ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ''อยู่อย่างเซน'' ดร.วทัญญู ณ ถลาง  (อ่าน 3988 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
''อยู่อย่างเซน'' ดร.วทัญญู ณ ถลาง
« เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 08:38:41 am »
0
''อยู่อย่างเซน'' ดร.วทัญญู ณ ถลาง

ดร.วทัญญู ณ ถลาง เป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวาง ในฐานะสถาปนิกผู้ประสบความสำเร็จในวิชาชีพเป็นอย่างสูง เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติคนแรก เป็นนายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายกสมาคมอนุรักษ์ศิลปกรรมและสิ่งแวดล้อม ทางด้านการเมือง ก็ผ่านงานสำคัญระดับชาติ ทั้งสมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รวมทั้งเป็นอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมหลายสถาบัน มีลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือมากมาย

ถึงวันนี้ วันที่เขาปล่อยวางทุกอย่างเอาไว้ข้างหลัง นำพาตัวเองกลับคืนสู่ความสงบเรียบง่าย ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศของชนบทแท้ๆ ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง โดยยังมีสิ่งหนึ่งซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป คือการดำรงตนเป็นประโยชน์ต่อสังคมและผู้คนที่อยู่รอบข้าง ได้รับการยอมรับและความเคารพรักจากทุกคนในสังคมเล็กๆแห่งนี้

"ชาว บ้านที่นี่เขาเรียกผมว่า ''คุณพ่อ'' ความจริงผมไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพียงแต่ทำประโยชน์ให้กับชุมชนเท่าที่ความรู้เรามี เท่าที่พอจะทำได้ อย่างเรื่องสิ่งแวดล้อม ผมบอกพวกเขาว่าเราต้องช่วยกันรักษาความสะอาดตามถนนหนทาง จะเห็นว่าที่นี่ไม่มีขยะทิ้งเกลื่อนกลาด เรื่องการชลประทานก็แนะนำให้เขารักษาคูคลองตามธรรมชาติเอาไว้ ไม่ไปถมหรือเปลี่ยนสภาพ จะได้มีน้ำไว้ใช้ทำนาทำไร่กันได้นานๆ" นี่เป็นคำตอบที่ลบข้อสงสัยของผู้มาเยือนลงได้สนิทใจ ว่าทำไมเมื่อเราหลงทาง หาบ้านของอาจารย์ไม่เจอ จึงมีคุณพี่ใจดีกุลีกุจอขี่มอเตอร์ไซด์นำทางมาส่งจนถึงจุดหมาย

"หลัก สำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิตของผม คือยึดมั่นในศาสนา ปฏิบัติตัวให้ดี ให้ถูกต้อง ตอนอายุ32 ปี คุณพ่อส่งผมไปบวชกับท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ได้เรียนรู้เยอะมากโดยเฉพาะเรื่องของเซน ท่านพูดกับผมว่า
''เซน สำหรับคนมีปัญญา เธอจงเอาหนังสือไปอ่านไป'' ผมอ่านแล้วก็แปลจากภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย ในชื่อ''คำสอนของฮวงโป'' ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจมาจนทุกวันนี้

"เมื่อศึกษาอย่างลึกซึ้งจึงรู้ ว่า สามารถนำหลักของเซนมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ในทุกสถานการณ์ เช่น เวลาจะสนทนากับใคร จงทำจิตให้ว่างแล้วฟังความคิดเห็นของเขา เราจะจับประเด็นและเข้าใจได้เร็ว ยามเหนื่อย ใช้วิธีของเซน คือ ยืนหรือนั่งให้นิ่ง ผ่อนลมหายใจ ก็จะช่วยให้หายเหนื่อยได้ แม้กระทั่งเวลาอดหรือหิวก็ไม่รู้สึกกระวนกระวาย เพราะเราอยู่กับความว่าง ความหิวย่อมไม่เกิด ที่สำคัญพอจิตว่าง สมองจะปลอดโปร่ง เกิดปัญญา ช่วยในการทำงานได้ดีทีเดียว

"ผมถึงชอบความเป็นอยู่ในทุกวันนี้มากที่ สุด อยู่ง่าย กินง่าย อยู่กับธรรมชาติ อยากทำอะไรทำ ไม่อยากทำอะไรก็ไม่ทำ นี่แหละที่เรียกว่าความอิสระ อิสระที่จะคิดที่จะพูด ที่จะ ''ทำโดยไม่ทำ'' หมายถึงบางครั้งเมื่อมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว เราไม่ต้องทำอะไรจะดีกว่า ปล่อยให้ธรรมชาติจัดการด้วยตัวของมันเอง"

ความสนใจหลากหลายของ อาจารย์วทัญญูยังไม่หมดเพียงเท่านี้ การถ่ายภาพธรรมชาติด้วยกล้องดิจิตอล การเลี้ยงสุนัข 8 ตัว แมว 9 ตัว ปลาคาร์ฟในบ่อดินขุดร้อยกว่าตัว รวมทั้งแย้อีกร้อยกว่าตัว ที่อาจารย์เอามาปล่อยไว้ให้ขุดรูอาศัยกันตามสบายในบริเวณรอบๆบ้าน วันดีคืนดียังมีไก่ป่า ผีเสื้อป่าบินขึ้นมาเยี่ยมเยือนถึงเรือนชาน ขณะที่เจ้าของบ้านนั่งวาดภาพสีอะครีลิกอย่างสบายอารมณ์ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม อาจารย์จึงดูกระฉับกระเฉง แข็งแรง สดใส กว่าคนร่วมวัย 78 ปีมากมายนัก

"หลักการดูแลสุขภาพง่ายๆ คือทำสมาธิ กินอาหารชีวจิต ผมกินอาหารในแนวนี้มาก่อนที่เขาจะฮิตกันเสียอีก แล้วก็ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ขี่จักรยานก็เดินวันละ 5 กิโลเมตร ช่วงนี้ไม่ได้ขี่จักรยานเพราะถูกรถมอเตอร์ไซค์ชนจนหลังหัก ความจริงหายแล้วล่ะ แต่เจ้านายยังไม่ให้ขี่" อาจารย์วทัญญูพูดพลางยิ้มพลางหันไปมองคุณผ่องศรี คู่ชีวิตที่อยู่เคียงกันเสมอ ทุกที่ ทุกเวลา

"ทุกวันนี้ผมอาศัยภรรยา เขาเป็นคนเลี้ยงผม เพราะบำนาญเขามากกว่าผม พบกันตั้งแต่ยังทีนเอจอยู่เลย ตอนผมไปเรียนต่อเมืองนอก เขาเซ็นต์หลังรูปให้ว่า''ขอให้ตั้งใจเล่าเรียน เพื่อกลับมารับใช้ประเทศชาติ'' ก็เลยยังรับใช้อยู่นี่(หัวเราะ) ช่วยบอกให้เขาถอนคำสาปทีสิ

"จะว่าไปเราไม่มีอะไรคล้ายกันเลยนะ ตรงข้ามกันเยอะ ผมชอบตรงที่เขาเชยๆน่ารักดี พูดอะไรซื่อๆ ผมไม่ชอบผู้หญิงเปรี้ยวปรู๊ดปร๊าด ซึ่งเขาไม่แต่งตัว สวยแบบธรรมชาติ ที่สำคัญคือทำกับข้าวไม่เป็น ตรงนี้ไม่ได้ชอบหรอกนะ เพิ่งมาทำเป็นตอนมาอยู่ที่นี่แหละ ใช่ไหมจ๊ะ" อาจารย์หันไปเย้าภรรยาอย่างอารมณ์ดี

"ส่วนลูกๆนานๆเขาถึงจะมากันที ลูกสาวคนโต(ดร.สัณฐิตา)เป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับลูกชายคนรอง(กรวิชช์) เขาเป็นอาจารย์ที่มหิดล จะมาบ่อยหน่อย พาลูกศิษย์มาค้างบ้างอะไรบ้าง ลูกชายอีกสองคน(จิตวิสุทธ์,อนุตรชัย)ก็อยู่ใกล้บ้านผมที่นนทบุรี

"ผม เป็นพ่อที่ดุนะ ไม่มีใครกล้าออกนอกแถว ตอนเขายังเด็กแน่นอนว่ามีพูดไม่รู้เรื่องกันบ้าง ก็ต้องใช้วิธีเรียนลัดคือ''ตี'' สี่คนโดนตีทุกคน แต่ตีสั่งสอนพอให้รู้สึกไม่ถึงกับเอาเป็นเอาตาย ผมว่าการตียังจำเป็นอยู่ ดังโบราณบอกไว้ว่า ''รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี'' แต่พอโตขึ้นมาหน่อย พูดกันด้วยเหตุผลรู้เรื่องก็ไม่ตีแล้ว"

ในปัจจุบันแม้ว่าอาจารย์วทัญญูจะอาศัยอยู่ที่ลำปางเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังคงสานต่องานด้านการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่อง

"ที่ ทำอยู่คืองานด้านอนุรักษ์โบราณสถาน ที่ใช้คำว่าศิลปกรรม งานอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ คือแม่น้ำ ลำคลอง ลำธาร บึง รวมทั้งชายฝั่งทะเลที่มีความลึกไม่เกิน 6 เมตร ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเยอะมาก พื้นที่ชุ่มน้ำบนบกถูกถม ถูกบุกรุกจนกระทั่งแปรสภาพไป บ้างก็กลายเป็นที่ปล่อยน้ำเสีย ที่ทิ้งขยะ ส่วนชายฝั่งทะเล ป่าโกงกาง ป่าเชยเลนก็ถูกทำลายเกือบหมดจนชายฝั่งทรุดตั้งแต่ปากน้ำไปจนถึงหัวหิน ปัญหาเหล่านี้กว่าจะทำให้คนทั่วไปเข้าใจได้ถือว่ายากมาก แต่ก็ถือว่าได้ผลขึ้นมาในระดับหนึ่ง

"พอคิดได้ว่าอยากมาอยู่ต่าง จังหวัด อยู่กับธรรมชาติ ผมก็ลงมือทำเลย เพราะถ้ามัวแต่คิด ตายไปแล้วชาติหน้าก็ยังไม่ได้อยู่ บ้านหลังนี้ผมเลยตั้งชื่อว่า''บ้านสุดขอบฟ้า'' กะว่าไม่ให้ใครตามมาเจอว่างั้นเถอะ แต่นี่กำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น ''บ้านสุดฟากฟ้า'' เพราะบ้านจัดสรรดันมาตั้งชื่อซ้ำกันอีก" อาจารย์พูดพลางหัวเราะสนุก

กว่าที่การสนทนาในวันนั้นจะสิ้นสุดลง ดวงอาทิตย์ก็ราแสงลับเหลี่ยมเขา หลังจากร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นฝีมือคุณผ่องศรี ซึ่งประกอบไปด้วยสลัดผักสดปลอดสารพิษ และอาหารง่ายๆรสอร่อยอีกหลายอย่าง ก็ถึงการแสดงชุดสุดท้าย ที่ธรรมชาติจัดไว้ให้ผู้มาเยือนเช่นเรา อาจารย์วทัญญูเดินไปปิดสวิตช์ไฟจนบ้านทั้งหลังมืดสนิท แล้วชี้ไปยังทุ่งนากว้างใหญ่ที่อยู่ติดด้านหลังบ้าน แสงวอมแวมจากหิ่งห้อยตัวน้อยที่บินวนอยู่ทั่วบริเวณ กระพริบวิบวับเป็นจังหวะแข่งกับแสงของดวงดาวบนท้องฟ้าเบื้องบน แว่วเสียงอาจารย์วทัญญูทิ้งท้ายให้ข้อคิดว่า

"เรื่องการรักษา ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม คนเขาฝากกันเยอะแล้ว ผมคงไม่ต้องฝากอะไรมาก เพียงแต่เตือนให้รู้ว่าอนาคตของเราและลูกหลานของเรา ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม ที่ควรจะต้องช่วยกันดูแล"
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง