ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - นิด_หน่อย
หน้า: [1]
1  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / คนระลึกชาติ เมื่อ: กันยายน 23, 2012, 02:21:41 pm


 อัปโหลดโดย thanadet72 เมื่อ 12 ส.ค. 2011

http://dham9.blogspot.com
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ใครวางแผนไปเที่ยวเชียงใหม่ยกมือขึ้น! อย่าลืมซื้อสตรอวเบอร์รี่มาฝากกันบ้างนะจ๊ะ เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 07:15:22 am
ใครวางแผนไปเที่ยวเชียงใหม่ยกมือขึ้น! อย่าลืมซื้อสตรอวเบอร์รี่มาฝากกันบ้างนะจ๊ะ เพราะเขาบอกว่าเจ้าผลไม้น่าเอ็นดูชนิดนี้มีประโยชน์มากมายเลยล่ะ



1.ดูแลสายตา
             
ปัญหา เกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระ และการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่อเราอายุมากขึ้น ดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายความแก่ชราจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอวเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติอีกด้วย

2.ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์
           
เมื่อ กล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า กล้ามเนื้อของเราก็มีแต่จะถดถอยของเหลว บริเวณข้อต่อกระดูก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา แต่อย่าห่วงไป เพราะเราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสรรพคุณล้างพิษของสตรอวเบอร์รี่ค่ะ

3.กำราบโรคมะเร็ง
           
กินสตรอ วเบอร์รี่ทุกวันสิคะเซลล์มะเร็ง และเนื้องอกต้องชิดซ้ายหลีกทางให้แก่สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และแอนโธไชยานินส์ ที่มีอยู่มากมายในสตรอวเบอร์รี่ค่ะ

4.ส่งเสริมการทำงานของสมอง
           
ยิ่ง แก่ยิ่งขี้หลงขี้ลืม เพราะเนื้อเยื่อและเส้นประสาทในสมองเสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระตัวร้าย ซึ่งสตรอวเบอร์รี่ช่วยได้ เพราะมีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ และคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาท แถมยังมีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีก ด้วย

5.ลดความดันโลหิต
           
หากโซเดียมเป็นตัวการทำให้เกิดความดันโลหิตสูง สตรอวเบอร์รี่ก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับความดันให้เป็นปกติค่ะ

6.ปราบโรคหัวใจ
           
ใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมวิตามินบีบางชนิดที่พบได้ในสตรอวเบอร์รี่ จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย
3  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อะไรเป็นเหตุปัจจัย ใหเกิดภัยพิบัติ คะ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 10:52:14 am
อะไรเป็นเหตุปัจจัย ใหเกิดภัยพิบัติ คะ

 คือ บางครั้งเราแก้กันตรงจุดหรือไม่คะ

   เช่น ไปนั่งสวดภาวนากัน จุดธูปบวงสรวง แล้วจะแก้ภัยพิบัติ ได้หรือคะ

  ที่ถามอยากให้เพื่อนๆ ช่วยกันแสดงความเห็นว่า อะไรเป็นสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ และจะได้แก้กันได้ตรงจุด ดีกว่าหรือไม่คะ

   :49:
4  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไมผู้ที่ฝึก อาโปกสิณ ที่บอกว่ามีฤทธิ์ ทางนี้ไม่ช่วยลดภาวะน้ำท่วม เมื่อ: ตุลาคม 25, 2011, 09:21:03 am
ลองคิดเล่น ๆ คะ แต่ถามจริง ๆ ในห้องกระทู้
 
คือสงสัยได้ยินมาว่า มีผู้มีฤทธิ์ ในด้านอาโปกสิณ กันหลายท่านหลายคน แล้วทำไม ?

ผู้มีฤทธิ์ มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ในขณะที่ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะภัยน้ำท่วมกันอยู่ทำไม
จึงไม่แสดงฤทธิ์ ยับยั้งบรรเทา ผู้ที่เดือดร้อนกันบ้างคะ :25:


5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แพทย์ระบุหลวงพ่อคูณพร้อมไปรพ.ศิริราช เมื่อ: กันยายน 08, 2011, 10:01:58 am
7 กย. 2554 15:42 น.

    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เป็นระยะเวลานานถึง 4 เดือนแล้วตามข่าวที่เสนอไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมจะเดินทางไปรับการเจาะหน้าท้องให้กับหลวงพ่อคูณฯที่ รพ.ศิริราช กทม. ทางคณะแพทย์จะนำตัวหลวงพ่อคูณขึ้นเครื่องบินของสำนักฝนหลวงและการบินเกษตร ในเช้าของวันที่ 8 ก.ย.2554
    วันนี้(7ก.ย.54) ที่ห้องพักรักษาอาการหลวงพ่อคูณ ายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่างๆเกี่ยวกับหลวงพ่อคูณฯที่ให้การรักษา รวม 7 คน ได้เข้าตรวจอาการอย่างละเอียด โดยสลับกันตรวจแต่ละโรคด้านที่เชี่ยวชาญ โดยใช้เวลา 30 นาที โดยขณะที่คณะแพทย์จะทำการตรวจอาการก่อน 5 นาที หลวงพ่อคูณ ได้นอนยกแขนสองข้างบริหารกล้ามเนื้ออยู่บนเตียง ซึ่งในวันนี้หลวงพ่อคูณหน้าตาสดชื่น และอารมณ์ดีกว่าทุกวันที่ผ่านมา พร้อมกับได้พูดคุยกับลูกศิษย์สอบถามถึง เจ้ามะลิ กระทิง ที่หลวงพ่อคูณ เคยเลี้ยงดูและป้อนนมให้ ปัจจุบันอายุ 5 ปี กำลังตั้งท้องกระทิงน้อยตัวที่ 2 อยู่ที่หมู่บ้านเลือดไทย ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
    ด้านนพ.พินิศจัย กล่าวว่า อาการทั่วไปอยู่ในสภาพที่ดี พร้อมที่จะไปทำหัตถการที่ รพ.ศิริราชฯในเช้าวันพรุ่งนี้(8 ก.ย.) และอาการตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ฉะนั้นเราก็ยังต้องเฝ้าระวังดูอย่างใกล้ชิด พูดได้คล่อง รู้ตัว รู้เรื่อง อารมณ์ดีขึ้น ให้อาหารทางสายยางรับได้หมด น้ำหนัก 41.5 กก. ส่วนการทำหัตถการที่ รพ.ศิริราช ก็คงแล้วแต่ทาง รพ.ศิริราช แต่ให้ประเมินเชื่อว่าน่าจะเป็นการเจาะหน้าท้องมากกว่า ไม่ใช่การผ่าตัดหน้าท้อง อาการเรื่องเจ็บปวดก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา เพราะจะมีการให้ยา แต่หัตถการนี้ส่วนใหญ่แล้วไม่ต้องดมยาสลบ ใช้ยาชาเฉพาะที่ได้ และมาถึงขณะนี้หลวงพ่อคูณ เองยังไม่ทราบว่าจะต้องเจาะหน้าท้อง ซึ่งเราจะเรียนท่านที่ รพ.ศิริราช โดยบอกแต่เพียงว่า นำหลวงพ่อไปส่องกล้องเฉยๆ ส่วนขณะอยู่บนเครื่องบินระหว่างเดินทางเราก็เตรียมไว้สำหรับภาวะฉุกเฉินที่ จะเกิดได้ทุกเมื่อ เพื่อไม่ประมาท และหลังจากเจาะแล้วถ้าจะกลับวัดบ้านไร่ถ้าไม่มีภาวะแทรกซ้อนอะไรอย่างน้อย อีก 3 สัปดาห์ ส่วนการเคาะหัวหลังเจาะแล้วนั้น นพ.พินิศจัยฯกล่าวว่า หลวงพ่อเพิ่งเคาะหัวคณะแพทย์เดี๋ยวนี้เอง
    ด้าน นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธเหมทานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ลูกศิษย์ใกล้ชิด กล่าวว่า ช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย. 2554) เวลาประมาณ 07.00 น. หลวงพ่อคูณจะออกเดินทางจากสนามบินกองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมาโดยเครื่องบินทำฝนหลวง เนื่องจากเป็นเครื่องบินขนาดใหญ่สามารถนำอุปกรณ์ทางการแพทย์ขึ้นไปติดตั้งบน เครื่องได้ และจะมีคณะแพทย์ พยาบาล พร้อมทั้งลูกศิษย์ใกล้ชิดติดตามเดินทางไปดูแลหลวงพ่อคูณฯอย่างใกล้ชิดตลาด เวลา โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางโดยเครื่องบินประมาณ 40 นาที โดยเครื่องจะไปลงที่ บน.6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ

http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=528161
6  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สวดมนต์ ได้เป็นกุศลจิต เป็นอุปจาระสมาธิ และ อัปปนาสมาธิ เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 09:14:11 am
พุทธ
       อุปจารสมาธิ จิตเป็น มหากุศลจิต
       อัปปนาสมาธิ(ฌาน) จิตเป็น มหัคคตกุศลจิต

        สวดมนต์ ได้เป็นกุศลจิตแบบไหนผมไม่ทราบครับ ไม่มีความรู้ครับ
พราหมณ์ กับ พุทธ ไม่เหมือนกันนะครับ
หรือไม่ก็ลองฟังจากที่นี่ดูแล้วพิจารณาดูครับ

จิตของผู้สวดมนต์บาลีอาจจะไม่เป็นกุศลเสมอไป
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=4975

เวลาสวดมนต์ จิตเป็นกุศลหรืออกุศล
http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=2195

ยังมีในที่อื่นๆอีกครับ
แล้วแต่ท่านจะพิจารณา


7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จริง หรือ คะ ที่ กรรมฐานพลังจิต จะรักษาโรคภัย ไข้เจ็บได้ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 12:12:14 pm


เชิญผู้มีประสพการณ์ ในด้านการใช้ กรรมฐาน พลังจิต มาแสดงความรู้ด้วยคะ

  ว่ากรรมฐาน พลังจิต จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างไร ในครั้งพุทธกาล มีใครใช้วิธีการอย่างนี้บ้างคะ

 ว่าแต่ ดำเนินวิธีการใช้ รักษา กันด้วยวิธีใด คะ

 :25: :c017:
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฮือฮา'เมรุสีชมพู'วัดดังกรุงเก่าหวาน สมภารชี้ ลดเศร้า เลิกกลัว เมื่อ: สิงหาคม 15, 2011, 08:49:56 am


วัด ดังเมืองกรุงเก่าทำฮือฮาสร้างเมรุสีชมพูหวานแหวว ตัวเมรุทาด้วยสีชมพูทั้งหลัง ตั้งตระหง่านติดริมถนน เจ้าอาวาสเผยที่มาตั้งใจลดความหวาดกลัวของชาวบ้านที่เดินผ่านไปมายามค่ำคืน เมื่อก่อนตัวเมรุเป็นสีขาวคาดดำ ตอนกลางคืนคนเดินผ่านหวาดผวาไปตามๆ กัน เลยตัดสินใจทำสีใหม่ ทาสีชมพูทั้งหลังด้วยงบฯ 3 แสนบาท อีกทั้งยังเป็นการเตือนสติและลดความเศร้าโศกให้กับญาติที่มาร่วมงานศพ สีเมรุจะช่วยลดความเศร้าลงได้ ถือเป็นความสุขสุดท้ายของผู้เสียชีวิต ส่วนที่วัดโพธิ์ลอย จ.เพชรบุรี ชาวบ้านร้องทางวัดเอาสาวโคโยตี้นุ่งน้อยห่มน้อยมาเต้นวาบหวามในงานบุญ จี้สำนักพุทธตรวจสอบ

เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดท่าตอ ม.3 ต.มหาราช จ.พระนครศรี อยุธยา หลังมีเสียงร่ำลือจากชาวบ้านว่าที่วัดแห่งนี้สร้างเมรุเผาศพเป็นสีชมพู สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าเมรุดังกล่าวทาสีชมพูทั้งหลัง ตัวเมรุตั้งติดถนนสายมหาราช-ท่าตอสายใน ประดับประดาด้วยลวดลายกระหนกสีทองสวยงาม มีขนาดความยาว 20 เมตร กว้าง 8 เมตร มีบันไดขึ้น-ลง 3 ด้าน

พระใบฎีกาชัชวาลย์ ธมฺมทีโป อายุ 38 ปี เจ้าอาวาสวัดท่าตอ กล่าวว่า การทาสีเมรุเป็นสีชมพูมีข้อคิดเตือนสติ 3 ประการ 1.ลดความโศกเศร้าให้กับญาติโยมที่ไปร่วมงาน 2.จุดที่ตั้งของเมรุเผาศพอยู่ติดกับถนน กลางค่ำกลางคืนจะมีหนุ่มสาวออกไปทำ งาน ต้องเดินสัญจรผ่านเมรุทำให้เกิดความกลัว ทางวัดจึงต้องการจะลดความน่ากลัวลง และ 3.เป็นความสุขครั้งสุดท้ายของผู้ที่เสียชีวิต คือ ความตาย เมื่อตายแล้วจะต้องมีความสุข

พระชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า เดิมเมรุหลังนี้ทาด้วยสีขาวตัดขอบด้วยสีดำ เวลาคนผ่านไปผ่านมาในช่วงกลางคืนจะเกิดความกลัว จึงคิดว่าจะทำอย่างไรดีจึงจะช่วยผ่อนคลายความกลัวของญาติโยมได้ ทางวัดจึงตัดสินใจทาสีชมพูเพราะเมรุคือสิ่งสุดท้ายที่คนเราเมื่อตายแล้วจะ ต้องไปใช้ ในการบูรณะทาสีใช้เวลา 1 เดือนเศษ ค่าทาสีปรับปรุงเมรุประมาณ 3 แสนบาท หลังจากที่ได้ทำสีแล้วมีศพมาเผาที่เมรุแห่งนี้ถึง 8 ศพ ญาติโยมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเมื่อมาเห็นเมรุสีชมพูแล้วทำให้คลายความ โศกเศร้าไปได้พอสมควร และยังบอกต่ออีกว่าสวยดีสดชื่น

ด้านนายประสงค์ เทียมหลา อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ท่าตอ อ.มหาราช กล่าวว่า เห็นเมรุสีชมพูแล้วรู้สึกแปลกและสวยดี ลดความน่ากลัวในยามค่ำคืนที่คนเดินผ่านไปมา ประกอบกับชาวบ้านบอกว่าไม่ผิดอะไร นับเป็นเรื่องแปลกและดีอีกด้วย เมื่อคนมาเผาศพต่างคลายความโศกเศร้า เชื่อว่าในจ.พระนครศรีอยุธยาที่มีวัดมากกว่า 500 วัด ยังไม่มีวัดไหนมีเมรุสีชมพู แต่เวลาเผาศพจริงจะมีการตกแต่งผูกผ้าสีขาว-ดำเป็นหลักตามปกติ

สำหรับวัดท่าตอมีเนื้อที่ 29 ไร่ สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2300 ติดกับคลองบางแก้ว ซึ่งมีตอไม้อยู่มากในน้ำ ส่วนมากจะเป็นตอไม้ตะเคียน ชาวบ้านที่สัญจรกันทางเรือ ผ่านไปบริเวณนี้มักจะติดตอ จึงเรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดท่าตอ มีปูชนียวัตถุที่สำคัญคือรูปหล่อหลวงพ่อสังวาลย์มงคลเป็นพระพุทธรูปทรง เครื่องปางมารวิชัย นามเดิมว่าหลวงพ่อลอย หรือหลวงพ่อศาลาดิน เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่ประชาชนไปกราบไหว้บนบาน หากบรรลุผลก็จะมาแก้บนด้วยการถวายกลองยาว นอกจากนี้ ยังมีหลวงพ่อสี่ทิศและพระปรางค์เก่าสมัยอยุธยาตอนปลายประดิษฐานอยู่ที่วิหาร อีกด้วย

ส่วนกรณีชาวบ้านร้องเรียนว่า วัดโพธิ์ลอย ต.หนองกะปุ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี นำวงดนตรีมาจัดแสดงสร้างความบันเทิงในช่วงกลางวัน ก่อนจัดพิธีถวายสลากภัตแบบหาบ โดยนำสาวโคโยตี้และหางเครื่องนุ่งน้อยห่มน้อยมาเต้นยั่วยวนทำท่าอนาจารภายใน วัดซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สร้างความหดหู่ใจกับพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเวทีการแสดงตั้งอยู่ระหว่างอุโบสถและศาลาบำเพ็ญกุศล เยื้องกุฏิคณะสงฆ์ประมาณ 50 เมตร มีเด็กๆ มุงดูจำนวนมากนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 13 ส.ค. นายสมนึก ดีหะสิงห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง หลังได้รับการร้องเรียน เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบุรีได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า วัดโพธิ์ลอยจัดการละเล่นและแสดงดนตรีตอนกลางวัน มีหางเครื่อง 4-5 คน แต่งกายนุ่งน้อยห่มน้อย คล้ายโคโยตี้ออกมาเต้นยั่วยวนหน้าเวที แต่เต้นเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น ทั้งนี้ คณะกรรมการวัดที่จัดงานอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าไม่มีความผิด แต่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ด้วยเป็นประเพณีชาวบ้านและงานบุญ ซึ่งตนจะได้ประสานขอข้อมูลทั้งหมดจาก ผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อตรวจสอบต่อไป หากพบว่ามีมูลจะต้องนำเสนอเรื่องไปที่พระสังฆาธิการชั้นผู้ใหญ่ โดยอาจลงโทษด้วยการว่ากล่าวตักเตือนเจ้าอาวาสให้คอยควบคุมดูแลความเป็นไปของ วัดให้มากขึ้น

ด้านพระครูสังฆรักษ์ยวง ยสปาโล เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ลอย กล่าวว่า ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง เนื่องจากเป็นช่วงที่ประกอบพิธีสลากภัตหาบ แต่ถ้าตรวจสอบพบว่าคณะกรรมการวัดคนใดปล่อยให้จัดแสดงในลักษณะนี้ภายในวัดจะ ต้องตักเตือนไม่ให้จัดงานแบบนี้อีก เนื่องจากคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบุรีโดยเจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีได้กำชับสั่งห้าม จัดแสดงสาวโคโยตี้และหางเครื่องนุ่งน้อยห่มน้อยเช่นนี้เข้ามาภายในวัดอย่าง เด็ดขาด ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

สำหรับวัดโพธิ์ลอยเป็นวัดเก่าแก่ และเป็นวัดแห่งเดียวในต.หนองกะปุ ที่จัดประเพณีสลากภัตหาบ อันเป็นเอกลักษณ์ที่คงไว้ซึ่งความสวยงามและสืบทอดกันมานาน


http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREUwTURnMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB4TkE9PQ==
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พศ-จัดงานวันแม่พุทธมณฑล10-14-ส-ค-นี้ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2011, 11:00:05 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก  http://2.bp.blogspot.com

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า เนื่องใน "วันแม่แห่งชาติ"ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมควรที่พุทธศาสนิกชนจะได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี โอกาสนี้ พศ.เตรียมจัดงานปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติขึ้น โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 10-14 สิงหาคม 2554 ณ พุทธมณฑล อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม กำหนดให้มีการปฏิบัติธรรม เดินจงกรม นั่งสมาธิ ปฏิบัติจิตตภาวนา บรรยายธรรม สนทนาธรรม พิธีอาศิรวาทราชสดุดี จุดเทียนชัยถวายพระพร กำหนดเปิดงานปฏิบัติธรรมในวันที่ 11 ส.ค. เวลา 14.00 น. สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานในพิธี ผู้อำนวยการ พศ. กล่าวถวายรายงาน วันที่ 12 สิงหาคม เวลา 07.30 น. พิธีตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 80 รูป
ภาคบ่าย เวลา 13.00 น. บรรยายธรรม เรื่อง "แม่" เวลา 18.39 น. พิธีอาศิรวาท ถวายราชสดุดี จุดเทียนชัยถวายพระพร วันที่ 13 ส.ค. สนทนาธรรม เรื่อง พึ่งธรรม และบรรยายธรรม เรื่อง พระแม่ของแผ่นดิน สำหรับในวันที่ 14 สิงหาคม ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประกอบพิธีมอบเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ หนึ่งใจ...ให้ธรรมะ

Link : http://www.innnews.co.th/พศ-จัดงานวันแม่พุทธมณฑล10-14-ส-ค-นี้--300955_39.html

10  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลูกทำกรรมฐานให้แม่ เมื่อ: สิงหาคม 07, 2011, 09:21:45 am
ลูกทำกรรมฐานให้แม่

             --------------------------------------------------------------------------------




           เด็กหญิงทัศนีย์ อยู่โรงเรียนสงวนหญิง จ.สุพรรณบุรี บ้านตำบลมะขามล้ม
อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เธออยู่ ม.๑ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน ๒๘๐ คน

เมื่อสมัยนั้น ๕-๖ ปีแล้วแม่เป็นโรคมะเร็ง แม่เป็นครูที่โรงเรียนที่อำเภอบางปลาม้า
วาระสุดท้ายของโรคมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว เหลือแต่กระดูก อาเจียน มดลูกเน่าหมดแล้ว
ต้องตายภายใน ๓ เดือน แต่ลูกสาวคนนี้ดีมาก ก็เรียกให้อาตมาทราบว่า หลวงพ่อคะ
หนูนี่แม่จะตายแล้ว หนูยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่เลย แม่ก็จะมาตายแล้ว
ถ้าแม่ตายแล้วหนูจะอยู่กับป้าก็ไม่เหมือนอยู่กับแม่ อะไรหนอจะอุ่นเท่ากับตักแม่เราไม่มีแล้วพูดน่าสงสาร
หลวงพ่อคะ หนูจะช่วยแม่ได้อย่างไรบ้าง

หนูมีศรัทธาไหม นั่งกรรมฐาน พอนั่งกรรมฐานได้ ๓ วัน
โรงเรียนสงวนหญิงลากลับ อาจารย์บรรเลง เป็นผู้ช่วยอำนวยการ จังหวัดสุพรรณบุรี
ก็บอกว่าหลวงพ่อ ฝากเด็กไว้สักคนหนึ่งนั่งกรรมฐานต่อ ๗ วัน
สวดพาหุงมหากาฯ เข้า หลวงพ่อคะ หนูจะทำได้ไหมคะ ถ้าหากว่าแม่จะต้องตาย
ทดแทนบุญคุณแม่ด้วยน้ำนมที่แม่เลี้ยงมาได้ไหม ได้เลยเขาก็นั่งกรรมฐานต่อไป ๗ วัน
กลับไปแม่หายจากโรคมะเร็งจนทุกวันนี้ บัดนี้ ด.ญ.ทัศนีย์ เป็นนางสาวทัศนีย์ อยู่ ม.๖
โรงเรียนสงวนหญิง สุพรรณบุรี ไปถามได้เดี๋ยวนี้

ลูกช่วยพ่อแม่ได้แน่นอน พ่อแม่กำลังป่วยเป็นไข้
ลูกสาวหรือลูกชายได้เจริญสมาธิ สวดพาหุงมหากาฯ สวดพุทธคุณเท่าอายุเกินหนึ่ง
แม่กลับหายจากโรคมะเร็งได้จนทุกวันนี้ ขอฝากไว้ว่าลูกช่วยพ่อแม่ได้ พ่อแม่ก็ช่วยลูกได้
ต้องการให้บุตรธิดาของท่านเป็นคนดี ท่านทั้งสองสามีภรรยาอย่าทะเลาะกัน แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระ
สวดพาหุงมหากาฯ เข้า อธิษฐานจิตให้ลูกท่านเป็นคนดีเท่านี้เอง
ลูกท่านจะกลับร้ายกลายเป็นดี จะไม่ไปในส่วนร้ายต่อไปก็เกิดประโยชน์ดี


จาก...หนังสือ "ลูกไม่ดี แก้ที่พ่อแม่ พ่อแม่ไม่ดี แก้ที่ลูก" โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม)
__________________
สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ


--------------------------------------------------------------------------------
 
                                    วีโก้ บรูน อุทิศส่วนกุศลให้ พ่อ-แม่

--------------------------------------------------------------------------------

วีโก้ก็ปฏิบัติ เดินจงกรม ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง แล้วอุทิศส่วนกุศลให้พ่อแม่ ส่งโทรจิตไปใจความว่า
ข้าพเจ้าวีโก้ บรุน ได้บวชแล้ว จะเอาของดีไปฝากปู่ให้จงได้ ได้นุ่งเหลืองห่มเหลือง และเจริญกรรมฐาน
ขอแผ่ส่วนกุศลที่ลูกชายทำกรรมฐานได้ดี ขอให้แม่หายวันหายคืน จากโรคภัยไข้เจ็บ ณ บัดนี้

อีกข้อหนึ่ง ขอให้ปู่ของข้าพเจ้าได้รับทราบว่า หลานได้ของดีใส่ตัวแล้วจะเอาไปฝากปู่
และขอให้พ่อของข้าพเจ้ามีความเจริญรุ่งเรือง ด้วยการเจริญกรรมฐานของข้าพเจ้า
และขอให้เพื่อนของข้าพเจ้า ๓ คนที่อยู่ออสโลนั้น จงมีความเจริญเท่าเทียมกัน แค่กระกริบตาเดียว
วินาทีเดียว แล้ววันนั้นตรงกับวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๐ เป็นวันชาตินอรเวย์ ทุกคนหยุดงานทั่วประเทศ
แม่กำลังป่วยพักฟื้นอยู่ในห้อง ปู่กับเพื่อนอีก ๓ คน และพ่อของเขากำลังนั่งรับประทานอาหารกัน
ขณะนั้นเวลา ๙ นาฬิกา แต่เป็นเวลากลางคืนที่นี่เกิดสังหรณ์จิต เห็นผ้าเหลืองลอยมาแวบแล้วออกไป
เขาก็ตกใจ ปู่คิดได้เลย ชื่นใจว่าหลานคงได้บวชในพระพทธศาสนาแล้ว และได้ของดีจากเมืองไทยแล้ว
และพวกเขาก็พูด วีโก้ บรูน ออกมาพร้อมกัน แม่กำลังป่วยหนัก ได้ยินเสียงวีโก้ ด้วยความรักลูกอยู่แล้ว
คลานออกมาจากห้องมานั่งร่วมวง หายเลย แล้วก็เขียนจดหมายส่งมา เขียนวันเดือนปีและเวลาด้วย
ปู่ก็ยังฝากความมาด้วยว่า หลานเอ๋ย อยู่เมืิองไทยสงสัยเหลือเกินว่าคงได้บวช เพราะมีผ้าเหลืองลอยมา
นี่แหละโทรจิต เลยแม่หายวันหายคืน ใช่ไหมล่ะ

การมาเจริญกรรมฐานเป็นการใช้หนี้กรรม ที่เราทำไว้เมื่อชาติก่อน เป็นการอโหสิกรรม
และเป็นการใช้บุญคุณคนตั้งแต่อดีตมา จะรำลึกถึงบุพการีได้ จะนึกถึงบุญคุณคนขึ้นมา นี่ข้อนี้อย่าผัด

ถ้าเราขาดความสบาย มีความทุกข์ แผ่ตอนนั้นไปให้ใคร แผ่ให้ลูก ลูกก็ทุกข์ด้วย
เอาความทุกข์ไปให้ลูกเสียแล้ว แผ่ตอนไม่สบายใจ ตอนเศร้าใจ หมองใจ
คิดถึงแม่แล้วก็แผ่ออกไปรับรองไม่ได้ผลนะ เอาของไม่ดีไปให้แม่ของเรา


จาก...หนังสือ "ลูกไม่ดี แก้ที่พ่อแม่ พ่อแม่ไม่ดี แก้ที่ลูก" โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมโม)

 
อ้างอิงจาก    http://board.palungjit.com/f4/ลูกทำกรรมฐานให้แม่-298641.html
11  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.buddhism-online.org/ มูลนิธิเผยแผ่พระสัทธรรม เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2011, 10:27:28 am


http://www.buddhism-online.org/

มูลนิธิเผยแผ่พระสัทธรรม


ศึกษาพระอภิธรรม ออนไลน์ ที่นี่เลยนะครับ

12  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ครั้งแรกในชีวิตที่เคยเจอ วิญญาณ จะทำยังไงดีค่ะ กลัวมาก ( เรื่องเล่าบ่ายนี้ ) เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 11:17:30 am
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ ปี 50-51 หนูเคยมีปัญหากับผู้ชายคนหนึ่ง

ผู้ชายคนนี้ ตามตื้อหนู เค้าชอบหนู แต่ตอนนั้นหนูไม่ได้คิดอะไรกับเค้าเลย

...เค้าเป็นคนใจร้อน โวยวาย นิสัยเกเร ตอนนั้นหนูเครียดมาก หนูต้องลาออกจากงานที่แรก เพราะเค้าตามไปรังควาน ถึงที่ทำงานเก่า
...มาเฝ้าที่หน้าบ้าน ช่วงนั้นหนูเหมือนคนดวงตก แจ้งความไว้ หลายครั้งมาก เพราะกลัวเค้าจะทำร้ายร่างกาย....เครียดมากจริงๆ

---จน ปี 52 หนูได้งานใหม่ เริ่มกลับบ้านไม่เป็นเวลา เค้าเลยมาไม่เจอ หนูเปลี่ยนเบอร์มือถือ ตอนนั้นก็ระเเวงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เห็นเค้าแล้ว ----ผ่านไปสักพัก ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ไม่มีเค้ามาตามรังควานอีก

....จน ต้นปี 54 นี้   มีโทรบ้านดังขึ้น เค้าโทรมา บอกขอโทษ และขอให้เราอโหสิกรรมให้เค้า ...เค้าบอกว่าเค้าไม่มีความสุขเลย .....ตอนนั้นหนูกลัวมาก กลัวมันจะกลับมาตอแย เลยบอกว่า ไม่ต้องโทรมาแล้ว  และตัดสายทิ้ง 

.....ผ่านมาจนถึงเมื่อวันพุธที่ 8 มิ.ย. นี้ หนูกลับบ้านมาประมาณ 3ทุ่มกว่า เห็นเค้านั่งอยู่หน้าบ้านหนู  ตกใจมาก รีบหยิบโทรศัพท์ เพื่อจะตามน้ากับอา พอหยิบขึ้น เค้าก็หายไปแล้ว เลยคิดว่าตัวเองตาฝาด ขนาดนั้นเลยหรอ...

...คืนวันพฤ. ที่9 วันนั้นเป็นวันพระ หนูสวดมนต์ ไหว้พระ เปลี่ยนดอกไม้พระอยู่ ประมาณ 1 ทุ่ม กว่าๆ ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินไปเดินมาหน้าบ้าน

เลยเปิดม่านไป ดู...เป็นเค้าค่ะ เต็มๆตา เค้ามองมาที่หน้าต่างด้วย ตอนนั้น เค้าเป็นปกติทุกอย่างนะคะ .... จากนั้นหนุก็ไปบอกแม่ แม่ก็จะออกไปถามว่ามาทำไม ...ออกมาก้ไม่เห็นเค้าแล้ว ซึ่งในหมู่บ้าน เวลาไม่ถึง 1 นาที ถ้าเดินไปหน้าซอย ก็ต้องเห็น ถึงจะขับรถมาก็ตาม ....

หนู เริ่มระเเวงแล้วกลัวว่าเค้าจะ มาวุ่นวายอีก เลยตัดสินใจไปแจ้งความอีกครั้ง ไปถึงโรงพัก พอแจ้งความเสร็จกับ นายเวร เเล้วตอนจะกลับ มีนายตร.ระดับผู้กำกับเข้ามาพอดี เค้าถามว่ามาเเจ้งความเรื่องอะไร....ก็บอกไปตามนั้น...

จากนั้น ผู้กำกับคนนั้นเลย ถามว่ามีเบอร์ บ้าน หรือเบอร์พ่อแม่เค้าไหม ตำรวจจะโทรไปเตือนให้กับทางที่บ้านเค้าเอง

...เมื่อ ต่อสายไป แม่เค้า ทางตร.ก็แจ้งว่า..ลุกชายคุณ ยังมาก่อกวนอยู่นะครับ.........แต่ ทางแม่เค้าก็ร้องไห้ และบอกว่า ลูกชายของเสียชีวิตไปโดยถูกรถชน...ตั้งแต่ วันที่ 1 มิ.ย.54 เพิ่งจะเผาศพไป เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.54


แม่เค้าบอกถ้าไม่เชื่อจะส่งแฟกใบมรณ บัตรมาให้ที่ สน. จากนั้นตร. ก้ได้รับแฟกซ์มาค่ะ เค้าตายไปแล้วจริงๆ ช็อกมากเลย ขับรถกลับบ้านตอน นั้น4ทุ่มกว่า ขับกับ มือสั่นไปหมด

ตอนนี้หนูกลัวมากเลยค่ะ สวดมนต์ ให้เค้า ทำบุญให้ อโหสิกรรมให้ แล้วไม่กล้ากลับดึกเลยค่ะ ไม่กล้าจะออกจากห้องเลย 

...ขอ ให้ท่านที่อ่านแนะนำด้วยนะคะ หนูไม่รู้ว่าเค้ายังแค้น หรือจะต้องการอะไรหรือเปล่า ปล.ตอนเช้า ตี4-5 หมาที่บ้านก็ชอบหอนกัน ซึ่งแต่ก่อนไม่มี

...ขอบพระคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ//และขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

จากคุณ : ดอกไม้ใต้น้ำ
13  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ทำบาป แล้ว บางครั้งก็ไปสวรรค์ก่อน อยู่ที่ใครเป็นผู้ช่วยเหลือ เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 11:13:01 am
ถาม ทำบาปแล้ว ต้องไปนรกก่อนหรือไม่ ?

ตอบ  ไม่จริงเสมอไปครับ บางคนทำบาปมาทั้งชีวิตไม่ตกนรกก็มี แล้วแต่ว่าช่วงขณะ
จะตายจิตเป็นอย่างไร  ท่านกล่าวว่า เหมือนไล่ฝูงวัวออกจากคอก ตัวไหนอยู่ปากคอก
ก็ต้องออกก่อน ถึงแม้ว่าวัวตัวนั้นมีกำลังน้อยก็ตามที 
สมัยพุทธกาลมีเถระรูปหนึ่งเป็นพระอรหันต์ แต่บิดาท่านพรานล่าเนื้อ ล่าเนื้อมาทั้งชีวิต
ไม่ชอบทำบุญ  ท่านมองด้วยญาณว่าอีก 7 วัน บิดาของเราจะถึงแก่กรรม
เราจะทำอย่างไรดีหนอ เราเป็นทรงคุณวิเศษแต่ยังไม่อาจสงเคราะห์บิดาให้เป็นสัมมาทิฐิได้
( ความเห็นถูกต้อง ) ท่านเลยออกอุบายชวนบิดามาบวชเป็นสามเณร พ่อแก่มากแล้วมาบวชดีไหม ลองดู ประมาณนั้น บิดาท่านเลยตอบตกลง  มาบวชเป็นสามเณร
พอวันที่ 7 เกิดป่วยขึ้นมา ความตายคืบคลานเข้ามาภาพกรรมต่างๆ ที่เคยทำแล้วในอดีตคือล่าสัตว์ เห็นฝูงสัตว์วิ่งไล่
ท่าน ก็ร้องเอะอะโวยวาย  ฝ่ายพระเถระลูกชายตรวจดู พ่อของเราหากตายนี้ต้องตกนรกแน่  เราจะทำเช่นไรดีหนอ จักสงเคราะห์บิดาได้  เลยให้สามเณรเก็บดอกไม้ต่างๆ
มาวางที่พุทธรูป  จัดให้สวยงาม ปลุกบิดาให้ดู ว่าดอกไม้นี้เป็นของท่านเก็บมาบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า  ผู้อันหาคุณอันประมาณไม่ได้ 
บิดาเกิดยินดี จิตยินดีในการบูชา เกิดภาพนางฟ้าต่างๆ มาห้อมล้อม  ท่านบอกให้พระลูกชายถอยออกไป  แม่ใหม่ของเจ้ามาแล้ว
พระลูกชายตรวจดูญาณ ว่าพ่อเราจะสิ้นตอนนี้ไปสวรรค์แน่ บิดาของท่านหมดลมเลยไปสวรรค์.............................

ภาพประกอบ จากคดี ฆ่าลูกบูชาพระอินทร์ http://variety.teenee.com

คนแถวบ้านผม มีคนหนึ่งชอบฆ่าหมูเอาน้ำร้อนกรอกปากหมู
เวลาจะตาย แกร้องเหมือนหมูยังไงยังงั้น ร้องอยู่หลายวัน จนชาวบ้านรำคาญ
แล้วแกก็ตาย ไม่สงสัยเลยคติแกเป็นเช่นไร

จากคุณ : Theratham
14  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การทำบาปเป็นเหตุให้เราจองพื้นที่ในนรก การทำบุญก็เป็นเหตุให้เราจองพื้นที่บนสวรรค์ เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 11:08:02 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://anuchit.bus.ubu.ac.th


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.bloggang.com/


การทำบาปเป็นเหตุให้เราจองพื้นที่ในนรก
การทำบุญก็เป็นเหตุให้เราจองพื้นที่บนสวรรค์
ชีวิตคนเราทำดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไป
สุดท้ายจะลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ก็ขึ้นอยู่กับหลายอย่าง
เช่น ถ้าทำอนันตริยกรรม
อนันตริยกรรม ๕  ได้แก่
                  ๑.  มาตุฆาต            ฆ่ามารดา
                  ๒.. ปิตุฆาต              ฆ่าบิดา
                  ๓. อรหันตฆาต         ฆ่าพระอรหันต์
                  ๔.  โลหิตุปบาท        ทำพระโลหิตของพระพุทธเจ้าให้ห้อ
                  ๕.  สังฆเภท            ทำลายสงฆ์ให้แตกกัน
อันนี้เป็นกรรมติดนิวเคลียร์ คือตายปุ๊บลงอเวจีหรือไม่ก็โลกันตนรก

ถ้าไม่มี ก็ต้องดูว่าจิตสุดท้าย ชุ่มชื่นหรือหม่นหมอง
ถ้าชุ่มชื่น นึกถึงบุญ นึกถึงพระรัตนตรัย ก็ไปข้างบน
ถ้าหม่นหมอง คับแค้นใจ กังวล ลงไปเหมือนกัน
ตรงนี้เรียกว่า อาสันนกรรม 

ในกรณีที่จิตไม่ไปไหน ก็ต้องดู อาจิณณกรรม ทำชั่วอะไรบ่อยๆ หรือทำดีบ่อยๆ
ก็ไปตามเหตุนั้นๆ

อีกกรณีหนึ่งนะ คือไม่มีอะไรเลย ก็จะไปตาม กฏัตตากรรม คือกรรมเล็กกรรมน้อย

ดังนั้น เราควรจะหลีกเลี่ยงการทำอนันตริยกรรมอย่างที่สุด
และประกอบกรรมดีหรืออจิณณกรรมอย่างสม่ำเสมอ คือบุญกิริยา๑๐
และหลีกเลี่ยงกรรมเลวๆคือ ศีล๕ ควบ อกรรมบถ๑๐
ปฏิบัติกรรมฐานเพื่อเตรียมสติเมื่อถึงเวลาตายแล้วเราจะได้มีสติพอที่จะต้านทานเวทนา
จิตมีสติพอที่จะนึกถึงบุญกุศล นึกถึงพระรัตนตรัย และที่สุดก็คือนึกถึงพระนิพพาน
ถ้าสนใจเพิ่มเติม ควร เสิร์ชคำว่า "หนีนรก" แล้วหาข้อมูลอ่านดูนะครับ

ข้อมูลบางส่วนจาก http://www.oknation.net/blog/Duplex/2009/09/20/entry-2
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรไปทำความผูกพัน เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 10:01:01 am




     สิ่งที่ล่วงไปแล้ว  ไม่ควรไปทำความผูกพัน  เพราะเป็นสิ่งของที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง  แม้จะทำความผูกพันและมั่นใจในสิ่งนั้น  กลับมาเป็นปัจจุบันก็เป็นไปมิได้  ผู้ทำความสำคัญมั่นหมาย  นั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียวโดยความไม่สมหวังตลอดไป
     อนาคต  ที่ยังไม่มาถึง  ก็เป็นสิ่งไม่ควรยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน
     อดีต  ควรปล่อยไว้ตามอดีต  อนาคตก็ควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน
     ปัจจุบัน  เท่านั้นที่จะสำเร็จเป็นประโยชน์ได้เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย


ที่มา : หนังสือธรรมะ  จากหลวงพ่อ
โดย : หลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต
        วัดป่าสุทธาวาส
หน้า : ๘ - ๙       
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จงขจัดตัว “ว” ออกจากชีวิต เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 09:58:53 am
จงขจัดตัว “ว” ออกจากชีวิต


ขอบคุณภาพจาก http://www.rakball.net
ภาพเหตุการณ์ ความวุ่นวายของชาวบอล

ถ้าคุณสังเกตจะแปลกใจว่า คำไทยแท้ที่ออกเสียง “ว” เกือบทั้งสิ้นล้วนแสดงลักษณะทางลบของคุณภาพ, บุคลิกภาพ, อุปนิสัย, ความรู้สึก ฯลฯ หาความ “ดี” หรือความ “งาม” ไม่พบ ซ้ำร้ายยังทำให้สุขภาพจิตของผู้เป็นเจ้าของคำกริยาหรือคำวิเศษณ์ นั้นๆ เสื่อมอีกด้วย

ไม่ มีใครมีความสุขและสุขภาพจิตก็คงเสื่อมถ้าเขาผู้นั้น จมูกโหว่ ปากแหว่ง สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น เป็นหวัด หวุดหวิดจะถูกรถชน เป็นแผลเหวอะหวะ เกิดอาการวิงเวียนใจหวิว ถูกไฟไหม้วอดจนใจหายวาบ แทบจะหัวใจวาย

นอก จากคำที่ออกเสียง “ว” เหล่านั้นจะทำให้เจ้าของลักษณะหรืออาการนั้นสุขภาพจิตเสื่อมแล้ว ยังมีคำไทยแท้ออกเสียง “ว” หลายคำที่ทำให้ใครๆ ไม่รักและไม่อยากคบอีกด้วย

ไม่มีใครอยากเข้าใกล้คน “มือไว”

ผู้ชายที่มีรสนิยมแห่งเพศตรงข้ามสูงย่อมรังเกียจผู้หญิง “ไวไฟ”

ลองวาดภาพผู้หญิงสาวแสนสวยคนหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะบุคลิกภาพล้วนบรรยายด้วยอักษร “ว” ทั้งสิ้น ดังนี้

เป็น คนโวยวาย โว้เว้ ส่งเสียงโหวกเหวก อ้าปากหวอ อารมณ์วู่วาม และหวั่นไหวง่าย ชอบคุยโว จิตใจว้าวุ่น มักวอแว หวาดหวั่น วอกแวก มีชีวิตอยู่อย่างว้าเหว่ ขาดเพื่อน และไวไฟกับผู้ชาย

คนสติดีที่ไหนเล่าจะรักผู้หญิงชนิดนี้ แม้เธอจะมีรูปโฉมระดับนางงามจักรวาล

คน โวยวาย เป็น คนประเภทขาดความอดทน เมื่อไม่ได้ดังใจ หรือเกิดความคับข้องใจแม้เพียงเล็กน้อยซึ่งคนอื่นส่วนมากทนได้ เขาจะทนไม่ได้และเก็บไว้ในใจไม่อยู่ ต้องแสดงความไม่พอใจ, บ่น, ด่า หรือคร่ำครวญให้ผู้อื่นฟังไม่เลือกหน้า จึงทำให้คนรอบข้างเบื่อหน่ายรำคาญไม่อยากเข้าใกล้

แต่ คนที่เก็บทุกอย่างไว้ในใจ ไม่ระบายออกเสียบ้างเลย คือ ไม่เคยโวยวายเลยไม่ว่าความทุกข์นั้นใหญ่หลวงสักปานใด ก็เป็นคนสุขภาพจิตเสื่อม จนอาจถึงกับเป็นโรคไซโคโซมาติคหรือโรคประสาทบางชนิดได้

โปรด อย่าเข้าใจผิดว่า คนเงียบเก็บความรู้สึกทุกอย่าง เป็นคน “ดี” กับคนอื่นไม่เลือกหน้าและตลอดเวลา อย่างที่เราชอบพูดกันติดปากว่า “nice” เหลือเกิน (ไม่ใช่ “nice” เฉยๆ) นั้น เนื้อแท้จะเป็นคนน่ารัก และน่าคบทุกคนไป

คน เงียบเกินไปและเก็บความรู้สึกเกินไปไม่น่าเข้าใกล้เท่าใดนัก เพราะไม่สามารถหยั่งอารมณ์และความรู้สึกของเขาได้ ไม่มีใครชอบชายคนชาเย็นและลึกลับ เพราะไม่ทราบว่าเขาซ่อนเขี้ยวเล็บไว้ที่ใดบ้าง คนอบอุ่นและเปิดเผยน่าคบกว่า เพราะสื่อนำความรู้สึกและอารมณ์ต่อกันได้ดีกว่า ถ้าต้องใช้ชีวิตผูกพันกับคนเงียบเกินไป คุณจะอึดอัดเมื่อมีความขัดแย้งหรือความขุ่นข้องเขาจะนิ่ง คุณจึงลำบากใจและหนักอก แล้วจะมีความสุขได้อย่างไร

ส่วนคนที่ดีเกินไป หรือ “nice” เกินไป นั้น ดูผิวเผินช่างมีเสน่ห์น่ารัก เพราะไม่เคยโกรธใคร, ไม่เคยขัดใจใคร, ไม่เคยโวยวายแม้เมื่อถูกเอารัดเอาเปรียบ ฯลฯ แท้จริงในจิตไร้สำนึก เขาอาจมีความก้าวร้าว และความไม่เป็นมิตรอยู่มากมาย จึงต้องใช้จิตกลไกลชนิดทำตรงกันข้าม หรือเขาอาจเป็นคนขาดความรักมาแต่วัยเด็ก จึงต้องใฝ่หาความรักจากผู้อื่นไม่รู้จักพอ ด้วยการเป็นคนดีเกินปกติ

เพราะฉะนั้น จงเป็นคน “ดี” แต่พอดี ถ้าดีเกินพอดีอาจจะกลายเป็นไม่ดี

คน ไม่โวยวายเมื่อควรโวยวาย คือ เมื่อความทุกข์เกินขีดความอดทนต้องฆ่าตัวตายมาแล้วหลายราย แต่คนที่ทั้งโวยวาย และวู่วามไม่เลือกกาลเทศะก็ถูกฆ่าตายมาแล้วหลายรายเช่นกัน

ฉะนั้น เมื่อเผชิญปัญหาชีวิตหนักหน่วง มีความทุกข์หรือความเดือดร้อนมากเกินขีดความอดทน ก็จงโวยวายออกมาเสียบ้าง แต่ต้องรู้จักเลือกคนรับฟังและรับอารมณ์ของคุณได้ และอย่าโวยวายพร่ำเพรื่อ แล้วคุณจะทั้งสุขภาพจิตดีทั้งเป็นที่รักของใครๆ

คนวู่วาม คือ คนวุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำ ขาดความยับยั้ง และขาดความสามารถควบคุมอารมณ์ จึงเหมือนทารก หรืออาจเป็นพวกบุคลิกภาพผิดปกติชนิดที่เรียกว่า “Explosive Personality” ซึ่ง ถือว่าเป็นความผิดปกติทางจิตเวชชนิดหนึ่งให้โทษทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ความวู่วามโกรธง่ายทำลายบุคลิกภาพที่ดีงาม ทำให้ผู้อื่นเสื่อมความนิยม ทำให้แก่เร็ว และทำให้ตนเองและผู้เข้าใกล้สุขภาพจิตเสื่อม ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนวู่วามต้องรีบแก้ไข แม้จะไม่ง่ายนัก แต่ถ้าตั้งใจก็ไม่ยากเกินไป ถ้าเกินกำลังจะแก้ไขเองต้องขอความช่วยเหลือจากจิตแพทย์ เพราะถ้าทิ้งไว้ไม่แก้ วันใดวันหนึ่งคุณอาจจะเคราะห์ร้ายไปวู่วามผิดคน ผิดจังหวะเข้า ก็อาจถึงกับวางวายได้

คนโว คือ คนขี้โมโห, ขี้คุย, ขี้อวด, ขาดความถ่อมตัว ไป ที่ใดจึงมีแต่คนรำคาญหรือหมั่นไส้ และไม่น่ารักในสายตาของใครสักคนเดียว เนื้อแท้ของคนประเภทนี้คือ เป็นคนมีปมด้อย เช่น บางคนฉลาดแต่ขี้เหร่, บางคนสวยแต่โง่, บางคนร่ำรวยแต่มีต้นตระกูลยากไร้และต่ำต้อย บางคนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ฯลฯ จึงต้องใช้จิตกลไกชนิดชดเชย เพื่อลบล้างปมด้อย

ปม ด้อยของเราสามารถชดเชยได้ทางอื่นที่ไม่ใช่การโว โดยใช้จิตกลไกอันเดียวกันนี้ แต่อย่าถูกทาง อับราฮัม ลินคอล์น ผู้ยากจนอาศัยแสงเทียนไข อ่านกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ ที่ใช้ห่อของ ได้กลายเป็นประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา และเป็นบุรุษแห่งประวัติศาสตร์คนหนึ่งของโลก

คนวอกแวก คือ คนขาดสมาธิ, จิตใจไม่สงบ โดยมากเกิดจากความวิตกกังวล ซึ่งถ้ามีมากเกินไปหรือหาทางออกไม่ได้ อาจกลายเป็นโรคประสาท ถ้ารู้ตัวว่าจิตใจวอกแวกมากจนรบกวนการทำงานหรือการเรียน ควรปรึกษาจิตแพทย์

คนหวาดหวั่น อาการ หวาดหวั่นรุนแรง มีความกลัวหรือความพรั่นพรึงเป็นเจ้าเรือนตลอดเวลา มักพบในโรคประสาท หรือโรคจิตบางชนิด ถ้าหวาดหวั่นกระวนกระวายและซึมเศร้าอย่างมากร่วมด้วยในวัยต่อ คือวัยประมาณ 45-55 ปีในหญิง และ 50-60 ปีในชาย ก็น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคจิตซึมเศร้าในวัยต่อ

คนหวั่นไหวง่าย อาจหมายถึง อารมณ์ หวั่นไหวง่าย หรืออารมณ์ไม่คงเส้นคงวาเปลี่ยนตามสิ่งแวดล้อมได้ง่าย และยอมให้สิ่งเร้าต่างๆ เป็นนายของอารมณ์หรือาจหมายความว่าหวั่นไหวง่ายต่อคำติชมของผู้อื่น เพราะ ต้องการการค้ำจุนใจจากผู้อื่นมาก จึงเป็นคนไม่มีความสุข เหมือนเอาชีวิตของตนไปผูกแขวนไว้กับท่าทีและถ้อยคำของคนอื่นเป็นลักษณะของคน ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ขาดความมั่นคงทางใจ เป็นผลจากภูมิหลังของบุคลิกภาพแต่เยาว์วัย ถ้าเราเชื่อว่า เราได้ตัดสินใจทำสิ่งใดอย่างรอบคอบถูกต้อง และอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว จงพอใจไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และถือว่าคำวิจารณ์ที่ตามมานั้นหาใช่ธุระกงการอะไรของเราไม่

คนวอแว คำว่า “วอแว ” พจนานุกรมแปลว่า รบกวน, เซ้าซี้ เพราะฉะนั้น คงไม่ต้องอธิบายว่าเหตุใดคนวอแวจึงทำให้สุขภาพจิตของคนอื่นเสื่อม และทำให้ไม่มีใครรัก

คนโว้เว้ คำว่า “โว้เว้” พจนานุกรม แปลว่า พูดหาเรื่อง, พูดเหลวไหล ทำเหลวไหล คนมีปัญญาที่ไหนเล่าจะรักคนโว้เว้ และแน่นอนเหลือเกินว่า คนโว้เว้เข้าใกล้ใครรังแต่จะบั่นทอนสุขภาพจิตของผู้นั้น

นอก จากนั้น ยังมีคำไทยแท้ออกเสียง “ว” อีกสองคำ ซึ่งเป็นประเภทดาบสองคมสุดแต่คุณจะเลือกใช้คือ ถ้าคุณเลือก เว้าวอน เฉพาะกับคนที่คุณมีสิทธิตามกฎหมายและศีลธรรมให้ เขาวาบหวาม จะด้วยสายตา, วาจา หรือ การสัมผัสของคุณก็ตาม ทั้งคุณและเขาจะมีสุขภาพจิตดีขึ้น แต่ถ้าคุณเผอิญไปเว้าวอนเอาคนที่คุณไม่มีสิทธิตามกฎหมาย หรือศีลธรรมเข้าจนเขาวาบหวาม ผลที่ได้รับอาจกลับหน้ามือเป็นหลังมือ คือ สุขภาพจิตทั้งของคุณและของเขา จะเสื่อมอย่างร้ายกาจ เพราะชีวิตของคุณจะพบแต่ความวุ่นวาย จิตใจก็จะมีแต่ความหวาดหวั่น มิหนำซ้ำคุณยังได้ชื่อว่าทำลายสุขภาพจิตของบุคคลที่สามอย่างไร้ศีลธรรมอีก ด้วย ซ้ำร้ายถ้าบุคคลที่สามคือคู่หมั้น หรือภรรยาของเขาวู่วามถึงขีด คุณก็อาจถึงกับเหวอะหวะจนหวุดหวิดจะวางวายได้

มี คำไทยแท้ออกเสียง “ว” เพียงสองคำเท่านั้นที่นอกจากจะไร้ “พิษ” และ ปลอด “ภัย” ต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว ยังช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตเป็นอย่างดียิ่ง สองคำนั้นคือ “ความหวัง” กับ “ความหวาน”

จง หว่านเพาะความหวังและความหวาน แล้วหมั่นรดน้ำพรวนดินด้วยน้ำใจ, ไมตรีจิตและความจริงใจ ให้มันงอกงาม ผลิดอกออกช่อบานสะพรั่งเต็มหัวใจของคุณ แล้วแผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาสดชื่นร่มเย็นแก่ชีวิตของผู้อื่นด้วย

ถ้า คุณสามารถฝึกจิตใจให้บรรจุแต่ความหวังและความหวาน แล้วยังสามารถปลุกผู้อื่นให้เกิดความหวัง และเจือจานความหวานแห่งชีวิตให้แก่เขาด้วย คุณย่อมจะมีแต่ความสุข ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้ความสุขแก่ผู้อื่นอีกโสดหนึ่ง แถมได้รับผลพลอยได้ที่ปุถุชนจิตใจปกติทุกคนย่อมอยากได้คือ ได้เป็นที่รักของทุกคนที่เข้าใกล้คุณ

ที่มาของข้อมูล:
จากบทความเพื่อสุขภาพจิต
ของ แพทย์หญิงสุพัฒนา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา
17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มหันตภัยกล่องโฟม เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 09:52:45 am
มหันตภัยกล่องโฟม



          ยุคนี้เป็นยุคที่มนุษย์ต้องเสี่ยงภัยภยันตรายสุดๆ

ไม่ว่าจะเป็นภัยจากธรรมชาติ   ภัยจากข้าวยากหมากแพง

ของแพงขึ้นราคาทุกอย่าง แม้แต่เกษตรกรผู้ผลิตพืชผัก ผลไม้

แต่ผลผลิตดันราคาถูก (มันไม่สมดุลเลย...พับผ่า) ภัยจากความเครียดที่บางคน

(สภาพัฒนฯ วิจัยแล้วคนไทย 22 ล้านคน ชักหน้าไม่ถึงหลังในขณะนี้)

ที่น่าปวดหัวที่สุดก็นักการเมือง เมื่อเลือกตั้งเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว

ไม่เห็นจะช่วยเหลืออะไรได้เลย เศรษฐกิจย่ำแย่ก็ไม่แก้ไข

น้ำมันเชื้อเพลิงก็ขึ้นราคาเป็นรายวัน แต่ดันจะไปแก้รัฐธรรมนูญ

เรื่องเร่งด่วนปากท้องประชาชนแก้ไปวันๆ ชนิดแก้ผ้าเอาหน้ารอด

แต่ภัยที่จะเขียนให้อ่านคือ ภัยจากกล่องโฟม กล่องใส่อาหารที่เราๆ

ใช้เป็นประจำ เป็นภัยที่เรามองไม่เห็น แต่มันร้ายแรงเอาการทีเดียว

         หลายคนคงจะรู้จัก โรคด่างขาว บางคนเรียก โรคสะเก็ดขาว

มันก็โรคมะเร็งผิวหนังดีๆ นี่เอง เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่

11 พฤษภาคม 2551 เวลาประมาณ 10.00 น.วันนั้นกำลังจะเดินทางไป จ.ชลบุรี

ก่อนเดินทางก็นำรถยนต์เข้าปั๊มน้ำมันเพื่อจะเช็คลมยาง

บังเอิญมีรถยนต์ยี่ห้อ เมอร์ซิเดส เบนซ์ คันหนึ่งกำลังเติมลมอยู่ก่อนแล้ว

ก็เลยจอดรอเพื่อจะเช็คลมยางเป็นคันต่อไป แต่เผอิญเจ้าของรถ เมอร์ซิเดส

เบนซ์ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี (เมื่อก่อนดื่ม

เที่ยวด้วยกันเป็นประจำ) เป็นนายตำรวจยศพันตำรวจโท

ปัจจุบันรับราชการอยู่ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ

ก็เลยลงไปสนทนาปราศรัยในฐานะเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพรักและไม่ได้พบปะกันมานาน

สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสา พี่คนนี้ลักษณะแกคล้ายๆ อี๊ด วงฟลาย

แต่หน้าตาดีกว่า ลักษณะแบบนี้คงนึกออกนะว่าเป็นยังไง

แต่พอคุยจ้องหน้ากันมากๆ แกก็อายๆ อยู่บ้าง เพราะไม่เจอนานหลายปี

แต่ตอนนี้แกเป็น โรคด่างขาว ขึ้นทั้งปาก ทั้งศีรษะ กระทั่งมือเต็นไปหมด

แกเล่าให้ฟังว่า วันจันทร์ ถึง วันศุกร์

แกไปทำงานที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่กรุงเทพ ฯ ไปอยู่คนเดียว

ครอบครัวไม่ได้ตามไปอยู่ด้วย วันหยุดราชการถึงกลับไปอยู่กับครอบครัวที่

จ.ระยอง เมื่อวันทำงานเวลารับประทานอาหารทุกมื้อ

ลูกน้องจะเป็นผู้ไปซื้ออาหารมาให้ คือพี่แกเป็นคนรับประทานอะไรง่ายๆ

อาหารทุกอย่างจะใส่กล่องโฟมมาตลอด

แกบอกรับประทานอาหารที่ใส่กล่องโฟมแบบนี้ทุกมื้อเป็นเวลาประมาณ 2 ปี

เท่านั้นแหละ โรคด่างขาวมันอาละวาด ลุกลามเต็มตัว และรวดเร็วมาก

ทุกวันนี้ต้องไปพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลศิริราช

แพทย์จะให้ยามาทาหลอดหนึ่งราคา 1,800.- บาท แกบอกรักษามา 6 เดือนแล้ว

ตอนนี้ดีขึ้นมาก ตั้งแต่นั้นมา แกบอกว่า

เวลาลูกน้องไปซื้ออาหารห้ามใส่กล่องโฟมโดยเด็ดขาด

ให้ใส่ถุงพลาสติคเพียงอย่างเดียว ซึ่งแพทย์ บอกว่า

ถุงพลาสติคยังไม่ค่อยอันตรายเท่าไร เพราะกล่องโฟมเวลาโดนอาหารร้อนๆ

จะมีสารชนิดหนึ่งละลายออกมาอยู่ในอาหารในกล่อง พอเรารับประทานเข้าไปมากๆ

ก็จะเป็นผลเสียต่อร่างกาย

         ที่เล่าให้ฟัง เพราะห่วงเพื่อนๆ และน้องๆ มาก

ทุกวันนี้โรคภัยไข้เจ็บมันมีมากจริงๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

มันจะก่อเกิดมาจากอาหารการกิน และอากาศที่เป็นพิษในบรรยากาศ อย่างที่

จ.ระยอง ถ้าจะเล่าให้ฟังแล้วจะตกใจ มีหมู่บ้านอยู่หมู่บ้านหนึ่ง

(ไม่ขอเปิดเผยนามหมู่บ้าน) อยู่ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าผู้แก่ คนหนุ่มคนสาว หรือเด็กๆ

เป็นมะเร็งกันทั้งหมู่บ้าน น่ากลัวไหมล่ะ ยังไงเกิดมาชาติหนึ่ง

ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา ธรรมชาติให้เราเอามาใช้ (บางคนก็ใช้ชั่วคราว

บางคนก็ใช้ถึง 70 - 80 ปีหรือมากกว่านั้น แล้วแต่อายุขัย)

รักษาดูแลมันดีๆ หน่อย อย่าใช้มันให้สิ้นเปลื้องมากนัก ตามคำพระที่ว่า

อโรทยา ปรมาราภา คนไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ..... !!!!
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ใครว่าอาการซึมเศร้าเป็นเรื่อง จิ๊บ ๆ ก็ควรอ่านซะ ( บ้าง ) เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 09:47:08 am



ถ้าถามว่าสาเหตุการตายอันดับต้นๆ มาจากอะไรบ้าง หลายคนคงนึกถึงโรคหัวใจ มะเร็ง สมอง รวมถึงอุบัติเหตุ จะมีกี่คนนึกถึงโรคซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย...

      โรคซึมเศร้า คือ ความเจ็บป่วยทางจิตเวชซึ่งเกิดความผิดปกติของสมอง ส่งผลกระทบต่อความนึกคิดอารมณ์ ความรู้กสึก พฤติกรรม รวมถึงสุขภาพร่างกาย คนส่วนใหญ่มักคิดว่าโรคซึมเศร้าหายเองได้ แต่ความจริงต้องอาศัยการบำบัดรักษาทางจิตเวชอย่างจริงจัง

      “โรคซึมเศร้าส่งผลร้ายต่อตนเองและครอบครัว ดังนั้น หากสงสัยว่าคุณหรือคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคนี้ ให้รีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการบำบัดรักษาอย่างถูกต้อง”

   โรคซึมเศร้ามีแบบไหนบ้าง
      โรคซึมเศร้าทั่วไป แสดงอาการเบื่อ ท้อแท้ และเศร้าสลดอย่างมากนานเกิน 2 สัปดาห์
สาเหตุ : มีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง การสูญเสีย หรือผิดหวัง ความเครียดสะสมยาวนาน อาจมีอาการทางจิต เช่น หวาดระแวง และหูแว่ว การเปลี่ยนแปลงตามวัยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ มักมีอาการขี้บ่นจุกจิก

     โรคซึมเศร้าเรื้องรัง รุนแรงน้อยกว่ากรณีแรก แต่เป็นต่อเนื่องนานอย่างน้อย 2 ปี และมักนานกว่า 5 ปี สาเหตุ : ทุกข์ใจมายาวนาน แม้จัดการได้ระดับหนึ่ง แต่ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่มีความสุขมาเป็นเวลาหลายปี ลงเอยด้วยการป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแบบชัดเจน

     โรคซึมเศร้าแบบไบโพลาร์ดิสออเดอร์ มีอารมณ์เซ็ง ซึมเศร้า สลับกับร่าเริงผิดปกติ (mania) ในหนึ่งปีอาจมีอาการนี้หลายครั้ง มีผลต่อการตัดสินใจ เช่น ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหรือตัดสินใจผิดๆ และอาจคิดฆ่าตัวตาย

   อาการเด่นของโรคซึมเศร้า
      หมดความสนใจในกิจกรรมประจำวัน ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เคยทำอย่างสนุกสนาน และมีอารมณ์เซ็ง เศร้า หมดที่พึ่ง หมดหวัง อยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้


   ระวัง!! หากคุณมีอาการแบบนี้ติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์

   นอนมากเกินไป หรือน้อยไม่หลับ ตื่นเช้าผิดปกติหงุดหงิดกังวล
   น้ำหนักลดหรือเพิ่ม กว่าร้อยละ 5 ของน้ำหนักตัวปกติ
   หงุดหงิด โมโหง่าย ขี้รำคาญ หรือทำอะไรช้าลง
   อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีพลังในการทำงาน ดูเหมือนคนเกียจคร้าน
   ขาดความมั่นใจในตนเอง
   คิดถึงแต่เรื่องตาย หรือมีความคิดทำร้ายตนเองแวบขึ้นมาอยู่บ่อยๆ
   ขาดสมาธิในการคิด จนตัดสินใจหรือจำอะไรไม่ได้ มักบ่นว่ามีปัญหาเรื่องความจำ
   สูญเสียความรู้สึกทางเพศ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีปัญหานี้มาก่อน

         มาลดความเครียดกันเถอะ
        1.ออกกำลังกาย
         2.ไปเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ ช่วยให้เพลินจนลืมความกังวลได้
          3.ฟังเพลงเนื้อหาดีๆ ปลดปล่อยความกังวล
19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ถ้า 2019 เป็นอย่างนี้จริง ๆ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2011, 03:53:57 pm


ในยุคที่มนุษย์นี้บริโภคข้อมูล

  ipad ก็มาแล้ว quickpad ก็ตามมา อุปกรณ์บาง ๆ จะทำได้ขนาดนี้เลยหรือไม่

 :96:
20  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แม่ถ้วน หลีกภัย สิ้นลมแล้ว ด้วยโรคชรา เมื่อ: มีนาคม 03, 2011, 09:34:21 am
2 มีนาคม 2554 รายงานข่าวแจ้งว่า แม่ถ้วน หลีกภัย มารดาของ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้สิ้นลมลงแล้ว ด้วยโรคชรา วัย 99 ปี ที่บ้านพักใน กรุงเทพมหานคร

โดยนายชวน กล่าวว่า แม่ถ้วนจากไปอย่างสงบ โดยนอนหลับและนิ่งไปเฉยๆ ไม่ได้มีอาการป่วยแต่อย่างใด  ขณะเดียวกันก็เตรียมเคลื่อนศพกลับไปบำเพ็ญกุศุลที่บ้านเกิด จ.ตรัง ภายในวันนี้

โดย Mthai News

———————————————————

นางถ้วน หลีกภัย เป็นมารดาของนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ของประเทศไทย และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางถ้วน หลีกภัย เป็นคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน เกิดที่จังหวัดตรัง เมื่อ พ.ศ. 2455 ตอนเด็ก ๆ ไม่ได้เรียนหนังสือ ช่วยพ่อแม่ทำมาหากินตลอด เช่น ทำกระเบื้องปูหลังคา, สวนยาง, ค้าขายต่าง ๆ เป็นต้น จนกระทั่งแต่งงานกับครูหนุ่มในหมู่บ้านคือ ครูนิยม หลีกภัย มีลูกกับสามีทั้งสิ้น 9 คน เป็นชาย 6 หญิง 3 โดยนายชวนเป็นคนที่ 3 แต่แม้กระทั่งแต่งงานไปแล้ว นางถ้วนมิได้เป็นแค่แม่บ้านอย่างเดียว ก็ยังคงประกอบอาชีพค้าขายตามเดิม

นางถ้วน เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายชวน หลีกภัย ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้วยเป็นแม่ที่ผลักดันลูกมาตลอด เช่น ช่วยหาเสียงให้ เป็นต้น นางถ้วนเป็นที่เคารพรักของชาวตรังอย่างยิ่ง มักจะมีชาวบ้านแวะเวียนมาพบปะขอคำแนะนำหรือขอคำปรึกษาให้ช่วยแก้ปัญหาตลอด จนมีผู้เรียกนางถ้วนว่าคือผู้แทนตัวจริงของจังหวัดตรัง จนได้รับรางวัลแม่ดีเด่นแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2536 นางถ้วนเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในจังหวัดตรังและคนทั่วไปว่า แม่ถ้วน แม้นายชวน จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่นางถ้วนก็ยังคงดำรงชีวิตเหมือนเดิม คือ เป็นแม่ค้าขายแกงพุงปลาในตลาดสด แต่ก็ได้เลิกในเวลาต่อมา เนื่องจากอายุมากขึ้น ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ลูก ๆ หลาน ๆ ต้องการให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน

ขอบคุณข้อมูลจาก th.wikipedia.org
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ระหว่าง ฟังธรรม กับ ฟังเพลง เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2011, 03:06:58 pm
ระหว่าง ฟังธรรม กับ ฟังเพลง

มาฟังธรรมะกันดีกว่า

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่โง่
แต่ถ้าฟังโปเตโต้ ถึงมีรักแท้แต่ก็ดูแลไม่ได้

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ตาใส่แจ่ม
แต่ถ้าฟังบอดี้แสลม มักจะโทษว่าความรักทำให้คนตาบอด

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่เพ้อเจ้อ
แต่ถ้าฟังพีชเมกเกอร์จะละเมอถึงแต่เรื่องบนเตียง

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ปากเราติดดิสเบรค
แต่ถ้าฟังเบิร์ด-เสกถึงอมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ใจเราไม่ชอกชํา
แต่ถ้าฟังไอนําจะชอกชําเพราะรักคนมีเจ้าของ

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่เหงาหงอย
แต่ถ้าฟังเสนาหอย จะแอบเหงาคนเดียว

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่งมงายในความเชื่อและศรัทธา
แต่ถ้าฟังทาทามักจะพูดว่าไอบีลิฟๆ

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ รักกันอย่างไม่ต้องนอนละเมอ
แต่ถ้าฟังไฮเปอร์มักจะเจอรักแท้ในคืนหลอกลวง

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ใจไม่เน่าเสีย
แต่ถ้าฟังนัท มีเรีย มักจะโทษว่ารักไม่ช่วยอะไร

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ รักกันจนสิ้นชีวิน
แต่ถ้าฟังเอนโดร์ฟิน แล้วจะบอกว่าถ้าเธอมาฉันจะไป

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ เราไม่คุยโม้
แต่ถ้าฟังโปเตโต้ จะถูกต่อว่าปากดีนะเรา

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ เรามีสุขเมื่ออยู่ด้วยกัน
แต่ถ้าฟังน้องพั้นช์เพียงแต่วางมือบนบ่า นําตาก็ไหล

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ เราเจอคนดีเสมอ
แต่ถ้าฟังไฮเปอร์มักจะเจอผู้ร้ายคนใหม่

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ เราเข้าใจกัน
แต่ถ้าฟังน้องพั้นช์ บอกได้คำเดียวว่ายิ่งกว่าเสียใจ

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ เรารักกันยิ่งกว่าชีวิน
แต่ถ้าฟังเอนโดร์ฟินจะเป็นได้แค่เพื่อนสนิท

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ จิตใจใสแจ่ม
แต่ถ้าฟังว่าง วงแพลม จะต้ดพ้อต่อว่าไม่บอกให้รู้สักเรื่องได้ไหม

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่แรด
แต่ถ้าฟังบิ๊กแอส มักจะเล่นของสูง

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่หยิ่งยะโส
แต่ถ้าฟังติ๊ก ชีโร่ จะโอหังว่ารักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ จิตใจเปล่งปลั่ง
แต่ถ้าฟังอาหรั่ง จะคุ้มคลั่งว่าทำบ้า.....ทำบ้าอะไร

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ดีที่มีใจมิใช่เพียงแต่หน้าตา
แต่ถ้าฟังปนัดดาก็จะรู้เพียงว่า ขอเป็นคนเลวที่รักเธอ

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ความรักแข็งแรงไม่อ่อนเพลีย
แต่ถ้าฟังลิเดียมักจะเพ้อว่าใช่รักหรือเปล่า

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ใจไม่สั่นคลอน
แต่ถ้าฟังสุนทราภรณ์ แล้วเธอจะรู้สึก

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ ไม่เปลืองแรง
แต่ถ้าฟังพรศักดิ์ ส่องแสง จะเปลืองแรงเพราะมีเมียเด็กต้องหมั่นคอยเช็ค ใครโทรมา?

ฟังธรรมะแล้วจะทำให้ สอบผ่านทุกๆ ปี
แต่ถ้าฟังแอน สุชาวดีมักจะติดรอวิชาลืม
22  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / เราควรวางใจอย่างไร ดีคะ เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 06:36:10 pm
เมื่อวานยายของนิด.. เข้าโรงพยาบาล โดยโรคทางเดินหายใจ ปอดบวม เหนื่อยง่าย ยายของนิด..อายุ 80 ปีคะ
วันนี้นิดได้ไปเยี่ยมคุณยายที่ รพ.กับ คุณแม่ มองเห็น คุณแม่ ร้องไห้ นิดก็อดจะร้องไห้ไม่ได้ ...

ไปตั้งแต่ บ่าย จนถึง 5 โมงเย็นจึงกลับ มา ในขณะที่อยู่ที่โรงพยาบาล นิดก็มองเห็น คุณยายตามเตียงต่าง ๆ
ซึ่งแต่ละคนก็มีอาการไม่ต่างไปจากยายของนิดเลยคะ มี 3 เตียงที่คุณหมอมาปั๊มหัวใจอย่างฉุกเฉิน ทำให้ใจของ
นิด..รู้สึกกล้ว และก็เห็นเขาปิดม่านกันไป ทั้ง 3 เตียงเพราะเสียชีิวิต วันนี้ นิด.. มองไปที่ยาย.แล้วรู้สึกสงสาร

สงสารทั้งคุณแม่ และ คุณยาย ... ในสถานการณ์อย่างนี้ เราควรจะใช้ ธรรม ข้อใดมาวางให้ใจไม่เป็นทุกข์ คะ

 :03: :03: :03:
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วงกลม กับ ปรัชญา ที่ควรมองกันบ้างคะ เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 11:55:33 am



24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กลอนของลูกศิษย์ฝากมาถึงอาจารย์ เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:01:12 pm
กลอนของลูกศิษย์ฝากมาถึงอาจารย์
tag:funny,กลอน

ลูกศิษย์คนหนึ่งขอฝากถึงอาจารย์

อาจารย์โปรดเกล้า เมตตา
ศิษย์กราบงามสามครา สิบครั้ง
หวังท่านพิจารณา เกรดใหม่
D และ F โปรดยั้ง หยุดยั้งยอมมือ

เราก็ผู้หนึ่งผู้ รักเรียน
อ่านอ่านแทบเอียน โอษฐ์อ้วก
สิบตลบสิฝึกเขียน จนคล่อง
พอสอบดั่งบ้าใบ้ หน้ามืดตามัว

สุดกลัวตอบผิดแล้ว หรือเรา
ข้อสอบยากเกินเดา สุ่มได้
ไม่รู้แต่ท่านเอา ออกสอบ
แสนยากอยากร้องไห้ โหด X มจริงๆ

อิงเกณฑ์อิงกลุ่มก้อน เป็นไร ไป่ฤา
D และ F สิจี้ใจ เจ็บแท้
A B และ C ไป ไหนหมด
สอบเสร็จต้องกลับแก้ สอบซ้ำสุดซวย

ขวยเขินเกินหยุดยั้ง ยืนยง
แปลกแปลกข้อสอบงง เรียบร้อย
ที่อ่านกลับมิตรง ที่ออก
ที่ออกสิลิ้นห้อย ใกล้ฆ่าตัวตาย

ไหว้ล่ะอาจารย์ผู้ ใจดี
ก้มกราบสองอีกที อย่าร้าย
เหอะเหอะอย่าถึงC เลยแม่ นาพ่อ
ท้ายอาจไทร์เทอมท้าย สุดโง่โดนไทร์

ใจจะวายโปรดจ้องเนตร ศิษย์ดู
นึกว่าช่วยลูกงู ตกน้ำ
หากได้(แฮ่ แฮ่)ไก่อู อบอร่อย
มิได้อาจต้องช้ำ ชอกเนื้ออาจารย์สังเวียน

--------------------------------

ทีนี้อาจารย์ตอกกลับมั่ง 

ศิษย์เง่าอย่าเรียกร้อง เมตตา
ถึงกราบงามสามครา แทบเท้า
อย่าหวังเรื่องจะกา เกรดใหม่
D F เป็นของเจ้า อยู่แล้ว นะเออ

เธอหรือคือผู้ชอบ ขาดเรียน
ถึงจะอ่านจนเอียน โอษฐ์อ้า
ร้อยตลบฝึกเขียน ฤาคล่อง
พอสอบย่อมบ้าใบ้ มืดหน้า ตามัว

มีกลัวตอบผิดด้วย หรือเธอ
ข้อสอบหมูนะเออ บอกให้
ตรงตัวอย่างจังเบอร์ เลยพ่อ
เคยอ่านบ้างหรือไม่ บอกไว้ จริงจริง

อิงเกณฑ์กลุ่มไป่สู้ อิงกู
D F ของชอบครู จึ่งให้
A B และ C กู กักเก็บ
สอบเสร็จพึงหวังได้ สอบซ้ำ แน่เลย

เหวยเหวยใยกล่าวอ้าง งุนงง
ข้อสอบครูออกตรง ทุกถ้อย
ไยอ่านมิเจาะจง ที่บอก
เจอเจอะจึ่งลิ้นห้อย แทบม้วย เท่งทึง

ถึงจะประหลกไหว้ ร้อยที
ขอว่าครูปราณี อย่าร้าย
อย่างมากจะให้ C อย่าบ่น
ถึงจะไทร์เทอมท้าย ช่วยได้ ยังไง

เห็นใจจึงจ้องเนตร ศิษย์ดู
เห็นว่าอาจเป็นงู กัดแว้ง
ถึงจะยกไก่อู มาล่อ
ท้ายสุดคงจะแกล้ง เจาะล้อ รถครู...

(ประพันธ์โต้โดย ศ.ดร.มงคล เดชนครินทร์ วศ.๐๖
อาจารย์ภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาฯ 
25  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การระมัดระวัง เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 01:48:44 pm
การระมัดระวัง
 
การระมัดระวังจำเป็นเมื่อเริ่มต้น
แต่ในที่สุดแล้วต้องละทิ้งเสีย
ชีวิตจะกลมกลืนกับสรรพสิ่งหาได้ไม่
ถ้าต้องอาศัยแต่ความระมัดระวัง
เมื่อผู้กระทำ กับสิ่งที่ถูกกระทำ
รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยมีสติปัญญาเป็นสิ่งเชื่อมประสานแล้ว
การระมัดระวังก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น
การระมัดระวังความทุกข์มิให้เกิดขึ้น
ก็นับเป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง
ความสิ้นทุกข์อันเที่ยงแท้จะเกิดขึ้นไม่ได้
ถ้ามีผู้จดจ่อระมัดระวังอยู่โดยประมาทเช่นนี้

    ยามที่คนอ่อนแอจะจากไป
    ย่อมต้องการหยาดน้ำตา
    และความอาลัยอาวรณ์ไปคอยส่งเขา
26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วัคซีนป้องกันโรคพิษสุราเรื้อรัง เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 12:34:54 pm
นักวิจัยชิลีแจ้งว่า กำลังพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุราเรื้อรังขึ้นได้ และจะเริ่มทดสอบกับมนุษย์ในปีใหม่นี้ โดยมันจะไปทำให้เอนไซม์ ชนิดหนึ่ง ที่เป็นตัวการแปลงแอลกอฮอล์ให้เป็นพลังงานสิ้นฤทธิ์ลง

อาจารย์ฮวน อเซนโฮ ของคณะวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ หัวหน้านักวิจัย อธิบายว่า ปกติประชากรเอเชียจะไม่มีเอนไซม์นี้อยู่ร้อยละ 20 หากกินเหล้าเข้าไปจะเกิดอาการไม่สบาย วิงเวียนคลื่นเหียนและหัวใจเต้นเร็วชั่วขณะ "วัคซีนที่จะผลิตขึ้นนี้ คาดว่าจะทำให้คนกินเหล้าได้น้อยลงมาก เพราะมันจะก่อให้เกิดอาการไม่สบายต่างๆ แบบเดียวกันขึ้น ในการทดลอง หนูลดเหล้าลงไปได้ตั้งครึ่ง เราตั้งเป้าไว้ว่า จะให้คนเราสามารถลดดื่มเหล้าให้น้อยลงมากระหว่างร้อยละ 90-95".
27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิทิสาสมาธิ ดีอย่างไร เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 10:46:45 am
วิทิสาสมาธิ ดีอย่างไร
วิทิสาสมาธิ มาจากคำว่า วิ = วิเศษ ทิสา = ทิศ หมายถึง วิเศษของสมาธิ ที่แผ่ไปทั่วทุกทิศ



              ปัจจุบันปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์นับวันจะ รุนแรงขึ้นทุกที เช่น ปัญหาการก่อการทะเลาะวิวาท, พฤติกรรมก้าวร้าว, การมั่วสุมทางเพศ เด็กติดเกมส์ เป็นต้น ฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายนับตั้งแต่หน่วยงานระดับสูงที่มีหน้าที่กำหนด นโยบายลงไป ถึงครอบครัวจะต้องดูแล ปลูกฝัง เพื่อให้เกิดความดีงามและแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น

                สถาน ศึกษา เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการอบรมและปลูกฝังความดีงามด้านต่างๆ ให้เกิดในตัวผู้เรียน ทั้งนี้ ต้องเริ่มตั้งแต่ก้าวแรกที่พวกเขาเข้าสู่สถานศึกษาจนจบสถานศึกษาออกไป และดำเนินการในทุกระดับชั้นการศึกษา  โครงการและกิจกรรมหนึ่งที่เห็นว่าทุกสถานศึกษาควรจะดำเนินการก็คือ “โครงการโรงเรียนวิถีพุทธ” โดยใช้กิจกรรม “วิทิสาสมาธิ” เป็นกิจกรรมหลักในการดำเนินการ

            วิทิสาสมาธิ มาจากคำว่า วิ = วิเศษ ทิสา = ทิศ ดังนั้น วิทิสาสมาธิ หมายถึง วิเศษของสมาธิ ที่แผ่ไปทั่วทุกทิศ ทุกสถานที่เหมาะกันทุกๆคน วิธีการทำสมาธินั้นสามรถส฿กษาได้จากเอกสารทั่วๆไป โดยเฉพาะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรม การทำจิตให้เป็นสมาธิหรือการนั่งสมาธิควรทำทุกวัน ถ้าอยู่ในโรงเรียนอาจทำก่อนเรียนทั้งเช้าหรือบ่าย ใช้เวลาครั้งละ 5-10 นาทีขั้นไป

มี ผู้กล่าวว่าผลดีของการทำจิตให้เป็นสมาธิในระยะเวลายาวนาน บุคคลนั้นจะมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี สมบูรณื แข็งแรง เอาชนะต่อโรคภัยทั้งหลายทั้งปวงได้ เป็นผู้ที่มีสติปัญญาสูงและประการสำคัญคือ เป็นผู้ละเลิกต่อกิเลสทั้งหมดทั้งปวง

ที่มา
http://gotoknow.org/blog/vitisa/291231
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ประเพณีงานต๋วยสลาก รู้จักกันหรือป่าวเจ๊า เมื่อ: กันยายน 06, 2010, 10:58:45 am
ประเพณีตานก๋วยสลาก

เป็นประเพณีที่มีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลได้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน

เรื่องมีอยู่ว่ามีนางยักษ์ตนหนึ่งมักจะเบียดเบียน ผู้คนอยู่เสมอ
ครั้นได้ฟังธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว นางก็บังเกิดความเลื่อมใสศรัทธานิสัยใจคอที่โหดร้ายก็กลับเป็นผู้เอื้ออารี
แก่คนทั่วไปจนผู้คนต่างพากันซาบซึ้งในมิตรไมตรีของนางยักษิณีตนนั้น ถึงกับนำสิ่งของมาแบ่งปันให้
แต่เนื่องจากสิ่งของที่ได้รับมีจำนวนมาก นางยักษ์จึงนำสิ่งของเหล่านั้นมาทำเป็นสลากภัต แล้วให้พระสงฆ์ สามเณร จับสลากด้วยหลักอุปโลกนกรรม คือสิ่งของที่ถวาย มีทั้งของของมีราคามากและมีราคาน้อยแตกต่างกันไป
ตามแต่โชคของผู้ได้รับ การถวายแบบจับสลากของนางยักษิณีจึงนับเป็นครั้งแรกของประเพณีทำบุญสลากภัตในพุทธศาสนา


คำว่า ตานก๋วยสลาก,ตานสลาก,กิ๋นข้าวสลาก,กิ๋นก๋วยสลากหรือกิ๋นสลาก  ล้วนแล้วแต่เป็นภาษาของชาวถิ่นล้านนาที่มักมีการเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น แต่ความหมายนั้นเหมือนกันโดยหลักการอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง ในเรื่องของรายละเอียดถ้าเป็นภาษาไทยกลางเรียกว่า "สลากภัต" ประเพณี "ตานก๋วยสลาก" หรือ "สลากภัต" ของชาวล้านนานิยมปฏิบัติกันตั้งแต่เดือน ๑๒ เหนือถึงเดือนยี่เหนือหรือตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมของทุกปี สาเหตุที่ถือปฏิบัติกันเช่นนี้ก็เพราะว่า เป็นช่วงที่ชาวบ้านได้ทำนากันเสร็จแล้ว หยุดพักผ่อน พระสงฆ์ก็จำพรรษาอยู่วัดไม่ได้ไปไหนและบวกกับในช่วงเวลานี้ก็มีผลไม้สุก เช่น ลำไย มะไฟ สมโอ เป็นต้นเมื่อต้นข้าวในนาเริ่มเขียวขจีชาวนาที่มีฐานะไม่ค่อยดีการดำรงชีวิตก็เริ่มขัดสนเมื่อข้าวในยุ้งก็หมดก่อนฤดูกาลเก็บเกี่ยวจะมาถึง ดังนั้นการตานก๋วยสลากในช่วงนี้จึงเท่ากับว่าได้สงเคราะห์คนยากคนจนเป็นสังฆทานได้กุศลแรง

ก่อนจะถึงวันตานก๋วยสลาก 1 วันเขาเรียก "วันดา" หรือ "วันสุกดิบ"วันนี้จะเป็นวันที่ชาวบ้านได้จัดเตรียมข้าวของไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้ต่างๆ สำหรับที่จะนำมาจัดดาใส่ก๋วยสลากและวันนี้มักจะมีญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ต่างบ้านมาร่วมจัดดาสลากด้วย ซึ่งถือเป็นประเพณีที่จะได้ทำบุญร่วมกันผู้ชายจะเป็นคนสานก๋วยสลาก(ตะกร้า) สำหรับที่จะบรรจุใส่ของกินของใช้ต่างๆก๋วยจะกรุด้วยใบตองหรือตองจี๋กุ๊กเมื่อรวบปากก๋วยมัดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีไม้ไผ่เหลาเป็นก้านเล็กๆ สำหรับเสียบสตางค์ , กล่องไม้ขีดไฟ ,บุหรี่ เพื่อทำเป็นยอดก๋วยสลากจะมากน้อยบ้างตามแก่กำลังศรัทธาและฐาน

ที่มา เครดิต เว็บชาวลำปางเจ๊า
http://www.lampangclub.com/board/index.php?topic=1413.0
หน้า: [1]