ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ยลความงาม “อุโบสถสีทอง” สุดวิจิตรหนึ่งเดียวในไทยที่ “วัดปากน้ำโจ้โล้”  (อ่าน 551 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



อุโบสถสีทอง หนึ่งเดียวในไทย


ยลความงาม “อุโบสถสีทอง” สุดวิจิตรหนึ่งเดียวในไทยที่ “วัดปากน้ำโจ้โล้”

“จังหวัดฉะเชิงเทรา” หรือที่เราคุ้นหูกันดีว่า “แปดริ้ว” นั้นเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีวัดวาอารามสวยงามมากมายอยู่ อย่างที่ “วัดปากน้ำโจ้โล้” ที่มีพระอุโบสถสีทองหนึ่งเดียวในประเทศไทย ตั้งโดดเด่นอยู่ริมน้ำบางปะกงเป็นที่สะดุดตา และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมความวิจิตรนี้ยิ่งนัก


“วัดปากน้ำโจ้โล้” ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง เป็นวัดในสมัยอยุธยาตอนปลายสร้างประมาณ 200 กว่าปีมาแล้ว แต่ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใดในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกและทัพเรือมาปะทะกับกองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผลการสู่รบพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีชัยเหนือพม่า จึงโปรดฯให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์

ชื่อ “โจ้โล้” นั้นมาจากการที่พระเจ้าตากสินมหาราชทรงวางแผนการศึกเข้าโจมตีทหารพม่า โดยการโล้เรือมาตามลำน้ำให้ทหารพม่าตายใจว่าทรงมาเพียงลำพัง แล้วให้ทหารของพระองค์ซุ้มล้อมโจมตีจนได้ชัยชนะจึงได้เรียกกันว่า “เจ้าโล้” ต่อมาได้เพี้ยนมาเป็น “โจ้โล้” นั่นเอง ซึ่งวัดนี้ตั้งอยู่ในบริเวณปากน้ำจึงถูกเรียกรวมกับชื่อสถานที่ตั้งกลายเป็น “วัดปากน้ำโจ้โล้” จนถึงปัจจุบัน
อีกมุมหนึ่งของอุโบสถสีทองหลังงาม

มาถึงไฮไลต์เด่นของที่วัดนี้ก็คือ “พระอุโบสถสีทอง” เป็นอุโบสถสีทองหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ทาสีทองทั้งหลัง ซึ่งสีทองเป็นเสมือนการจำลองภาพบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อมีผู้พบเห็นเกิดความปีติสุข และเลื่อมใสศรัทธาต่อพุทธศาสนา โดยรอบพระอุโบสถตกแต่งด้วยพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก สำหรับตัวอุโบสถสร้างแบบก่ออิฐถือปูน หลังคาประดับด้วยพญานาคและธรรมจักรตรงกลางมีบุษบกยอดฉัตร ส่วนบริเวณกำแพงแก้วชั้นนอกตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักรสลับกับโคมไฟรูปช้างสามเศียรเป็นระยะๆ


ส่วนด้านในยังคงใช้สีทองทั้งหมด ผนังโบสถ์ไม่ได้วาดเป็นจิตรกรรมฝาผนังแต่ใช้การประดับกรอบประตู หน้าต่างด้วยลวดลายปูนปั้นแทน อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่วัดก็คือการลอดใต้ฐานพระประธานเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยบริเวณทางเข้าจะหลบมุมต้องเดินเข้าไปใกล้จึงจะรู้ว่ามีทางเดินลอดระยะสั้นๆ อยู่ ด้านในมีพัดลมช่วยระบายอากาศ เวลาเดินให้เดินเข้าทางซ้ายและเดินทะลุออกมายังฝั่งขวาของพระประธาน ขณะลอดก็จะมีบทสวดมนต์ภาวนาอธิษฐานจิตเพื่อให้จิตสงบเป็นสมาธิ ส่วนด้านขวาของพระอุโบสถมีพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรองค์ใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่

พระพุทธรูปปางอุ้มบาตร

ศาลาปู่หมอชีวกโกมารภัทร ปู่นารอด ปู่ตาไฟ

ออกมาจากพระอุโบสถจะเป็นที่ตั้งของ “ศาลาปู่หมอชีวกโกมารภัทร ปู่นารอดปู่ตาไฟ” บรมครูของการรักษาโรคทั้งปวง และ “ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ทรงประทับท่านั่งพระหัตถ์สองข้างกำดาบที่วางอยู่บนพระเพลา ด้านข้างเป็นรูปปั้นทหารองครักษ์ผู้คนมักจะมาบนบานสานกล่าวขอสิ่งต่างๆ เพื่อความสำเร็จส่วนใหญ่จะบนขอเรื่องหน้าที่การงาน หนี้สิน เมื่อได้สมปรารถนาก็มักจะถวายไก่ชนปั้น เป็นการแก้บน

ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

“วัดปากน้ำโจ้โล้”ตั้งอยู่ที่ถนนวนะภูติ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา การเดินทางจากตลาดน้ำบางคล้าเลี้ยวซ้ายไปทางเดียงกับร้านอาหารร่มไม้สายธาร ขับตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นโรงเรียนปากน้ำโจ้โล้วัดจะอยู่ตรงข้ามกัน


ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://mgronline.com/travel/detail/9610000110730
เผยแพร่ : 9 พ.ย. 2561 14:56 , โดย : ผู้จัดการออนไลน์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ