ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดผู้นำทางจิตวิญญาณ  (อ่าน 2226 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นิทานธรรมะ ตำนานกำเนิดผู้นำทางจิตวิญญาณ

“ผู้นำทางจิตวิญญาณ” คือ ผู้นำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องให้ทางโลก หรือมนุษย์สมมุติขึ้น ซึ่งจะเกิดได้จากการบำเพ็ญบารมีจนสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ดังต่อไปนี้

๑) โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
โพธิ สัตว์อวโลกิเตศวรจะดูแล “มนุษย์” โดยตรง เนื่องจากมนุษย์มีอายุขัยสั้นกว่าเทวดา เวลาในการบำเพ็ญบารมีบนโลกน้อยและการบำเพ็ญบารมีให้ถึงพร้อมความเป็นโพธิ สัตว์อวโลกิเตศวรนั้นง่ายและเร็วที่สุด ท่านจึงรับผิดชอบโปรดมนุษย์โดยตรง มักเกิดเป็นผู้นำด้านต่างๆ ตั้งแต่พระราชาลงไปถึงผู้นำครอบครัวก็ได้ทั้งสิ้น แต่ปกติ มักเกิดเป็นผู้หญิง

๒) โพธิสัตว์กษิติครรภ์
โพธิสัตว์กษิติครรภ์ จะดูแล “อบายภูมิสี่” โดยตรง ได้แก่ สัตว์นรก, เปรต, อสูร, เดรัจฉาน สี่เหล่านี้ ท่านจะใช้เวลาบำเพ็ญบารมีนานกว่าพระอวโลกิเตศวร เมื่อลงมาบำเพ็ญบารมีคู่กัน บางครั้ง พระอวโลกิเตศวรจะรับหน้าที่ทางโลกรั้งไว้ก่อน แล้วรอให้พระกษิติครรภ์ได้บารมีครบถ้วน จึงจะโปรดสัตว์ในอบายภูมิต่อได้ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง เนื่องจาก การที่มนุษย์ก่อกรรมมากนั้น ส่วนใหญ่มากจากจิตวิญญาณร้ายในอบายภูมิสี่ก่อกวน หรือครอบงำ การลงโทษมนุษย์โดยวิธีทางโลกนั้นไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงได้เลยเช่น ถูกจับเข้าคุกแล้วก็จะมีคนต่อไปเรื่อยๆ เพราะจิตวิญญาณร้ายที่แทรกอยู่ในมนุษย์ ยังไม่ถูกใครจัดการ ดังนั้น งานของพระอวโลกิเตศวร จึงเป็นงานที่ทำผ่านกายสังขารมนุษย์เบื้องต้น เพื่อรอให้พระกษิติครรภ์มาสานงานที่ยุ่งยากเกินขอบเขตเรื่องกายสังขารต่อไป นั่นเอง

๓) โพธิสัตว์เมตตรัย
โพธิสัตว์เมตตรัยจะดูแล “เทพเทวดา” โดยตรง ซึ่งมีทั้งฝ่ายมิจฉาทิฐิและสัมมาทิฐิ รวมอีกทั้งพรหมทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์อีกด้วย แต่จะใช้เวลาในการบำเพ็ญบารมีนานกว่าพระกษิติครรภ์ไปอีกคือ มีช่วงเวลาที่ต้องอดทนรอด้วย “ขันติบารมี” ได้รับความยากลำบากหรือถูกทัณฑ์ทรมาน (พระกษิติครรภ์จะมีช่วงเวลาที่เหมือนตกนรกทั้งเป็นจึงจะหมดกรรมแล้วโปรด สัตว์นรกได้ แต่พระเมตตรัยจะมีช่วงที่เหมือนถูกทรมาน จนกว่าจะหมดกรรมก็ออกมาโปรดสัตว์ได้คล้ายพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้) เมื่อถึงเวลาโปรดสัตว์แล้ว ท่านจะทำหน้าที่บริหารเทพเทวดาที่เกี่ยวข้องกับโลกมนุษย์ ไม่ได้บริหารมนุษย์โดยตรง และไม่ได้รับผิดชอบจิตวิญญาณในอบายภูมิสี่ ที่อาจแทรกอาศัยร่างมนุษย์หรือไม่ก็ตาม ความรับผิดชอบของท่านจึงตรงต่อสวรรค์โดยตรง คือ สื่อสารกับสิ่งศักดิสิทธิ์เบื้องบนจึงนำมาปรับเพื่อโปรดเบื้องล่าง อย่างเหมาะสม ข้อนี้จึงแตกต่างจากพระกษิติครรภ์มากคือ พระกษิติครรภ์ช่วยผู้ที่ไม่พร้อมจะทำกิจให้พัฒนาจิตวิญญาณตนเองก่อนจนกว่าจะ พร้อม แต่พระเมตตรัยจะนำทางจิตวิญญาณที่พร้อมทำกิจแล้ว มาทำกิจอย่างเหมาะสมต่อไป

ผู้นำทางจิตวิญญาณที่เรารู้จักกันในทางโลก นั้นบ้างเกิดโดยกรรมคือ กระทำกรรมเพื่อให้ตนได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณก็มี เช่น การเล่นมนต์ดำให้คนนิยมชมชอบในวงกว้าง การแลกวิญญาณกับซาตานเพื่อให้ซาตานช่วยเหลือฯลฯ ซึ่งการได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณโดยการก่อกรรมนี้ปัจจุบันมีมาก แต่สุดท้ายต้องรับวิบากกรรมมากมาย เพราะความอยากโดดเด่น เป็นที่ยอมรับนับถือของสังคม ทำให้คนมากมายตกหลุมพรางนี้ แล้วต้องเสียใจในภายหลังโดยไม่อาจถอยหลังกลับได้ ในบทความนี้ จึงกล่าวถึงผู้นำทางจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นจากการบำเพ็ญบารมีเท่านั้น อนึ่ง ยังมีจิตวิญญาณอีกมาก ที่มีบารมีพอที่จะเป็นที่พึ่งพิงของสัตว์จำนวนมากได้เช่น พระพรหม, พระยูไล ฯลฯ แต่ในที่นี้ จะไม่ขออธิบายในรายละเอียด ซึ่งแต่ละท่าน จะมีภาระหน้าที่, บุญบารมี, บริวาร ฯลฯ ที่แตกต่างกันออกไป ส่วนพระโพธิสัตว์ทั้งสามองค์ ที่นำเสนอนี้ เป็นแบบที่มนุษย์ส่วนใหญ่ สามารถบำเพ็ญถึงได้มาก ทว่าโพธิสัตว์บางองค์ที่โปรดจิตวิญญาณที่มองไม่เห็นอาจไม่มีสถานภาพที่สูง ส่งนัก อาจเป็นเพียงคนธรรมดาเดินดินไปวันๆ แต่ก็สามารถที่จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณได้
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง