ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นั่งกรรมฐาน แล้ว ง่วง ทำอย่างไร ดีครับ ที่จะแก้ง่วงได้ครับ  (อ่าน 6063 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

บุญเอก

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 516
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

นั่งกรรมฐาน แล้ว ง่วง ทำอย่างไร ดีครับ ที่จะแก้ง่วงได้ครับ

 thk56
บันทึกการเข้า
ทำงานอาสา หวังช่วยคนตกยาก แม้จะลำบาก แต่ก็จะทำโดยความไม่หนักใจ
อาสากตัญญู พัทยา ยินดีรับใช้

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :035:  :035: :035: :s_good: :104: :104: :104: :08:
    มีพระพุทธเจ้า แนะนำวิธีให้แด่พระมหาโมคคัลลานะ ไว้ หลายวิธี ประมาณ 7 ข้อ

           เช่น ลุกไปเดินจงกลม

             เอาไม้ปั่นหู

             หรือ ง่วงมากก็นอนไปเลย

                     ครับ ก็ทราบแค่นี้ วิธีอื่น จำไม่ได้หมด ครับ

                  ประเดี๋ยว คงต้องรอ ศิษย์พี่ มาขยายความต่อ

                              หรือยกพระสูตรบทนี้มา แจงแจกแถลงไข


                                       ว่ากันต่อไป โมทนาสาธุธรรมครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ง่วง ก็นอน สิ ฝืนทำไม
 ตื่น ก็มาทำ ต่อ สิ

   :49:
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

1. การง่วงนี้ก็ดูก่อนว่า เรานั้นได้พักผ่อนมาเต็มที่รึยัง ถ้าพักผ่อนไม่เต็มที่ปฏ้ปกติที่จะง่วง ก็ควรไปพักผ่อนเสียให้เต็มค่อยกลับมาทำ

2. ถ้าร่างกายปกติสมบูรณ์ดี แยกวิธีพิจารณาดังนี้
    - ที่เราง่วงนี้เพราะจิตมันนิ่ง มันสบาย มันไม่ฟุ้ง ที่เขาบอกว่า ไม่คิดมากมีความสบายใจและร่างกายสมบูรณ์ก็หลับง่าย หลับสบายเป็นอย่างนี้แหละ ก็ถึงอุบายตามจริงว่า จิตรวมนี้มันไม่ฟุ้ง เป็นที่สบายกายใจ มันจึงไม่ง่วง ถ้าทรงสติอยู่ก็ให้ตามรู้มันไปเลย ง่วงเสร็จจะเจอความว่างที่มีจิตแนบแน่นตั้งมั่น ธรรมชาติที่ผมเคยผ่านมา คือ

    อารมณ์ปกติ มีตรึกนึกปรุงแต่งอยู่เป็นธรรมดา เพราะธรรมชาติของจิตมันคือคิด ฟุ้งซ่านไปในอดีตบ้างอนาคตบ้าง สมมติเร่าร้อนไปทั่ว คิดชอบ (คำบริกรรม ความคิดปลงใจ) ไม่เร่าร้อน จิตเป็นปกติ (อานิสงส์ของศีลที่มีเกิดในขณะนั้น) จิตผ่องใส อิ่มใจวูบวาบขนลุกซู่เป็นช่วงที่จิตนี้เปลี่ยนอารมร์ที่ตั้งมั่นขึ้น (ขณิกปิติ) สงบ (ขณิกสมาธิ) ความปลงใจได้ ง่วงนอน อยากเอนตัวลงนอนพัก อยากเลิกกรรมฐาน (นิวรณ์ ๕) เจตนาตั้งใจไว้ ทำใจมั่นที่จะกรรมฐาน มันง่วงก็ช่าง หรือถ้าไม่ไหวก็จะนั่งหลับนี่แหละ ถือ "เนสัชชิก" คือจะไม่นอนเอนตัวลงหลับบ้าน จะนั่งหลับบ้าง จะเพียรโดยไม่เผลอหลับบ้าง เป็นผู้รู้ราตรีบ้าง ถ้าไม่ไหวจริงๆพระท่านสอนผมว่า..ก็เลือกเอาใน ๔ อิริยาบถกรรมฐาน คือ ยืน เดิน นั่ง นอน เลือกอันไหนก็ได้ (ซี่งท่านไหลเย็นได้ชี้แนะเรื่องพระโมคคัลลานะเถระไว้แล้ว) จิตตั้งมั่นชอบ รู้เห็นตามจริง (สัมมาทิฐิเกิดที่ตรงนี้), นิพพิทาญาณ ความเห็นจริงจนหน่ายในสมมติกิเลสทั้งปวง (เนกขัมมะเหล่าใดก็เกิดตรงนี้เช่นกัน) สัมโพชฌงค์ (ญาณอันเป็นไปในปัญญาเพื่อตัดให้ถึงวิราคะ), สัมมาญาณ วิมุตติ (ความพ้นทุกข์ ดับทุกข์)




      หากร่างกายปกติสมบูรณ์ดีแล้ว พอทำสมาธิกลับง่วงนอน

    - ตัวหนังสือสีแดง คือ เหตุ
    - ตัวหนังสือสีเขียว คือ ทางแก้

    ก็น้อมลงใจเอาครับ ถ้าลงใจได้ก็เห็นกรรมฐานและทางแก้ ถ้าเอาลงใจไม่ได้ก็เห็นที่ผมพูดเป็นแค่คำสนทนาชี้แจงทั่วไป

ส่วนความรู้และทางแก้ที่แท้จริงก็รอพระอาจารย์หรือผู้รู้ทุกท่านมาตอบให้ความรู้ครับ ผมไม่มีศีล ไม่รู้ธรรม ไม่ถึงธรรมใดๆ ก็แนะแนวทางที่พอจะระลึกจดจำได้ ได้เพียงเท่านี้ครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2015, 11:17:55 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ที่จริง น่าจะเป็น เริ่มจากเบาไปหาหนัก .....
  คือ ที่พระอาจารย์เคยแนะนำ ไว้ทาง เมล นะคะ

      ง่วง ลุก เดิน ขยับ กลับมา นั่ง
      ง่วง ลุก ยืน โยก กลับมา นั่ง
      ง่วง ลุก ยอน ล้าง กลับมา นั่ง
      ล่วง ลุก นั่ง ง่วง กลับมา นอน
                     ธัมมะวังโส

    ใครอธิบายได้ ก็เชิญนะคะ

   
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สุดยอดครับ คุณ กบ จำเนื้อหาได้ แสดงว่าเป็นผู้ติดตามฟังรายการ ไม่ค่อยพลาดนะครับ
เพราะเองก็พยายามตามฟัง แต่ไม่ค่อยโชคดี ที่จะได้ฟัง เลยครับ

  st11 st12 st12
บันทึกการเข้า

ดนัย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 179
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

นั่งกรรมฐาน แล้ว ง่วง ทำอย่างไร ดีครับ ที่จะแก้ง่วงได้ครับ

 thk56

 ans1


ผมเองเป็นผู้ปฏิบัติมีประสบการณ์น้อย แต่ก็จะลองแบ่งปันประสบการณ์ดูนะครับ

อาการง่วงในสมาธิเกิดเพราะเหตุใด

๑.   ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ
๒.   ร่างกายป่วยไข้ ไม่สบาย
๓.   ปฏิบัติในอิริยาบถเดิมนานไป
๔.   ภาวนาคำภาวนาช้าไป
๕.   ปฏิบัติหลังทางข้าว
๖.   นั่งในที่ที่เย็นไป
๗.   นั่งในท่าสบายเกินไป
๘.   ไม่ได้สมาทานศีล ก่อนปฏิบัติ
๙.   ไม่ได้ขอขมาพระรัตนตรัย ก่อนปฏิบัติ

ภายหลังการปฏิบัติผมจะทบทวนว่า วันนี้ปฏิบัติได้ผลเป็นอย่างไร ได้ผลดีน่าจะเป็นเพราะอะไร ได้ผลไม่ดีน่าจะเป็นเพราะอะไร แล้ว เปรียบเทียบกับการปฏิบัติครั้งก่อน ๆ

แต่ที่เล่าให้ฟังนั้น ถ้าทำจนชำนาญแล้ว ทั้ง ๙ ข้อนั้นไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการภาวนา เกิดขึ้นเฉพาะช่วงแรก ๆ เท่านั้น ถ้าสติ สมาธิ เกิดแล้ว ไม่เป็นผล แต่ก็อาจมีบางครั้งที่เป็นอุปสรรค แต่ส่วนใหญ่ไม่เป็น แต่ก็พยายามรักษาแนวทางการปฏิบัติให้คงที่ ไม่พยายามฝืนกาย จิต มากไป

เป็นกำลังใจให้ครับ คุณ บุญเอก




บันทึกการเข้า
"พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน"

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

 ask1 ask1 ask1 ask1

อ้างถึง
อาโลกสัญญา มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ครับ

ถามโดยคุณ komol

ผมอ่าน เรื่องอานาปานสติ แล้วถึง อาโลกสัญญา นั้นเป็น ธรรมฝ่ายตรงข้าม กับ ถีนมิทธะ

ผมจึงอยากเรียนถามว่า อาโลกสัญญา มีวิธีแนวปฏิบัติอย่างไรก่อน อานาปานสติครับ


 ans1 ans1 ans1 ans1

อ้างถึง
Re: อาโลกสัญญา มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ครับ

ตอบโดย ธัมมะวังโส

เป็นคำถามที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ภาวนาที่ยังไม่ได้ อุปจาระฌาน ขึ้นไป

สิ่งที่เป็นศัตรูร้าย ในองค์กรรมฐาน ตัวหนึ่งก็คือ ความง่วง

   เราอยากภาวนา แต่ มันง่วง จะทำอย่างไร ?

   พอภาวนาไป ก็นั่งหลับเหมือนตกภวังค์ มารู้อีกทีกว่าหลับแล้ว ก็ตอนตื่น ?

ในองค์กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ นั้น ก็คือ กำหนด นิมิต ไม่ครบ 3 อย่าง

   คือ 1.ปัคคาหะ นิมิต การกำหนดฐานจิต

       2.บริกรรมนิมิต การกำหนดองค์ภาวนา

       3.อุเบกขานิมิต คือการกำหนดจิตให้วางต่อนามธรรม

 อันนี้เป็นไปในองค์ ภาวนาของพระพุทธานุสสติ ศิษย์กรรมฐานจักมีความเข้าใจ



ที่นี้สำหรับบุคคล ที่ไม่ได้ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

คือฝึกกรรมฐาน สันโดด กองใดกองหนี่งนั้น ก็ต้องประสพปัญหาอย่างนี้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นเมื่อความง่วง ย่างกราบ เข้ามาหา วิธีการแก้ความง่วงของพระพุทธเจ้าที่ตรัสสอนพระโมคคัลลานะ

นั้นมี 8 ประการ ตั้งแต่ยอนหู ซ้าย ขวา จนกระทั่งไปจบที่ การนอนเสีย


ดังนั้นขอแนะนำผู้ฝึกภาวนามือใหม่ ( มือเก่า )นั้นเมื่อความง่วงเข้ามา วิธีดีที่สุดก็คือ การนอน

  นอนเสียเถิดกำหนดสติในการนอนว่า เมื่อมีสติตื่นขึ้น ข้าพเจ้าจะไม่นอนต่ออีก แล้วลุกไปเดินจงกรมออก

  กำลังกายให้กระชับก่อน

  จากนั้นมากำหนด ลมหายใจเข้า้ออก อัดนิ่ง ไว้

  เมื่อสภาพจิตพร้อมแล้วก็กำหนดในกรรมฐาน ต่อไป

  วิธีนี้เป็นวิีธีที่ได้ผลมากที่สุด



  ส่วนการกำหนด อาโลกสัญญา นั้นต้องมีพลังจิตแล้วจึงจักทำได้ บุคคลธรรมดานั้นไม่สามารถกำหนด

 อาโลกสัญญาได้ อาโลกสัญญา นั้น เป็นแสงสว่าง เป็นนิมิต เป็นรัศมี เป็นโอภาส

  ดังนั้นคนที่ง่วงอยู่ แล้วกำหนดว่า นี้คือกลางวัน ๆ ๆ ๆ อยู่แล้วภาวนาต่อนั้น ผลก็คือ ง่วงเหมือนเดิม


เจริญพรแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะ


ที่มา :-
อาโลกสัญญา มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1278.0#quickreply
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ดูกรโมคคัลลานะ เธอง่วงหรือ.?

      ดูกรโมคคัลลานะ เธอง่วงหรือ.?
      ท่านพระมหาโมคคัลลานะกราบทูลว่า อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ

      ดูกรโมคคัลลานะ เพราะเหตุนั้นแหละ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างไร อยู่ความง่วงนั้นย่อมครอบงำได้ เธอพึงทำไว้ในใจซึ่งสัญญานั้นให้มาก ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้าเธอยังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงตรึกตรองพิจารณาถึงธรรมตามที่ตนได้สดับแล้ว ได้เรียนมาแล้วด้วยใจ ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงสาธยายธรรมตามที่ตนได้สดับมาแล้วได้เรียนมาแล้วโดยพิสดาร ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงยอนช่องหูทั้งสองข้าง เอามือลูบตัว ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงลุกขึ้นยืน เอาน้ำล้างตา เหลียวดูทิศทั้งหลาย แหงนดูดาวนักษัตรฤกษ์ ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงทำในใจถึงอาโลกสัญญา ตั้งความสำคัญในกลางวันว่า กลางวันอย่างไร กลางคืนอย่างนั้น กลางคืนอย่างไร กลางวันอย่างนั้น มีใจเปิดเผยอยู่ฉะนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ ทำจิตอันมีแสงสว่างให้เกิด ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงอธิษฐานจงกรม กำหนดหมายเดินกลับไปกลับมา สำรวมอินทรีย์ มีใจไม่คิดไปในภายนอก ข้อนี้จะเป็นเหตุให้เธอละความง่วงนั้นได้

      ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นเธอพึงสำเร็จสีหไสยา คือนอนตะแคงเบื้องขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายในอันจะลุกขึ้น พอตื่นแล้วพึงรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจักไม่ประกอบความสุขในการนอน ความสุขในการเอนข้าง ความสุขในการเคลิ้มหลับ

      ดูกรโมคคัลลานะเธอพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ


อ้างอิง :- โมคคัลลานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ 
พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=1873&Z=1938
ศึกษาอรรถกถานี้ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=58
ขอบคุณภาพจาก
http://statics.atcloud.com/f
http://i.ytimg.com/





ทรงแสดงอุบายแก้ง่วงแก่พระโมคคัลลานะ

พระมหาโมคคัลลานะ เมื่ออุปสมบทได้ ๗ วัน ได้ไปทำความเพียรอยู่ที่ป่าใกล้บ้านกัลป์ลาวาลมุตตาคาม แขวงมคธ ถูกถีนมิทธารมณ์ คือ ความง่วงเหงาเข้าครอบงำ ไม่สามารถจะทำความเพียรได้ ขณะนั้น พระผู้มีพระภาค ประทับอยู่ ณ สวนเภสกลาวัน ซึ่งเป็นสถานที่ให้เหยื่อแก่เนื้อ ใกล้เมืองสุงสุมารคิรี อันเป็นเมืองหลวงของแคว้นภัคคะ ทรงทราบด้วยพระญาณว่าพระโมคคัลลานะ โงกง่วงอยู่ จึงทรงทำปาฏิหาริย์ให้เห็นปรากฏ ประหนึ่งว่าเสด็จประทับอยู่ตรงหน้าทรงแสดงอุบายสำหรับระงับความง่วงแก่เธอตามลำดับ ดังนี้ :-

     ๑. โมคคัลลานะ เมื่อเธอมีสัญญาอย่างใดแล้ว เกิดความง่วงขึ้น เธอจงทำไว้ในใจซึ่งสัญญาอย่างนั้นให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๒. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรตรึกตรองถึงธรรมที่ได้เรียนมาแล้วได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๓. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสาธยายธรรมที่ได้เรียนได้ฟังมาแล้วให้มาก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๔. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรยอนช่วงหูทั้งสองข้าง และลูบตัวด้วยฝ่ายมือ จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๕. ถ้ายังละไม่ได้ เธอจงลุกขึ้นแล้วลูบนัยน์ตา ลูบหน้าด้วยน้ำ เหลียวดูทิศทั้งหลายแหงนดูดาว จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๖. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรทำไว้ในใจถึงอาโลกสัญญา ถือกำหนดความสว่างไว้ในใจเหมือนกัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ทำใจให้เปิดให้สว่าง จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๗. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรเดินจงกรมสำรวมอินทรีย์ มีจิตใจไม่คิดไปภายนอก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้
     ๘. ถ้ายังละไม่ได้ เธอควรสำเร็จสีหไสยาสน์ นอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าให้เลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ หมายใจว่าจะลุกขึ้นเป็นนิตย์ เมื่อตื่นแล้วควรรีบลุกขึ้นด้วยตั้งใจว่า เราจะไม่ประกอบความสุขในการนอนและการเคลิ้มหลับอีก จะเป็นเหตุให้ละความง่วงได้


     พระพุทธองค์ตรัสสอนอุบายเพื่อบรรเทาความง่วงโดยลำดับจนที่สุด ถ้ายังไม่หายง่วงก็ให้นอน แต่ให้นอนอย่างมีสติ


ที่มา http://www.84000.org/one/1/04.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 25, 2015, 10:08:38 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เดินจงกรม ดีมาก
ไม่ไหว ก็ต้องนอน
 :58:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11 กับท่านรพลสันต์ด้วยครับ ครบถ้วนดีมาก ทั้งของพระอาจารย์และพระสูตร
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

waterman

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 302
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ในแนวทางปฏิบัติจริง ๆ ควรจะเดิน หรือ จะนอนครับ สำหรับ เพื่อน ๆ ที่มีประสบการณ์ ครับ

 ส่วนมากผมเลือกจะนั่ง และ ปล่อยให้หลับไปตอนนั่ง ครับ

  :49:
บันทึกการเข้า

ดนัย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 179
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11 st12 st12  คุณ raponsan

นำมาลงได้ละเอียดครบถ้วน และจัดได้สวยงาม อ่านได้สบายตามาก
บันทึกการเข้า
"พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน"