ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ย้อนตำนาน "ดาบสรีกัญไชย" พระเวทย์สูงสุดแห่งแผ่นดินล้านนา  (อ่าน 13900 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ย้อนตำนาน "ดาบสรีกัญไชย" พระเวทย์สูงสุดแห่งแผ่นดินล้านนา

“สรีกัญไชย” คำนี้ เขียนตามอักษรธรรมล้านนา ออกเสียงว่า “สะ-หลี๋-กั๋น-ไจ” บางแห่งใช้ “สรีกัญชัย” ก็มี หมายถึงดาบวิเศษของพระโพธิสัตว์ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในนามของดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่ครูบาอาจารย์พระเถระสังฆเจ้า ได้เมตตาสร้างไว้เป็นเครื่องรางทรงพุทธานุภาพ ปกป้องคุ้มครองบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่ได้มีไว้สักการบูชา กล่าวได้ว่าเป็นที่สุดแห่งศาสตร์พระเวทย์ล้านนา เป็นวิชาชั้นสูงของภาคเหนือก็ว่าได้

ดาบชื่อนี้ เป็น ๑ ใน ๕ อย่างของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ล้านนา มีรูปลักษณ์ต่างกันออกไป เช่น เป็นดาบยาววาก็มี เป็นดังมีดน้อยก็มี หรือมีด้ามยาวอย่างง้าว ที่ใช้เป็นเครื่องเทียมยศพระพุทธรูป ปักเรียงกับละแอบังสูรย์ ทั้งหมดต่างเรียกขานว่า ดาบสรีกัญไชย และหากจะเทียบศักดิ์แห่งดาบนี้ คงทำนองเดียวกับพระแสงขรรค์ชัยศรีของภาคกลาง รูปแบบดาบโดยละเอียดเป็นอย่างไร เนื้อเหล็กเป็นอย่างไร ในเอกสารล้านนาไม่ได้พรรณนาไว้ รู้แต่ว่าเป็นของวิเศษคู่บุญพระโพธิสัตว์

หากจะพูดถึงที่มาที่ไปของดาบสรีกัญไชย  คงต้องนับย้อนไปถึงตำนานความเชื่อตามโบราณกาล ที่เล่าสืบทอดกันมาว่าพญาอินทร์ (พระอินทร์) หรือสักกะเทวราช ได้มีบัญชาให้พระเวสสุกรรมเทวบุตร ซึ่งเทพผู้เชี่ยวชาญงานช่างของสวรรค์ ลงมาตีพระขรรค์ถวายพระเกตุมาลา

@@@@@@

ตามตำนานเล่าว่า พระเวสสุกรรมเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในงานช่าง ประกอบกับมีฤทธาอภินิหารพอตัว การตีดาบจึงไม่ใช่ธรรมดา ต้องใช้เหล็กถึงสี่หาบ นำมาผ่านพิธีการเผาตีไล่เนื้อเหล็ก และใช้ว่านยาซัด จนเหลือเป็นพระขรรค์เนื้อบริสุทธิ์เพียงเล่มเดียวมาถวายพระเกตุมาลา

ด้วยความไม่รู้ถึงพิธีกรรมที่พระเวสสุกรรมได้ตั้งอกตั้งใจทำพระขรรค์วิเศษเล่มนี้ขึ้น เมื่อพระเกตุมาลาเห็นดาบเล่มเดียวก็พาให้คิดว่าพระเวสสุกรรมมีจิตคิดไม่ซื่อ ฉ้อฉลเอาเนื้อเหล็กไปถึงสี่หาบแต่นำพระขรรค์เล่มเดียวมาถวายก็เลยออกปากต่อว่าพระเวสสุกรรม

แม้พระเวสสุกรรมไม่ได้พูดตอบโต้อย่างไร แต่ก็บังเกิดความน้อยใจลุกขึ้นลากพระขรรค์เล่มนั้นไปบนท้องพระโรง เกิดเป็นอัศจรรย์ คมพระขรรค์นั้นกล้านัก ผ่าท้องพระโรงแยกออกเป็นสองซีกในทันที จากนั้นเวสสุกรรมก็โยนพระขรรค์เล่มนั้นทิ้งลงไปในทะเลสาบ

ดาบสรีกัญไชย จึงจมอยู่ใต้ทะเลสาบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

@@@@@@

ตำนานต่อจากนี้ค่อนข้างจะสับสนและมีหลายกระแส ตามแต่ว่าผู้รจนาไว้เป็นชนชาติใด บ้างก็ว่า พระอินทร์ใช้อิทธิฤทธิ์เรียกเอาดาบสรีกัญไชยขึ้นมามอบให้กับเจ้าเมืองผู้มีบุญาธิการพระองค์หนึ่ง ซึ่งพระองค์ก็ได้ใช้เป็นอาวุธคู่พระวรกายจนสามารถรวบรวมผู้คนตั้งตนเป็นอาณาจักรขึ้นมา อาณาจักรที่ว่านี้ จะเป็นล้านนา ล้านช้าง จะเป็นชนชาติขอม มอญ พม่า ก็สุดจะเดาได้

บางสำนวนก็ว่า พระเกตุมาลาเห็นปาฏิหาริย์ของดาบสรีกัญไชยจึงได้ไปงมขึ้นมาใช้คู่พระวรกาย และสืบทอดมาจนถึงคนรุ่นหลัง กลายเป็นดาบคู่บ้านคู่เมือง เป็นเครื่องแสดงพระเกียรติยศ หรือที่เรียกว่าเครื่องราชกกุธภัณฑ์ในที่สุด

ตำนานมักจะเป็นเช่นนี้แล... เมื่อได้ฟังจากหลายแหล่ง จากผู้เล่าแตกต่างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ กัน ก็มักจะได้เนื้อหาที่แตกต่างหลากหลาย เพราะผู้รจนาตำนานเหล่านี้ในอดีต ต่างปรารถนาจะสรรเสริญชนเผ่าของตนนั่นเอง แต่ไม่ว่าจะเป็นตำนานฉบับไหนก็ตาม ล้วนมีความเชื่อตรงกันว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบวิเศษที่พญาอินทร์ ท่านประธานให้ผู้มีบุญ เป็นของสูง เป็นเครื่องแสดงบุญาธิการ มีอิทธิฤทธิ์ในการปราบเหล่าร้ายศัตรู เป็นต้น


ครูบาเจ้าศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญแห่งล้านนาไทย


::: ตำนานดาบสรีกัญไชยกับพระขรรค์ไชยศรี :::

ดาบสรีกัญไชยในส่วนที่เกี่ยวพันในแง่ของประวัติศาสตร์มีเล่าขานสืบทอดกันมานาน ตั้งแต่ยุคสมัยอยุธยากับแผ่นดินล้านนา เนื้อหารายละเอียดแตกต่างกันไปตามความเชื่อถือศรัทธาของผู้บันทึก แต่เนื้อหาหลักพอจะสรุปเป็นสังเขปได้ว่า

ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีบุญญาธิการ ทรงแผ่พระราชอำนาจไปทั่วแคว้น พระองค์มีอาวุธวิเศษคู่พระวรกายคือ “พระขรรค์ไชยศรี” ยามเมื่ออกรบทัพจับศึกก็แสดงอานุภาพเอาชนะข้าศึกได้ทุกครั้งไป เป็นพระแสงดาบที่นอกจากจะเป็นอาวุธคู่พระวรกายแล้ว ยังเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าแม่ทัพนายกอง ทหารหาญทั้งหลายที่ร่วมทัพอีกด้วย

ในขณะเดียวกันนั้น อาณาจักรทางล้านนาก็มีพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งนามว่าพระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยเดชานุภาพทั้งในการรบ และการทำนุบำรุงบ้านเมือง พระศาสนาเป็นที่ร่ำลือไปทุกทิศ ยุคนั้นเป็นเสมือนยุคทองของเมืองเชียงใหม่ มีการขยายเขตแดนแสดงอานุภาพออกไปอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกับพระบรมไตรโลกนาถของทางอยุธยา

@@@@@@

การแย่งชิงหัวเมืองที่เป็นยุทธศาสตร์ทั้งด้านการค้าและการสงคราม ถือเป็นภารกิจหนึ่งของพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ซึ่งหนึ่งในหัวเมืองที่เป็นที่หมายปองของอาณาจักรใหญ่ในย่านอุษาคเณย์ นี้ก็คือเมืองเชลียง ด้วยว่าเป็นหัวเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ การแย่งชิงครอบครองเมืองเชลียงจึงเป็นเหตุให้เกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างกรุงศรีอยุธยากับอาณาจักรล้านนา

สองอาณาจักรยกทัพขึ้นประลองกำลังกันเป็นสามารถ อยุธยามีของวิเศษ คือ พระขรรค์ไชยศรี ส่วนพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาก็ทรงมีดาบวิเศษคู่พระวรกาย คือ ดาบสรีกัญไชย จึงมิได้เกรงกลัวต่อทัพกรุงศรีอยุธยาแต่อย่างใด ต่างก็ยกทัพเข้ารบพุ่งกันอยู่เนิ่นนานก็ไม่มีผู้ใดแพ้ชนะ ทำให้ขุนทหารทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก จนสุดท้ายก็ได้เลิกราทัพกลับไป ต่อมาเผ่าไทยทั้งสองหัวเมืองอ่อนแอลงเรื่อยๆ และเสียแก่พม่าทั้งสองอาณาจักรในที่สุด

เรื่องดาบสรีกัญไชยของพระเจ้าติโลกราช มีข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันหลายกระแส บ้างเชื่อว่าพระเจ้าติโลกราชได้รับดาบอาญาสิทธิ์วิเศษนี้ตกทอดมาจากยุคพ่อขุนเม็งรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งนครเชียงใหม่ แต่บางตำนานกล่าวว่า ขณะกองทัพอยุธยายกมาถึงนั้น ทางล้านนาทราบถึงความวิเศษของพระขรรค์ไชยศรี จึงประชุมเสนาอำมาตย์ราชครู ผู้มีความรู้มนตราอาถรรพ์ ประกอบพิธีจัดสร้างดาบสรีกัญไชยขึ้น เพื่อรับมือกับพระขรรค์ไชยศรีโดยเฉพาะ


@@@@@@

อีกตำนานหนึ่งกล่าวย้อนไปในอดีตกว่ายุคนั้นว่า ในสมัยที่อยุธยาขยายอาณาเขตเข้ามาสู่แผ่นดินล้านนา เมื่อทัพของอยุธยาได้มาตีเมืองต่างๆ ก็ไม่สามารถเอาชนะแย่งชิงได้สะดวก เนื่องว่าเหล่าทหารนักรบของล้านนานั้น มีคาถาอาคมที่แก่กล้า มีสุดยอดของขลัง อีกทั้งสักยันต์รูปรอยตามร่างกาย จึงทำให้ฟันแทงไม่เข้า ยากที่จะเอาชนะได้ เมื่อทองทัพของอยุธยาไม่สามารถที่จะแย่งชิงอาณาจักรล้านนาได้ จึงถอยทัพกลับไปยังเมืองของตน และได้ปรึกษาหารือกันว่า ทำอย่างไรจึงจะทำลายอาคมของเหล่านักรบของล้านนาได้ จึงได้ทำศาสตราวุธวิเศษขึ้น และให้ชื่อว่า “พระขรรค์ไชยศรี” ซึ่งได้ลงคาถาอาคมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนหล่อหลอมจนถึงกระทั่งตี และทำการลงอักขระปลุกเสกคาถาอาคมอีกมากมาย

เมื่อได้ดาบวิเศษดังนี้แล้ว เมื่อทัพอยุธยายกขึ้นมาตีชิงหัวเมืองฝ่ายเหนือ ก็สามารถเอาชนะคาถาอาคมของเหล่าทหารล้านนาได้โดยง่าย

@@@@@@

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว เหล่านักรบ ผู้เก่งกล้าทางอาคมและพระเกจิของอาณาจักรล้านนา จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงสาเหตุที่พระเวทย์คาถาด้านอยู่ยงคงกระพันถึงได้พ่ายแพ้ต่อคมดาบของอยุธยา เมื่อส่งคนไปสืบก็ได้ทราบถึงอานุภาพของพระขรรค์ไชยศรี เหล่าปราชญ์ล้านนาจึงได้คิดหาทางแก้ โดยการสร้างศาสตราวุธโดยลงย้อนคาถากลับ เหมือนกับเป็นการย้อนเกล็ดปลา หรือเกล็ดชะมด เพราะเกล็ดก็เหมือนเกราะกำบัง เมื่อขูดเกล็ดย้อนกลับก็สามารถถอดเกล็ดปลาหรือเกล็ดชะมดได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้สร้างและตั้งชื่อดาบนั้นว่า “ดาบสรีกัญไชย” หรือ “พระศรีขรรค์ไชย” ตามสำเนียงภาคกลาง เป็นการย้อนเกล็ดตั้งชื่อกลับจากพระขรรค์ไชยศรีนั่นเอง

เมื่อกองทัพล้านนายกออกไปรับมือกับทัพอยุธยาด้วยดาบสรีกัญไชย ก็เสมือนคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ มีอาวุธที่ทัดเทียมกัน จึงสามารถป้องกันเขตขันธ์สีมา ไม่ให้ถูกยึดครองได้ ต่างฝ่ายต่างก็รบพุ่งเป็นสามารถแต่ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จนเลิกราทัพกลับไป

นี่คือตำนานอิงประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันไป


ครูบาชุ่ม โพธิโก ผู้สืบทอดคาถาสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศรีวิชัย
   

ไม่ว่าจะเชื่อในตำนานใดก็ตาม อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ทรงอิทธิฤทธิ์ สามารถป้องกันภูมิผีปีศาจ ป้องกันอาถรรพ์ ป้องกันภัย ชนะข้าศึกหมู่มาร หรือทำให้เกิดโชคลาภที่ดีได้ พึงมีไว้กราบไหว้ ให้เกิดเป็นมงคลแก่ผู้สักการบูชา จึงได้มีครูบาอาจารย์ที่ทรงพระเวทย์วิทยาคมของล้านนา หลายรูปหลายองค์ได้จัดสร้างดาบสรีกัญไชย ดาบศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานล้านนา ให้ลูกศิษย์ลูกหาผู้เคารพนับถือได้มีไว้สักการะ ซึ่งก็มีแตกต่างกันหลายสำนัก

ดาบสรีกัญไชยของแต่ละท้องถิ่นมีรูปแบบที่แปลกแตกต่างกันไปตามแต่ผู้สร้าง เช่นทางน่านก็จะเป็นแบบหนึ่ง แถบลำพูนจะใกล้เคียงกับทางเชียงใหม่ ส่วนของลำปางบางครูบาอาจารย์ลงแตกต่างจากของเชียงใหม่โดยสิ้นเชิง บางตำราแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าในอดีตเกิดการคัดลอกถ่ายเทศาสตร์โบราณ ดังนั้นเมื่อได้พบเห็นตำรับที่ได้รับความนิยมในท้องถิ่นที่แตกต่างกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

@@@@@@

เมื่อกล่าวถึงดาบสรีกัญไชยในอดีตที่โด่งดังที่สุด ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักแพร่หลายไปทั่วประเทศ เห็นจะไม่มีเกินดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง จังหวัดลำพูน ด้วยเชื่อว่า ท่านครูบาขันแก้ว และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดชัยมงคล (วังมุย) ได้รับสืบทอดวิชาการสร้างดาบสรีกัญไชยจากครูบาเจ้าศีลธรรม (ศรีวิไชย) ซึ่งเป็นที่เล่าลือกันในอดีตว่า ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับดาบทองคำจากพระอินทร์

จนเป็นเหตุให้มีผู้กล่าวอ้างว่าครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยมีดาบสรีกัญไชยฝักทองคำ ตกลงมาจากสวรรค์สู่แท่นบูชา ใช้เป็นอุบายเกลี้ยกล่อมซ่องสุมผู้คน คิดแข็งขืนต่อบ้านเมือง เรื่องนี้เลยกลายเป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อกล่าวหา ที่ทำให้ครูบาเจ้าศีลธรรมต้องอธิกรณ์ถูกไต่สวน ซึ่งสุดท้าย ครูบาเจ้าศีลธรรมก็สามารถยืนยันในความบริสุทธิ์ของท่านต่อสมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า


@@@@@@

ซึ่งในสำนวนการไต่สวน โดยกรมหมื่นชินวรสิริวัฒน์ พระญาณวราภรณ์ และ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น) ที่มีถวายต่อองค์สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช ได้ยืนยันคำพูดของครูบาเจ้าศรีวิชัยว่า “ของเช่นนี้ (ดาบสรีกัญไชย) ท่านไม่มี”

ซึ่งข้อมูลนี้ตรงตามบันทึกคำบอกเล่าของครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุย ที่ว่าท่านครูบาเจ้าศีลธรรมได้เจอตำรายันต์เล่มหนึ่ง เป็นตำราคาถาอาคม ตลอดจนวิธีการสร้างดาบสรีกัญไชย (มิใช่ดาบ) ที่ถ้ำเชียงดาว จึงได้เก็บรักษาไว้ ต่อมาครูบาชุ่มซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด ได้คัดลอกตำราเล่มนี้ไว้ และสืบทอดมายังครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ผู้เป็นสหธรรมิกของครูบาชุ่ม และในเวลาต่อมาตำรายันต์เล่มนี้ได้สูญหายไปในที่ใด ไม่เป็นที่ปรากฏ

      ../ยังมีต่อ...
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

  (...ต่อจากด้านบน)

:: ดาบสรีกัญไชยในรูปของวัตถุมงคล :::

   
ในตำนานการสร้างเครื่องรางของขลังในอดีตมีพระเกจิอาจารย์มากมายหลายครูบาอาจารย์ ที่ท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังประเภทมีดและประเภทดาบ ซึ่งเป็นที่นิยมของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก เช่น หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จังหวัดนครสวรรค์ เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอปราบไพรีพินาศอันโด่งดังเลื่องลือชื่อ หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี เจ้าตำรับการสร้างมีดหมอเขาควายเผือก ส่วนทางภาคใต้ก็มีการสร้างมีดหมอหรือดาบกายสิทธิ์ของสำนักตักศิลาเขาอ้อเช่นกัน

สำหรับภาคเหนือเมืองลานนานั้น ก็มีเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมากในอดีต ที่ได้สร้างดาบสรีกัญไชย ด้วยเชื่อว่าเป็นดาบที่ใช้ลบล้างอาถรรพ์ คุณผี คุณคน ได้ฉมังนัก แต่ไม้ได้สร้างเป็นรูปทรงดาบ แต่ใช้การลงอักขระเป็นรูปดาบบนแผ่นทองแดงแทนการลงบนตัวดาบจริงๆ ทั้งนี้อาจเป็นด้วยว่า การหาวัสดุมาทำดาบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงอักขระบนแผ่นทองแดง หรือแม้กระทั่งผืนผ้ายันต์ ก็มีคุณวิเศษไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งตะกรุดยันต์ดาบสรีกัญไชยที่สร้างโดยครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง และครูบาชุ่ม โพธิโก วัดวังมุยนี้ก็โด่งดังและในปัจจุบันก็เป็นสิ่งที่หายากอีกด้วย

@@@@@@

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ตำราการสร้างและเสกดาบสรีกัญไชยในแผ่นดินล้านนานั้น มีตำรับวิชาที่แตกต่างกันมากมายหลายวิธี ทั้งที่แตกต่างกันในลักษณะของขนาดและแตกต่างกันที่อักขระยันต์ ตามรูปแบบของสูตรลงยันต์ต่างๆ ของแต่ละสำนัก แต่ทั้งนี้สำหรับพุทธคุณแล้วล้วนมีอิทธิฤทธิ์ไม่แตกต่างกัน ดังตัวอย่างหนึ่งที่หนานบุญ เมืองงาช้างดำ ได้พบข้อความจารึกในตำราโบราณกล่าวว่า ใครก็ตาม ที่ได้ถือเอาคุณแห่ง “พระยันต์ดาบสรีกัญไชย หรือยันต์มีดดาบสรีกัญไชย” นั้น ก็ “จักสมดั่งกำมักอยู่เย็นเป็นสุข จ๊ะนะผาบแป๊ฝูงผีสางมารแมนทั้งหลาย มีไจยจ๊ะนะต่อข้าศึกสัตถู มีป๋าระมีอำนาจวาสนามากมูลตุ่นเต้านักแล”

ความหมาย ก็คือ “ใครก็ตามถ้าได้เคารพบูชาในยันต์ดาบสรีกัญไชย ก็จะประสพตามความปรารถนาทุกประการ จะอยู่เย็นเป็นสุข มีชัยชนะต่อข้าศึกศัตรู ผีร้ายทุกประการ มีบารมี อำนาจวาสนาสูงส่ง มากนักแล”


หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ เจ้าตำรับ "มีดหมอปราบไพรีพินาศ"


ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่อดีตกาลจวบจนถึงปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด หากเป็นผู้ที่มีความเคารพนับถือในศาสตร์แห่งคุณพระคุณเจ้าและพระเวทย์อาคมแล้ว ก็มักจะนิยมเสาะหาเครื่องรางของขลังประเภทมีดหมอ มีดครู ดาบครูต่างๆ มาบูชาสักการะ และนำมาเป็นเครื่องช่วยป้องกันตัว ป้องกันครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า

ตำรายันต์มีดดาบสรีกัญไชยหรือมีดดาบกายสิทธิ์ เป็นตำราการสร้างวัสดุอาวุธอาถรรพ์ที่เปรียบเสมือนเป็นอาวุธของพระอินทร์ พระพรหม พระนารายณ์ พระฤาษี และอาวุธของพระพุทธเจ้า มีคุณวิเศษมากนักตามความเชื่อของเกจิอาจารย์มาหลายยุคหลายสมัย ลักษณะของมีดดาบสรีกัญไชยที่ได้มีการบันทึกไว้คือ

ดาบขนาด ๑ กำมือ แทนคุณครูบาอาจารย์
ดาบขนาด ๓ กำมือ แทนคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการ
ดาบขนาด ๕ กำมือ แทนคุณพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
ดาบขนาด ๙ กำมือ แทนคุณพระเจ้าทั้งหลาย คุณเทพ คุณอินทร์ คุณพรหมทุกๆ องค์ ทั่วทั้งจักรวาล เป็นต้น


@@@@@@

จะเห็นได้ว่า คนโบราณหรือครูบาอาจารย์ในอดีต ท่านจะมีการสร้างอาวุธเครื่องรางของขลังต่างๆ แต่ละอย่างแต่ละชิ้นขึ้นมานั้น ย่อมมีคุณค่าและมีความหมายเป็นที่สุด กำหนดเอาคุณแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมาเป็นตัวเชื่อมกับวัสดุที่ทรงคุณเหล่านั้นเสมอ เพื่อให้ผู้ที่นำเอาไปใช้ไปบูชานั้น ได้รับสิ่งที่มีคุณค่าและทรงคุณที่สุด
 
ตัวอย่างความพิถีพิถันในการจัดสร้างวัตถุสิ่งมงคลในอดีต อาจจะเห็นได้จากวรรณกรรมเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ “ขุนแผน” ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า เป็นนักรบที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งความหล่อ ความสง่างาม แล้วยังมีพระเวทย์อาคมที่สูงส่งมาก ขุนแผนมี “ดาบฟ้าฟื้น” เป็นอาวุธประจำกายที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในยุคนั้น

การสร้างอาวุธ หรือดาบคู่บารมีนั้น ครูบาอาจารย์แต่ละสำนัก แต่ละคน ท่านก็มีส่วนผสมในการสร้างที่แตกต่างกันออกไป อย่างขุนแผน ก็มีส่วนผสมที่หล่อหลอมเป็นดาบฟ้าฟื้นอันวิเศษมากมาย เช่น เหล็กน้ำพี้อันกล้าแกร่งคงทน เจ้าน้ำเงิน เหล็กสะกดอาถรรพ์ และเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ เป็นต้น

   
   
หลวงพ่อโศก วัดปางคลองบางครก


ในยุคปัจจุบัน พระเกจิอาจารย์ทางภาคเหนือที่สร้างดาบสรีกัญไชยไว้ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้สักการบูชาก็มีหลายรูป เท่าที่ทราบก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท แห่งวัดฟ้าหลั่ง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านได้สร้างดาบฟ้าหลั่งมาแล้วหลายรุ่น มีประสบการณ์เข้มขลังและโด่งดังเป็นที่เสาะหากันของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา และเมื่อท่านย้ายมาอยู่วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) ท่านก็ได้สร้างดาบสรีกัญไชย มีดหมอ และดาบหน้อยขึ้นเป็นรุ่นสุดท้ายของท่านเมื่อปี ๒๕๔๖ ซึ่งดาบสรีกัญไชยรุ่นนี้ของท่านก็มีส่วนผสมของ “เหล็กน้ำพี้” ที่ทรงอานุภาพล้างอาถรรพ์ และกล้าแกร่งเช่นกัน

และนอกจากนี้ก็ยังมีพระเดชพระคุณพระนิมมานโกวิท หลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเมื่อครั้งที่ท่านยังทรงสังขารอยู่ก็ได้สร้าง “มีดดาบมีดหมอกายสิทธิ์” ด้วยธาตุโลหะศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองอุตรดิตถ์ ก็คือเหล็กน้ำพี้อันลือชื่อนั่นเอง

และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการสร้างมีดดาบถวายครูบาน้อยวัดศรีดอนมูล ปลุกเสกในพิธีเข้านิโรธกรรมอยู่ ๙ วัน เสร็จพิธีลูกศิษย์ลูกหาก็บูชาหมดในเวลาอันรวดเร็ว พอๆ กับเมื่อครั้งที่เปิดให้บูชามีดดาบที่สร้างถวายวัดชัยมงคล (วังมุย) ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ซึ่งอาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ได้บันทึกถึงประสบการณ์ของดาบชุดนี้ไว้ว่า

@@@@@@

“ผมได้ทราบจากคุณณรงค์ซึ่งทำงานที่องค์การโทรศัพท์เชียงใหม่ว่า ดาบชุดนี้ดีจริง มีคนถูกผีเข้า ทำอย่างไรก็ไม่ออก พอพี่ณรงค์อธิษฐานขอบารมีดาบยกจากหิ้งบูชา คนที่ถูกผีเข้าก็มีอาการกลัวลนลาน ยอมออกจากร่างไปในทันที นับว่าแปลกมากๆ”

ดังที่ท่านพระมหาบุญหมั้น วัดห้วยหม้ายลำพูนได้กล่าวไว้ว่า ดาบสรีกัญไชย จะศักดิ์สิทธ์แค่ไหน อยู่ที่เงื่อนไขที่ว่า วัตถุหรือมวลสารที่นำมาสร้าง และพิธีกรรมปลุกเสกจะต้องดีและถูกต้อง พระเกจิอาจารย์หรือผู้สร้างต้องมีความสามารถถึง และผู้ใช้ต้องมีคุณธรรมและมีศีลธรรม จึงจะสามารถใช้ดาบสรีกัญไชยให้บังเกิดผลได้สมปรารถนาอย่างแท้จริง

ในเรื่องของการสร้างดาบสรีกัญไชย ใช่ว่าใครก็จะสร้างได้ เพราะมีเหตุการณ์ให้ประจักษ์หลายต่อหลายครั้ง ถ้าผู้สร้างไม่มีคุณบารมีที่ถึงจริงแล้ว นอกจากดาบสรีกัญไชยที่สร้างขึ้นจะไม่มีพุทธานุภาพสมดังปรารถนาแล้ว อาจจะส่งผลต่อตัวผู้สร้างเอง ต้องอาถรรพ์ทำให้ชีวิตตกต่ำประสบกับความเสื่อมถอยในชีวิตก็มีให้เห็นมาแล้ว ทั้งนี้เป็นเรื่องคุณบารมีของผู้สร้างผู้เสก ไม่เกี่ยวกับผู้บูชา

 
ครูบาอิน อินฺโท ผู้สร้างตำนาน "ดาบฟ้าหลั่ง"


::: คาถาลงดาบสรีกัญไชย :::

ด้วยความเชื่อว่า ดาบสรีกัญไชย เป็นดาบที่ประทานมาจากสวรรค์ เป็นดาบพระอินทร์ การสร้างการเสกจึงต้องมีพระคาถาที่เกี่ยวพันกับพญาอินทร์เข้ามาเกี่ยวข้อง ดาบสรีกัญชัยที่จัดสร้างขึ้นกันในท้องถิ่นล้านนา จะมีการลงด้วยพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และเป็นตำราที่หวงแหนกันหนักหนา ซึ่งยันต์แต่ละลูกนับได้ว่าเป็นยันต์ชั้นสูงแทบทั้งสิ้น อาทิเช่น คาถาพญาอินทร์ คาถาจักรพรรดิราช คาถาจักรแก้วพระพุทธองค์ บทชุมนุมพระคาถา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พ่อคาถา แม่คาถา และที่ขาดไม่ได้ก็คือ พระคาถาสรีกัญไชยที่แตกต่างกันไปแต่ละสำนัก เป็นต้น

ดาบสรีกัญไชยของครูบาขันแก้ว เมื่อถอดใจความพระคาถาที่จารลงดาบสรีกัญไชยของท่านได้ความดังนี้
    แถวที่หนึ่ง ลงว่า   โย เว โว กะ ถัง ลา ลัง กะ โต๋
    แถวที่สอง ลงว่า   ติ มะ หัง ตั๋ง มิ มะ นะ
    แถวที่สาม ลงว่า   วะ โน โส ยะ เล ตวา ตะ ยะ เส


วิธีการลงอักขระเป็นแบบค่ายกลบท ใช้สลับกันทั้งสามแถว 
ดาบสรีกัญไชยของครูบาขันแก้ว นับว่าได้รับความนิยมเสาะหากันมากที่สุด



อีกตัวอย่างหนึ่ง เป็นพระคาที่ใช้ลงดาบสรีกัญไชย ของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย) จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระคาถาที่จารลงบนแผ่นเงิน และแผ่นทองเหลือง แล้วนำไปผนึกติดกับปลอกดาบ โดยที่ส่วนของใบมีดจะลง “นะชาลีติ” เท่านั้น

@@@@@@

คาถาดาบสรีกันชัย (ดาบฟ้าหลั่ง)

โอม ปัตโต เภตะสะหะจักกะวะโร พุทธะมังคะละ สักกัสสามิ ทะสะ เอเก จัมหิ ปะวุดฑิฆัง นะมามิหัง สวาหาย สิโลมัง สะเหเห กาเว ติสสันโต มัทธิญาโณ ยันโต ทัสสะ ธะนะสิทธิ สะวิสปะเร เอเตนะสัจจะ วัชเชนะ ไชยยะโสตถิ ภะวันตุสัปปะทา สวาหายะฯ




พระคาถานี้ นอกจากจะเป็นคาถาที่จารแผ่นเงิน แผ่นทองแดงติดปลอกมีดแล้ว ยังเป็นพระคาถาที่ใช้อธิษฐานบูชาดาบสรีกัญไชยของหลวงปู่ครูบาอิน ซึ่งหากท่องบ่นบูชาเป็นประจำ ก็จะบังเกิดฤทธิ์ เช่น จะช่วยป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ และยังเป็นวัตถุมงคลช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันภูมิผีปีศาจไม่ให้เข้ามากล้ำกรายราวี (เอาแขวนหันออกหน้าบ้าน) ถ้าเจ็บป่วยก็ให้เอาดาบไปแช่ทำน้ำมนต์ แล้วเอาไปดื่ม-อาบ รักษาโรคได้ โดยการอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ท่านช่วยก่อนใช้ดาบ เป็นต้น

ในส่วนของทางจังหวัดน่าน ก็มีบันทึกพระคาถายันต์สรีกัญไชยตำรับเมืองงาช้างดำ ไว้หลายรูปแบบหลายสำนัก อาทิเช่น ฉบับอารามนาท่อ ฉบับหัวเวียงเหนือ ฉบับฆาราวาสอุ๊ยหนานพญาวงศ์ต๊าวหลวง และ ฉบับสำนักป่าเมี้ยง (ต๋าแหวน) เป็นต้น

    ส่วนพระคาถาลงดาบตำรับเมืองงาช้างดำ ลงเป็นกลบทรูปยันต์ อ่านได้ว่า
    ธุ ปะ สิ สะ อิ สวา สุ วุท ธา นัง สวา หะ กะ ยะ วะ สะ นะ วะ หะ สะ อุ ฆิ ระ เต ว เร หิ สวา หะ โส

รอบล้อมด้วยตัวอุณาโลมทั้งสี่ด้าน เป็นพระคาถาสำหรับลงดาบสรีกัญไชยของแถบจังหวัดน่านที่ได้รับความนิยมมากตำรับหนึ่ง ซึ่งจะเห็นว่าแตกต่างจากของเชียงใหม่และลำพูนอย่างสิ้นเชิง

@@@@@@

ในส่วนของพระเกจิอาจารย์จังหวัดเชียงใหม่ที่สร้างดาบสรีกัญไชยตามตำราโบราณที่เข้มขลัง เชื่อว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก คือดาบสรีกัญไชย ของพระครูปัญญาวชิรธรรม (พระอาจารย์สุมินทร์) วัดต้นแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี อาจารย์ ปริญญา ณ เชียงใหม่เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง พระคาถาดาบสรีกัญไชย ที่ใช้ลงบทแรกเรียกว่า “คาถาสรีกัญไชยพระเจ้า” อ่านว่า

“ติวิตีธะนุเจต๋า ธะราอาวุธทา จักกาเกปินิกุกุ สังระยะนะจัง นัมปะโยโหนตุเมนิจัง เมตตัญจะสัพป๊ะ โลกัสสมิงสาพุทธาหับยะ”



คาถาสรีกัญไชยพระเจ้านั้น ใช้ได้ทั้งมหาอำนาจปกครองคน ใช้เสริมชะตาชีวิตให้เป็นใหญ่เหนือผู้อื่น ปราบเหล่าข้าศึกศัตรู เด่นทางอำนาจวาสนา อุดมไปด้วยเดชอำนาจบารมี เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา

อีกบทหนึ่งเป็นพระ “คาถาบอกไฟแตก” ดีทางข่ามคง จากบันทึกของหลวงปู่คำหล้า ท่านเขียนเอาไว้ว่าให้ทดลองดู โดยเขียนคาถาบทนี้ แล้วเอาอุดลงรูบั้งไฟแล้วจุด บั้งไปจะแตก คือ มีฤทธิ์ห้ามดินปืนนั่นเอง หากเป็นปืนก็คงปืนแตก เพราะตามตำราเขียนไว้ดังนี้นั่นเอง



พระคาถาทั้งสองบทมีคุณวิเศษ ตำราบอกว่ามีค่าควรเมือง โบราณจารย์มักหวงแหนพระคาถานี้ พระสังฆราชเจ้าลานนาได้บันทึกเอาไว้ในยุคของพระบรมราชาธิบดีที่หนึ่ง หรือพระเจ้ากาวิละ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่พระองค์แรกในวงศ์ทิพจักร (ทิพย์ช้าง)

พระคาถาทั้งสองบท ลงเป็นตะกรุดบรรจุลงด้ามดาบสรีกัญไชย ของพระครูปัญญาวชิรธรรม (พระอาจารย์สุมินทร์) วัดต้นแก้ว พร้อมทั้งอุดผงวิเศษต่างๆ อีกมากมาย

@@@@@@

ส่วนตัวดาบ ด้านหนึ่งท่านพระครูลงด้วย “คาถาฟ้าฟีก” คือ “ระตะนังปุระโตอาสิ” ซึ่งเป็นพระคาถาที่มีคุณทางกันไฟและสายฟ้า พระเถราจารย์เจ้าของเชียงใหม่และลำพูนหลายรูป ใช้พระคาถานี้บรรจุไว้หลังเหรียญและวัตถุมงคลของท่าน อาทิเช่น ครูบาสิงห์ วัดฟ้าฮ่าม ลงพระคาถาฟ้าฟีกด้านหลังเหรียญรูปเหมือนของท่าน ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลัง ใช้พระคาถานี้ลงหลังพระรอด พระสมเด็จ พระกริ่ง และลงเป็นตะกรุด ยันต์ อีกหลายแบบ

    อีกด้านหนึ่งลงด้วย “หัวใจท้าวเวสสุวรรณ” อันเป็นเจ้าแห่งปีศาจทั้งปวง ถอดคาถาออกมาได้ดังนี้
    “เวสสะธัมมะราชาสุวัณโณกะระหิติ”
    ใช้ข่มผีสาง ทั้งปวง เป็นที่เกรงกลัว และกันสิ่งชั่วร้าย
    ถือว่า เป็นการรวมสุดยอดพระคาถาทั้งด้านข่ามคง กันฟ้า กันไฟ กันสิ่งชั่วร้าย และเสริมบารมี อุดมด้วยวาสนาบารมีอย่างที่สุดตำรับหนึ่งในปัจจุบัน

จากตัวอย่างที่ยกมา คงจะพอทำให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพถึงอุปเท่ห์การใช้บทพระคาถาที่แตกต่างกัน แต่มุ่งเน้นสรรพคุณไปในทางการเสริมบารมีและป้องกันสิ่งชั่วร้ายเป็นหลัก

      ../ยังมีต่อ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2018, 08:13:13 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
  (...ต่อจากด้านบน)

:: พิธีกรรมการปลุกเสกดาบสรีกัญไชย :::


ในส่วนของกรรมวิธีการปลุกเสกก็คล้ายกับพระคาถาที่ลงดาบ แต่ละสำนักก็ปลุกเสกด้วยพระคาถาที่แตกต่างกันไป ตามที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา

อาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ปราชญ์ล้านนาผู้ศึกษาเรื่องดาบสรีกัญไชยมาเป็นเวลานาน ได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคาถาที่ครูบาอาจารย์ล้านนาใช้ปลุกเสกดาบสรีกัญไชย แตกต่างกันว่า

  “ในเรื่องคาถาดาบสรีกัญไชยนี้ ผมเคยเห็นครูบาอาจารย์หลายท่านใช้แตกต่างกันไปในบทปลุกเสก เช่น
    ครูบาคำ สํวโร ท่านจะปลุกเสกขึ้นต้นด้วย ‘อม เทปะสวาหังมัง ดาบสรีกัญไชยกูนี้.....’ ไปจนถึงลงด้วย ‘อมสวาหะเท็ก’
    ส่วนครูบาคำหล้าท่านจะเสกด้วยสรีกัญไชยบท ‘อมนะโมนะมาสุภาษิตเทศน์แสนตอนจักรวาฬ....’ และลงด้วย ‘อมธุ ธะ ธา อะ ปิด ธะ ธา อม สังถะ’ เป็นต้น

@@@@@@

นอกจากนี้ผมยังเคยเห็นยันต์ชนิดนี้ลงเป็นดาบสี่เล่ม ผมเคยลองถามอาจารย์ณรงค์ชัย ท่านบอกว่าเป็นยันต์ลงดาบสรีกัญไชยสีเถื่อน ตามความเชื่อที่เล่ามาว่า ดาบทั้งสี่นี้เป็นของท้าวโลกบาล หรือที่คนเหนือเรียก ‘ท้าวทั้งสี่’ ส่วนคาถาปลุกเสกเคยเห็นท่านอาจารย์บุญเลิศบันทึกเอาไว้ เป็นบทสรีกัญไชยสีเถื่อนเหมือนกัน ใช้เสกมีดและไม้เท้า ดีทางข่มผีปีศาจ มีอำนาจเหนือคนทั้งปวง”

ย่อมเป็นข้อสรุปได้ว่า พระคาถาที่ใช้ปลุกเสกของแต่ละสำนัก แต่ละพระเกจิอาจารย์ ล้วนแตกต่างกัน ซึ่งรวมไปถึงพิธีการปลุกเสกก็แตกต่างกัน อาทิเช่น
    บางแห่งต้องมีการตั้งขันครู ชุมนุมเทวดา มีเครื่องเซ่นสังเวย
    ตำรับเมืองน่านที่บันทึกโดยหนานบุญเมือง ได้ระบุถึงพิธีกรรมที่ต้องเตรียมเครื่องสักการะ ไว้ชัดเจน เช่น ผ้าขาว ผ้าแดง หมาก กล้วย อ้อย ข้าวเปลือก ข้าวสาร อาหารคาวหวาน ทำพิธีในเขตที่ล้อมรอบด้วยราชวัตร ฉัตร ธง มีเครื่องพลีแม่พระธรณี เป็นต้น
    ในขณะที่พิธีกรรมปลุกเสกของหลวงปู่ครูบาอิน เริ่มต้นที่การเลือกวันที่ฤกษ์ยามดี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ขันข้าวตอกดอกไม้ เครื่องสักการะ แล้วก็ทำพิธีปลุกเสกเดี่ยวได้เลย

บางครั้งก็มีการนำเอาดาบสรีกัญไชยที่จัดสร้าง และลงอักขระเรียบร้อยแล้วเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก ร่วมกับวัตถุมงคลอื่นๆ เช่นพิธีพุทธาภิเษกตามวัดวาอารามต่างๆ ที่นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาร่วมปลุกเสก หรือเข้าร่วมพิธีเข้านิโรธกรรมเช่น ดาบสรีกัญไชยของครูบาน้อยวัดศรีดอนมูลเป็นต้น ซึ่งไม่ว่า จะปลุกเสกด้วยพิธีกรรมแบบไหนก็สามารถให้ผลที่ดีตามปรารถนาได้เช่นเดียวกัน

ครูบาคำ สํวโร วัดศรีดอนตัน จ.ลำพูน


::: วิธีการบูชาดาบสรีกัญไชย:::

อาจารย์ปริญญา ณ เชียงใหม่ ได้กล่าวถึงวิธีการบูชาดาบสรีกัญไชยของวัดต้นแก้วตามแบบโบราณไว้โดยละเอียดว่า

๑. ให้จัดที่บูชาดาบ ให้มีหิ้งบูชา หรือเก็บเอาไว้สูงเกินศีรษะของผู้เป็นเจ้าของ
๒. ห้ามนำดาบมาเล่น หรือชักดาบออกจากฝัก เว้นแต่ใช้ปราบผี ให้ชักออกจากฝักแล้วทำน้ำมนต์ ภาวนาด้วยคาถา “เวสสะธัมมะ ราชาสุวัณโณ กะระหิติ” ๗ ครั้ง ผีออกแล
๓. ปรารถนาความรุ่งเรือง ให้บูชาด้วยดอกมะลิ ๙ พวงทุกวันพระ
๔. ทุกวันพญาวัน ๑๕ เมษายน ของทุกปี หรือตามกำหนดปฏิทินล้านนา ควรมีน้ำส้มป่อยพรมดาบ ภาวนาคาถานวหรคุณ “อะสังวิสุโลปุสะภุพะ” ๗ ครั้ง ดาบจะมีอานุภาพไม่เสื่อมคลาย
๕. ดาบนี้อยู่ในเคหะหอเรือนใด อธิษฐานป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคน ได้ทั้งปวง
๖. ดาบนี้ใช้ข่มอาถรรพ์ ตลอดจนล้างความข่ามคงของศัตรูผู้คิดร้ายได้
๗. หากปรารถนาพันช่วงเจริญรุ่งเรือง ให้ภาวนาด้วยบทสรีกัญไชยพระเจ้า ๓-๕-๗-๙ ครั้ง ดังนี้
“ติวิตีธะนุเจต๋า ธะราอาวุธทา จักกาเกปินิกุกุ สังระยะนะจัง นัมปะโยโหนตุเมนิจัง”

@@@@@@

สำหรับวิธีการอธิษฐานใช้ดาบของหลวงปู่ครูบาอิน ท่านให้แขวนหันออกหน้าบ้าน เพื่อป้องกันสิ่งอัปมงคลชั่วร้ายที่จะมากล้ำกลาย ไม่ว่าจะเป็นคุณไสยที่ถูกส่งมา หรือลมเพลมพัดที่มาตามอากาศก็ดี ถ้าเจ็บป่วยก็ให้เอาดาบไปแช่ทำน้ำมนต์ แล้วเอาไปดื่ม-อาบ พร้อมทั้งอธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ท่านช่วยก่อนใช้ดาบ สำหรับผู้ที่ถูกภูตผี ให้อธิษฐานใช้ดาบทำน้ำมนต์ มารดราดผู้ถูกผี ถูกของ ก็จะได้ผล

    อธิษฐานเป็นประจำด้วยคาถา
    “โอม ปัตโต เภตะสะหะจักกะวะโร พุทธะมังคะละ สักกัสสามิ ทะสะ เอเก จัมหิ ปะวุดฑิฆัง นะมามิหัง สวาหาย สิโลมัง สะเหเห กาเว ติสสันโต มัทธิญาโณ ยันโต ทัสสะ ธะนะสิทธิ สะวิสปะเร เอเตนะสัจจะ วัชเชนะ ไชยยะโสตถิ ภะวันตุสัปปะทา สวาหายะฯ”
    เพื่อเพิ่มพุทธคุณแก่ดาบที่สักการบูชา วันศีลวันพระบูชาด้วยดอกไม้ธูปเทียน และประพรมด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย ในวันพญาวัน ๑๕ เมษายน ของทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นวันมงคลมหาฤกษ์แห่งปี ควรแก่การสระสรงพระเครื่องวัตถุมงคล ให้มีความศักดิ์สิทธิ์คงทน ตลอดไป

@@@@@@

เมื่อพูดถึงดาบสรีกัญไชย คนเหนือรู้จักกันดี แต่สำหรับเรื่องราวของดาบสรีกัญไชยที่นำมาเสนอนี้ เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบถึงที่มาที่ไปในเชิงลึก อุปเท่ห์การสร้าง เสก และสักการบูชาเพื่อให้เกิดผลต่อผู้ใช้อย่างสมบูรณ์ที่สุด แต่ทั้งนี้ ขอให้พึงทราบไว้ประการหนึ่งว่า

    ของดีสิ่งวิเศษตลอดคุณพระต่างๆ จะดีได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ครอบครองมีความเชื่อมั่น และดำรงตนอยู่ในคุณความดีเท่านั้น หากไม่ปฏิบัติรักษาศีล วัตถุมงคลใดๆ ก็ไม่อาจจะคุ้มครองรักษาเจ้าของได้
    จงหมั่นสักการบูชาด้วยความเชื่อมั่นนับถือ และรักษาตนให้ห่างไกลจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ดาบสรีกัญไชย สิ่งสูงสุดแห่งพระเวทย์ล้านนานี้ก็จะปกปักรักษา เสริมดวงชะตาของผู้ใช้ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไปได้อย่างแน่นอน



....................................................
เรียบเรียงโดย:  ธีระยุทธ  ไขยวงศ์, webmaster
ขอบคุณเนื้อหาและภาพจาก : http://krubain.awardspace.com/trimas46_srigunchaistory.htm
 
ข้อมูลอ้างอิง :-
- ปริญญา ณ เชียงใหม่, “ดาบสะหลี๋กัญไชย”, คอลัมน์พระเวทย์ล้านา, อุณมิลิต ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒๗ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๘
- ปริญญา ณ เชียงใหม่, “ยันต์ก๋าสะท้อน”, คอลัมน์พระเวทย์ล้านา, อุณมิลิต ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๓๖ เดือนเมษายน ๒๕๔๙
- พระมหาบุญหมั้น  สุนทรธมฺมโม, “เรื่องเล่าของพระขรรค์ไชยศรี และดาบสรี๋กัญไชย”, อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๘ เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๙
- วัดคันธาวาส (ทุ่งปุย), “เอกสารสั่งจองวัตถุมงคลรุ่นไตรมาส สืบชาตาหลวง ๒๕๔๖” หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท, ๒๕๔๖
- วิลักษณ์ ศรีป่าซาง, “เรื่องเล่าชุดชายหาญล้านนา: ตอน ดาบหาญล้านนา” อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๔๐ เดือนกันยายน ๒๕๔๙
- หนานบุญ เมืองงาช้างดำ, “ยันต์มีดดาบสหลีกัญไชย (มีดดาบกายสิทธิ์) ฉบับเมืองงาช้างดำ” อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๙ เดือนสิงหาคม และ ฉบับที่ ๔๐ เดือนกันยายน ๒๕๔๙
- อมเรศ, “พระครูปัญญาวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม (ต้นแก้ว)” อุณมิลิต ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๓๖ เดือนพฤษภาคม และ ฉบับที่ ๓๗ เดือนมิถุนายน ๒๕๔๙
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2018, 08:30:33 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0






ภาพดาบสรีกัญไชยนี้ นำมาจากเฟซบุ้ก พุทธธิดา รัตนมหาอุบาสิกา
ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพแล้ว ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 07, 2018, 09:44:05 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ยันต์ดาบสรี๋กัญชัยด้ามแก้ว

เป็นที่รู้กันว่า ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ท่านมีชื่อเสียงมากในเรื่องการทำตะกรุดยันต์ดาบ สรี๋กัญชัย ให้กับลูกศิษย์ลูกหาเป็นที่เลื่องลือทั่วทั้งแผ่นดิน ตำราการสร้างยันต์ดาบนี้ ครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านได้นำมามอบให้ครูบาขันแก้วเอง อันประกอบด้วย รูปลักษณ์อักขระยันต์ดาบสรี๋กัญชัย, โองการพระเวทย์, พระคาถาเสกดาบ และ พระคาถากำกับดาบสรี๋กัญชัยด้ามแก้ว(วิธีใช้)

ตำรายันต์ดาบนี้ ครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านไปเข้านิโรธสมาบัติที่ถ้ำเชียงดาว ท่านก็ได้ไปเจอตำราหนึ่งเข้า เป็นสูตรยันต์ ที่ใช้ลงพระขรรค์ชัยศรี และดาบสรี๋กัญชัยของพ่อขุนผาเมือง ที่จารึกไว้ในแผ่นทองคำ หุ้มด้วยกระบอกเงิน และเอาใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่อีกที และครูบาเจ้าศรีวิชัยก็นำมาเก็บรักษาไว้และตำรายันต์ดาบนี้ ท่านครูบาชุ่มก็ได้รับมาจากมือครูบาเจ้าศรีวิชัยและครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านยังกล่าวกับครูบาชุ่มว่า

“ให้ตุ๊น้องชุ่ม เก็บรักษาตำรายันต์ดาบ สรี๋กัญชัยนี้ไว้ เมื่อตุ๊น้องเจอเจ้าของยันต์ดาบนี้ในอนาคตตุ๊น้องก็จงนำไปมอบให้เขา แต่ถ้าเจ้าของเขาไม่เอาก็จงทำลายตำรานี้ทิ้งเสีย เพราะมันเป็นดาบสองคม เพราะว่ามีคุณอนันต์ มันก็มีโทษมหันต์เช่นกัน”


@@@@@@

ครูบาชุ่ม ท่านมีอภิญญาหลายอย่าง ท่านทราบว่าเจ้าของยันต์ดาบที่แท้จริงก็คือเพื่อนรักของท่าน นั่นก็คือ ครูบาขันแก้ว อุตตโม แห่งวัดสันพระเจ้าแดงนั่นเอง ส่วนตัวครูบาชุ่มเองท่านก็ไม่ได้ทำยันต์ดาบ สรี๋กัญชัยไว้เพราะว่าครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านสั่งไว้ว่า”ถ้าตุ๊น้องไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าสร้างนะ” (หมายความว่า ผู้ที่มิได้เป็นเจ้าของ หากฝืนสร้างก็จะนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง) เมื่อครูบาชุ่มนำตำรานี้มอบให้ครูบาขันแก้วแล้ว ครูบาชุ่มท่านได้บอกกับลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านอีกว่า”เป็นหน้าที่ของเปิ้น หมายถึงว่า เป็นหน้าที่ของครูบาขันแก้ว”

ครั้งแรกที่กระผม(ธันชนก)ได้ยินเรื่องประวัติครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านก็มีเรื่องดาบวิเศษ คือ  ดาบทองคำ(สรี๋กัญชัย) ที่พระอินทร์นำมามอบให้ครูบาเจ้าศรีชัย เลยเป็นหนึ่งในข้ออธิกรณ์ว่า ครูบาท่านมีดาบทองคำวิเศษซ่อนไว้ไม่นำมามอบไห้พระเจ้าแผ่นดิน แต่สุดท้ายครูบาเจ้าศรีวิชัยก็พ้นข้อกล่าวหานี้

@@@@@@

และคำว่า ดาบวิเศษ ทุกภูมิภาคในโลกนี้จะมีตำนานนิทานที่ว่า มีดาบวิเศษอยู่ทุกมุมโลกเช่น ขุนแผนที่สร้างดาบฟ้าฟื้น (แต่ไม่รู้ว่า ตำราการสร้างจริงๆอยู่ไหน)นั่นก็เป็นตำนานเรื่องขุนช้างขุนแผน  หรือ ดาบวิเศษ เอ๊กส์คาลิเบอร์ ในตำนานของกษัตริย์ อาเธ่อร์ โบราณ หรือ ดาบวิเศษที่เสียบบนหินที่รอผู้มีบุญญาธิการมาเป็นเจ้าของ.....ทุกที่อ้างว่ามีดาบวิเศษอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานใดปรากฏว่ามีจริง

ส่วนดาบสรี๋กัญชัยหรือพระแสงขรรค์ชัยศรี มีจริงและมีตำราการสร้างจริง นี่แหละตำนานที่สุดแห่งพระเวทและอาวุธแห่งล้านนา ด้วยความที่อยากรู้เรื่องดาบวิเศษที่ชื่อว่า สรี๋กัญชัย ผมและเพื่อน เลยค้นคว้าหาประวัตดาบสรี๋กัญชัย พระขรรค์ชัยศรีเป็นยังไง พอจะสรุปได้คือ


@@@@@@

พระแสงขรรค์ชัยศรี หรือ ดาบสรี๋กัญชัย หนึ่งในเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ของพระมหากษัตริย์หรือพระเจ้าแผ่นดิน
    เครื่องราชกกุธภัณฑ์มี
    1. พระมหาเศวตฉัตร หรือ พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร
    2. พระมหาพิชัยมงกุฎ
    3. พระแสงขรรค์ชัยศรี
    4. พระแสงดาบ
    5. ธารพระกร
    6. วาลวีชนี(พัดกับแส้จามรี)
    7. ฉลองพระบาทเชิงงอน

อาจจะกล่าวได้ว่าดาบสรี๋กัญชัยเป็นตัวแทนแห่งพระมหากษัตริย์ ที่บ่งบอกถึงพระเกียรติคุณ มหาอำนาจ(พูดตามประสาชาวบ้าน)ด้วยอานุภาพแห่งดาบ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งพระมหากษัตริย์พระเจ้าแผ่นดิน แม้กระทั่งมีตำนานนิทานที่มีการสร้างอาวุธให้พระอินทร์ จนเกิดเป็นพระแสงขรรค์ชัยศรีและดาบสรี๋กัญชัย และมีโฉลกที่ว่า ดาบสรี๋กัญชัย คือ อาวุธแห่งพระโพธิสัตว์ ซึ่งเหนือกว่าอาวุธทั้งปวง

ความหมาย คือ “ผู้ที่จะบรรลุธรรมเข้าสู่มรรคผลนิพพานต้องฆ่ากิเลสด้วยธรรม นั่นคือความหมายคำว่าดาบสรี๋กัญชัยที่ใช้ประหารกิเลสความชั่วร้าย ความโลภ ความหลง ความไม่รู้แจ้งแห่งอวิชชา”

@@@@@@

ยันต์ดาบสรี๋กัญชัย คือ หนึ่งในพญาแห่งยันต์..(ครูบาขันแก้วว่า..ถ้าเอายันต์นี้ลงพระขรรค์ จะเรียกว่า พระแสงขรรค์ชัยศรี)

นับย้อนกลับมาถึงการสร้างดาบสรี๋กัญชัย ที่ว่ามีตำราสืบทอด(ถ้าไม่นับของครูบาขันแก้ว ที่รับการสืบทอดยันต์ดาบสรี๋กัญชัย จากตำราของพ่อขุนผาเมืองที่พ่อขุนเม็งรายนำมาซ่อนไว้)จากปั๊บสาหลายฉบับทำให้รู้ว่า อักขระ และยันต์ใดๆก็ตามที่ลงไว้ในดาบ ไม่ว่าจะด้วยพุทธคุณใดๆก็ตาม จะปราบผี ข่มคุณไสย มหาอำนาจ กันสิ่งไม่ดี เพื่อความร่มเย็นเป็นสุข

ทางภาคเหนือจะเรียกว่าดาบสรี๋กัญชัย ทั้งสิ้น เพราะด้วยตำราต้นฉบับ(ของพ่อขุนผาเมือง)ได้หายสาบสูญจนกลายเป็นตำนานเรื่องดาบวิเศษ เลยทำให้หลายๆที่จึงคิดค้น และรจนามาผูกเป็นยันต์ดาบสรี๋กัญชัยใหม่ ที่เห็นๆปั๊บสาของทางภาคเหนือ และค้นคว้ามาน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30 ตำรา ที่ว่าด้วยการสร้างยันต์ดาบสรี๋กัญชัย ทั้งเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน ตาก พะเยา เชียงราย อุตรดิตถ์(บางบ้านที่สืบตำรามาก็มี) และการลงอักขระจะแตกต่างกัน

ส่วนบทเสกพระคาถาที่หลายๆครูบาอาจารย์ท่านก็ได้นำบทสวดมนต์ของผูกธรรมชื่อ บทไชยะสังคหะคาถา ในพระธรรมคาถานี้ท่านก็ได้กล่าวถึงดาบวิเศษสรี๋กัญชัยเช่นกัน และบางตำรางก็ว่าด้วย หนึ่งในพระคาถา ปโชตา บทที่ 12. ที่เป็นพระเวทย์ใช้เสกดาบวิเศษ


@@@@@@

การลงยันต์อาจจะลงยันต์เช่น จั๋กขะวุธหลวง หรือลงคาถาดาบพระเจ้า อาวุธพระอินทร์ บางตำราจะลงคาถาอื่นแตกต่างกันออกไป อักขระที่ลงในดาบอาจจะเพี้ยนกันไปตามพื้นแตกต่างกันไม่กี่ตัว เช่น
    1. ปะติสะ อิสวาสุ อิทานังฯ – ปะติสะ อิสวาสุ อินตานังฯ
    2. โยเวติวาวัง กังละลาก๊ะโต๋ฯ – โยเวโววะกัง ก๋าลังก๊ะโต๋ฯ
    3. อมสัปเปเวสสุวัณโณ อาวุธธา วุธิธัง สัปเปเตวา ปิศาเตวา อัปป๋ะรายันตุ๋ฯ – อมสัปป๊ะเวสสุวัณโณ อาวุธธัง วุธธิยัง สัปเปเตวา จ๋ะ ปิศาต๋า อัปป๋ะรายันตุ๋ฯ
    4. เวสสุวัณโณ มหาราจา จ๊ะตุ๋โลก๋า อาวุธธานัง กัสสะ อ๋ะมุมหิ๋ โอก๋าเสติ ถาหิ๋ – เวสสุวัณโณ มหาราจา จ๊ะตุ๋โลเก๋ อาวุธธะนัง กัสสะ อ๋ะอุ่งหิ๋ โอก๋าเสติ ถาหิ๋

ถ้ามาลองวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว คาถาลงดาบอาจจะเพี้ยนกันไปตามที่สืบทอดกันมาด้วยเหตุเพราะการคัดลอกนั่นเอง และนั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญของดาบสรี๋กัญชัย หากแต่อยู่ที่อำนาจจิต และพิธีที่บริสุทธิ์

นี่เป็นแค่ตัวอย่างบางคาถาที่ลงในดาบ สรี๋กัญชัย

@@@@@@

แม้กระทั่งพระเจ้าติโลกราชพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยพระบารมีแห่งล้านนาเอ งก็เคยได้ยินตำนานเรื่องดาบวิเศษ ท่านก็เลยให้พระเถรานุเถระพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวิเศษในสมัยนั้นแต่งพระยันต์ดาบสรี๋กัญชัยนี้ขึ้นมาใหม่

ครูบาอาจารย์ที่ท่านสร้างดาบสรี๋กัญชัยมีหลายๆท่านครับ(คนละตำรากับครูบาขันแก้ว)เท่าพอจะจำได้ ณ ตอนนี้ มี
    1. ครูบาอิน อินโท วัดฟ้าหลั่ง เชียงใหม่(ท่านเสกดาบ แต่ไม่ลงอักขระในตัวมีดดาบครับ)
    2. ครูบาดอนตัน(สุทธิวงค์) ท่าวังผา น่าน
    3. ครูบาอินตา วัดวังทอง ลำพูน
    4. ครูบาอินตา วัดห้วยไซ บ้านธิลำพูน
    5. ครูบาดวงดี ยะติโก วัดบ้านฟ่อน เชียงใหม่(ดาบ9นิล)
    6. ครูบา ชัยยะวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
    7. ครูบาตั๋น สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิน เชียงใหม่
    8. ครูบาน้อย วัดศรีดอนมูล สารภี เชียงใหม่

ส่วนการลงยันต์ดาบที่ม้วนเป็นตะกรุดมีเพียงแต่ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดงเพียงท่านเดียว(อาจมีครูบาท่านอื่นทำไว้ด้วย แต่หาไม่เจอสักที) และอีกหลายๆหลวงพ่อ หลายๆพ่อหนานครูบาอาจารย์แต่เก่าก่อน ท่านก็ได้ทำดาบสรี๋กัญชัยไว้เพื่อ ท่านได้สืบทอดปั๊บสาตำราที่ท่านรำเรียนมาแต่หนหลัง


    ../ยังมีต่อ...
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

ขอบคุณภาพจาก FB : กัลยาณมิตตตา นายา ยิ่งยงดำรงสกุล (ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับบทความ)

   (...ต่อจากด้านบน)

การสร้างดาบสรี๋กัญชัย


นับเป็นเรื่องที่ใหญ่มากเวลาจะสร้างดาบ สรี๋กญชัย หรือ พระแสงขรรค์ชัยศรี ต้องหาฤกษ์ ยามงามดี วันแข็ง เช่นวันพญาวัน หรือ ขึ้น15 ค่ำ เดือน 8(เหนือ) หรือวันเสาร์ 5(เป็นต้น) ต้องมีการบอกกล่าวครูบาอาจารย์และสิ่งศักสิทธิ์ผู้เป็นใหญ่ก่อน มีเครื่องบายศรีตามตำราท่านระบุไว้ และบางตำราท่านกล่าวว่าจะทำครั้งละไม่เกิน1เล่ม(แต่ยุคหลังมีการจ้างโรงงานทำ แล้วมาให้หลวงพ่อเข้าพิธีปลุกเสก)เพราะว่าเป็นอาวุธวิเศษและฤกษ์ในการทำปลุกเสกท่านมีเวลาจำกัด

(ครูบาขันแก้วท่านลงยันต์ดาบสรี๋กัญชัยครั้งแรก ท่านให้ลูกศิษย์หา ปืน มีดดาบ อาวุธทั้งหลายมากองไว้แล้วปูผ้านั่งทับและครูบาท่านก็เขียนลงยันต์ดาบสรี๋กัญชัย ครูบาขันแก้วท่านบอกว่า เป็นการข่มอาวุธทั้งหลายเอาเคล็ด และครูบาขันแก้วท่านก็ทำยันต์ดาบเวลาไหนก็ได้เพราะท่านมี่จิตอันกล้าแข็งของท่าน ที่อดีตเป็นเจ้าของยันต์นี้ )

@@@@@@

ในส่วนบันทึกของครูบาขันแก้วท่านระบุว่า ตำราว่ายันต์ ดาบสะรี๋กัญชัยด้ามแก้วนี้ ได้มาจากเมืองปาฎาลิบุตร.

ในเมืองนครศรีธรรมราชอ้างว่ามีเมืองชื่อ ปาฎาลิบุตรเช่นกัน ดังเช่น ชื่อพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ก็คล้ายกับชื่อพระเจ้า อโศกมหาราช แห่งอินเดีย(พ.ศ.240-พ.ศ.312) แต่ความจริงแล้วเมืองปาฎาลิบุตรที่จะกล่าวถึงนี้ คือ เมืองปาฎาลิบุตรคามประเทศอินเดียปรกครองโดยพระเจ้าอโศกมหาราช และหลังฐานที่ว่า พระบรมธาตุวัดป่าสักเมืองเชียงแสน อ.เชียงแสน (ใกล้กับวัดเจดีย์หลวง อ.เชียงแสน)ได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากเมืองปาฎาลิบุตร ประเทศอินเดีย

นั่นก็หมายความว่า ตำราดาบสรี๋กัญชัยนี้มีการสืบทอดมานานมาก อาจจะย้อนกลับไปในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชก็ว่าได้ และตำรานี้ก็คงตกทอดมาจนถึงสมัยพ่อขุนผาเมือง สืบทอดให้หลานท่านคือพ่อขุนเม็งรายมหาราชแล้วได้หายสาบสูญไป จนกระทั่งครูบาเจ้าศรีวิชัยเข้าไปพบที่ถ้ำเชียงดาว เลยทำให้รู้ว่า ยันต์ดาบสรี๋กัญชัยด้ามแก้ว ที่ครูบาขันแก้วสร้างนี้คือต้นฉบับที่แท้จริงที่สืบทอดมาแต่โบราณ

@@@@@@

พุทธคุณแห่งยันต์ดาบสรี๋กัญชัยด้ามแก้ว นี้เป็นของสูงค่าประมาณมิได้(ถ้าเกิดให้ไป แล้วคิดทรยศ ก็ยุ่งสิครับ) ท่านว่าถ้าลงไว้ที่ดาบหรือพระขรรค์จักเป็นตัวแทนแห่งอาวุธของพระพุทธเจ้า จะเข้ารบสงครามใดก็จะชนะไม่ว่าผู้นั้นจะมีคาถาอาคมที่หนังเหนียวสักเพียงใด ก็ง่ายเหมือนฟันหยวกกล้วยอ่อน ผู้ที่มีอำนาจจิตที่สูง(กับคาถาบางบท)สามารถทำการประหารศัตรูที่อยู่ห่างไกลสักเพียงใดก็ตาม ก็ตายได้ในพริบตา ประหนึ่งเหมือนอยู่ตรงหน้า และผู้ใดได้ครอบครองพระยันต์หรือตะกรุดลูกนี้ และทำการบูชาด้วยความเคารพนอบน้อมขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บุญหนักศักดิ์ใหญ่

ผู้ที่บูชาพระยันต์ดาบสรี๋กัญชัยนี้ทุกวันแล้วไซร้จักทำให้ครอบครัวเป็นสุข ภูตผีใดไม่กล้ากล้ำกลาย เดินทางไปไหนผู้คนเคารพยำเกรง คนที่คิดร้ายแก่เราจักแพ้ภัยตนเอง เป็นสง่าราศีแก่คนทั้งหลาย เป็นที่รักและเคารพทั้งมนุษย์และเทวดา ทำการใดๆจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ป้องกันคุณไสย คุณผี คุณคนทั้ง1000ภาษา อยู่ที่ใดจักจำเริญที่นั่น ที่ใดตกต้องอาถรรพ์ก็ให้ทำน้ำพระพุทธมนต์รดที่นั้น อาถรรพ์ต่างๆก็มลายหายสิ้น ยันต์ดาบสรี๋กัญชัยด้ามแก้วนี้พุทธคุณเป็นประจักมีมานาน สืบทอดมาแต่โบราณอานุภาพมากใช้ได้1000ช่องสุดแล้วแต่อธิฐานแล


ขอบคุณภาพจาก FB : กัลยาณมิตตตา นายา ยิ่งยงดำรงสกุล (ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับบทความ)


ปัจฉิมลิขิต

1. ตำรายันต์ดาบสรี๋กัญชัยฉบับของครูบาขันแก้วนี้ ครูบาท่านได้มอบตำรายันต์ดาบและสืบทอดโดยคุณหมอ สมสุข คงอุไร  และครูบาขันแก้วท่านยังบอกอีกว่า"ยันต์ดาบนี้เป็นของสูงมีทั้งด้านดีและไม่ดี ถ้าเห็นว่าลูกศิษย์ของคุณหมอเป็นคนที่มีความกตัญญู กตเวทีก็สร้างยันต์ดาบนี้ได้ แต่ถ้าหากลูกศิษย์ไม่มีความกตัญญูก็จงอย่าสร้างดาบนี้เป็นอันขาด"

2. ในปัจจุบันอาจมีผู้ที่แอบอ้างว่าได้รับการสืบทอดตำราการสร้างยันต์ดาบจากครูบาชุ่ม หรือครูบาขันแก้วก็ตาม หรือแม้กระทั่งคัดลอกอักขระยันต์ดาบสรี๋กัญชัย ลายมือครูบาขันแก้วที่กระผม(ธันชนก)นำมาเผยแพร่กิติคุณครูบาขันแก้วท่าน โดยมีคนไปลงเป็นยันต์หรือสร้างดาบเเล้วอ้างว่า เป็นตำราที่แท้จริงจากครูบาขันแก้ว(กรณีนี้กระผม(ธันชนก)เจอมากับตัวเอง)

ในความเป็นจริงแล้วตำราที่ครูบาชุ่ม ท่านได้มอบให้ครูบาขันแก้วนั้น มี
    1. ตัวอักขระยันต์ดาบ
    2. โองการพระเวทย์
    3. คาถาเสกดาบ และ
    4. คาถากำกับวิธีใช้ดาบ (กระผมได้เห็นพระคาถาเหล่านั้นแล้วว่ามีจริง ซึ่งสลับซับซ้อนและยาวมาก จำไม่หมด) ซึ่งผู้ที่คัดลอกไปนั้นและแอบอ้างตามข้างต้นนั้นคงได้แต่เพียงรูปแบบของยันต์ดาบเท่านั้น เพราะยังขาดโองการพระเวทย์ คาถาเสกดาบ และวิธีการใช้(อ้างอิงจากหนังสือพระราชทานเพลิงศพ ครูบาขันแก้ว อุตตโม วัดสันพระเจ้าแดง หน้าที่21.เรื่องยันต์ดาบสรี๋กัญชัย เมื่อ 23 มีนาคม พ.ศ.2529)

3. เป็นที่น่าสังเกตุว่าเรื่องยันต์ดาบสรี๋กัญชัยที่ลงไว้ตามปั๊บสาต่างๆบางเล่มที่เห็นมา ก็มีส่วนคล้ายตำราดาบสรี๋กัญชัย ของครูบาขันแก้วและมีอาจารย์หรือพ่อหนานหลายท่านบอกว่า ตำรายันต์ดาบสรี๋กัญชัยของครูบาขันแก้วนั้นลงอักขระผิด แต่เรามาลองคิดและวิเคราะห์ดู ตำราต่างๆที่คล้ายคลึงกับครูบาขันแก้วนี้มีการจดบันทึกตำราปั๊บสา เขียนสืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น  แต่ว่าตำรายันต์ดาบสรี๋กัญชัยของครูบาขันแก้วนั้นเป็น ตำราการสร้างยันต์ดาบสรี๋กัญชัย ที่พ่อขุนผาเมืองบันทึกไว้โดยตรงเมื่อ700กว่าปีก่อน  ซึ่งครูบาเจ้าศรีวิชัยไปพบเข้า แล้วให้ครูบาชุ่มเพื่อส่งมอบให้กับเจ้าของ คือครูบาขันแก้วโดยเฉพาะ

เลยเป็นประเด็นว่า พ่อขุนผาเมืองผู้เกรียงไกร พ่อขุนเม็งรายมหาราช อดีตพระมหากษัตริย์พระองค์ทรงอักษร อักขระพระยันต์ผิด หรือบางตำราที่มีส่วนคล้ายที่สร้างขึ้นภายหลังอาจจะเขียน..แค่เพี้ยนเพียงบางคำเพราะการสืบตำรามานาน(เลยทำให้ผู้ที่ได้รับตำราตกทอดมาว่า ตำราของตัวเองที่รำเรียนนั้น ถูกต้องเสมอ)

4. ใครมีตะกรุดสรี๋กัญชัยด้ามแก้ว อย่ามาพกไว้ที่เอวนะครับ ไห้บูชา หรือคล้องคอไว้จะเกิดสิริและมงคลต่างๆทำงานกิจการใดราบรื่นและใครมีอีกเช่นกัน ลองพกไว้ที่เอวดู วันนั้นจะทำงานใดกิจการก็ตามผิดพลาดหมดนะครับ ท่านว่ายันต์นี้เป็นของสูงครับ ข้อคิดเล็กๆน้อยๆนำมาฝากครับ แล้วเจอกันใหม่กับตะกรุดแบบต่อไป

@@@@@@

บทความทั้งหมดนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ ธันชนก ร้านอักษรธรรม กระผมขอสงวนสิทธิ์ไว้ตามกฎหมาย ถ้าจะคัดลอกหรือแชร์บทความนี้ โปรดให้เครดิตเจ้าของบทความด้วยนะครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
บทความ : ฉบับเต็ม ดาบสรี๋กัญชัยด้ามแก้ว
ร้าน : อักษรธรรม
โทรศัพท์ : 0965956322, 0965956322
วันที่ : 14/08/12 , 00 : 34:21
ที่มา : http://www.pralanna.com/shoppage.php?shopid=298550
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ