวง Posted by cm_coffee


    เส้นทางขับรถยนต์ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ สู่สถานที่พักผ่อนในขุนเขา
ที่มีแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางหลายแห่งด้วยกัน คือเส้นทางจากเชียงใหม่
ล่องใต้ไปตามทางหลวง 108 ไปราว 27 กิโลเมตรผ่านอำเภอสันป่าตอง
จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ทางหลวงชนบท ไปยังอำเภอแม่วาง แล้วตรงไป
ตามเส้นทางสู่บ้านแม่วิน ผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนามองไปสุดสายตาทิศตะวันตก

เห็นทิวทัศน์เทือกดอยอยู่ด้านหน้า อีกราว 20 กว่ากิโลเมตรก็จะวิ่ง
เลียบลำห้วย ธารน้ำ แหล่งพักผ่อนท่องเที่ยว บ้านแม่วิน ซึ่งมีล่องแพ และ
ปางช้าง สำหรับกลุ่มท่องเที่ยวแบบแทรกกิ้งทัวร์ ที่จะล่องแพไม้ไผ่
ซึ่งจัดไว้หลายขนาด ทั้ง 2-6 คนในแต่ละแพ และ สำหรับผู้ชื่นชอบ
ในการนั่งช้างเดินเที่ยวในป่าเขา ของสถานที่แห่งนี้

หากท่านออกจากตัวเมืองเชียงใหม่แต่เช้าหน่อย ก็มีเวลาพอสำหรับการ
นั่งช้าง เดินเที่ยวชมวิวชายป่า แต่จะล่องแพคงจะไม่มีเวลาพอเดินทาง
ต่อไปไปจุดอื่นๆให้ถึงปลายทางแม่จอนหลวง ในวันเดียวได้...

จากนั้นจะเดินทางต่อจากบ้านแม่วิน เป็นเส้นทางคดเคี้ยวและ
ขึ้นเขาไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ สู่บ้านป่าเกี๊ย(ป่าไม้สน) ที่มีความสูง
ประมาณพันกว่าเมตรจากระดับน้ำทะเล วิ่งผ่านทางค่อนข้างแคบคดเคี้ยว
สองข้างทางเป็นป่าไม้สนสามใบขึ้นตลอดทาง และ มีจุดพักผ่อนชมวิว



ออกเดินทางต่อไปสักระยะหนึ่ง จะมีทางแยกซ้ายมือเพื่อไปยัง
ด้านเทือกเขาอินทนนท์ ด้านเขตอำเภอแม่แจ่ม ทางเส้นนี้ไปปรับปรุง
ลาดยางใหม่แล้ว ที่จะลัดไปสู่เส้นทางดอยอินทนนท์ได้ด้วย

วิ่งต่อไปตามเส้นทางราวสิบกว่ากิโลเมตร ผ่านหมู่บ้านขวามือ
จะมีทางแยกขวาเพื่อเดินทางเดิมไปยัง บ้านแม่จอนหลวง
เป็นทางลูกรังใช้รถกะบะ วิ่งผ่านได้สบายๆ

วิ่งผ่านไปตามเส้นทางปรับปรุงใหม่ราวอีกสิบกว่า กม.มีทางแยกขวา
หน้าหมู่บ้านไปสู่ปลายทางที่หมาย บ้านแม่จอนหลวงราว 5-6 กม.



บ้านแม่จอนหลวง เป็นที่ตั้งของโครงการเกษตรหลวงฯ
ทดลองปลูกพืชเมืองหนาว ชา และ กาแฟ ของกรมวิชาการเกษตรฯ
อยู่ด้านตะวันตกของเทือกเขาอินทนนท์ ติดเขต อ.แม่แจ่ม



มีสำนักงานที่ทำการ สโมสร และ บ้านพักรับรองนักท่องเที่ยว
ห้องประชุม และ ที่พักเป็นหมู่คณะเพื่อศึกษา-ดูงานด้านการเกษตรฯ
มีบริเวณพื้นที่ลาดเชิงดอยกว้างขวาง ในธรรมชาติที่สงบสวยงาม


มีจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยว สามารถเห็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าจากยอดดอย
ในยามเย็น และ มีบริเวณที่จัดไว้ให้กางเต้นท์แคมป์พักได้จำนวนมาก
รวมทั้งบ้านพัก ที่จัดให้บริการแด่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนด้วย


โครงการเกษตรหลวงขุนวาง มีทิวทัศน์แปลงทดลอง และ ไร่ชา
เป็นลักษณะไร่เชิงดอย แบบขั้นบันใด เป็นแปลงไม้ผลด้วย


 

   


 

   เส้นทาง-ติดต่อที่พัก
    ๐ เส้นทางแรกนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับรถท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
        แวะพักผ่อนสถานที่ต่างๆ รวมระยะทางจากเชียงใหม่ไป ราว 70 กม.
     ๐  และ สามารถเดินทางไป-กลับ เส้นที่สะดวกสบายกว่าได้ ในเส้นทาง
     สู่ดอยอินทนนท์ แล้วแยกเข้าเส้นทาง ณ บ้านขุนกลาง ไปอีกราว 16 กม.
     ผ่านโครงการหลวงขุนวาง ไปยังบ้านแม่จอนหลวงได้ ระยทาง 115 กม.
 
๐ สำหรับที่พัก ท่านจะสามารถติอต่อล่วงหน้า ได้ ณ ศูนย์วิจัยเกษตรหลวง
   เชียงใหม่ โทรฯ 053.432275-6





















ขอบคุณรูปภาพ จาก http://www.oknation.net/blog
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เปรียบเทียบผู้หญิงตามอายุในสายตาผู้ชาย เมื่อ: มกราคม 04, 2011, 12:12:16 pm


เปรียบเทียบผู้หญิงตามอายุในสายตาผู้ชาย

 

อายุ 10-15

จะเหมือนดอกไม้ที่น่าถนุถนอมดั่งเพชรในหิน (น่าเอ็นดู)

อายุ 15-20

จะเหมือนลูกฟุตบอลที่คนต่างแย่งกันเตะ (แย่งกันครอบครอง)

อายุ 20-25

จะเหมือนลูกเทนนิสที่ตีตอบโต้กันไปแล้วแต่ยถกรรม (ตีกันไปตีกันมาเข้าหน้าผู้ชม)

อายุ 25-30

จะเหมือนใบไม้ที่ร่วงโรย มีคนเก็บบ้าง ปล่อยร่วงเลยบ้าง (ไม่ค่อยมีคนสนใจ)

อายุ 30-35

จะเหมือนลูกกอล์ฟที่คนหวดและตี (ตีไปห่างๆ) และลงหลุมไป (ไกลๆ) ยิ่งดี (ประมาณว่าไม่เอา)

อายุ 40 ขึ้น

จะเหมือนพระเอาไว้บูชาบนหิ้งบนศาลเพื่อความเป็นสิริมงคล

อายุ 50 ขึ้น

จะเหมือนสิ่งแปลกปลอมที่อยากไล่ไปไกลๆ

อายุ 60 ขึ้น

จะเป็นสิ่งที่เคารพรัก (และเทิดทูน)

 

แต่ความจริงแต่ผู้หญิงคนนั้นรวย

จะเปรียบเหมือนตู้ ATM เคลื่อนที่

 

ตรงรึเปล่าค่ะ ? ^^
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ครูบาอินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่ เมื่อ: ธันวาคม 31, 2010, 11:30:49 am


 


อมตะมหาเถราจารย์แห่งเมืองนครพิงค์ ผู้สูงยิ่งด้วยศีล จริยาวัตร

เชี่ยวชาญสรรพวิชาพุทธาคมตามตำราโบราณล้านนา จนเป็นที่ประจักษ์ทั่วไป

ดังคำกล่าวของบรรดาพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่ว่า

 

“ขอเธอจงไปกราบครูบาอินที่เชียงใหม่และขอศึกษาวิชาจากท่านให้ดีๆ เถิด

ท่านเป็นพระผู้เก่งกล้าสามารถมากจริงๆ”

เป็นคำกล่าวของหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม จังหวัดชัยนาท

 

“ดีอยู่แล้ว ดีอยู่แล้ว พระของครูบาอิน ไม่ต้องเสกอะไรอีกแล้ว”

หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง

 

“จิตของครูบาอิน ประภัสสรยิ่งแล้ว”

หลวงพ่อชม วัดโป่ง จังหวัดชลบุรี

 

“ครูบาอิน ท่านมีจิตมีจิตบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งเลยทีเดียว”

ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน

 

“หลวงปู่ครูบาอิน วัดฟ้าหลั่งนั้น ดีที่หนึ่งเลย”

หลวงปู่สิม  พุทธาจาโร สำนักสงฆ์ผาปล่อง จังหวัดเชียงใหม่

 

“ครูบาอินท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบนะ”

หลวงพ่อดาบส สุมโน อาศรมไผ่มรกต จังหวัดเชียงราย

 ฯลฯ

 หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท ถือเป็นพระเถระสำคัญผู้เจริญด้วยพรรษาสูงแห่งเชียงใหม่

อีกทั้งยังเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรม

ที่มีให้แก่ผู้เคารพนับถือตราบวาระสุดท้ายของชีวิต

อันเป็นเหตุให้สมควรนำเถรประวัติและคำสอนของท่าน

มาเผยแพร่เป็นสังฆบูชาสืบต่อไป

ที่มาประวัติหลวงปู่ครูบาอ่านได้จากที่นี่ครับ

http://krubain.awardspace.com/history_kruba.htm
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ช็อก! พ่อแม่ผิวสีเมืองผู้ดีให้กำเนิดลูกผิวขาว เมื่อ: ธันวาคม 28, 2010, 04:36:48 pm


"แม้ว่าผมจะค่อนข้างตกใจว่า เอ็นมาจิ ใช่ลูกผมจริงหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่าเธอคือลูกของผม และเธอคือปาฏิหาริย์จากพระเจ้า เป็นความสวยงามจากพระเจ้า ตามความหมายของคำว่า เอ็นมาจิ ในภาษาบ้านเกิดของผมในไนจีเรีย" เบนผู้เป็นบิดา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ไบรอัน สไปค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุกรรมจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ยืนยันว่ากรณีของหนูน้อยเอ็นมาจิถือเป็นเรื่องที่น่าพิศวง แต่หนูน้อยรายนี้ไม่น่าจะใช่เด็กเผือกแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุที่ทำให้เธอมีสีผิวเป็นสีขาว แตกต่างจากพ่อแม่น่าจะมาจากยีนผิวขาวที่หายไปในหลายช่วงคน ก่อนที่จะกลับมาปรากฏอีกครั้งในตอนนี้มากกว่า
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งกรรมฐาน แล้วรู้สึก มีคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านหน้า ด้านหลัง เมื่อ: ธันวาคม 16, 2010, 03:39:01 pm
นั่งกรรมฐาน แล้วพอภาวนาได้ อยู่กับพุทโธ แล้ว ก็ฐานจิต แล้ว ปรากฏว่า

มีความรูสึก เหมือน มีคนเดินป้วนเปี้ยน อยู่รอบตัว อันนี้ควรทำอย่างไรดีคะ

 :25:
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตำนานเรื่อง นารีผล เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 10:12:29 am

นารีผล หรือมักกะลีผล หรือมัคคะลีผล เป็นพืชวิเศษชนิดหนึ่ง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ ว่ากันว่า นารีผล ขั้วลูกอยู่ด้านบนศีรษะ มีรูปร่างเป็นหญิง ผลสด รูปร่างสะโอดสะอง สมส่วน ผิวพรรณงดงาม ปานเทพธิดา

ข้าพเจ้า เคยได้ยินเรื่องเล่าถึงนารีผล ในใจก็ใคร่อยากชมดูอยู่เหมือนกัน แต่จนใจ เราไม่มีตาทิพย์ ไม่มีฤทธิ์ จึงมิอาจไปชมดูได้... จึงได้แต่ตั้งจิตอธิษฐาน ขอเห็นในนิมิตฝันก็ยังดี... เมื่อจิตเป็นสมาธิดี เกิดนิมิตขึ้น ก็ได้เห็นนารีผลจริงๆ แต่เป็นนารีผล ที่มีใครไม่ทราบเด็ดมาจากต้นแล้ว นั่นคือข้าพเจ้า ไม่ได้เห็นต้นนารีผล เห็นเพียงร่างนารีผล ที่นอนเปลือยเปล่าอยู่พื้นหินแห่งหนึ่ง เท่านั้น... แต่นิมิต ก็คือภาพนิมิต ไม่ใช่ความจริง ไม่เหมือนเห็นด้วยตาจริง เชื่อถือไม่ได้...



ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า

เมื่อประมาณหลายหมื่นปีก่อน ครั้งที่พระเวสสันดร พระนางมัทรี พร้อมด้วยบุตร ๒ คนคือ ชาลีกุมาร และ กัณหาชิณากุมารี ถูกเนรเทศจากนคร ได้เดินทางสู่ป่าหิมพานต์ และบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั้น

ที่ป่าหิมพานต์ มีสัตว์ป่ามากมายอันตรายรอบด้าน ทว่า สัตว์ป่าทั้งหลาย เมื่อได้รับเมตตาจิตจากพระเวสสันดร ก็คลายความดุร้ายลง กลายเป็นมิตร ... นอกจากสัตว์ป่าทั้งหลายแล้ว ก็ยังมีดาบส ฤๅษี นักสิทธิ์ วิทยาธร คนธรรพ์ ทั้งหลายอาศัยอยู่ หรือไปมาอยู่เรื่อยๆ พระนางมัทรี ผู้มีรูปร่างโสภา บางครั้งออกหาอาหาร หาผลไม้ตามลำพังคนเดียว หากนักสิทธิ์ วิทยาธร ตลอดถึงฤๅษี มาพบเข้า อาจตบะแตก แล้วล่วงศีลได้...

ท้าวสักกะเทวราช ซึ่งเป็นพระอินทร์ เล็งเห็นเหตุร้ายนี้แล้ว เพื่อเป็นการป้องกัน พระองค์จึงเนรมิต ต้นไม้วิเศษ ไว้รอบทิศ ณ ที่ไกล ก่อนถึงถิ่นแดน อันเป็นที่พำนักของพระเวสสันดรและนางมัทรี รวม ๑๖ ต้น

ต้นไม้วิเศษนี้ ออกผลซึ่งมีรูปร่างเหมือนสตรี ผลโตเต็มที่ จะมีทรวดทรงปานสาวงามแรกรุ่น แต่ผิวพรรณ ทรวดทรงองค์เอว รูปร่างหน้าตา งดงามปานเทพธิดา...

ว่ากันว่า จริงๆ แล้ว ผลหนึ่งผล ก็คือรุกขเทพธิดาหนึ่งนาง หรือ เมื่อต้นนารีผลออกดอก เสมือนเกิดวิมานแห่งรุกขเทพธิดาขึ้นที่นั่น เมื่อติดลูก ก็คือเทพธิดาจุติลงมาเกิดที่นั่น ความสวยงามสมบูรณ์แห่งผลนารีผล แต่ละผล จึงสวยงามต่างกัน ขึ้นอยู่กับบุญของเทพธิดาแต่ละนางด้วย...

เมื่อเหล่านักสิทธิ์ วิทยาธร เดินทางมาพบเข้า หากจิตใจไม่เข้มแข็งพอ ตบะแตก ก็จักได้เสพบำเรอกับนารีผล... เมื่อตบะแตก ฤทธิ์เสื่อม เหาะไปต่อไม่ได้ ... เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ไม่มีทางจะได้พบกับพระนางมัทรี.... การจะเดินทางต่อ หรือออกไป จำต้องบำเพ็ญเพียรใหม่ ยกระดับจิตขึ้นแล้ว จึงกลับออกมาได้....

นี่คือด่านป้องกัน ไม่ให้ใครไปล่วงศีลกับพระนางมัทรี และเทพธิดาที่จุติไปเกิดที่นารีผล แต่ละนางก็ไปด้วยกรรมของตน มิได้บังคับไปแต่อย่างใด

แม้ว่า พระเวสสันดร พระนางมัทรี จะเสด็จออกจากป่าเข้าเมืองไปแล้ว ต้นนารีผล ก็ยังคงมีอยู่ในที่นั้น ตราบเท่าทุกวันนี้ ยังมีดอกหอมกรุ่น มีนารีผลห้อยระย้าอยู่ดังเดิม แม้ลูกที่หมดอายุขัยจะร่วงหล่นเหี่ยวเฉาไป ลูกใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่ไม่ได้ขาด

ว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะกล้า กิเลสสงบรำงับ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่น ก็มี

และว่ากันว่า พวกนักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา

นารีผล เป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมาเก็บเอาไป

มีเรื่องราวในอรรถกถาเกี่ยวกับนารีผลตอนหนึ่งว่า

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ณ กาสิกรัฐ เจริญวัยแล้ว ถึงความสำเร็จในสรรพศิลปศาสตร์แล้วบวชเป็นฤๅษี มีมูลผลาผลในป่าเป็นอาหาร ยังอัตภาพให้เป็นไปในป่ากว้าง. ครั้งนั้น แม่เนื้อตัวหนึ่ง เคี้ยวกินหญ้าอันเจือด้วยน้ำเชื้อ ในสถานที่ปัสสาวะของพระดาบสนั้นแล้วดื่มน้ำ.

และด้วยเหตุเพียงเท่านี้เอง มันมีจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ในพระดาบส จนตั้งครรภ์ นับแต่นั้นมาก็ไม่ยอมไปไหน เที่ยวอยู่ใกล้ ๆ อาศรมนั่นเอง. พระมหาสัตว์กำหนดดูก็รู้เหตุนั้นทั่วถึง ต่อมา แม่เนื้อคลอดบุตรเป็นมนุษย์. พระมหาสัตว์จึงเลี้ยงทารกนั้นไว้ด้วยความรักใคร่ว่าเป็นบุตร ตั้งชื่อให้ว่า อิสิสิงคกุมาร ในเวลาต่อมา พระมหาสัตว์ จึงให้อิสิสิงคกุมารผู้รู้เดียงสาแล้วบวช ในเวลาตนชราลง ได้พาดาบสกุมารนั้นไปสู่นารีวัน (ป่านารีผล) กล่าวสอนว่า

ลูกรัก ขึ้นชื่อว่าสตรีเช่นกับดอกไม้เหล่านี้ มีอยู่ในป่าหิมพานต์นี้ สตรีเหล่านั้นย่อมยังชนผู้ตกอยู่ในอำนาจตน ให้ถึงความพินาศอย่างใหญ่หลวงได้ ไม่ควรที่เจ้าจะไปสู่อำนาจของสตรีเหล่านั้น ดังนี้แล้ว

ครั้นในเวลาต่อมา ก็ทำกาลกิริยา เป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า. ฝ่ายอิสิสิงคดาบส เมื่อประลองฌานกีฬาก็พักอยู่ในหิมวันตประเทศ ได้เป็นผู้มีตบะกล้า เป็นผู้มีอินทรีย์อันชำนะแล้วอย่างยวดยิ่ง

ครั้งนั้นพิภพของท้าวสักกเทวราชหวั่นไหว ด้วยเดชแห่งศีลของพระดาบส ท้าวสักกเทวราช ทรงใคร่ครวญดูก็ทราบเหตุนั้น ทรงพระดำริว่า พระดาบสนี้จะพึงยังเราให้เคลื่อนจากความเป็นท้าวสักกะ เราจักต้องส่งนางอัปสรคนหนึ่ง ให้ไปทำลายศีลของเธอ ดังนี้แล้ว ทรงพิจารณาเทวโลก ทั้งสิ้น ในท่ามกลางเหล่าเทพบริจาริกาจำนวนสองโกฏิครึ่งของพระองค์ มิได้ทรงเห็นใครอื่นซึ่งสามารถ ที่จะทำลายศีลของพระอิสิสิงคดาบสได้ นอกจากนางเทพอัปสร ชื่ออลัมพุสาผู้เดียว จึงรับสั่งให้นางมาเฝ้า แล้วทรงบัญชาให้ทำลายศีลของพระอิสิสิงคดาบสนั้น

นางอลัมพุสาเทพอัปสรนั้น เข้าไปหาอิสิสิงคดาบสนั้น ซึ่งประกอบความเพียรในกลางคืนแล้ว สรงน้ำแต่เช้าตรู่ ทำอุทกกิจเสร็จแล้ว ยับยั้งอยู่ด้วยฌานสุขในบรรณศาลาหน่อยหนึ่ง จึงออกมากวาดโรงไฟอยู่ นางยืนแสดงความงาม ของหญิงอยู่ข้างหน้าของพระอิสิสิงคดาบสนั้น?

นางอลัมพุสา แสดงมายาหญิงเย้ายวน จนดาบสหนุ่มหลงใหล.. และในที่สุด ดาบสหนุ่มก็ถูกทำลายศีล...




ที่มา
http://www.lampangnha.com/index.html
23  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เกี่ยวกับเรื่อง ตทังคนิพพาน เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 11:06:51 am
เรื่องเกี่ยวกับ นิพพาน อันบุคคลคิดว่า ไม่สามารถเข้าไปแตะต้องได้

 แต่ ตทังคนิพพาน คือ อะไรคะ วิธีเข้าสู่ นิพพาน ทำอย่างไร คะ

   :25:
24  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ปิดทองลูกนิมิต กับหัวข้อธรรม ที่ควรทราบ เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2010, 05:54:05 pm


ผู้ถาม“หลวงพ่อครับ การปิดทองลูกนิมิตมีอานิสงส์อย่างไรครับ”
หลวงพ่อ“โอ๊ะ...อานิสงส์ใหญ่มาก ปิดหนึ่งลูกก็ไปอุดประตูนรก 1 ประตู นี่ฉันโกหกนะ”
ผู้ถาม“อ้าว....แล้วกัน”
หลวง พ่อ“ที่ว่ามีอานิสงส์ใหญ่มาก เพราะว่าช่วยให้พระสงฆ์มีเขตทำสังฆกรรม อย่าลืมนะวัดทั้งวัด ส่วนสำคัญที่สุดมันอยู่ที่โบสถ์ โบสถ์มีสวนสำคัญเพราะเป็นที่ประชุมสงฆ์ ถ้าไม่งั้นสงฆ์ไม่มีที่ประชุมในการทำสังฆกรรม ก็ถือว่ามีอานิสงส์หนัก เพราะลูกนิมิตมันหนัก ติด 10 ลูกก็ได้ 10 หนัก
แต่ ว่าถ้าปิดทองลูกนิมิตนี่ต้องจังหวัดสุพรรณบุรี โอ้โฮ....สมัยก่อนรถเรือมันไม่มีใช่ไหม ขนาดนอนค้างคืนยังไปเลย ศรัทธามาก ก็มีวัดหนึ่งฉันไปเทศน์ ถามโยมคนหนึ่งว่ามาจากไหน มาค้างคืนหรือเปล่า....บอกว่าค้างตามทางมาสองคืน ถามว่าเพราะอะไร...เขาบอกว่า ปิดทองลูกนิมิต 7 วัด ไม่ตกนรก”
ผู้ถาม“จริงหรือครับ”
หลวงพ่อ“เรื่องนี้จริง ถ้ากำลังปิดอยู่แม้แต่วัดเดียวก็ไม่ตกนรก...มันยังไม่ตายนี่”
ผู้ถาม“อ๋อ.....”(หัวเราะ)
หลวง พ่อ“ความจริงก็ดี ถ้าเขามีเจตนาแบบนั้น เขามีความเชื่อแบบนั้นนะ และก็จงอย่าลืมว่า ถ้าเวลาที่เขาป่วย จิตมันจะคิดอยู่เป็นอนุสสติ ก็ลงนรกไม่ได้จริง ๆ”
ผู้ถาม “สมมุติว่ากำลังจะตายมิตายแหล่ เห็นลูกนิมิตมาลอยเคว้งคว้างล่ะครับ”
หลวง พ่อ“ถ้าอย่างนั้นขึ้นสวรรค์ทันที ถึงแม้จะไม่เห็นมาลอยก็ตาม แต่จิตคิดว่าเราเคยปิดทองมาแล้ว 7 วัด เราไม่ตกนรกแน่ จิตมันก็เป็นกุศล ใช่ไหม...นี่ถูกของเขา”

โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ปริศนาธรรมในงาน "ปิดทองฝังลูกนิมิต



ชาว พุทธเชื่อว่า การทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตได้บุญมาก เพราะเหตุผลคือ หนึ่งวัดจะจัดได้เพียงครั้งเดียว การเตรียมการก็ประกอบด้วย อุปกรณ์และสิ่งของอันเป็นมงคลมากมาย การประกอบพิธีก็จะต้องมีการสวดถอนสีมา เพื่อให้เป็นสถานที่ที่บริสุทธิ์จริงๆ พ้นจากสภาพที่อาจเคย เป็นสีมามาก่อน และสถานที่นั้นต้องได้รับ พระราชทาน เป็นเขตวิสุงคามสีมา เป็นสิทธิของสงฆ์แห่งวัดนั้นถูกต้องตามกฎหมาย
ผู้ ที่มีโอกาสได้ทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิต จึงถือว่าได้ทำบุญ ที่ยิ่งใหญ่เป็นมหากุศลบารมีประดับชีวิตตลอดไป เป็นบุญที่จะหาโอกาสทำได้ไม่ง่ายนัก
เมื่อ มีพิธีปิดทองฝังลูกนิมิตแต่ละครั้งจะต้องเตรียมของที่จะใส่ลงไปกับลูกนิมิต ทางวัดต้องจัดไว้จำหน่ายหรือผู้มีศรัทธาจัดหามาเอง และต้องเป็นสิ่งที่ถือเป็น ความหมายมงคล ประกอบด้วย
๑.ดอกไม้ จะใช้ดอกมะลิ ดอกบานไม่รู้โรย และอื่นๆ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสวยงาม ผู้ที่ได้โปรยหรือใส่ดอกไม้ลงไปในหลุมนิมิต บูชาพระอริยสงฆ์ เกิดทุกภพทุกชาติจะเป็น คนที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ผิวพรรณผุดผ่อง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีแต่คนเคารพนับถือ ยึดมั่นในหลักศีลธรรม
๒.ธูป ใส่ธูปลงไปภายในหลุมนิมิตเพื่อถวายการบูชา พระคุณของพระพุทธเจ้า ๓ ประการ คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ เกิดชาติใดภพใดก็จะไม่ห่างเหินจากพระพุทธศาสนา หรือได้พบเห็นพระพุทธเจ้า
๓.เทียน ใส่เทียนลงไปในหลุมนิมิตเพื่อบูชาพระธรรม ที่ให้แสงสว่างทางปัญญาแก่มวลมนุษยชาติ เกิดชาติใดภพใด ก็จะไม่ห่างเหินจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และทำให้มีปัญญาสามารถเข้าใจและ รู้ธรรมนำให้หมดกิเลสพ้นทุกข์ได้
๔.เข็ม เป็นสัญลักษณ์ของความแหลมคม ผู้ที่ได้ทำบุญถวายเข็มลงไปในหลุมนิมิต เกิดทุกภพทุกชาติจะเป็นคนที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถเรียนรู้ได้รวดเร็ว แก้ปัญหาชีวิตประจำวันได้ไม่ติดขัด เป็นคนมีเหตุผลละเอียดรอบคอบ สามารถบรรลุธรรมและพ้นทุกข์ได้ในที่สุด
๕.ด้าย เป็นสัญลักษณ์แห่งความยืดยาว การทำบุญด้วยการใส่ด้ายลงไปในหลุมนิมิต เชื่อว่าจะทำให้เป็นคนที่มีอายุยืนยาว ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
๖.แผ่น ทองคำ เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีราคาในตัว มีความสวยงาม ไปอยู่กับสิ่งใดทำให้สิ่งนั้นมีค่ามีราคายิ่งขึ้น การนำแผ่นทองคำมาปิดองค์พระ ปิดลูกนิมิต หรืออื่นๆ เป็นการยกย่องเชิดชูให้เป็นสิ่งสูงส่งควรแก่การสักการะ เชื่อว่าจะทำให้เป็นคนที่มีเกียรติยศสูงส่ง มีคนยกย่องนับหน้าถือตา มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาผิวพรรณงดงามทุกภพทุกชาติ
๗.สมุด ดินสอ เป็นอุปกรณ์การบันทึก เป็นสัญลักษณ์แห่งการจดจำ ผู้ที่ทำบุญด้วยการใส่สมุด ดินสอ ลงไปในหลุมนิมิต จะเป็นคนที่มีสติปัญญาเยี่ยม มีความทรงจำไม่เลอะเลือน เป็นเลิศ สติไม่ฟั่นเฟือนก่อนตายสงบ ไม่ทุรนทุรายทรมาน และไปสู่สุคติ

ความหมายลูกนิมิต



เมื่อ ได้มีการสร้างวัด กับทั้งการสร้างอุโบสถ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเสร็จเรียบร้อยแล้วยังคงเหลืองานใหญ่อีก อย่างหนึ่ง คือ งานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต เป็นกิจที่ต้องทำในเมื่อสร้างอุโบสถแล้ว ตามธรรมดาอุโบสถที่สร้างกันอยู่ทั่ว ๆ ไปนั้นต้องสร้างในเขตวิสุงคามสีมาที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ซึ่งเป็นแดนต่างหากจากแดนบ้าน ไม่ปะปนกับใคร นับว่าเป็นดินแดนที่พิเศษบริสุทธิ์ใช้ทำสังฆ์กรรมต่าง ๆ ได้แล้ว ประกอบด้วย
คณะสงฆ์ได้พร้อมเพรียงกันกระทำ พิธีฝังลูกนิมิตผูกพัทธสีมานั้นอีก เป็นการประกาศให้รับรู้กันทั้งฝ่ายบ้านเมือง และคณะสงฆ์ว่าที่ตรงนี้ทางการบ้านเมืองยกให้คณะสงฆ์ สงฆ์ก็รับไว้จึงทำให้เนื้อที่นั้นบริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์วิเศษยิ่งขึ้น การผูกพัทธสีมาหรือการฝังลูกนิมิตที่กระทำกันโดยทั่วไปเวลานี้ นิยมใช้หินกลมขนาดไม่ใหญ่เท่าศีรษะช้าง จำนวน ๙ ลูก สำหรับใช้เป็นลูกนิมิตประจำทิศละ ๑ ลูก
อีก ลูกหนึ่งอยู่ในอุโบสถ เรียกกันว่า "ลูกนิมิตเอก" ท่านแนะนำไว้ว่าหลุมที่ฝังลูกเอกนี้ต้องอยู่ตรงที่สายพระเนตรพระประธานทอดลง หลุมนั้นพอดีถือว่าเป็นอุดมมงคล ถ้าหลุมนิมิตอยู่ห่างไปเวลาทอดพระเนตรหลุมนิมิต ต้องเงยพระพักตร์ขึ้นจึงทอดพระเนตรหลุมนิมิต อย่างนี้ท่านว่าเจ้าอาวาส พระ เณร ในวัดเอาใจใส่แต่เรื่องนอกวัด เรื่องในวัดไม่ค่อยเอาธุระ ถ้าหลุมนิมิตเข้าหาพระประธานมาก เวลาทอดพระเนตรหลุมนิมิตต้องก้มพระพักตร์ลง เช่นนี้ เจ้าอาวาส พระ เณร ในวัดนั้นมักจะเอากิจวัตรไม่เหลียวแลชาวบ้านบ้างเลย ที่ว่านี้เป็นมติของเกจิอาจารย์ น่าพิจารณา
พุทธศานิกชนนิยมปิดทองลูกนิมิต เพราะเป็นการกระทำที่มีความบริสุทธิ์ คือ ..
๑. ลูกนิมิตเป็นหินบริสุทธิ์โดยธรรมชาติ ไม่ใช่ของเก๊ของปลอม
๒. ทองคำเปลว เป็นของบริสุทธิ์ธรรมชาติปราศจากมลทิน ไม่มีสนิม
๓. จิตของผู้ที่ปิดทองลูกนิมิตก็บริสุทธิ์ อิ่มเอิบด้วยศรัทธาปสาทะ ปราศจากโลภะ เจตนาอันจักทำให้มัวหมอง
การ ปิดทองลูกนิมิตนั้นประกอบด้วยความบริสุทธิ์ดังนี้ จึงทำให้ผู้ปิดทองได้บุญมากและเพื่อนำท่านผู้ปิดทองลูกนิมิต ให้มีแนวน้อมใจระลึกในเวลาปิดทองขอให้โปรดเข้าใจดังนี้ คือ
นิมิต ลูกเอกอยู่ในโบสถ์เป็นเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับเป็นใหญ่ เป็นประธานอยู่ในท่ามกลางสงฆ์ เป็นเอกองค์เดียวไม่มีสอง ดังนั้นเมื่อเวลาปิดทองลูกนิมิตลูกเอก ก็ให้น้อมใจระลึกถึงพระพุทธคุณว่า อรหังสัมมาสัมพุทโธ บทใดบทหนึ่งทำใจให้ถึงพระพุทธเจ้า และปิดทอง ส่งอีก ๘ ลูก ที่อยู่ใน ๘ ทิศนั้น เป็นเครื่องหมายแทนพระอรหันต์สาวกผู้ล้ำเลิศด้วยคุณธรรมที่พระพุทธองค์ทรง ยกย่อง ๘ องค์ อยู่ประจำทิศละองค์เรียกว่า "พระอรหันต์ ๘ ทิศ" ดังนี้
๑) ลูกทิศตะวันออก เป็นเครื่องหมายพระอัญญาโกญฑัญญะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในทางรอบรู้ราตรี ในทางผู้อาวุโส (ปัจจุบัน ตาทิพย์ หมอดู โหร หรือ นักดาราศาสตร์)
๒) ลูกทิศอาคเนย์ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระมหากัสสปะ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในทางธุดงค์คุณ (ปัจจุบันเรียกว่า มีกำลังภายในดี)
๓) ลูกทิศทักษิณ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระสารีบุตร อัครสาวกผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางปัญญารอบรู้ (ปัจจุบันเปรียบด้วยนักวิทยาศาสตร์)
๔) ลูกทิศหรดี เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระอุบาลีเถระ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางทรงไว้ซึ่งพระวินัย (ปัจจุบันเปรียบด้วยนักกฎหมาย)
๕) ลูกทิศปัจฉิม เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระอานนท์ เป็นพุทธอุปัฏฐากของพระพุทธองค์ ผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในคุณธรรม ๕ ประการ มีความทรงจำไม่หลงลืมเป็นต้น
๖) ลูกทิศพายัพ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระควัมปติ เป็นพระอรหันต์ที่นับเข้าในจำนวนสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่งในคราวที่สมเด็จพระบรม ศาสดาทรงส่งสาวกไปประกาศพระศาสนา ท่านได้ประกาศพระศาสนาในนานาชนบทช่วยสั่งสอนให้กุลบุตรกุลธิดาเกิดความเชื่อ ความเลื่อมใส
๗) ลูกทิศทักษิณ เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระโมคคัลลานะ อัครสาวกผู้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะล้ำเลิศในทางมีอิทธิฤทธิ์มาก
๘) ลูกทิศอิสาน เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระราหุล ผู้เป็นพุทธชิโนรส ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในทางการศึกษา
๙) ลูกที่อยู่กลางโบสถ์ เป็นเครื่องหมายแทนองค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า
สรุป ย่อ ๆ แล้วก็คือ วัดเป็นเครื่องหมายในแดนวัตถุ และในด้านตัวคน สำหรับในด้านตัวคนก็มีความหมายหลายประเภท หลายชั้น หลายตระกูล หลายวรรณะ มีทั้งดีและชั่ว มีเกียรติ ไม่มีเกียรติ มั่งมีศรีสุข และมีทั้งแร้นแค้นยากจน นานาประการ ส่วนด้านวัตถุก็มีหลายอย่าง หลายประเภท หลายแบบ นับตั้งแต่รูปพรรณขนาด หรือในตัวอาคารบ้านเรือน ตึก ปราสาท ตัวราชฐาน ก็จะนำไปรวมกันไว้ที่วัดหมด

ข้อมูลจาก:วัดเจริญราษฎร์บำรุง (วัดหนองพงนก) เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๑๒
ตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๘๐


"คำอธิษฐานปิดทองลูกนิมิต ๙ ทิศ"
ปิดนิมิตอุโบสถทศพล เริ่มลูกต้นกลางโบสถ์โชติตระการ ปิดนิมิตลูกเอกเสกประสาท งามโอภาสมาสเฉลิมเสริมสัณฐาน
เป็นนิมมิตเตือนตาสาธุการ ท่ามกลางงานบุญพิธีผูกสีมา เกิดชาติหน้าอย่ารู้เข็ญได้เป็นใหญ่ รูปวิไลเป็นเสน่ห์ดังเลขา
" ทิศบูรพา" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศ บูรพา ให้ก้าวหน้า เกียรติยศ ปรากฏไกล
" ทิศอาคเนย์" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศ อาคเนย์ ขอให้เทวา ประสิทธิ์ พิสมัย
" ทิศทักษิณ" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศทัก ษิณศักดิ์ชัย ให้สมใจ สมบัติ วัฒนา
" ทิศหรดี" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศ หรดี ขอให้ชี วิตมั่น ชันษา
" ทิศปัจจิม" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศปัจจิม อิ่มอุรา ปรารถนา ใดได้ ดั่งใจปอง
" ทิศพายัพ" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศพายัพ ดับทุกข์โศก นิราศโรค นิราศภัย ร้ายทั้งผอง
" ทิศอุดร" ขอเดชะ บุญทาน การกุศล ปิดนิมิต ลูกทิศอุดร กรประคอง ได้เงินทอง สมหมาย ทุกรายการ
"ทิศอีสาน" ปินิมิต ลูกทิศอีสาน ประการท้าย ให้สมหมาย ได้สุข ทุกสถาน
รวมเก้าลูก สุกใส ใจเบิกบาน กว่าจะถึง ซึ่งนิพพาน เมื่อนั้นเทอญ...

นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ อนาคะเต กาเล
25  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / ขอคิดพินิจธรรม คำสอนหลวงปู่ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 02:45:53 pm

ข้อคิดพินิจธรรม
 
 
 
   
......ร่างกายนี้เป็นที่ประชุมแห่งของโสโครก คือ
อุจจาระ ปัสสาวะ (มูตร คูถ ทั้งปวง)
สิ่งที่ออกจากผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น
ก็เรียกว่าขี้ทั้งหมด เช่น ขี้หัว ขี้เล็บ ขี้ฟัน ขี้ไคล เป็นต้น
เมื่อสิ่งเหล่านี้ร่วงหล่นลงสู่อาหาร มีแกง กับ เป็นต้น
ก็รังเกียจต้องเททิ้งกินไม่ได้ และร่างกายนี้ต้องชำระอยู่เสมอ
จึงพอเป็นของดูได้ ถ้าหากไม่ชำระขัดสีก็จะมีกลิ่นเหม็นสาบ
เข้าใกล้ใครก็ไม่ได้ ของทั้งปวงมีผ้าแพรเครื่องใช้ต่างๆ
เมื่ออยู่นอกกายของเรา ก็เป็นของสะอาดน่าดู
 แต่เมื่อมาถึงกายนี้แล้ว  ก็เป็นของสกปรกไป
เมื่อปล่อยไว้นานๆเข้าไม่ซักฟอก ก็จะเข้าใกล้ใครไม่ได้เลย
 เพราะเหม็นสาบ ดังนี้จึงได้ความว่าร่างกาย
ของเรานี้เป็นเรือนมูตร เรือนคูถ
เป็นอสุภะของไม่งามปฏิกูลน่าเกลียด
 เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นปานนี้
 เมื่อชีวิตหาไม่แล้วยิ่งจะสกปรก

หาอะไรเปรียบเทียบมิได้เลย
       
  หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตวัดป่าสุทธาวาส จ.อุดรธานี


       
 ....... ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย

ความพลัดพรากจากกันนั้น สิ่งเหล่านี้มีประจำโลกอยู่แล้ว

 ทีนี้ผู้มีธรรมะเมื่อประสบกับภาวะเช่น นั้นแล้ว

จะวางใจอย่างไรจึงไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้ต่างหาก

 ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว

ไม่ให้ไฟไหม้ ...ไม่ใช่อย่างนั้น
       
หลวงปู่ดูลย์ อตุโลวัดบูรพาราม จ.สุรินทร์




 ....... การกิน การนอน การร่าเริงมหรสพต่างๆ

เป็นเพียงสุขชั่วคราว ไม่ยั่งยืน ย่อมแตกดับไปเป็นธรรมดา

 เพราะฉะนั้นทุกคนที่ปฏิบัติธรรม อย่าไปหลงใหลในความสุขชั่วคราวนั้น

 แต่ความสุขชั่วคราวนี้ ไม่มีก็ไม่ได้ เพียงแต่ว่าเมื่อมีมาแล้ว

ก็ให้รู้เท่า ถ้าไม่รู้เท่า ก็จะเป็นทุกข์ พอมันหายไปทุกข์ใหญ่ก็จะเกิดขึ้น
       
  หลวงปู่เหรียญ วรลาโภวัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย
       
  ....... จะเอากิเลสที่นอนเนื่องมานานไปฆ่าเสีย

 ย่อมเป็นทุกข์ลำบากมาก การปฏิบัติธรรมจึงเป็นการยากลำบาก

 เพราะไม่มีการตามใจกิเลส จึงลำบากในขณะปฏิบัติมาอยู่วัด

วัดไม่ใช่ของเรา ของเรามี เพียงหนังห่อร่างอยู่เท่านั้น

นั่นแหละของเรา ชีวิตอยู่ได้เพราะสันตติสืบเนื่องดิน น้ำ ลม ไฟพอดี
       
หลวงปู่บุดดา ถาวโรวัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี
       
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 120 พฤศจิกายน 2553)
26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 5 ข้อต้องใส่ใจก่อนเดินทางไปประเทศอินเดีย เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 02:41:16 pm
รุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ร่ำรวยด้วยรูป รส กลิ่น เสียง และสีสัน
ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นแดนภารตะ 'อินเดีย' อันยวนใจ


รุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ร่ำรวยด้วยรูป รส กลิ่น เสียง และสีสัน
 ทั้งหมดนี้ประกอบกันเป็นแดนภารตะ 'อินเดีย' อันยวนใจ
นักเดินทางรายไหนไม่คิดจะไปเยือนสักครั้ง
ในชีวิตต้องนับว่าแปลกเอาการ
5 ข้อควรจำสำหรับคนที่คิดจะไปย่ำแดนโรตีเป็นครั้งแรก
 
วางแผนการเดินทางให้ดี อินเดีย ไม่ใช่เมืองเล็กน้อย
แต่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดจะเรียกว่าเป็นทวีปก็ไม่เขินปาก
อย่าคาดหวังว่าจะได้เห็นทุกอย่าง ไปทุกที่ในอินเดีย
ด้วยการเดินทางเพียงครั้งเดียว
 ก่อนไปอินเดียแต่ละทีคิดให้ดีว่าอยากดูอะไร
ต้องไปดูที่เมืองไหนจากนั้นจะไปเมืองไหนต่อและไปอย่างไร
 
'อย่าเร่งร้อน' ความเป็นอินเดียไม่ได้อยู่ที่แหล่ง ท่องเที่ยว เพียงเท่านั้น
แต่หลอมรวมอยู่ในผู้คน หนทาง บ้านเรือน ศาสนสถาน ฯลฯ
 ใช้เวลาช้าๆ แล้วซึมซับให้เต็มที่ ถ้าจะไปอินเดียแบบ 'ทัวร์ชะโงก'
อย่าไปเสียดีกว่าสำหรับนักเดินทางที่อยาก
 
'แสวงหาความสงบ' ในอินเดีย แม้ว่าอาจจะฟังแปลกๆ
ถ้าพูดว่าอยากจะไปเที่ยวเงียบๆ
ในประเทศที่มีประชากรมากกว่าพันล้าน
 แต่ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้ ลองหนีจากความโกลาหลของเมืองใหญ่
อย่างมุมไบ ขึ้นเหนือไปเมืองภูเขาอย่างลาดัก
หรือลงใต้ไปเคราราดูบ้างก็ไม่เลว
 
'สุขภาพ' เป็นเรื่องสำคัญเสมอสำหรับการเดินทางในต่างแดน
หลีกเลี่ยงการกินและดื่มอะไรที่ดูน่าสงสัยเรื่องความสะอาด
ถ้าจะลองกินอาหารพื้นเมืองแบบพื้นเมืองจริงๆ
 ให้เลือกร้านที่ชาวพื้นเมืองไปกินเยอะๆ
จะให้ดีควรพกพาสบู่เหลวหรือยาฆ่าเชื้อไว้ล้างมือด้วย
 
ควบคุมอุณหภูมิภายใน ของขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของอินเดีย
ก็คือการหลอกล่อ หลอกลวง ที่เกิดขึ้นได้กับนัก ท่องเที่ยว ที่ไปเยือน
ใจเย็นๆ ปฏิเสธอย่างหนักแน่นแต่นุ่มนวลแล้วจะดีเอง
...........
27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มัมมี่ พระญี่ปุ่น เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 11:07:54 am
มัมมี่ พระญี่ปุ่น

 


Mummy เป็นหนึ่งในการบำเพ็ญเพียร เป็นที่สุดแห่งการปฎิบัติเพื่อการหลุดพ้น(ตามความเชื่อของ นิกาย) แนวทางของพระเหล่านี้มุ่งเน้นที่การหลุดพ้น โดยการ  ทรมาน  ตนเองอย่างยิ่งยวด และมีความเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าเมื่อ พระพุทธเจ้าเสร็จกลับมายังโลกอีกครั้ง พระที่เป็นมัมมี่ จะฟื้นคืนชีพมารับเสร็จได้อีกครั้ง มาดูแนวทางการปฏิบัติเพื่อเป็นมัมมี่ กันดีกว่า (สำหรับผมแล้วผมว่ามันเกินกว่าขีดจำกัดที่มนุษท์ธรรมดาจะปฏิบัติได้ ถ้าหากขาดซึ่งศรัทธา และความเชื่ออย่างแรงกล้า)

วิธีปฏิบัติตน เพื่อเป็นมัมมี่พระ



 


    * ขั้นแรก ผู้ปฏิบัติจะเริ่มต้นด้วยการงดอาหารพวกเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ แล้วเขากินอะไรกันก็กิน เมล็ดพืช ต่างๆในป่าที่ปฎิบัติ พร้อมทั้งมีการฝึกกายต่างอย่างเช่น บำเพ็ญเพียรในน้ำตกที่หนาวเย็น (อาดเคยเห็นในหนังกัน) เป็นเวลา 1000 วัน  wowboom


 

รูปชุดเครื่องแต่งกายพระขณะฝึกตนในป่า

 


    * ขั้นที่สอง ผู้ปฎิบัติจะหยุดกิน เมล็ดพืช แต่จะกินเฉพาะเปลือกต้นสน และรากต้นสน และจะหยุดการฝึกตนในป่า แต่จะมาปฏิบัิตธรรม นั่งวิปัสนากรรมฐาน เข้าชาญ เป็นเวลา 1000 วัน มีการกล่าวว่าในช่วงท้ายของการปฎิบัติ พระจะมีรูปร่างคล้าย  โครงกระดูก  เดินได้ และเมื่อลงไปอาบน้ำในถัง แล้วตัวจะลอยน้ำ เหล่าลูกศิทษ์้ต้องคอยกดให้ตัวจมน้ำเพื่อให้สามารถอาบน้ำได้

    * ในช่วงวันท้าย ของการปฏิบัติในช่วงที่สองนี้ พระจะต้องฉันชาชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของน้ำเลี้ยงต้น Urushi (จะมีลักษณะเป็นน้ำยางสีแดงเลือดนก เข้น ชาวญี่ปุ่นมักนำ้ไปเคลือบ ถ้วยชาม)

    * วันสุดท้าย จะดื่มชาอีกชนิดที่มีส่วนผสมของเกลือจากน้ำพุร้อนศักกิ์สิทธิ์ (จากการวิเคาระห์เกลือนี้พบว่ามีสารหนูประกอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งว่า ทำไมพระเหล่านี้ถึงตายแล้วไม่เน่าเปื่อย ได้ในประเทศที่มีภูิมิอากาศร้อย ความชื้นที่ไม่อำนวยต่อการรักษาสภาพศพ เช่นนี้ โดยน้ำชาจากต้น Urushi จะไปเคลือบกระเพาะ และลำไส้ และสารหนูซึ่งร่างกายไม่สามารถขับออกจากร่างกายจะไปสะสมตามส่วนต่างของร่าง กาย และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคเตเรียต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของการเน่า
    * ขั้นที่สาม หลังจากดื่มชาผสมเกลือจากน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไปนั่งในสุสานใต้ดินขนาดพอใหญ่พอดี แค่นั่งได้แล้วทำการฝังทั้งเป็นโดยมีเพียงที่ไม้ไผ่ หนึ่งลำโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเพื่อเป็นท่อหายใจ โดยพระในสุสานจะคอยสั่นกระดิ่งวันละครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่ายังมีชีวิตอยู่ (มีคำกล่าวอ้างว่ามีพระบางรูปสามารถมีชีวิตอยู่ในสุสานใต้ดินได้ถึง 13 วัน) หลังจากวันสิ้นเสียงกระดิ่งวันสุดท้าย (คือมรณภาพ แล้ว) จะเก็บศพไว้อีกเป็นเวลา 1000 วันใต้ดิน หลังจากนั้นจะขุดศพขึ้นมา ซึ่งศพเหล่านี้จะได้รับการแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายของพระชั้นสูง และได้รับการเคารพบูชาอย่างสูง


 

รูป แบบร่างสุสานใต้ดินที่พระใช้เก็บตัวในวาระสุดท้าย

   
รูป เหล่าพระที่ได้ผ่านการปฎิบัติเพื่อเป็น  มัมมี่
28  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สมองเปลี่ยนแปลงอย่างไร.. เมื่อเราอายุมากขึ้น.. เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2010, 10:53:17 am
สมองเปลี่ยนแปลงอย่างไร.. เมื่อเราอายุมากขึ้น..
เมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ในยุคโลกร้อนนี้ก้าวหน้ามากขึ้น จำนวนคนสูงอายุก็มากขึ้นไปด้วย ถึงแม้จะไม่มีใครอยากถูกเรียกว่าเป็นคนสูงอายุ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันจะได้ตรวจผู้ป่วยอายุสูงเกิน 80 ปีขึ้นไปที่ยังดูดีเดินมาพบแพทย์เองได้ตามปกติมากขึ้น และดังนั้นเราจึงน่าจะมารู้จักการเปลี่ยนแปลงในคนที่อายุมากเพื่อเตรียมตัว รับสถานการณ์กัน

การเปลี่ยนแปลงของระบบประสาท
เมื่อ หลังคลอดได้ไม่นานเซลล์สมองก็หยุดการแบ่งตัว สภาวะแวดล้อม ร่วมกับโปรแกรมที่ถูกกำหนดมาในรหัสทางพันธุกรรมของเรา ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านกายภาพและสรีรวิทยาของสมอง พบว่าเมื่อแรกคลอด สมองหนัก 350 กรัม และเพิ่มเป็น 1400 กรัมเมื่ออายุ 20 ปี พออายุ 70 น้ำหนักของเนื้อสมองจะลดลงไปร้อยละ 5 และลดลงอีกเท่าตัวทุกอายุ10 ปีที่มากขึ้น โดยเนื้อสมองส่วนนอก (grey matter)จะเหี่ยวลงมากกว่าส่วนอื่น โดยที่จำนวนเซลล์สมองในคนสูงอายุที่ความจำปกติก็ไม่ได้ลดลงแต่สูญเสียส่วน ประกอบบางอย่างเช่น dendritic spines มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซลล์ (reactive synaptogenesis) และการสื่อสารระหว่างเซลล์ลดลง(signal transduction) อย่างไรก็ตามสมองจะมีการปรับตัวตลอดชีวิตของเราที่เรียกว่า neural plasticity

การเปลี่ยนแปลงของ เส้นเลือดในสมอง พบว่าเส้นเลือดใหญ่แข็งขึ้น (atherosclerosis) เส้นเลือดเล็กก็หนาตัวขึ้น และอาจพบสารอมัยลอยด์ในผนังเส้นเลือด

การเปลี่ยนแปลงของ Cytokines ทำให้มีโอกาสเกิดพยาธิสภาพของการอักเสบ(inflammatory response) มากขึ้นซึ่งพบได้ในหลายโรครวมทั้ง Alzheimer’s disease

มีการลดลงของ Neurotrophic factors หรือ Nerve growth factors ในสมอง ทำให้มีการลดลงของ cholinergic neurons ซึ่งทำให้ cognitive function ลดลงในคนสูงอายุ และ cholinergic neurons นี้เองที่ลดลงมากเกินไปในโรค Alzheimer’s disease และทำให้เกิดอาการสมองเสื่อมตามมา ในอนาคตอาจมีการพัฒนา growth factors มาใช้รักษาโรคสมองเสื่อม และโรคทางระบบประสาทอื่นๆอีกต่อไป

การทำงานของยีน (Gene expression) บางอย่างเปลี่ยนไป มีผลทำให้การสร้างและการทำงานของโปรตีนเปลี่ยนไปด้วย

Blood-brain barrier ที่เปลี่ยนไปจะทำให้การขนส่งสารที่จำเป็นบางอย่างเช่น choline ลดลง ซึ่งอาจจะอธิบายการลดลงเล็กน้อยของความจำในคนสูงอายุที่ปกติ แต่ในขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้น blood-brain barrierก็พบได้ในบางภาวะ รวมทั้งใน Alzheimer’s disease โดยเชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลไกการเกิดโรคดังกล่าวด้วย

Cerebral blood flow พบว่าของ cerebral blood flow ที่สมองส่วน grey matter ลดลง แต่จะไม่เปลี่ยนแปลงที่ white matter และการปรับตัว cerebral autoregulation ลดลงในคนอายุมากกว่า 60 ปี ที่น่าสนใจกว่านั้นมีการศึกษาว่าในคนสูงอายุที่อยู่คนเดียว หรือ แยกตัวไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม และสังสรรค์กับผู้อื่นก็จะมีการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าและส่วน ข้าง (Frontotemporal) คล้ายกับที่พบในโรคสมองเสื่อมบางชนิด

Metabolism ในคนสูงอายุปกติพบว่าการใช้ glucose และ oxygen ของสมองไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แต่การใช้กลูโคสลดลงอย่างชัดเจนในคนที่สมองเสื่อม นอกจากนั้น พบว่ามีการสะสมของของเสีย (metabolic waste) แคลเซียม รวมทั้งปริมาณ free radicals และ glutamate ในสมองมากขึ้น

Electrophysiological changes มีการเปลี่ยนแปลงของความถี่ของคลื่นไฟฟ้าสมอง รวมทั้งการตรวจ P300 event-related brain potential ซึ่งอาศัยการกระตุ้นทางการมองเห็นและการได้ยินแล้ววัดการตอบสนองที่สมอง จะพบว่าค่า amplitude ลดลง และ latency มากขึ้น

Autonomic พบว่าระดับ plasma noradrenaline สูงขึ้นตามอายุ แต่การตอบสนองของระบบประสาทอัตโนมัติกลับลดลง

Neuroendocrine

hypothalamus มีการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสารต่างๆ ในร่างกายได้ลดลง

ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยทางกายภาพ แต่การสร้างและหลั่งฮอร์โมนก็ยังเหมือนเดิม

การ หลั่ง thyroid hormone ลดลงในคนสูงอายุ การตอบสนองต่อ TRH (thyroid releasing hormone ลดลง แต่ระดับฮอร์โมนในเลือดก็ปกติและไม่ได้ทำให้เกิดภาวะ hypothyroid

ปริมาณ การหลั่ง cortisol ใน 24 ชั่วโมงลดลงแต่ระดับ cortisol ในเลือดปกติ และ ตอบสนอง ของ ACTH และ cortisol ในช่วงที่มีการผ่าตัดใหญ่ก็ยังปกติ

ระดับ plasma aldosterone ลดลงตามอายุและเชื่อว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ adrenocortical response ต่อ angiotensin 2 ลดลง

ระดับ plasma norepinephrine เพิ่มขึ้น อาจเพื่อคงระดับการตอบสนองทางcardiovascular

ใน ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนฮอร์โมนเพศ estrogen ลดลง และ gonadotropin (FSH,LH) สูงขึ้น แต่หลังจากหมดประจำเดือน 20 ปี ระดับ gonadotropin ก็ลดลงเช่นกัน

ในผู้ชายโดยมาก testosterone จะเริ่มลดลงหลังอายุ 50 ปี อาจช้ากว่านั้นในรายที่สุขภาพแข็งแรงมากๆ นอกจากนั้นยังมีการเสื่อมถอยของ Leydig cell ใน testisด้วย

Neurochemistry

เมื่อ อายุมากขึ้นร่างกายจะมีสัดส่วนของไขมันมากขึ้น และน้ำในเซลล์สมองลดลง การเผาผลาญไขมันลดลง การทำงานของเอนไซม์บางชนิดลดลง ทำให้การสร้างพลังงาน (ATP) ลดลงด้วย

การลดลงของการทำงานของ mitochondria โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วน complex 1 ซึ่งเป็นแหล่งสร้างพลังงานของเซลล์ ทำให้การรับมือกับการเสียหายจากโรคเช่นสมองขาดเลือดลดลงไป

Superoxide dismutase เป็นเอนไซม์ที่ใช้รับมือกับ free radicals (อนุมูลอิสระ) ทำงานลดลง เชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลไกที่ทำให้เกิดกระบวนการเสื่อมตามอายุ

Mental function
ถ้าไม่มีโรคทางสมอง สติปัญญาก็ยังคงดีเหมือนเดิมถึงแม้จะช้าลงไปบ้างปัจจัยที่อาจมีผลต่อ mental function เช่น

    white matter lesion การตรวจพบความผิดปกติของ deep white matter ใน CT scan หรือ MRI brain พบได้บ่อยแม้ในคนสูงอายุที่ไม่มีอาการสมองเสื่อม จึงต้องใช้ clinical correlation ในการแปลผลด้วย
    hypoxia ซึ่งอาจพบในคนที่มี sleep apnea, COPD ทำให้ metabolism และ การสร้างสารสื่อประสาทของสมองที่สูงวัยอยู่แล้วแย่ลงไปอีก
    alcohol ทำให้สมองแก่ก่อนวัย
    drugs เช่น anticholinergic, beta blocker มีผลต่อ mental function ได้บ่อยกว่าคนอายุน้อย โดยเฉพาะ anticholinergic ทำให้ผู้ป่วยมีอาการสับสน หรือ เคลื่อนไหวผิดปกติได้บ่อย
    depression พบมากขึ้นในคนสูงอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่พยาธิสภาพในสมองมีมาก อาการและการวินิจฉัยจะยากกว่าในคนอายุน้อย มีการศึกษาว่า cerebral atherosclerosis มีความสัมพันธ์กับ depressionในผู้สูงอายุจึงมีผู้เสนอคำว่า vascular depression มีนัยว่าถ้าพบ depressionในผู้สูงอายุ ควรมองหาภาวะ cerebral atherosclerosisด้วย
    mild cognitive impairment คือการที่ผู้ป่วยหลงลืมมากกว่าปกติแต่ยังไม่ถึงกับเป็นโรคสมองเสื่อม คนกลุ่มนี้พบมากถึงร้อยละ 20 ในคนอายุ 65-75 ปี และร้อยละ 40 ในคนอายุเกิน 85 ปี ความสำคัญก็คือภาวะนี้จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อม ในอนาคตการเปลี่ยนแปลงเรื่องการนอนหลับ คนสูงอายุมักมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของ circadian rhythm พบว่าจะนอนหลับยากขึ้น (increase latency) หลับไม่สนิท (fragmentation) ระยะเวลาการนอนสั้นลง (reduced total sleep time) ระยะเวลาในการหลับแบบตื้นจะมากกว่าการหลับลึก และ มักต้องการการนอนกลางวันมากกว่าคนอายุน้อย

    นอกจากนั้นปัจจัยอื่นอาจ ส่งผลต่อการนอนหลับของผู้ป่วยเช่น โรคปอด หัวใจ ทำให้เหนื่อย การมี obstructive sleep apnea ทำให้นอนกรน ขาดออกซิเจน และหลับไม่สนิท การมีขาขยับผิดปกติ (restless leg syndrome, periodic limb movement disorder of sleep) จะรบกวนการนอนอย่างมาก โรคทางสมองเช่น Parkinson’s disease, Alzheimer’s disease ก็มักมีความผิดปกติของการนอนหลับร่วมด้วย

    การดูแลทั่วไป

    ควร ให้ผู้สูงอายุได้ออกกำลังกาย เข้าสังคม หากิจกรรมที่คอยกระตุ้นสมองอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แข็งแรงทั้งกาย ใจ และสมอง นอกจากนั้นการออกกำลังกายจะช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น

    ไม่มียาใดที่ชะลอความแก่ได้ นอกจากนั้นการให้ยายังต้องระวังเป็นพิเศษด้วย เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงมากกว่าคนอายุน้อย

    การระวังการหกล้ม ควรต้องปรับปรุงที่พักอาศัยให้เหมาะกับคนสูงอายุ เช่น อย่าให้พื้นลื่น แสงสว่างให้เพียงพอ ระวังสิ่งของที่เกะกะตามพื้นอาจสะดุดได้ง่าย

    การควบคุมอาหาร เป็นมาตรการชะลอความแก่ที่สำคัญ โดยการให้ทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสม และมีคุณค่าทางอาหาร

    high-calorie diet จะทำให้ มีระดับ homocysteine ในเลือดสูงเสี่ยงต่อโรคที่เกิดจากการเสื่อมของสมอง (neurodegenerative diseases) โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายที่มีพันธุกรรมเสี่ยงอยู่แล้ว ในสัตว์ทดลองพบว่าการควบคุมอาหารจะช่วยให้อายุยืนยาวกว่า ช่วยในการปรับสมดุลของสารเคมี growth factors ต่างๆ การสร้างโปรตีน การเปลี่ยนแปลงปรับตัว การซ่อมแซมของเซลล์สมอง และอาจเพิ่มความต้านทานหรือ ชะลอ การเกิดกลุ่มโรค neurodegenerative diseases

    การรักษาโรคร่วม หรือ ปัจจัยเสี่ยง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง งดบุหรี่ เหล้า และโรคร่วมอื่นๆ ล้วนมีความสำคัญที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี กล่าวโดยสรุปการเปลี่ยนของระบบประสาทในคนสูงอายุมีทั้งในด้านกายภาพ และ สรีรวิทยา แต่เป็นช้าๆและไม่ทำให้เกิดโรคหรืออาการมากนัก เรื่องความจำอาจมีหลงลืมเล็กน้อยในคนแก่ที่ปกติ แต่จะไม่มีผลเสียต่อตนเอง ผู้อื่น เสียงาน หรือมีผลต่อการดำรงชีวิตประจำวัน การเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของคนสูงอายุจะทำให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม ได้ดีขึ้น ผู้ป่วยก็มีจะคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
29  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรณีพิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว อบต.สั่งอพยพปชช. เมื่อ: ตุลาคม 26, 2010, 07:10:01 pm
ธรณีพิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว อบต.สั่งอพยพปชช.

ตุลาคม 1, 2010 
Filed under breakingnews, ข่าวทั่วไป

Leave a Comment

ธรณี พิโรธ แผ่นดินไชน่าทาวน์ดอยแม่สลองทรุดตัว ชาวจีนกองพล 93 ผวา นายก อบต. สั่งอพยพประชาชนพื้นที่เสี่ยงออก ขณะชายแดนไทย-ลาว ประสบแผ่นดินไหว 2.9 ริคเตอร์

เมื่อวันที่ 1 ต.ค.53 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ชาวจีนกองพล 93 บนยอดดอยแม่สลอง หรือไชน่าทาวน์ อันซีนด์แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ตั้งอยู่บนยอดดอยรอยตะเข็บชายแดนไทย-พม่า ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เกิดอาการผวาแตกตื่นขึ้นอีกครั้ง เมื่อหลังจากตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้าเพื่อเปิดหน้าร้าน ทำการค้าขาย ได้พบว่าถนนสัญจรบนยอดดอยแม่สลองนอก บริเวณปากทางขึ้นพระธาตุสันติคีรี และทางขึ้นจุดชมวิวสวนซากุระ ได้เกิดการทรุดตัว แตกร้าวเป็นแนวยาว บนถนนที่บดอัดด้วยยางมะตอย แตกและทรุดตัวเป็นระยะทางร่วม 400 เมตร มีความลึกร่วม 1 เมตร นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายก อบต.แม่สลองนอก ได้รีบนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ

นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบโดยละเอียด พบว่า จากการทรุดตัวของถนน ทำให้บ้านเรือนราษฎรจำนวน 8 หลัง เอนเอียง กระจกบ้านแตกร้าว ความมั่นคงของตัวบ้านมีความเอนเอียงหลายหลัง อบต.จึงต้องสั่งให้อพยพชาวบ้านออกจากตัวบ้าน ไปอาศัยที่อื่นแทนจนกว่าจะมีการตรวจสอบโครงสร้างความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้าง โดยจากการตรวจสอบยังพบว่ามีโรงแรมจีน อีก 1 แห่ง ซึ่งอยู่ใกล้พื้นที่ทรุดตัวด้วย ได้นำป้ายเตือนมาติด พร้อมสั่งห้ามประชาชนเข้าใกล้เด็ดขาด

“ได้เร่งประสานไปยังกรมทรัพยากรธรณี เข้าตรวจสอบหาสาเหตุการทรุดตัวแล้ว ป้องกันการแตกตื่นของประชาชนบนดอยแม่สลอง ที่หวั่นว่าจะมีการทรุดตัวลอดทั้งดอยหรือไม่ อีกทั้งระยะนี้เข้าใกล้ช่วงการท่องเที่ยวไฮซีซั่นแล้ว หากไม่มีการออกมาตรวจสอบ หรือยืนยันความปลอดภัยของถนน อาจจะกระทบต่อเรื่องการท่องเที่ยวฤดูหนาวปีนี้ได้” นายก อบต.แม่สลองนอก กล่าว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใต้พิภพ ขนาดความแรง 2.9 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 21.56 น.วันที่ 30 ก.ย.53 ก่อนเข้าสู่วันที่ 1 ต.ค.ไม่กี่ชั่วโมง มีศูนย์กลางอยู่ในเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ประเทศ ส.ปป.ลาว ตรงข้ามเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ที่ละติจูด 20.540 องศาเหนือ ลองจิจูด 100.600 องศาตะวันออก ทางการลาวได้ออกสำรวจความเสียหาย เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากฝั่งไทยเข้าไปราว 37 กิโลเมตร เป็นจุดชุมชนที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่น และอยู่ในเส้นทางสายเศรษฐกิจ R3.a ลาว-จีน ในขณะที่ฝั่งไทยได้รับรู้แรงสั่นสะเทือน แต่ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลข่าวจาก สยามรัฐออนไลน์
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เทคนิคคิดเลขไว เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 05:30:22 pm
 เทคนิค คิดเลขในใจ ให้เร็วกว่าเครื่องคิดเลข!!
ชาครีย์ เพชรพิเชษฐเชียร นิสิตปี 4 ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยถึงการคิดเลขในใจที่ทำได้เร็วกว่าเครื่องคิดเลข จากเคล็ดลับใน หนังสือ กดเครื่องคิดเลขทำไม ในเมื่อคิดในใจได้เร็วกว่า ผลงานเขียนของ ดร.อาเธอร์ เบนจามิน (Arthur Benjamin) ซึ่งเขาได้ร่วมแปลกับ พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ ว่าผู้เขียนเทคนิคการคิดเลขได้ตั้งข้อสังเกต คนเรามักทำอะไรจาก ซ้ายไปขวา แต่เรากลับคิดเลขจากขวาไปซ้าย ผู้เขียนจึงเสนอวิธีคิดเลขจากซ้ายไปขวาบ้าง....

วันนี้ ..คิดเลขไม่ต้องวิ่งหาเครื่องคำนวณ  เพราะมีมีเทคนิคง่ายๆ ที่ "คิดในใจ" โดยไม่ต้องพึ่งนิ้ว ตามเคล็ดลับของ "พ่อมดคณิตศาสตร์แห่งอเมริกา" มาฝาก  ตามนี้ว วะ

   
◘♣..ลองมาดูตัวอย่างการบวกเลขแบบพ่อมดกันดีกว่า.. ว่าเค้าคำนวณกันยังไง มามะเราจะลองยกตัวอย่างการบวกเลขให้ดู

- ตัวอย่างการบวกเลข 2 หลัก เช่น....  95+38 = ? วิธีคิดในใจคือ แยกตัวเลขเป็น 2 กลุ่ม
คือ (90+30) และ (5+8) แล้วนำมารวมกัน ได้ 133

- ตัวอย่างการบวกเลข 3 หลัก เช่น.... 763+854=? วิธีคิดในใจคือ 800+700 =1,500
แล้วบวก 60+50 ได้ 1,610 แล้วนำไปบวกกับ 3+4 ที่เหลือ
ได้คำตอบของโจทย์นี้เท่ากับ 1,617

ส่วนวิธีลบ ชาครีย์บอกว่า น่าจะเป็นวิธีที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะปกติเราจะตัวเลขตั้งแล้วลบ
แต่วิธีของ ดร.เบนจามินคือ เปลี่ยนจากตัวเลขลบเป็นบวก (complement)
เช่น -23 มี complement เป็น 77

- ตัวอย่างคือ 138-68 ให้เปลี่ยนเป็น (138+32) – 100 จะคิดได้ง่ายกว่า
หรืออีกตัวอย่าง 857-192 = ? มีวิธีคิดง่ายๆ คือ เปลี่ยนเป็น 857-200 = 657
แล้วบวกด้วย 8 ที่ลบเกินไป จะได้คำตอบ 665

สำหรับวิธีคูณก็คิดจากซ้ายไปขวาเช่นกัน
อาทิ 13x14=? ให้แยกเป็น (13x10)+(13x4) = 130+52 = 182 
หรือ 68x49 ให้คิดเป็น 68x50 = 3,400 แล้วลบ 68 ที่คูณเกินมา
หรือ 84x21 = ? ให้คิดเป็น 84x20=1,680 แล้วบวกด้วย 84 ที่ยังคูณไม่ครบ

มาถึงเลขยกกำลัง ชาครีย์ได้ยกตัวอย่างการยกกำลัง 2 โดยระบุว่า ให้ปัดตัวเลข
เพื่อให้เหลือตัวคูณเพียง 1 หลัก

อาทิ 23ยกกำลัง2 ซึ่งแยกได้เป็น 23x23 ให้ปัดตัวเลขขึ้น-ลงเป็น 26x20 = 520
แล้วบวกเข้ากับจำนวนยกกำลังสองของค่าที่ปัดขึ้น-ลง ซึ่งในตัวอย่างนี้คือ 3ยกกำลัง2
จะได้คำตอบเป็น 529  อีกตัวอย่างคือ 78ยกกำลัง2  ปัดได้เป็น (80x76) + 2ยกกำลัง2 = 6,084

ส่วนการหารเลขยกกำลังนั้น ไม่แตกต่างจากที่วิธีคิดเดิมเท่าไหร่ เนื่องจากปกติเราหารจากซ้ายไปขวาอยู่แล้ว

ชา ครีย์กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ว่า อานิสงส์จากการแปลหนังสือ ทำให้เขาได้เรียนรู้เทคนิคการคิดเลขในใจ ซึ่งวิธีที่ได้ประโยชน์มากคือการคำนวณเลขยกกำลัง ซึ่ง ดร.เบนจามินสอนวิธีคำนวณถึงเลข 5 หลัก แต่เขาทำได้ที่เลข 2-3 หลัก ซึ่งการคิดเลขในใจให้เร็วนั้นเขาบอกว่าต้องหมั่นฝึกฝนด้วย ซึ่งวิธีตามหนังสือที่เขาแปลนั้นช่วยได้
31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชีวิตลำเค็ญ จึงต้องมีความสามารถ เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 05:21:54 pm
















เครดิตภาพ ที่นี่ดอทคอม
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ภาพเคลื่อนไหว หรือว่า เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 05:12:58 pm
33  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขนมหวานไทย ๆ ที่คุณลืมกันแล้วใช่หรือป่าว ( หรือไม่รู้จัก ) เมื่อ: ตุลาคม 07, 2010, 04:58:37 pm
 [noolex] ขนมไทยที่เราลืมไปแล้ว


----- Forwarded Message ----
From: ยัยซ่า...จิ๊จ๊ะ
To: ;
Sent: Sun, November 22, 2009 1:01:10 PM
Subject: [noolex] ขนมไทยที่เราลืมไปแล้ว

ขนมสามเกลอ

 

 

           เป็น ขนมเสี่ยงทายในพิธีแต่งงาน ถ้าขนมยังติดกันทั้ง 3 ลูกในขณะที่ทอด หมายความว่า คู่บ่าวสาวที่จะแต่งงานจะอยู่ด้วยกันดี ตลอดจนมีลูกด้วยกัน แต่ติดกันอยู่เพียง 2 ลูก หมายความว่า มีลูกยากหรือไม่มี ถ้าแยกหรือหลุดออกทั้ง 3 ลูก หมายความว่า อยู่ด้วยกันไม่ยืด
           ขนมชนิด นี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นไส้ที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าว มะพร้าวขูด และงา แล้วเอามาหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียว ส่วนที่สอง ทำจากไข่ไก่ (อาจจะใส่สีผสมอาหารด้วย เพื่อเพิ่มความสวยงาม) ที่นำมาโรยบนกระทะเป็นแผ่นบางๆ เพื่อนำมาห่อตัวขนม

 

ขนมโพรงแสม

 

 

            ขนม ชนิดนี้ใช้ในพิธีแต่งงาน โดยแทนเสาบ้านเสาเรือน เพื่อให้คู่บ่าวสาวอยู่กันยั่งย ืนและร่ำรวย ลักษณะคล้ายๆขนมทองม้วน แต่ขนมชนิดนี้จะมีความแตกต่างอยู่ตรงที่มีน้ำตาลเคลือบพันร้อยอยู่ที่ตัวขนม
            เมื่อ ตัวขนมได้ถูกบดขยี้กับฟันและลิ้นที่สัมผัสรส จะให้ความรู้สึกกรุบกรอบน่ากัดกิน ผสมกับความหวานของน้ำตาลที่เคลือบขนมอย่างลงตัวไม่ที่ไม่หวานมากนัก ก็ยิ่งทำให้ขนมชนิดนี้เหมาะสำหรับการกินเล่น กับน้ำชาตอนบ่าย

 

ขนมหม้อตาล

 

 

เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในพิธีแต่งงาน เรียกว่า "หม้อเงิน หม้อทอง"
            - ตัวถ้วยขนม ผสมแป้งสาลี น้ำเย็น ไข่แดง กรุแป้งในพิมพ์หม้อตาล อบให้สุก
            -ไส้ ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำเคี่ยวให้ข้น ตักใส่ถ้วย หยดสีตามต้องการ หยอดลงในพิมพ์ ให้น้ำตาลแห้ง
            ดู จากลักษณะภายนอกดูกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก หลากสีสันชวนน้ำลายสอ เมื่อลองลิ้มชิมรสเนื้อแป้งของขนมที่กรอบจะเข้ากันดีกับตัวน้ำตาลที่หวาน กำลังดี

 

ขนมพันตอง

 

 

            แบ่ง เป็น 2 ส่วน แยกเป็น 2 ห่อ ห่อแรกคือส่วนผสมของไส้ ประกอบด้วยมะพร้าวกับน้ำตาลปี๊บ แล้วนำมาปั้นเป็นก้อน อีกห่อประกอบด้วย หัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ น้ำตาล แล้วตักใส่ห่อ เพื่อความอร่อยยิ่งขึ้นควรจะรับประทานพร้อมกัน เพราะตัวแป้งและตัวไส้จะอร่อยกลมกล่อมอย่างลงตัว

 

ขนมพระพาย

 

 

            เป็น ขนมที่ใช้ในพิธีแต่งงานใช้แป้งข้าวเหนียวนวดกับน้ำดอกมะลิ ใส่สีต่างๆ เพื่อหุ้มไส้ ที่ประกอบด้วยถั่วเขียวเลาะเปลือกที่บดละเอียด ผสมกับกะทิ และน้ำตาล ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ เมื่อหุ้มเสร็จแล้ว นำมาวางบนใบตองที่ตัดเป็นกลม ๆเมื่อนึ่งสุกแล้ว พรมด้วยหัวกะทิ
            เมื่อดูจากลักษณะภายนอกอาจจะดูคล้าย ขนมช็อกโกแลตชนิดหนึ่งที่กลมๆ เงาๆมันๆ น่ากัด น่ากิน

 

ขนมเทียนแก้ว

 

 

            หรือ ขนมนมสาว เปรียบเสมือนแสงสว่าง   ลักษณะ ที่สวยถูกต้อง ต้องปลายแหลม และฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส วางได้โดยไม่เสียรูปทรง ทำจากถั่วเขียวเลาะเปลือกนึ่งสุก กวนกับกะทิและน้ำตาลทราย อบด้วยควันเทียน ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ นำแป้งถั่วเขียว หรือแป้งซ่าหริ่ม กวนกับน้ำตาลทราย และน้ำลอยดอกมะลิ
            ขนมชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมสดชื่นน่ากินของควันเทียนและน้ำลอยดอกมะลิที่อบอวลอยู่ในเนื้อขนม

 

ตะลุ่ม

 

 

            มี สองส่วน คือส่วนตัวขนม ทำแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใส และหางกะทิ นำไปนึ่งจนสุก ส่วนของตัวหน้า ได้แก่ หัวกะทิ ไข่ และน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทลงบนตัวที่สุกแล้ว นำไปนึ่ง เวลาเสิร์ฟตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำหรือลักษณะตามชอบ เวลาจะรับประทานควรรับประทานพร้อมกันเพราะให้รสชาติที่หวาน มัน และมีกลิ่นหอมของกะทิยามรับประทานในคำเดียวกัน

 

บุหลันดั้นเมฆ

 

 

            ลักษณะ ของขนมจะคล้ายขนมน้ำดอกไม้ เป็นขนมชาววังคิดประดิษฐ์ขึ้น ให้มีสีสันอุปมาอุปไมยเลียนแบบเพลงไทย 'บุหลันลอยเลื่อน' ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
            มี 2 ส่วน คือ ส่วนตัวขนม ทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำดอกอัญชัน น้ำตาลทราย หยอดลงบนถ้วยตะไล เมื่อนำไปนึ่งตรงกลางจะบุ๋มลงไป ส่วนตัวหน้าขนม ประกอบด้วย ไข่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าว และนำไปนึ่งต่อจนสุก
            เมื่อรับประทานจะให้ความรู้สึกถึงความหอมหวานของน้ำดอกอัญชันกับกลิ่นน้ำตาลมะพร้าว

 

เห็ดโคน

 

 

            ทำ จากไข่ขาวตีกับน้ำตาลทรายป่นจนตั้งยอด ใส่น้ำมะนาวเพื่อให้ไข่ไม่เหลว นำกระดาษขาวหนา ๆ มาม้วนเป็นกรวย ใส่น้ำตาลที่ตีแล้ว บีบกลม ๆ เป็นหัวเห็ด แล้วบีบยาว ๆ เป็นก้านเห็ด นำไปอบ พอสุกแล้วนำส่วนหัวมาเจาะตรงกลาง เพื่อติดกับตัวก้านเห็ดโดยใช้น้ำเชื่อม นำผงโกโก้ มาร่อนตระแกรงละเลงโรยบนหัวเห็ด
            สำหรับคนชอบกินเห็ดอาจจะเข้าใจผิดก็ ได้เมื่อได้เห็นขนมชนิดนี้ เพราะคุณจะแยกไม่ออกว่าอันไหนเห็ดจริงอันไหนคือขนมเห็ด ส่วนเรื่องรสชาติจะออกหวานๆ เมื่อนำเข้าไปสัมผัสกับลิ้นแล้ว แทบจะละลายไปทันที   (ป.ล.เห็ดโคน ไม่ใช่สโคน อิอิ)

 

เกสรชมพู่

 

 

            ขนม ไทยโบราณ เมื่อได้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่าขนมชนิดนี้คือ "ข้าวเหนียวแก้ว" แต่ถ้าพิศมองให้ดีจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะมีลักษณะแข็งกระด้างของข้าวเหนียว ส่วนเกสรชมพู่จะดูนุ่มนวล อ่อนโยน ที่ทำจากมะพร้าวขูดขาว ผัดกับน้ำและน้ำตาลทราย ใส่วุ้นกวนให้เข้ากันใส่สีชมพูแก่ แล้วตักใส่ถ้วย เรื่องรสชาติเกสรชมพู่จะมีความมัน ความหอมของมะพร้าว และมีความหวานเป็นเอกลักษณ์

 

หันตรา

 
 

            หรือขนมฝอย เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในงานหมั้น ซึ่งแสดงถึงการตีตราจองว่าหญิงนั้นมีคู่หมั้นแล้ว
            ทำ จากถั่วเขียวเลาะเปลือก ที่นำมากวนกับน้ำตาลทราย แล้ว ปั้นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กดตรงกลางให้บุ๋มแล้วมาห่อด ้วยไข่ที่ทำเป็นตาราง
            ขนมชนิดนี้เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาน่า รับประทาน เนื่องด้วยตัวของไส้ขนมและตัวไข่ที่นำมาหุ้มมีสีเหลืองทองที่เข้ากันอย่าง เหมาะเจาะ แลดูคล้ายขนมตระกูลทอง

ขอบคุณภาพ และเนื้อหา จาก Fwd mail

และ http://www.vcharkarn.com
--~--~---------~--~----~------------~-------~--~----~
****  รู้จักขอบคุณเมื่อได้รับ   ขออภัยเมื่อผิดพลาด  คือสิ่งที่สมาชิกกลุ่มพึงกระทำ  ****


อย่าลืมนะคะ มีอะไรก็แบ่งปัน
    ^ นู๋เล็ก ^ 
Group's Owner
(-`๏’•ิ__•ิ`๏’-)
34  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฟัังเพลง ดี ๆ เย็น ๆ กันบ้างนะคะ เมื่อ: ตุลาคม 01, 2010, 04:44:41 pm
หนูก็ยากทำเพลง และ ภาพอย่างนี้ ถวายพระอาจารย์สักชุด

แต่ตอนนี้ทำยังไม่เป็น คะ



35  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อยากรู้ไหมว่า ตัวเอง แก่หรือยัง เมื่อ: กันยายน 30, 2010, 12:28:10 pm
อยากรู้ไหมว่าตัวเองแก่หรือยัง? ต้องอ่าน!!! (จริงนะ)
คำถาม 49 ข้อ ที่มี หากคุณอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วคุณรู้จักมักคุ้น เคยได้เห็น ได้สัมผัสกะสิ่งที่เรากล่าวขึ้นมาประมาณสัก 30 ข้อ... เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย....เพราะคุณแก่แล้ว (อ่านขำๆ อย่าคิดอะไรมาก)   

  1. เคยไปเมโทร บิ๊กเบล ไดมารูราชดำริ 

      2. เคยเล่นถ้วยหมุนบนเซนทรัลชิดลม 

      3. เคยเล่นสวนสนุกบนมาบุญครอง 

      4. รู้จักแมคโดนัลที่แรกที่โซโก้ 

      5. รู้ว่ามีฟู้ดคอร์ทที่แรกที่มาบุญครอง 

      6. ยังเรียกสถานที่ต่อไปนี้ว่า เวิลด์เทรด รีเจนท์ ฮิลตัน (โดยที่ไม่ยอมจำว่ามันเปลี่ยนเป็น เซ็นทรัลเวิลด์ โฟร์ซีซั่น ราฟเฟิล ส่วนฮิลตันก็ไปเปิดใหม่ตรงแม่น้ำแล้ว) 

      7. เคยกินฟาสต์ฟู้ดเหล่านี้ซึ่งไม่มีแล้ว ทาโก้ ป๊อบอาย เวนดี้ โฮเบอร์เกอร์ เชคกี้ส์พิซซ่า 

      8. คิดว่า แฮปปี้แลนด์ แดนเนรมิต ถ้าไม่เคยไป เสียชาติเกิดเป็นที่สุด 

      9. เคยดูหนังแบบที่มันมีราคาตามผังที่นั่ง 

      10. เคยเล่นไอซ์บนเวิลด์เทรด 

      11. เคยรู้ว่า ค่าทางด่วนราคา 10 บาทแล้วเปลี่ยนเป็น 15 แล้วเป็น 30 จนถึง 40 ในตอนนี้ 

      12. รู้ว่า ดอนเมืองมีแค่ 1 เทอร์มินัล 

      13. เคยเติมน้ำมันทีละ 200 

      14. เคยใช้ floppy disk แผ่นเท่าจาน 

      15. เคยใช้ คอมไม่มีเมาส์ 

      16. เคยใส่แบรนด์ต่อไปนี้ NEXT, Dr.Martin, Banana Republic (เคยใส่กางเกงยีนส์สีต่างๆ ผู้หญิงเคยผูกโบว์ใหญ่เท่าผ้าสไบ ผู้ชายเคยห้อยกระดิ่งที่รองเท้า) 

      17. เคยมีเพจ ถ้าจะให้ดีต้องรุ่น advisor 

      18. รู้ว่า แต่ก่อนมือถือไม่มี 01 เบอร์บ้านไม่มี 02 

      19. รู้ว่าแต่ก่อนไม่มีชื่อถนนหรือชื่อย่าน แบบนี้...คือ รัชวิภา รัชโยธิน เลียบทางด่วน 

      20. เคยติด IBC แล้วเปลี่ยนเป็น UTV แล้วมันก็มารวมกันเป็น UBC 

      21. เคยดู เฮนเบะ บุนบู เมียมนิทานชีวิต แคสเปอร์ผีน้อย บาบ้าปาร์ป้า 

      22. เคยเรียนดรุณศึกษา หนูมาลีหนูมาลัย หรือมานะมานี 

      23. สอบเอ็นระบบเก่า วัดใจทีเดียวไม่มีลุ้น 

      24. ชอบของแถมที่มากับรองเท้าบาจา เช่นโจรสลัดที่อยู่ในถัง 

      25. คอนเสิร์ตไมเคิลแจ๊กสัน คอนเสิร์ต gun n roses คอนเสิร์ตบอนโจวี่ นีล่ะของชอบ 

      26. เคยมีเกมกดและพัฒนาเป็นนินเทนโด 

      27. เคยอ่านนิตยสาร ลลนา สตรีสาร สกุลไทย และรู้ว่าสตรีสารจะมีภาคพิเศษสำหรับเด็กด้วย ซึ่งมีการ์ตูนน่ารักๆ หลายเรื่อง เช่น ต๋อมจอมยุ่ง เจ้าขนฟู คนพิลึก 

      28. เกิดทันหนังสือเด็กแนวสมัยก่อน เช่น ปลื้ม ไปยาลใหญ่ 

      29. ชอบกินไอติมโฟร์โมสต์ 

      30. เกิดทันโฆษณายุคหวานใส เช่น ขอเสื้อคืนด้วยค่ะ,อุ๊ยส้มหล่น,จะให้เธอน่ารักน้อยกว่านี้หรือให้ผมกล้า มากกว่านี้ดีนะ,รักเจรักช็อคโกบาร์ 

      31. เกิดทันยุคหนังวัยรุ่น สะแด่วแห้ว กลิ้งไว้ก่อน มีดารานำจำพวก มอส เต๋า โมทย์ จอห์น ดีแลนด์ ศรราม นุ๊ก ต๊ะ ฯลฯ 

      32. ถ้าคุณทันขนม หมากฝรั่งตาแมวดำ ลูกโป่งวิทยาศาสตร์ น้ำเต้าปูปลา 

      33. ถ้าแก่มากจะทัน พาเลซ โรม ถ้าแก่ไม่มากนักจะทันไวเบรชั่น ชาร์กกี้ ทอรัส ดิสคัฟเวอรี่ 

      34. สามารถบอกชื่อศิลปินค่ายคีตา ได้มากกว่า 3 คน เช่น อ้อม สุนิสา นีโน่ ฝันดีฝันเด่น เอ็มสุรศักดิ์ แจ็กจิล เคดีรอม ยูโฟ ต่อนันทวัฒน์ พงพัฒน์ ยุ้ย ทีสะเกิ๊ต โก้นฤเบศร์ 

      35. นอกจากสามหนุ่มสามมุมแล้วยังทัน ตะกายดาว คนค้นคน นางฟ้าสีรุ้ง 

      36. รู้ว่าจะมีการฺ์ตูนโผล่มาเวลา ช่องทีวีมีปัญหา เช่น นกหัวขวาน 

      37. เคยอยู่ในช่วง ดอลล่าร์ละ 25 บาท ปอนด์ละ 40 (โอ้แม่เจ้า เคยมีในสมัยนั้นจริงๆ) 

      38. เกิดทัน การดูเลเซอร์ มีร้านให้เช่าดูที่สยามด้วย 

      39. เกิดทันยุคที่นักร้องแกรมมี่ต้องมีเพลงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่ในอัลบั้ม 

      40. รู้ว่าสยามเซ็นเตอร์และชิดลม ไฟไหม้ในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้ช่วงนั้นไม่มีห้างจะเดิน 

      41. คนข่าวสมัยนั้นที่ดัง คือ สมเกียรติ์ อรุณโรจน์ วิทวัส 

      42. ยุทธการขยับเหงือก เทปแรกๆ มีเสนาปัญญา เสนากิ๊ก และก็มีเสนาโค้ก อรุณ ติ๊กกลิ่นสี แหม่มสุริวิภา ส่วนโน้ตอุดม หอย ส่วนวิทย์มาทีหลัง 

      43. เคยรู้ว่าถ้าท่านใดสามารถตอบได้ว่า วันนี้พี่เบิร์ดร้องเพลงกี่เพลง/ ติ๊นาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดกี่ชุด
จะได้รับนาฬิกาคาเรร่าสำหรับสุภาพบุรุษ 1 เรือนและสุภาพสตรี 1 เรือน
สำหรับเงินค่าเข้าประตูในวันนี้ จะนำไปซื้อตู้ยาพร้อมเครื่องเวชภัณฑ์ให้โรงเรียนวัดไผ่อีเห็น 

      44. ชอบพูดว่าตัวเองยังไม่แก่ แต่ที่แท้เวลาได้ยินเพลงสมัยก่อนจำพวกเจ นูโว ยูเอชที จะยิ้มแป้น
แถมยังชอบไปดูคอนเสิร์ตย้อนยุคทั้งหลาย และชอบไปที่เที่ยวที่เปิดเพลงเก่า 

      45. เคยคิดว่า โบ-จ๊อยซ์โป๊มาก (สมัยนี้เจอเจอเกิร์ลลี่เบอรี่เข้าไป หึ หึ) 

      46. ยังไม่มี airport tax 

      47. ฮิตเสื้อนักศึกษาตัวใหญ่ หรือพอดีๆ ไม่ใช่รัดติ้วเป็นแหนมมัดเหมือนสมัยนี้ 

      48. รู้ว่าซูกัส ทรีบอล์ เคยห่อเป็นแบบท็อฟฟี่ คอร์นพัฟเป็นถาดดึงออกมา ป๊อกกี้แกะกล่องจากด้านบนไม่ใช่ตรงกลางแบบนี้ และยังมี มั้นมัน ทวิสตี้ จิ๊กกะดี้ ริงโก้ กาก้า 

      49. เคยดูเขาทราย เขาค้อ สามารถ ซึ่งเวลาต่อยแข่ง ถนนโล่งไปหมดไม่มีคนออกจากบ้าน
36  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มารแกล้งพระพุทธเจ้าได้ เมื่อ: กันยายน 22, 2010, 11:33:47 am
ข้อความใน ธ.อ. 3/367 ขุ. ธ. ข้อ 25

  ณ บ้านพราหมณ์ ปัญจศาลา พระพุทธเจ้าเสด็จเข้า บิณฑบาต มารกลั่นแกล้งดลใจ ไม่ให้ชาวบ้านใส่ บาตร

พระพุทธเจ้า เพราะเหตุต้องการขัดขวางไม่ให้พระพุทธเจ้าได้ ภัตร

  ขณะนั้นเด็กหญิงจำนวน 500 คนกลับจากเล่นน้ำถึงประตูพระนคร

 ซึ่งมีข้อความกล่าว อานุภาพของ ปีติ ดังนี้


   มารถามว่า

     แน่ะท่านผู้เจริญ ท่านยังไม่ได้ก้อนข้าว มีความทุกข์ เพราะความหิวใช่ไหม

  พระพุทธเจ้า ตรัสว่า

    มารผู้บาป ในวันนี้ แม้เราจะไม่ได้อะไร ๆ  เราก็ให้เวลาล่วงไปด้วย ความสุขอันเกิดจากปีติ เท่านั้น เราเป็นดุจพรหมในเทวโลกชั้นอาภัสสระ

   แล้วตรัสแสดง พระคาถาว่า

        เราผู้ซึ่งไม่มีกิเลสชาตเป็นเครื่องกังวล

        จึงเป็นอยู่สบายดี

        เราเป็นผู้มีปีติเป็นภักษา

        เหมือนเหล่าเทวดาชั้น อาำัภัสสระ

    จบพระเทศนานั้น เด็กหญิง 500 คนที่ยืนอยู่ ก็ บรรลุพระโสดาปัตติผล

 :25: :25:

 คำถามก็คือ

    มารมีฤทธิ์ กว่า พระพุทธเจ้า ใช่หรือไม่

    เด็กหญิง 500 คน บรรลุเป็น พระโสดาปัตติผล นั้น ด้วยคาถาอย่างไร

    พระปีติ เป็นอาหารทิพย์ ของชาวพรหม ชั้นอาภัสสระ ถ้าผู้ฝึก พระธรรมปีติ จักอดอาหาร สัก 3 วัน

  ในพระธรรมปีติ เป็นไปได้หรือไม่

 :25: :25: :88: :88:



 
37  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มหัศจรรย์ ภูท่อก ท่านเคยไปหรือยัง ถ้ายัง ตามมาสิคะ เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 03:16:15 pm
วันนี้ มานำเสนอ ภูท่อก จ.หนองคาย มหัศจรรย์ ที่เกิดจากพระอริยสงฆ์ คะ

อย่างน้อยถ้ายังไม่ได้ไป ก็เข้ามาชมตรงนี้ก่อน ได้คะ

ไว้วันไปจริง ๆ แล้ว จะได้รู้ว่าจะไปตรงจุดไหนบ้างคะ

ที่นี่เป็นวัดธรรมยุติ ลูกศิษย์ หลวงปู่มั่น คะ

พระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ

ติดตามได้แล้วคะ













38  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เห็นผี ควรทำอย่างไร คะ เมื่อ: สิงหาคม 09, 2010, 01:00:20 pm
ถ้าเราเห็น ผี ควรทำอย่างไร คะ

เห็นถึง 3 ครั้ง เพื่อนที่ไปอุบัติเหตุ ด้วยมอร์เตอร์ไซค์ เป็นเพื่อนชายคะ

เห็นที่งานศพ ที่โรงเรียน และ ที่หน้าบ้าน คะ

บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ

หนูควรทำอย่างไร คะ
 :17: :17:
39  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เวลานั่งกรรมฐาน ถ้าถูก มด กัดทำอย่างไรคะ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2010, 10:29:09 am
เวลานั่งกรรมฐาน ถ้าถูก มด กัดทำอย่างไรคะ

พอนั่งกรรมฐาน ที่โรงเรียนบางทีก็ชวนเพื่อน นั่งกันใต้ต้นไม้ก่อนเข้าห้องเรียนสัก 5 นาที

แต่บางครั้งโดนมดกัด ก็รีบปัดกัน เพื่อนพากันหัวเราะ ว่านั่งกรรมฐานอะไร

จึงอยากทราบ วิธีปฏิบัติ ที่ถูกต้องเวลาโดนมดกัด ขณะันั่งกรรมฐานคะ

 :'( :25:
หน้า: [1]