ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - ปอง
หน้า: [1] 2
1  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / ชีวิตการทำงาน ที่ ดีเด่น แล้ว เดียวดาย เมื่อ: มีนาคม 15, 2013, 08:45:15 am
เนื่องจากเราทำงานดีจนเข้าตานาย แนวๆ ทำชื่อเสียงให้หน่วยงานบ่อยมากๆ เจ้านายเลยปลื้มค่ะ จนได้รับโล่ห์ เกรียติบัตร พนง. ดีเด่นเลยคะ

หล้งจากนั้นมา ก็เจอกระแสเ อารมณ์ ของเเพื่อน ๆ ที่ทำงานด้วยกัน ตลอดเลยค่ะ โดนกลั่นแกล้ง หลายๆ เรื่องทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำ จากคนเพื่อนร่วมงานที่เคยคุยกัน ดีๆ ตอนหลังก็ไม่คุยกับเราและเดินหนี คะ หรือ พูดจากับเราไม่ดีเลย ค่ะ เปลี่ยนไปเลย ไม่เข้าใจ ยกแผนกไปเลย คะ

จนบรรยากาศการทำงาน เหมือนนั่งทำอยู่คนเดียว เลยคะ ต้อง พึ่งตนเอง เลยคะ


 :'( :'( :'( thk56
2  ธรรมะสาระ / บทสวดมนต์ มนต์พิธี / คาถาเงินล้าน มาฝากครับ เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 01:43:55 pm
3  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / กรรมชัวลูกชั่วหลาน เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 01:42:05 pm
กรรมชัวลูกชั่วหลาน

วันหนึ่งมีร้านอาหารมาเปิดแถวพุทธมณฑลสาย 5 ซึ่งไม่ไกลจากบ้านของประยงค์เท่าใดนัก และเจ้าของร้านก็รู้จักกันดีกับประยงค์ ที่ร้านนี้มีเมนูอาหารหลายอย่าง แต่ที่ขึ้นชื่อน่าจะเป็นปลาช่อนลุยสวน ซึ่งมีรสชาติอร่อยมาก เพราะใช้ปลาช่อนสดๆที่เพิ่งถูกฆ่าใหม่ๆ เมื่อร้านอาหารมีคนมาอุดหนุนมากขึ้นเรื่อยๆ ปลาช่อนลุยสวนเมนูเด็ดของร้านจึงทำไม่ค่อยทัน หลายครั้งปลาก็หมดอย่างรวดเร็ว เจ้าของร้านจึงคิดสั่งปลามาเพิ่ม เพื่อจะได้ตอบสนองลูกค้าอย่างเพียงพอ

เจ้า ของร้านเห็นประยงค์ไปรับจ้างได้ค่าแรงไม่มาก จึงคิดอยากจะหาทางช่วยเหลือ วันหนึ่งเมื่อได้เจอประยงค์ เขาก็ถามว่าสนใจที่จะทำงานให้กับร้านหรือไม่ ประยงค์ก็รีบรับปากทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เจ้าของร้านบอกว่า ทำอยู่ที่บ้านก็ได้ ทำเสร็จค่อยเอาไปส่งที่ร้าน จะทำกี่คนก็ได้ ช่วยกันทำ ยิ่งทำได้มาก ก็ยิ่งจะได้ค่าตอบแทนมาก งานนั้นก็คือ เป็นเพชฌฆาตฆ่าปลาช่อน พร้อมขอดเกล็ดให้เรียบร้อย

กรรมและผลของกรรมนั้น เป็นสิ่งที่สลับซับซ้อนยากที่จะเข้าใจได้อย่างละเอียด บางครั้งพ่อเป็นคนสร้างกรรม แต่ผลของกรรมกลับไปแสดงผลกับลูก กับครอบครัว เป็นต้น อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ นอกจากทุกคนจะมีกรรมเป็นของตนเองแล้ว แต่ละคนยังมีกรรมร่วมกันด้วย เมื่ออยู่ในครอบครัวเดียวกัน ก็จะมีกรรมที่ทุกคนเคยทำร่วมกัน จึงได้รับผลร่วมกันก็มี ดังเรื่องราวของ “ประยงค์” ชายรับจ้างวัย 51 ปี เป็นคนสามพราน นครปฐม เขามีฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีรายได้แค่พอเลี้ยงครอบครัวไปวันๆเท่านั้น

ประยงค์ไม่ได้นึกอะไรไปมากกว่าได้รับค่าตอบแทนที่ดี มีเงินเพิ่มเพื่อเลี้ยงครอบครัว เพราะตอนนี้เขาก็มีลูกสาวอยู่คนเดียว อายุเพิ่ง 7 ขวบ ความหวังของประยงค์ นั้นอยากจะให้ลูกได้มีโอกาสเรียนสูงๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อแม่ เขาจึงตกปากรับคำกับเจ้าของร้าน

วัน รุ่งขึ้นก็มีรถขนปลาช่อนตัวเป็นๆ มาที่บ้านเขาจำนวนมาก ตอนแรกที่เห็นปลาทั้งหมดดิ้นในถัง ทำเอาประยงค์รู้สึกกลัวเหมือนกันที่ต้องฆ่าปลาเหล่านี้ เพราะขนาดของปลามีแต่ตัวใหญ่ๆ หากเป็นปลาตัวเล็กๆ เขาก็คงไม่หวาดเสียวเท่าใดนัก แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะได้รับปากไว้แล้ว

ประยงค์จึงเริ่มทำงานโดยทุบหัวปลาช่อนให้ตายทีละตัวๆ บางตัวก็ต้องทุบหลายครั้งกว่าจะตาย เนื่องจากตัวใหญ่หัวแข็ง ในแต่ละวันกว่าจะทุบหัวปลาและขอดเกล็ดหมดก็ใช้เวลานานพอสมควร และตามแขนขาหน้าตาของเขาเต็มไปด้วยเลือดปลาที่กระเด็นใส่!!

เมื่อ วันแรกของการเป็นเพชฌฆาตปลาช่อนผ่านไปและมีรายได้ดี ประยงค์ก็ไม่รู้สึกอะไรอีก นอกจากทุบหัวปลาให้ได้มากขึ้น หลายครั้งเขาก็เรียกลูกเมียมาช่วย ซึ่งตอนแรกๆทุกคนรู้สึกกลัว ไม่กล้าทำ แต่เมื่อเห็นจนเป็นความเคยชิน จึงได้เริ่มลองทำดูบ้าง จนทำให้งานของเขาเสร็จเร็ว ได้เงินมากขึ้น และเหลือเวลาไปรับจ้างทำอย่างอื่นได้อีก

บ้านของประยงค์อยู่ริมคลอง ทุกเช้าเขาจะมานั่งทุบหัวปลาอยู่ริมคลองพร้อมกับครอบครัว หลังจากทุบเสร็จ ขอดเกล็ดแล้ว ก็จะตักน้ำคลองมาล้างปลาจนสะอาด และทุกเช้าจะมีพระเดินบิณฑบาตรผ่านบ้านเขาทุกวัน บางครั้งพระที่เดินผ่านมาก็ตกใจ เพราะเห็นปลาที่ประยงค์กำลังทุบอยู่นั้นดิ้นอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ทุกข์ทรมานกับการถูกทุบหัวเป็นยิ่งนัก บางครั้งดิ้นแรงมากจนถึงกับกระเด็นมาใกล้เท้าพระ หลายครั้งที่พระได้เตือนประยงค์ไปว่า หากเลี่ยงอาชีพนี้ได้ก็ให้เลี่ยงซะ อย่าทำเลย เพราะมันเป็น บาปเป็นกรรม ประยงค์ก็รับฟังสิ่งที่หลวงพ่อสอน แต่ว่าจะให้เขาทำอย่างไร จะเปลี่ยนอาชีพก็ไม่รู้จะไปทำอะไร จึงคิดว่าทำอาชีพนี้ต่อไปก่อน หากหาอาชีพใหม่ที่ดีกว่านี้ได้แล้ว ค่อยเปลี่ยนไปทำ

เวลาผ่านไป ครอบครัวของประยงค์เริ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากคนที่กลัวการฆ่า แต่วันนี้ทุกคนไม่กลัว และเห็นการฆ่าปลาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย จนกลายเป็นความเคยชิน เพราะอาชีพนี้ช่วยให้ครอบครัวเขาดีขึ้น

ประยงค์ และครอบครัวไม่เคยคิดเลยว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ ผลกรรมมันจะตามมาทันอย่างรวดเร็วในชาตินี้… แล้วกฎแห่งกรรมก็เดินทางมาถึงในช่วงเย็นของวันหนึ่ง ลูกสาวของประยงค์ได้ลงไปเล่นน้ำในคลองหน้าบ้านตามลำพัง ซึ่งตามปกติเธอก็มักจะโดดน้ำคลองเล่นเป็นประจำมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ จนกระทั่งอายุ 7 ขวบ เธอจึงมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการเล่นน้ำในคลอง พ่อแม่ก็ปล่อยให้เล่นตามสบาย เพราะเห็นลูกเล่นอย่างนี้มานานแล้ว

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆ น้องเจนจิราได้ปีนขึ้นต้นไม้ริมคลองแล้วกระโดดลงน้ำ เหมือนอย่างที่เคยเห็น เด็กแถวบ้านทำกัน เธอกระโดดพุ่งหัวลงไปในคลองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นหัวของเธอก็ไปกระทบเข้ากับตอไม้ท่อนใหญ่ที่อยู่ในน้ำอย่างแรง จนหัวแตก คอหัก ทำให้เธอจมดิ่งลงใต้น้ำ!! กว่าที่พ่อแม่จะรู้ว่าลูกจมหายไปในน้ำ แล้วลงไปช่วยกันงมหา น้องเจนจิราก็ได้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว…

ประยงค์ และภรรยาต่างร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะมีลูกสาวเพียงคนเดียว แถมยังมาตายอย่างน่าอนาถ ความฝันของประยงค์ ที่จะทำให้ลูกสาวได้เรียนสูงๆนั้นจึงหายวับไปกับตา เมื่อเขาได้สติก็ระลึกถึงคำเตือนของพระ ว่าสิ่งที่เขากับครอบครัวช่วยกันทำนั้นเป็นบาปกรรม พวกปลาที่ถูกเขาฆ่าคงอาฆาตแค้นอยู่ไม่น้อย จึงทำให้ลูกสาวต้องตายในสภาพเช่นเดียวกับปลาช่อนที่ถูกทุบหัวนั้น!!

นี่คือผลของกรรมที่เห็นได้ทันทีในชาตินี้ ถึงแม้ว่ากรรมที่ทำจะไม่ได้แสดงผลกับประยงค์โดยตรง แต่การที่มันให้ผลกับลูกของเขา ก็ยิ่งเป็นเหมือนกับมีดโกนที่บาดลงกลางใจของผู้เป็นพ่อ เพราะลูกเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจ เขายอมทำทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อลูก แต่เมื่อเห็นลูกมาตายเช่นนี้ ชีวิตเขาก็เหมือนกับตายทั้งเป็น

การฆ่าสัตว์ใดๆ ก็ตาม ล้วนแต่เป็นบาป ผิดศีล และผลกรรมจากการฆ่าสัตว์จะทำให้อายุสั้นลงด้วย



ปล. ลอกเขามา แต่จำไม่่ได้ของใคร ขออภัยและอนุโมทนา กับเรื่องนี้ด้วยครับ

4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ของพม่าต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐยะไข่ทางภาคตะวันตก เมื่อ: มิถุนายน 12, 2012, 07:21:02 am
ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ของพม่าต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐยะไข่ทางภาคตะวันตก หลังศึกนองเลือดทางเชื้อชาติและศาสนาระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญากับชาวพุทธ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 8 มิ.ย.เป็นต้นมา และมีแนวโน้มจะขยายวงกว้าง ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 7 คน ได้รับบาดเจ็บอีก 17 คนมีบ้านได้รับความเสียหายถูกไฟเผาอีกถึง 500 หลัง

ทั้งนี้ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง กล่าวในแถลงการณ์ว่า หากความความตึงเครียด และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ขยายวงกว้าง จะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย และการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อฟื้นฟูกฎและระเบียบให้ได้โดยเร็วที่สุด และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยกันยุติความรุนแรง เพื่อไม่ให้ลุกลามออกไปนอกรัฐ พร้อมให้คำมั่นว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ

เหตุการณ์รุนแคงครั้งนี้นับเป็นความรุนแรงทางเชื้่อชาติครั้งเลวร้ายที่สุดในพม่า นับตั้งแต่รัฐบาลพลเรือนภายใต้การนำของพลเอกเต็ง เส่ง เข้าบริหารประเทศแทนที่รัฐบาลทหารเมื่อปีที่แล้ว(พ.ศ. 2554) โดยสาเหตุครั้งนี้มีชนวนมาจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา(มิ.ย.) เมื่อมีสตรีชาวพุทธถูกข่มขืนแล้วฆ่า ทำให้เกิดความโกรธแค้น และรวมตัวกันก่อเหตุรุมทำร้ายชาวมุสลิมเสียชีวิตไป 10 คน กระทั่งเมื่อคืนวันศุกร์ต่อเนื่องถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา(8-9 มิ.ย.) มีรายงานชาวมุสลิมโรฮิงญาก่อเหตุจลาจลเผาบ้านเรือนชาวพุทธที่เมืองตาวและเกิดการปะทะ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ทางการต้องประกาศเคอร์ฟิว และระดมกำลังตำรวจทหารเข้าไปดูแลรักษาความสงบ


news.sanook.com/1123090/พม่าเคอร์ฟิวรัฐยะไข่-หลังเกิดเหตุปะทะพุทธ-อิสลาม/
5  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / หมายกำหนดการวันเสด็จฯ อยุธยา 25 พ.ค. 55 ( ในหลวงเสด็จ ) เมื่อ: พฤษภาคม 25, 2012, 11:43:09 am



หมายกำหนดการวันเสด็จฯ

หมายกำหนดการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง เป็นการส่วนพระองค์ วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม 2555

เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราช ไปยังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ทุ่งมะขามหย่อง ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา (ระยะทาง 85 กิโลเมตร/ใช้เวลาประมาณ 60 นาที)

เวลา 17.30 น. รถยนต์พระที่นั่งถึงพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญพวงมาลัยเข้าถวาย แล้วพระราชทานไปถวายสักการะที่โต๊ะหมู่หน้าพระราชานุสาวรีย์ ประทับรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรบริเวณรอบพระราชานุสาวรีย์ จากนั้นเสด็จฯ ไปยังศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน และผลิตผลการเกษตร

น.ส.ยิ่งลักษณ์ เฝ้าฯรับเสด็จ ทูลเกล้าฯถวายพวงมาลัย และโฉนดที่ดินแปลงนาที่ทรงเกี่ยวข้าว นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบทุนมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ

จากนั้นเสด็จฯ ไปยังศาลากลางน้ำ ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม "ทุ่งมะขามหย่อง แผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ" (ประมาณ 45 นาที) ก่อนเสด็จเข้าพระตำหนักสิริยาลัย เสวยพระกระยาหารค่ำตามพระราชอัธยาศัย แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ
6  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนที่รอคอยคุณจนวันสุดท้ายของชีวิต อ่านแล้วซึ้งอยากให้ลูก ๆ ทุกคนได้อ่าน เมื่อ: เมษายน 08, 2012, 09:37:28 am
คนที่รอคอยคุณจนวันสุดท้ายของชีวิต
   

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://poem.kapook.com   
      
แม่  เป็น ภาระให้แก่ลูกทุกคนมาตั้งแต่เกิด นั่นเป็นความจริงที่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้ ก็ลองคิดดูสิ ตั้งแต่เราเกิดมา ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันเลย อยู่ดีๆ ผู้หญิงคนนี้ก็มาโอบอุ้ม ถูกเนื้อต้องตัวเรา มิวายที่เราจะแหกปากร้องไห้ขับไล่ไสส่งยายผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน เธอก็ยังพยายามปลอบโยน เห่กล่อมเราอยู่นั่นแหละ เป็นภาระให้เราต้องจำใจเงียบ ยอมนอนดูดนมเธออยู่จั่บๆๆ 
 
พอเราเริ่มเตาะแตะ ตั้งไข่จะเดินไปไหนต่อไหนมั่ง คุณเธอก็ยังคอยเรียกหาเราอยู่นั่นแหละ   

           "มานี่มาลูก มานี่มา อีกนิดเดียวลูก อีกนิดเดียว อีกก้าวเดียว " ไม่รู้จะเรียกทำไมนักหนา ไอ้เราก็เดินล้มลุกคลุกคลานอยู่ เห็นมั้ย เป็นภาระที่เราต้องเดินไปให้เธอกอดอีก   

           โตขึ้นมาอีกนิด  เรา เริ่มกินอาหารได้ หล่อนก็เอาอะไรนักหนาไม่รู้ เละๆ เทะๆ มาบดให้เรากิน ไอ้เราจะไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะน้อยใจ ก็เอาวะ เอาซะหน่อย เคี้ยวไปเเจ่บๆ อย่างนั้นแหละ แม่คุณก็ยิ้มปลื้ม คงนึกว่าเราอร่อยตายล่ะมั้งนั่นน่ะ กล้วยบดนะจ๊ะ เธอจ๋า ในปากฉันตอนนี้น่ะ ถ้าคิดว่ามันอร่อยขนาดนั้น ทำไมไม่ลองทานเองดูมั่งล่ะ 
         
           ทีนี้พอเราเริ่มพูดจารู้เรื่องขึ้นมาหน่อย  คราว นี้ยังไงล่ะ ผู้หญิงคนนี้กลับขับไล่ไสส่งให้เราไปโรงเรียนซะอีก ไม่ไปก็ไม่ได้ด้วยนะ บางทีมีตีเราเข้าให้อีก ภาษาอะไรนักก็ไม่รู้ เอามาให้เราหัดอ่านหัดเรียนใช่มั้ย ลองคิดดูนะ สัปดาห์หนึ่งต้องไปโรงเรียนตั้งห้าวันน่ะ มันภาระหนักหนาแก่เราแค่ไหน

           แต่พอถึงเวลาเราจะดูทีวี  ดู หนังการ์ตูน นอนดึกขึ้นมาสักหน่อย ลองนึกย้อนไปสิ ใครกันเคี่ยวเข็ญให้เราไปนอนด้วย ตัวเองง่วงจะนอนคนเดียวก็ไม่ได้นะ ต้องบังคับให้เราไปนอนเป็นเพื่อนด้วย ใช่มั้ย ที่พูดนี่ไม่ใช่ลำเลิกหรอกนะ เพียงแค่อยากให้เห็นใจกันบ้างเท่านั้น 

           วันเวลาผ่านไป เราโตขึ้น  แต่ แม่ก็ยังไม่ยอมโตตามเราสักที ลูกอยากจะทำผมทำเผ้า แต่งเนื้อเเต่งตัวให้มันดูอินเทรนด์ ดูทันสมัย ใคร ใครกันเป็นตัวสกัดดาวรุ่ง พูดแล้วขนลุก ผู้หญิงคนนี้มีพัฒนาการไม่คืบหน้าไปไหนเลย ว่ามั้ย

           โตขึ้นมาอีกนิด เราเริ่มกินอาหารได้ หล่อนก็เอาอะไรนักหนาไม่รู้ เละๆ เทะๆ มาบดให้เรากิน ไอ้เราจะไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวแม่จะน้อยใจ ก็เอาวะ เอาซะหน่อย เคี้ยวไปเเจ่บๆ อย่างนั้นแหละ แม่คุณก็ยิ้มปลื้ม คงนึกว่าเราอร่อยตายล่ะมั้งนั่นน่ะ กล้วยบดนะจ๊ะ เธอจ๋า ในปากฉันตอนนี้น่ะ ถ้าคิดว่ามันอร่อยขนาดนั้น ทำไมไม่ลองทานเองดูมั่งล่ะ แต่พอถึงเวลาเราจะดูทีวี ดูหนังการ์ตูน นอนดึกขึ้นมาสักหน่อย ลองนึกย้อนไปสิ ใครกันเคี่ยวเข็ญให้เราไปนอนด้วย ตัวเองง่วงจะนอนคนเดียวก็ไม่ได้นะ ต้องบังคับให้เราไปนอนเป็นเพื่อนด้วย ใช่มั้ย ที่พูดนี่ไม่ใช่ลำเลิกหรอกนะ เพียงแค่อยากให้เห็นใจกันบ้างเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เราโตขึ้น แต่แม่ก็ยังไม่ยอมโตตามเราสักที ลูกอยากจะทำผมทำเผ้า แต่งเนื้อเเต่งตัวให้มันดูอินเทรนด์ ดูทันสมัย ใคร ใครกันเป็นตัวสกัดดาวรุ่ง พูดแล้วขนลุก ผู้หญิงคนนี้มีพัฒนาการไม่คืบหน้าไปไหนเลย ว่ามั้ย

พอเราสำเร็จจบการศึกษาเเล้วเป็นยังไง...


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com

 เธอ ร้องไห้ครับ เชื่อเถอะว่าเธอต้องร้องไห้ ถ้าเราไม่เห็นก็แปลว่าเธอต้องแอบร้องไห้ มีอย่างที่ไหน เราคร่ำเคร่งร่ำเรียนมาแทบตาย แล้วตัวเองแท้ๆ ที่เป็นคนเริ่มเรื่อง พอเราเรียบจบแทนที่จะดีใจดันมาร้องไห้ มีอย่างที่ไหน

          ดีนะว่าเราเข้าใจ คู่มือการเลี้ยงแม่ ก็เลยทำใจได้ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ ตอนนี้ขอไปฉลองการสำเร็จการศึกษากับพวกเพื่อนๆ ที่นอกบ้านก่อน ก็แหม เรียนจบทั้งที จะมาให้นั่งดูผู้หญิงแก่ๆ นั่งร้องไห้ทำไมล่ะ ใช่มั้ย 

          เป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้วนี่ คราวนี้ใครๆ ก็ต้องอยากมีแฟน คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็เรื่องมาก ผมยาวไปมั่งล่ะ ดูไม่มีความรับผิดชอบมั่งล่ะ...แม่ แม่จะไปรู้อะไร แม่เคยคบกับเขาเหรอ 

          ไม่ใช่แค่เรื่องคู่ครองเท่านั้นนะ แม่เขายังอยากรู้ไปจนถึงเรื่องอาชีพการงานด้วยว่าเราจะไปทำอะไร อยากเป็นอะไร

           แม่ครับ แม่ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ยพวกเราจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของพวกเรา อนาคตของเรา ขอให้เราได้ตัดสินมันเอง แต่เรารับรองกับแม่ได้อย่างหนึ่งว่า เราจะไม่เป็นเหมือนแม่หรอก... เชย

          นับจากบรรทัดแรก จนมาถึงบรรทัดนี้ เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว สมควรที่พวกเราจะแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตนเองสักที ว่าแล้วเราก็ย้ายออกจากบ้านแม่ มายืนด้วยลำแข้งของตัวเอง อย่างที่แม่เคยพูดไง แล้วทำไมต้องมาทำตาละห้อยด้วยล่ะ วันที่เราย้ายออกมาน่ะ มันก็ไม่ได้ใกล้ มันก็ไม่ได้ไกลหรอกนะ ไอ้ที่ย้ายออกมาน่ะ แต่เวลามันรัดตัวจริงๆ ใช้โทร.คุยกันก็ได้นะแม่นะ

          ถึงวันที่เรามีลูก แม่ยังพยายามอยากมาทำตัวเป็นภาระกับลูกเราด้วย เราบอกแม่ว่าไม่ต้องมายุ่งหรอก เราดูแลลูกของเราได้ เด็กสมัยนี้มันไม่เหมือนกับสมัยแม่แล้วล่ะ

           แม่อายุเกือบหกสิบปีแล้ว โทร.มาไอแค่กๆ บอกไม่ค่อยสบาย  เราบอกแม่ว่าอย่าคิดมาก ในใจเรารู้อยู่แล้วว่าแม่พยายามเรียกร้องความสนใจ นั่นเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติของคุณแม่วัยนี้ 

           จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง คุณโทร.กลับไปที่บ้านแม่ แต่... ไม่มีคนรับสายแล้ว อย่าเพิ่งตกใจ แม่อาจจะออกไปทำบุญที่วัดตามประสาคนแก่ก็ได้ ลองโทร.เข้ามือถือแม่ดูซิ...ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก...   

           อย่าเพิ่งด่วนสรุป  มือ ถือแม่อาจจะแบตหมดก็ได้ ผู้หญิงคนนี้กระดูกเหล็กจะตายไป เธอต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ คิดฟุ้งซ่านไปได้ ยังไงแม่ก็ต้องรอเราอยู่เหมือนเดิมน่ะแหละ ไปหาเมื่อไหร่ก็ต้องเจอ อย่างมากแกก็อาจจะงอนนิดๆ หน่อยๆ พอเห็นหลานตัวเล็กๆ วิ่งเข้าไปกอดก็ขี้คร้านจะอ่อนยวบเป็นขี้ผึ้ง หลายวันผ่านไป ทำไมแม่ยังไม่โทร.กลับมาอีกนะ ทำบุญตักบาตรก็ไม่น่าจะรอคิวนานขนาดนี้ ชาร์จแบตมือถือไม่เต็มก็เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นแบตเตอรี่รถสิบล้อป่านนี้ไฟทะลักแล้ว 

          วันนี้แวะไปหาแม่สักหน่อยดีกว่า ระหว่างทางที่คุณขับรถไป ลูกคุณซนเป็นลิงอยู่ข้างๆ ประโยคมากมายที่หลุดจากปากคุณ ล้วนเเต่เป็นคำที่แม่คุณเคยพูดมาแล้วทั้งสิ้น คุณเพิ่งสัมผัสได้ ภาพเก่าๆ มากมายที่ผู้หญิงคนนั้นทำวิ่งวนอยู่ในหัวคุณ ช่างเถอะ.. เดี๋ยวเจอเธอแล้ว คุณจะสารภาพผิด แล้วทำทุกอย่างให้มันดีขึ้น แล้วคุณก็ได้เจอ คนที่คุณรู้สึกว่าเธอเป็นภาระให้กับคุณมาตั้งแต่เกิด 

           ผู้หญิงคนนั้น นอนตายในท่าที่คอยคุณมาตลอดชีวิต...
7  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบว่า พระอรหันต์ ฆ่าปลวก ฆ่ายุง ฆ่ามด ได้หรือไม่คะ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 10:11:20 am
อยากทราบว่า พระอรหันต์ ฆ่าปลวก ฆ่ายุง ฆ่ามด ได้หรือไม่คะ
  คือไปเห็นมาว่า ปลวกขึ้นศาลา เป็นเสา ๆ เลยคะ พระท่านก็เลยให้ ช่างไล่ปลวก การไล่ปลวก ก็ต้องอัดเคมีลงไป ซึ่งก็มีผลให้พวกตาย อย่างนี้จะชื่อว่า มีศีล อยู่หรือไม่คะ ?

   :smiley_confused1:
8  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / อธิษฐานกรรมฐาน เมื่อ: ธันวาคม 24, 2011, 12:53:58 pm
9  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ฟังสวด คาถาชินบัญชร ประกอบดนตรี เสียงเด็ก ฟังแล้วใจสงบดีมาก เลยคะ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 09:25:53 am
ฟังสวด คาถาชินบัญชร ประกอบดนตรี เสียงเด็ก ฟังแล้วใจสงบดีมาก เลยคะ

ถึงจะฟังซ้ำ ก็รู้สึกว่าใจเย็นดี คะ

ฟังแล้วน้ำตาไหลออกมา อย่างนี้จัดเป็นโมหะ หรือว่าเป็นปีติ คะ

ถ้าเป็นโมะ คือหลง ควรแก้ไขอย่างไร คะ

ถ้าเป็นปีติ อย่างนี้ควรทำอย่างไรต่อในแนวปฏิบัติ

  :25:

 :c017:
10  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สัมผัปปลาปนั้นมีองค์ ๒ คือ เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 10:14:17 am





สัมผัปปลาปนั้นมีองค์ ๒ คือ             

              ๑. นิรตฺถกกถาปุเรกฺขารตา มุ่งกล่าวถ้อยคำที่ไร้ประโยชน์มีเรื่องภารตยุทธ และเรื่องชิงนางสีดา(ในสมัยนี้ก็หมายถึง หนัง,ละคร,นิยาย,หรือเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่ไร้สาระนำเนื้อความมาทำอะไรไม่ได้)  เป็นต้น.
              ๒. ตถารูปีกถากถนํ กล่าวเรื่องเช่นนั้น.

              ชื่อว่า พูดถูกกาล เพราะพูดตามกาล. อธิบายว่า พูดกำหนดเวลาให้เหมาะแก่เรื่องที่จะพูด.
              (ในสมัยพุทธกาล มีพระรูปหนึ่งท่านจะกล่าวธรรม จริงอยู่ที่การกล่าวธรรมเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องพิจารณา หรือเรียกได้ว่า "ดูสถานการณ์" ว่าจะพูดเรื่องอะไรตอนไหน พระภืกษุรูปนั้นเมื่อถึงงานมงคลก็กล่าวเรื่องเปรต แต่เมื่อถึงงานศพเป็นต้่น ก็กล่าวเรื่องมงคลชีวิต ซึ่งทำให้ถูกตำหนิในที่สุดและผู้ฟังก็รับฟังโดยรู้สึกไม่ดี ผลอาจจะเป็นการ ไม่จำสิ่งที่เรากำลังพูด ไม่คิดตาม ไม่เก็บไว้ในใจ ทำให้คำพูดเสียไปเลยก็มีค่ะ)


              ชื่อว่า พูดแต่คำจริง เพราะพูดคำจริง แท้ แน่นอน ตามสภาพเท่านั้น. (ไม่พูดสิ่งที่เลยความเป็นจริง พูดในสิ่งที่มันเป็นและเป็นไปได้ และไม่เป็นคำเพ้อฝัน)
              ชื่อว่า พูดอิงประโยชน์ เพราะพูดทำให้อิงประโยชน์ปัจจุบัน และประโยชน์ภายหน้านั่นเอง.
              ชื่อว่า พูดอิงธรรม เพราะพูดทำให้อิงโลกุตตรธรรม ๙.
              ชื่อว่า พูดอิงวินัย เพราะพูดให้อิงสังวรวินัย(สิ่งที่ต้องระวัง) และปหานวินัย.
              โอกาสที่ตั้งไว้ เรียกว่าหลักฐาน. คำชื่อว่า มีหลักฐาน เพราะหลักฐานของคำนั้นมีอยู่. อธิบายว่า พูดคำที่ควรจะต้องเก็บไว้ในหัวใจ.
              บทว่า กาเลน ความว่า และแม้เมื่อพูดคำเห็นปานนี้ ก็มิได้พูดโดยกาลอันไม่ควร ด้วยคิดว่า เราจักพูดคำที่มีหลักฐาน ดังนี้. อธิบายว่าแต่พูดพิจารณาถึงกาลอันควรเท่านั้น.
              บทว่า สาปเทสํ ความว่า มีอุปมา มีอุปมา มีเหตุ
              บทว่า ปริยนฺตวตึ ความว่า แสดงกำหนดไว้แล้ว พูดโดยประการที่กำหนดแห่งคำนั้นจะปรากฏ.
              บทว่า อตฺถสญฺหิตํ ความว่า พูดคำที่ประกอบด้วยประโยชน์ เพราะผู้พูดจำแนกไปโดยนัยแม้มิใช่น้อย ก็ไม่อาจให้สิ้นสุดลงได้. อีกอย่างหนึ่ง พูดคำที่ประกอบด้วยประโยชน์ เพราะประกอบด้วยประโยชน์ที่ผู้พูดถึงประโยชน์นั้นกล่าวถึง มีอธิบายว่า มิใช่ตั้งเรื่องไว้เรื่องหนึ่ง แล้วไปพูดอีกเรื่องหนึ่ง.
11  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เริ่มสร้างมาตรฐานวงการพระเครื่อง ! ศาลสั่งจำคุกเจ้าของหนังสือพระปลอม เมื่อ: สิงหาคม 07, 2011, 08:20:29 am
เริ่มสร้างมาตรฐานวงการพระเครื่อง !

ศาลสั่งจำคุกเจ้าของหนังสือพระปลอม

 

ดีฮะ ! เอาซะมั่ง มารศาสนาพวกนี้ ขนาดหากินกับพระก็ยังหลอกลวงชาวบ้าน ต่อไปพวกหนังสือพระประเภทคาบลูกคาบดอกคงหนาว เตรียมเข้าแถวเข้าคุกได้เลยพ่อคู๊ณ !

 

 

 

โพธิ์เพชร นิตยสารพระปลอม

เจ้าของหนังสือขายพระเก๊ ศาลสั่งจำคุก 2 ปี


อุทาหรณ์คนขายพระเก๊ ศาลอาญาสั่งจำคุกเจ้าของนิตยสารพระเครื่องดัง "โพธิ์เพชร" ให้เช่าพระเก๊นับ 10 องค์ รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท พิพากษาลงโทษฐานฉ้อโกงจำคุก 2 ปีปรับ 1 หมื่น รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง และได้เช่าพระคืนแล้วจึงให้รอลงอาญา...

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 710 ศาลอาญา ถนนรัชดาฯ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2281/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ฟ้องนายจงชัย จงจินตนาการ เจ้าของนิตยสารพระเครื่องโพธิ์เพชร เป็นจำเลย ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 49 จำเลยเป็นเจ้าของนิตยสารพระเครื่องโพธิ์เพชรรายเดือน และรับฝากซื้อฝากขายพระเครื่องต่างๆ หลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการโฆษณาแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนทั่วไป โดยจำเลยจัดให้มีการเช่าซื้อ วัตถุมงคลพระเครื่อง พระบูชา พร้อมออกใบรับประกันว่าพระแท้ทุกองค์ อันเป็นการหลอกลวงให้ประชาชนทั่วไปที่อ่านนิตยสารพระเครื่องโพธิ์เพชรของจำเลย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายรายหนึ่งหลงเชื่อ และจ่ายเงินเช่าซื้อพระเครื่องวัตถุมงคลจากจำเลย จำนวนนับ 10 องค์ รวมมูลค่าทั้งสิ้นจำนวน 2,233,400 บาท ทั้งที่เป็นพระปลอม เหตุเกิดที่แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ในระหว่างการพิจารณาคดี จำเลยได้เช่าซื้อพระเครื่องและวัตถุมงคลทั้งหมดคืน จากผู้เสียหายเป็นจำนวน 2,233,400 บาท พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงด้วยการแสดงความข้อความอันเป็นเท็จต่อ ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย 1 ปี ปรับ 5,000 บาท ระหว่างการพิจารณาจำเลยได้เช่าซื้อคืนพระเครื่องจากผู้เสียหายแล้ว ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับโทษทางอาญามาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี.

 

ข่าว : ไทยรัฐ
20 กรกฎาคม 2554
12  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สุขโสมนัสอันใด อาศัยเวทนาเกิดขี้น นี้คือ อัสสาทะ(รสอร่อยแห่งเวทนา) เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 09:07:01 am

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://gotoknow.org/

พุทธวจน

****สุขโสมนัสอันใด อาศัยเวทนาเกิดขี้น นี้คือ อัสสาทะ(รสอร่อยแห่งเวทนา)

สัตว์ต้องเวียนว่ายเพราะไม่รู้อริยสัจ

ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนท่อนไม้อันบุคคลซัดขึ้นไปสู่อากาศ บาง
คราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอาตอนกลางลง บางคราวตกเอาปลายลง,ข้อนี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! สัตว์ที่มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูก แล่นไปอยู่ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ ก็ทำนองเดียวกัน : บางคราวแล่นไปจากโลกนี้สู่โลกอื่น บางคราวแล่นจากโลกอื่นสู่โลกนี้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท.!ข้อนั้น เพราะความที่เขาเป็นผู้ไม่เห็นซึ่งอริยสัจทั้งสี่. อริยสัจสี่ อย่างไรเล่า ?สี่ อย่างคือ อริยสัจคือทุกข์ อริยสัจคือเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ อริยสัจคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์.

ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน
เป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า "ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้,
ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่ง
ทุกข์ เป็นอย่างนี้." ดังนี้.
13  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / หลังจากท่านปฏิบัติธรรมแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนปฏิบัติบ้างหรือไม่ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 01, 2011, 07:59:13 am
หลังจากท่านปฏิบัติธรรมแล้วมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนปฏิบัติบ้างหรือไม่ครับ

เช่น ชีวิตดีขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น หรือคิดว่าทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จไปหมด หรือได้อะไรที่คิดว่าพิเศษกว่าคนอื่น อาจจะมีเซ้นท์ สัมผัสพิเศษประมาณนี้  ขอคนที่ปฏิบัติจริงๆไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มหรือหลายปีแล้ว มาช่วยเล่าหน่อยว่าชีวิตของท่าน แตกต่างจากก่อนปฏิบัติอย่างไรบ้างครับ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับกระผมและเพื่อนๆที่เริ่มปฏิบัติ เผื่อเข้ามาอ่านเจอจะได้รู้ว่าหลายคนปฏิบัติได้ผลดีจริงๆครับ
โดยส่วนตัว สิ่งที่เกิดขึ้นคือเวลาจะุฟุ้งซ่าน จะหยุดคิดได้ทันทีครับ หรือถ้าจะคิดต่อก็รู้ว่ากำลังคิด ดีหรือไม่ดีก็รู้ แล้วก็เคยนั่งสมาธิจนเหมือนตัวหายไป อาจจะเพลินอยู่ จนรู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มากครับ ได้แค่นี้ครับแต่ก็ชอบที่รู้ทันว่าเรากำลังจะคิดนะ





 :58: :bedtime2: :34:
14  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เสื่อมสุด! ศิลปินจีนร่วมเพศกลางสาธารณะ เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2011, 04:44:00 pm
เสื่อมสุด! ศิลปินจีนร่วมเพศกลางสาธารณะ


 

ตำรวจบุกจับกุม นายเชง ลี่ ศิลปินจีนวัย 57 ปี ร่วมเพศกับหญิงรายหนึ่งกลางลานแสดง

นิทรรศการศิลปะ กรุงปักกิ่ง ท่ามกลางสายตาผู้คนบรเวณนั้นที่ต่างมึนงงกับสิ่งที่เห็น บางส่วนนำ

กล้องมาบันทึกภาพ

ทั้งนี้ บทลงโทษที่ศิลปินจีนคนดังกล่าวได้รับ คือ เข้ารับการอบรมจากค่ายกักกันแรงงาน  เป็นเวลา 1 ปี

ด้านนายหวัง เฉินยื่อ ทนายความของศิลปินคนดังกล่าว กำลังเตรียมยื่นเอกสารเพื่อขอให้พิจารณาบท

ลงโทษอีกครั้ง โดยเขาบอกกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นว่า มีจุดประสงค์สองประการที่เขาทำเช่นนั้น คือ หนึ่ง

ต้องการประชดประชันว่า ปัจจุบันศิลปะถูกมองไปในเชิงพาณิชย์ และสอง เพื่อเรียกร้องให้ประชาชนมอง

การร่วมเพศเป็นเรื่องปกติ อย่ามองว่ามันเป็นสิ่งที่น่าเกลียด

ศิลปะเพื่อเชิดชูวัฒนธรรม หรือประจานกันแน่!

ข่าวโดย : Mthai news


Credit :  http://www.talkystory.com/?p=11356
15  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผลวิจัยเตือนสติคนขี้เกียจ.... เรียนน้อยแก่เร็ว!! เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2011, 04:41:49 pm
การศึกษาไม่เพียงส่งเสริมความก้าวหน้า ในด้านอาชีพเท่านั้น งานวิจัยชิ้นใหม่พบคนเรียนสูงแนวโน้มแก่ช้า และในทางกลับกันคนเรียนน้อยโอกาสแก่เร็วมากกว่า
       
       นัก วิจัยจากยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน, ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เวลส์ อินสติติวท์ และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในซานฟรานซิสโก ร่วมกันศึกษาโดยวัดความยาวของดีเอ็นเอส่วนที่เรียกว่าเทโลเมียร์จากกลุ่ม ตัวอย่าง 450 คนโดยประมาณที่เข้าร่วมการศึกษาสุขภาพระยะยาว และพบว่าคนที่เรียนไม่เก่งมีเทโลเมียร์สั้นกว่า ซึ่งบ่งชี้แนวโน้มในการแก่เร็วและสุขภาพที่อ่อนแอ
       
       เท โลเมียร์คือส่วนปลายของโครโมโซมที่ช่วยปกป้องโครโมโซมและการทำงานของเซลล์ ที่เกี่ยวข้องกับอายุ เทโลเมียร์จะสั้นและบอบบางลงเมื่ออายุมากขึ้น

 

 

 

   ขอบคุณภาพจาก http://www.engtest.net

 
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหตุผลที่ไม่อยากไปบ้านคนรวย (โคตรฮา) เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2011, 04:37:54 pm
เหตุผลที่ไม่อยากไปบ้านคนรวย (โคตรฮา)

(ฉาก : ห้องรับแขกโซฟาหนังแท้เครื่องเรือนเป็นประกายแสบตา)
(ตัวละคร : ผม กับ เพื่อนเศรษฐี)

เพื่อน : นายจะดื่มอะไร น้ำผลไม้ โซดา ชา โกโก้ ช็อคโกแลตหรือกาแฟ?
ป๋ม : ขอชาแล้วกัน
เพื่อน : เอาซีลอน หรือชาสมุนไพร หรือเอาบุชผสมน้ำผึ้งดีมั้ยหรือเอาชาเย็น หรือชาเขียว
ป๋ม : เอาซีลอน
เพื่อน : เอาแบบไหนเหรอ ใส่นมหรือไม่ใส่
ป๋ม : ใส่นมด้วยแล้วกัน
เพื่อน : เอานมแพะ นมอูฐ หรือนมวัว
ป๋ม : นมวัวดีกว่า
เพื่อน : เอานมจากวัวฟรีซแลนด์หรือวัวแอฟริกาเน่?
ป๋ม : เอ่อ… ไม่ต้องใส่นมก็ได้
เพื่อน : อยากได้หวานแบบไหนล่ะ ใส่น้ำตาลหรือว่าน้ำผึ้ง?
ป๋ม : น้ำตาลดีกว่า
เพื่อน : น้ำตาลบีทหรือน้ำตาลอ้อย?
ป๋ม : น้ำตาลอ้อย
เพื่อน : เอาแบบขาว หรือแดง หรือว่าเหลือง?
ป๋ม : … นายลืมเรื่องชานี่ซะเถอะ ขอน้ำสักแก้วก็พอว่ะ
เพื่อน : จะเอาน้ำแร่หรือน้ำกลั่น?
ป๋ม : น้ำแร่
เพื่อน : เอาแต่งรสด้วยมั้ย? หรือว่าไม่?
ป๋ม : หิวน้ำจะตายอยู่แล้วโว้ย !!!
เพื่อน : ???? (ก็แค่ถาม)
เพื่อน:แล้วจะใส่แก้วทรงไหนดีล่ะ แก้วใส ขุ่น / ทรงยุโรปทรงไทย หรือทรงแขกดี
ป๋ม:เอ่อ…ที่มันใส่น้ำแล้วไม่รั่วก็ได้นะ จะดีมากถ้ามีน้ำแข็งด้วย
เพื่อน:อ่า เอาน้ำแข็งแบบไหนดี ทุบละเอียดหรือก้อนกลม(ยูนิค)
ป๋ม:กลมๆละกัน
เพื่อน:เอาแบบใหญ่ๆ หรือ เล็กๆดีล่ะ
ป๋ม:เอาว่าใส่น้ำแล้วมันเย็นอ่ะ
เพื่อน:จานรองแก้วล่ะ เอาเป็นไม้ หรือ สแตนเลสดี
ป๋ม:สแตนเลสเนอะ
เพื่อน:กลมๆ หรือ สี่เหลี่ยม
ป๋ม:เดี๋ยวกูไปแดกน้ำที่บ้าน เดี๋ยวมา (อยากจะชกซัก 1ที)
เพื่อน:…………ผิดอารายว้า….



17  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "60 พระพุทธภาษิต ของชีวิต" เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 06:02:14 pm


๑. ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ สั้นนิดเดียว ลำบากยากเข็ญ มีทุกข์มาก แต่ก็ไม่มี เครื่องหมาย(ลางบอกหรือสิ่งเตือน) ให้รู้ว่า จะตายเมื่อใด

๒. สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว พยายามหาวิธีที่จะไม่ต้องตาย ก็ไม่สำเร็จ ถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไป จนชราภาพก็ต้องตาย อยู่ดี เพราะธรรมดาของสัตว์โลกเป็นอย่างนี้

๓. สัตว์ทั้งหลายเกิดมาแล้ว ก็มีภัยจากการที่ต้องตายเป็นนิตย์(เสมอ) เปรียบเหมือน ผลไม้สุกงอม แล้ว ก็มีภัย จากการที่ต้องร่วงหล่นไปในเวลาเช้า

๔. ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ต้องแตกดับไปเป็นธรรมดาเปรียบเหมือนภาชนะดินทุกชนิด ที่ช่างหม้อปั้นแล้วในที่สุดก็ต้องแตกไป

๕. ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ ทั้งคนโง่ ทั้งคนฉลาด ล้วนตกอยู่ในอำนาจของมฤตยู บ่ายหน้า ไปสู่ความ ตายทั้งนั้น

๖. เมื่อเหล่าสัตว์จะตาย ต้องไปปรโลกแน่นอนแล้ว บิดามารดาก็ไม่สามารถช่วย บุตรธิดาของตน ไว้ได้ หรือหมู่ญาติก็ไม่สามารถจะช่วยพวกญาติของตนไว้ได้

๗. จงดูเถิด ทั้งๆ ที่มีหมู่ญาติมาเฝ้ารำพึงรำพันอยู่ โดยประการต่างๆ แต่ผู้จะตาย กลับถูกมฤตยูคร่าตัวเอาไปแต่เพียงผู้เดียว เหมือนโคที่เขาจะฆ่า ถูกนำไปแต่เพียงตัวเดียว

๘. สัตว์โลกตกอยู่ในอำนาจของความแก่และความตายอย่างนี้ เพราะเหตุนั้น นักปราชญ์ทั้งหลายทราบชัดถึงสภาพของสัตว์โลกแล้ว จึงไม่เศร้าโศกกัน

๙. ท่านหาได้รู้ทางของผู้มา (เกิด) หรือผู้ไป (สู่ปรโลก) ไม่ เมื่อไม่เห็นปลายสุดทั้งสองด้าน ถึงจะคร่ำครวญไปก็ไร้ประโยชน์

๑๐. ถ้าผู้ที่ทำตนให้เดือดร้อนด้วยการหลงใหลคร่ำครวญ จะทำประโยชน์อะไร ให้เกิดขึ้นได้บ้าง นักปราชญ์ผู้รู้แจ้งก็คงจะทำอย่างนั้นตามไปแล้ว

๑๑. การร้องไห้ เศร้าโศก ไม่สามารถทำใจของผู้คนให้สงบได้ มีแต่จะเกิดทุกข์มากยิ่งขึ้น ทั้งร่างกายก็จะพลอยทรุดโทรม

๑๒. จะเบียดเบียนตนเอง มีร่างกายซูบผอม ผิวพรรณหมองคล้ำ การร่ำไห้คร่ำครวญ ไม่ได้ช่วยอะไรแก่คนที่ตายไปแล้ว จึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย

๑๓. คนที่สลัดความโศกไม่ได้ มัวทอดถอนใจถึงคนที่ตายไปแล้ว ตกอยู่ในอำนาจของ ความเศร้าโศก มีแต่จะทุกข์มากยิ่งขึ้น

๑๔. จงดูเถิด ถึงแม้คนอื่นก็กำลังจะตายไปตามยถากรรม สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ต่างตกอยู่ในอำนาจมฤตยู กำลังพากันดิ้นรน(อยู่บนโลก)ด้วยกันทั้งนั้น

๑๕. สัตว์ทั้งหลายตั้งความหวังอยากจะให้เป็นอย่างอื่น (คือไม่ตาย) แต่ก็ไม่สมหวัง ความพลัดพรากจากกันมีอยู่เป็นประจำ ท่านจงพิจารณาดูความจริงแท้ของสัตว์โลกเถิด

๑๖. แม้จะมีคนอยู่ได้ถึงร้อยปี หรือเกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องพลัดพรากจากหมู่ญาติ ทิ้งชีวิตไว้ในโลกนี้ อยู่ดี

๑๗. เพราะเหตุนั้น เมื่อได้สดับธรรมเทศนาของพระท่านแล้ว ก็พึงระงับ ความคร่ำครวญ ร่ำไห้เสีย ยามเมื่อเห็นคนล่วงลับดับชีวิตไป ก็ให้กำหนดรู้ว่า เขาตายไปแล้ว เราจะให้ เขาฟื้นคืนมาอีกไม่ได้

๑๘. ธีรชนผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด พึงกำจัดความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นเสียโดยฉับพลัน เหมือนเอาน้ำ ดับไฟ ที่กำลังไหม้ลุกลาม และเหมือนลมพัดปุยนุ่น

๑๙. ผู้แสวงสุขแก่ตน พึงระงับความเศร้าโศกคร่ำครวญร่ำไห้ ความโหยหา และ ความโทมนัส พึงถอนลูกศรคือความเศร้าโศกเสียให้ได้

๒๐. ผู้ถอนลูกศรนี้ได้แล้ว ก็จะมีอิสระ ได้ความสงบใจ ผ่านพ้นความเศร้าโศกทั้งปวง ไม่มีความเศร้าโศกมีแต่เยือกเย็นใจ

๒๑. ชีวิตนี้น้อยนัก มนุษย์ย่อมตายภายในร้อยปี ถึงใครจะอยู่เกินกว่านั้นไปบ้าง ก็ต้องตายเพราะชราเป็น แน่แท้

๒๒. ชนทั้งหลายเศร้าโศก เพราะสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ทั้งๆ ที่สิ่งที่ยึดถือนั้น ไม่มีอะไรเที่ยงแท้เลย ผู้ที่มองเห็นว่า ความพลัดพรากจากกันจะต้องมีแน่นอนเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ควรอยู่ครองเรือน

๒๓. คนที่สำคัญหมาย(กำหนด)สิ่งใดว่า " นี้ของเรา" ก็จะต้องจากสิ่งนั้นไปเพราะความตาย พุทธมามกะผู้เป็น บัณฑิต ทราบความข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรเอนเอียงไปในทาง ที่จะยึดถือว่า เป็นของเรา

๒๔. คนที่รักใคร่กัน ตายจากไปแล้ว ก็จะไม่ได้พบเห็นกันอีก เหมือนคนตื่นขึ้น ไม่เห็นสิ่งที่พบในฝัน

๒๕. (ขณะมีชีวิตอยู่) คนที่มีชื่อเรียกขาน ก็ยังพอได้พบเห็นกันบ้าง ได้ยินเสียงกันบ้าง คนที่ตายไปแล้วก็เหลือแต่ชื่อเท่านั้น ที่จะพูดถึงกันอยู่

๒๖. ผู้ที่พึงพอใจในสิ่งที่ยึดถือว่าเป็นของเรา ย่อมสละความเศร้าโศก ความคร่ำครวญ และความหวงแหนไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ทั้งหลายเห็น ความปลอดโปร่ง จึงสละสิ่งที่เคยแหนหวงเที่ยวไปได้

๒๗. บัณฑิตทั้งหลาย กล่าวถึงผู้ไม่แสดงตนในภพ (ผู้บรรลุแล้ว) ว่าเป็นบุคคลที่สอดคล้อง เหมาะสมกับภิกษุผู้บำเพ็ญความหลีกเร้นถอนจิต (ผู้ที่ยังไม่บรรลุ) ซึ่งอยู่ในเสนาสนะ ที่สงัด

๒๘. ผู้เข้าถึงธรรม (มุนี) ไม่ติดอยู่ในสิ่งทั้งปวง ไม่ทำอะไรๆ ให้เป็นที่รัก และให้เป็นที่เกลียดชัง ความรำพึงรำพันและความหวงแหน จึงมิได้แปดเปื้อน เหมือนน้ำไม่แปดเปื้อนใบบัว

๒๙. หยาดน้ำไม่ติดบนใบบัว วารีไม่ติดบนดอกบัวฉันใด ผู้เข้าถึงธรรม(มุนี) ก็ไม่ติดในรูปที่เห็น เสียง ที่ได้ยิน และอารมณ์ที่ได้รับรู้ ฉันนั้น

๓๐. ผู้ห่างไกลจากกิเลส ผู้มีปัญญา ไม่สำคัญหมาย(ยึดถือ,เข้าไปคิดถึง)ในรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน และอารมณ์ที่รับทราบ ไม่ปรารถนาความบริสุทธิ์ด้วยวิธีการอื่น ทั้งไม่ยินดียินร้าย

๓๑. บุคคลใด ประพฤติทุจริตชั่วร้าย ไม่มีปัญญา(ความคิด) ถึงจะมีชีวิตตั้งร้อยปี ชีวิตของเขา ก็หาประเสริฐไม่ ส่วน บุคคลใด มีศีล มีปัญญา แม้มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียว ก็เป็นชีวิต ที่ประเสริฐกว่า

๓๒. บุคคลใด เกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี ชีวิตของเขา ก็หาประเสริฐไม่ ส่วนบุคคลใด มุ่งหน้าทำความเพียรอย่างมั่นคง แม้มีชีวิตอยู่ เพียงวันเดียว ก็เป็นชีวิตที่ประเสริฐกว่า

๓๓. บุคคลพึงสละทรัพย์เมื่อจะรักษาอวัยวะ พึงยอมสละอวัยวะเมื่อจะรักษาชีวิต และยอมสละทุกอย่าง ทั้งอวัยวะ ทรัพย์ และแม้ชีวิต เมื่อคำนึงถึงธรรม


*******

๓๔. อายุสังขารจะพลอยประมาทไปกับมนุษย์ทั้งหลาย ที่ยืน เดิน นั่งนอนอยู่ ก็หาไม่

*******

๓๕. เพราะฉะนั้น ในชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ คนเราควรทำกิจหน้าที่ของตน และต้องไม่ประมาท

๓๖. ดอกไม้ที่สุมกันอยู่เป็นกอง นายช่างที่ฉลาด สามารถนำมาร้อย เป็นพวงมาลัย มีคุณค่ามาก ได้ฉันใด

ชีวิตคนเราที่เกิดมานี้ ก็ควรจะใช้ ประกอบกุศลกรรม ความดีให้มาก ฉันนั้น


๓๗. บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ในปรโลก

๓๘. ความตายเราก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจ เราจักทอดทิ้งกายนี้ อย่างมีสติ สัมปชัญญะ มีสติมั่น

๓๙. ความตายเราก็มิได้ชื่นชอบ ชีวิตเราก็มิได้ติดใจเรารอคอยเวลา เหมือนคนรับจ้าง ทำงานเสร็จแล้วรอรับค่าจ้าง



*******

๔๐. วัยสิ้นไปตามคืนและวัน

*******


๔๑. วันคืนล่วงไป ชีวิตของคนก็พร่องลงไป จากประโยชน์ที่จะทำ

๔๒. วันคืนไม่ผ่านไปเปล่าๆ

๔๓. กาลเวลาล่วงไป วันคืนผ่านพ้นไป วัยก็หมดไปทีละตอนๆ ตามลำดับ

๔๔. รูปกายของสัตว์ย่อมร่วงโรยไป แต่ชื่อและโคตรไม่เสื่อมสลาย

๔๕. เมื่อจะตาย ทรัพย์แม้แต่น้อยก็ติดตามไปไม่ได้

๔๖. กาลเวลาย่อมกลืนกินสัตว์ทั้งหลาย พร้อมกับตัวมันเอง

๔๗. ถ้าบุคคลจะเศร้าโศกถึงคนที่ไม่มีอยู่แก่ตนคือ คนที่ตายไปแล้ว ก็ควรจะเศร้าโศก ถึงตนเอง ซึ่งตกอยู่ในอำนาจของพญามัจจุราชตลอดเวลา

๔๘. วัยย่อมเสื่อมลงไปเรื่อย ทุกหลับตา ทุกลืมตา

**ช๔๙. เมื่อวัยเสื่อมสิ้นไปอย่างนี้ ความพลัดพรากจากกันก็ต้องมีโดยไม่ต้องสงสัย หมู่สัตว์ที่ยังเหลืออยู่ควรเมตตาเอื้อเอ็นดูกัน ไม่ควรจะมัวเศร้าโศกถึงผู้ที่ตายไปแล้ว

๕๐. ผู้ที่เศร้าโศกถึงคนตาย ก็เหมือนเด็กร้องไห้ขอพระจันทร์ที่โคจรอยู่ในอวกาศ คนตายถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้ว่าญาติคร่ำครวญถึง เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศก เขาไปแล้วตามวิถีทางของเขา

**๕๑. ตอนเช้า ยังเห็นกันอยู่มากคน พอตกเย็น บางคนก็ไม่เห็นกัน เมื่อเย็น ยังเห็นกันอยู่ มากคน ตกถึงเช้า บางคนก็ไม่เห็นกัน

***๕๒. จะตายก็ไปคนเดียว จะเกิดก็มาคนเดียว ความสัมพันธ์ของสัตว์ทั้งหลาย ก็เพียงแค่ มาพบปะเกี่ยวข้องกันเท่านั้นเอง

****๕๓. วันคืนผ่านไป อายุก็เหลือน้อยเข้าทุกที

*****๕๔. แม่น้ำเต็มฝั่ง ไม่ไหลทวนขึ้นสู่ที่สูงฉันใด อายุของมนุษย์ทั้งหลาย ย่อมไม่เวียนกลับมาสู่วัยเด็ก ได้อีก ฉันนั้น

๕๕. ผู้เข้าถึงธรรม ไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ฝันเพ้อถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดำรงอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นผิวพรรณจึงผ่องใส

๕๖. คืนวันผ่านไป ไม่มีอะไรให้เราเดือดร้อน ไม่เห็นมีอะไรที่เราสูญเสียในโลก ฉะนั้น เราจึงนอนสบายใจคิดแต่จะช่วยปวงสัตว์

๕๗. เวลาแต่ละวัน อย่าให้ผ่านไปเปล่าๆ จะน้อย หรือมาก ก็ให้ทำอะไรไว้บ้าง

๕๘. เร่งทำความเพียรเสียแต่วันนี้ ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้จะตายหรือจะอยู่

๕๙. คนขยันทั้งคืนวัน ไม่ซึมเซา เรียกว่า มีแต่ละวันนำโชค

๖๐. จะมีชีวิตอยู่ก็ไม่เดือดร้อน ถึงจะตายก็ไม่เศร้าโศก ถ้าเป็นปราชญ์ มองเห็นที่หมายแล้ว ถึงอยู่ท่ามกลางความเศร้าโศก ก็ไม่เศร้าโศก….

จากคุณ    : Nina_AnGeLic

 :08:
18  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การฝึกหายใจ จากหนังสือคู่มือ ล้างพิษทางอารมณด้วย ชี่กง โดย นพ. เทอดศักดิ์ เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 05:45:45 pm
การฝึกหายใจ
จากหนังสือคู่มือ ล้างพิษทางอารมณด้วย ชี่กง
โดย นพ. เทอดศักดิ์ เดชคง


การฝึกหายใจ : เน้นการหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบ เพื่อกระตุ้นระบบประสาทผ่อนคลาย ผ่านการขยับกระบังลม

คน ปกติทั่วๆไป มักจะหายใจโดยอาศัยการยกตัวของกระบังลมประมาณ  30%  และมีการขยับหน้าท้องประมาณ  70%  แต่หากเป็นผู้ที่อยู่ในภาวะกดดัน หรือเผชิญความเครียดทางกายหรือทางใจก็ตาม สัดส่วนนี้จะเปลี่ยนไป
คือ บริเวณทรวงอกจะทำงานมากกว่าส่วนท้อง  บางรายอาจเห็นทรวงอกยกตัวขึ้นขณะหายใจเข้าพร้อมๆกับผนังหน้าท้องยุบตัวลง  รูปแบบเช่นนี้เป็นการปรับตัวเพื่อต่อสู้กับภาวะกดดัน  แต่หากเป็นอยู่นานเกินไป กลับจะทำให้ร่างกายเสียสมดุล  จนอาจเจ็บป่วยด้วยความผิดปกติต่างๆ


ลองสังเกตเด็กเล็กๆ ดูเถิดว่า เขาหายใจเช่นไร  เด็กเล็กยังไม่ได้พัฒนากล้ามเนื้อซี่โครงเหมือนผู้ใหญ่  พวกเขาจะหายใจเข้าท้องพอง  หายใจออกท้องยุบตลอดเวลา 


ท่าทางกับการฝึกหายใจ 

สำหรับ บางท่าน  การฝึกหายใจให้ลึกถึงท้องอาจเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายนัก  เนื่องจากเคยชินกับลักษณะการหายใจแบบเสียสมดุลมานาน   อย่างไรก็ตามเราพบว่า   ในท่านอนราบเป็นท่าฝึกที่ง่ายที่สุด    รองลงมาคือท่านั่งและยืน   ตามลำดับ
เมื่อฝึกติดต่อกันนานพอสมควรแล้วก็จะเกิดความชำนาญ  สามารถปรับปรุงแบบการหายใจได้ตามใจปรารถนา



ท่านอน
นอนราบกับพื้น หรือบนเตียงนอน  นำสิ่งของน้ำหนักเบา  เช่น  กล่องกระดาษเล็กๆ มาวางไว้บริเวณสะดือ
เพื่อเป็นจุดสังเกต  สายตาของผู้ฝึกควรมองที่วัตถุนั้นว่า  ขณะที่หายใจเข้านั้น  กล่องได้ลอยตัวสูงขื้น หรือยุบตัวลงไป
การหายใจที่ลึกถึงท้อง  คือ  ต้องหายใจเข้าให้ท้องพองออก หายใจออกท้องยุบแฟบลง  ขณะเดียวกันให้ทรวงอกนั้น
ขยับตัวให้น้อยที่สุด 
เป้าหมายการฝึกอยู่ที่ให้ท้องขยับตัวให้มากกว่า 80%
ผู้ฝึกต้องสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของระบบสรีระในร่างกาย  ว่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นหรือไม่
ได้แก่   ความรู้สึกโล่งสบาย  ฝ่ามือฝ่าเท้าอุ่นขึ้น  หายใจได้ช้าลง   ชีพจรหรือหัวใจเต้นช้าลง  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว   เป็นตัวบอกความสำเร็จของการฝึกหายใจนี้

ท่านั่ง
นั่งสบายๆบนเก้าอี้  เอามือประสานกันหลวมๆ  วางเบาๆ  บนหน้าท้อง  ไหล่ปล่อยตามสบายไม่เกร็ง
เมื่อหายใจเข้าก็จินตนาการว่า  ลมหายใจเข้านั้นลงลึกไปจนถึงช่องท้อง  ทำให้ท้องพองขึ้นคล้ายกับการเป่าลูกโป่ง
เมือหายใจออก  ว่า  ลมหายใจนั้นก็ออกจากช่องท้องมาจนถึงรูจมูก 




ท่ายืน
เอามือประสานกันวางบนหน้าท้องเช่นเดียวกับท่านั่ง  แล้วหายใจเข้า-ออกใช้จินตนาการเช่นเดียวกัน
สำหรับบางคนอาจโน้มตัวลงมาข้างหน้าเล็กน้อย   ขณะหายใจออก     และเหยียดลำตัวตรงขณะหายใจเข้า
จะช่วยกระตุ้นให้กระบังลมและหน้าท้องขยับตัวได้ดีขึ้น 


ระยะเวลาการฝึก
ในสัปดาห์แรก  ควรฝึกหายใจให้ได้วันละ  10-15  นาที  ก่อนนอน  ซึ่งจะมีประโยชน์ช่วยให้ผ่อนคลาย  นอนหลับได้สบายดียิ่งขึ้น    ต่อเมื่อฝึกในท่านอนได้แล้ว  ก็มาฝึกในท่านั่ง วันละ   10-15  นาที


ใน สัปดาห์ที่  2   ก็ควรฝึกในท่ายืน   หรือขณะที่มีอิริยาบถต่างๆ  ตามที่ต้องการ  อาจจะฝึกทันทีที่นึกขึ้นได้  ไม่จำเป็นต้องฝึกตามกำหนดเวลาอีก
จากคุณ    : luckycatty

19  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีเจริญสติปัฏฐาน ด้วยหลักการง่ายๆ เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 05:42:06 pm
วิธีเจริญสติปัฏฐาน ด้วยหลักการง่ายๆ
เพื่อจิตสงบไม่วุ่นวาย อีกทั้งได้ญาณปัญญา

เมื่อนั่งขัดสมาธิ ให้ตั้งกายตรง
ดำรงสติมั่นคง จิตจรดลงที่ท้อง

หายใจตามสบาย เป้าหมายที่ยุบพอง
ความรู้สึกที่ท้อง สติต้องติดตาม

รักษาจิตให้บริสุทธิ์ สิ่งพิรุธไม่ย้อนถาม
ยอด เยี่ยม หรือดีงาม กำหนดตามที่เป็นจริง

เคร่งตึง หรือเคลื่อนไหว ผันแปรไปไม่อยู่นิ่ง
ทุกขณะอย่าละทิ้ง กำหนดทุกสิ่งที่หกทวาร

ความคิดที่ฟุ้งไป รู้ฉับไวในทุกสถาน
กำหนดรู้ให้ทันการณ์ ไม่พลาดผ่านแม้ครั้งเดียว

รู้สึกร้าย ดี หรือเฉย อย่าละเลยไม่แลเหลียว
โลกธรรมที่เกาะเกี่ยว แม้น้อยเดียวกำหนดไป

เห็น ได้ยิน ทุกอายตนะ สัมปชัญญะระลึกได้
อย่าประมาท อย่าปล่อยใจ กำหนดไว้ทุกเวลา

จากคุณ    : ชาวมหาวิหาร

 :25:
20  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ถ้าเราทำการค้าขาย แล้วบวกกำไรเข้าไปมาก อันนี้เป็นบาปหรือไม่ครับ เมื่อ: เมษายน 17, 2011, 07:55:11 am
สมมุติ ว่าเราทำการค้าขาย ซื้อของมาในราคาทุน และกำหนดราคา 1 เท่าของราคาทุน แล้วขาย

ซึ่งก็มีคนซื้อ อันนี้จัดเป็นบาป อกุศลหรือไม่คะ เป็นการโกงหรือไม่ที่เรากำหนดราคาขึ้นมา ไว้อย่างนี้

บางคนก็บอกว่า สะดวก บางคนก็บอกว่า แพง บางคนก็บอกว่า ราคาสมน้ำ สมเนื้อ บางคนก็เฉย ๆ

เลยไม่รู้ว่าการที่เราใส่กำไร ราคาลงไปอย่างนี้เป็นบาป อกุศล หรือ ไม่คะ

 :c017: :17:
21  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ยอมติดคุกดีกว่า เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 10:52:15 am


หนุ่มใหญ่นั่งครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน จนภรรเมียสงสัย

คิดอะไรอยู่หรือพี่ เธอถาม

จำได้มั้ย วันนี้เมื่อยี่สิบปีที่แล้วพ่อเอ็งจับได้ว่าข้าเข้าหาเอ็ง

จำได้สิพี่ เมียพยักหน้าหงึกๆ

แล้วพ่อเอ็งก็ให้ข้าเลือกว่าจะมาสู่ขอเอ็งหรือว่าจะยอมติดคุกซัก 20 ปี

แล้วพี่ก็เลือกแต่งกับชั้น เมียพยักหน้าอาการรับรู้

แล้วพี่นั่งคิดอะไรอยู่ล่ะ

ข้าคิดอยู่ว่า ถ้าข้ายอมติดคุก วันนี้ข้าก็พ้นโทษแล้วว่ะ!!!
22  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ” เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 01:36:54 pm

นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”
แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝนต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน
ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำคนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้
ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวันก็ยังโง่เท่าเดิม
นัยอันล้ำลึกของคำว่า “ขอบคุณ”
ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้
ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ
ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ
ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม
ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่
ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ
ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์
ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่
ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ
ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมืองใหม่
ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ
ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน
ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น
ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน
ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ…
โดยท่าน ว. วชิรเมธี
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ( วานลุง kittisak รับรองหน่อยได้หรือป่าวคะ ) เมื่อ: ธันวาคม 23, 2010, 04:42:11 pm
ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 1 มกราคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 7 , 9 , 14 , 21 , 23 , 30

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 2 กุมภาพันธ์ ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 4 , 8 , 10 , 15 , 17 , 25

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 3 มีนาคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 1 , 3 , 4 , 6 , 11 , 13 , 18 , 20 , 22 , 25 , 29

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 4 เมษายน ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ -

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 5 พฤษภาคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 6 , 9 , 13 , 14 , 16 , 20 , 23 , 27 , 28 , 30

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 6 มิถุนายน ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 3 , 4 , 6 , 7 , 11 , 17 , 20 , 21 , 25 , 28

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 7 กรกฎาคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 4 , 5 , 9 , 12 , 18 , 19 , 22 , 25 , 26 , 29

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 8 สิงหาคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 2 , 6 , 9 , 12 , 13 , 15 , 16 , 19 , 20 , 23 , 26 , 27

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 9 กันยายน ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 6 , 10 , 17 , 19 , 24 , 26 , 30

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 10 ตุลาคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 3 , 7 , 10 , 11 , 14 , 17 , 28 , 29 , 31

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 11 พฤศจิกายน ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 1 , 8 , 11 , 12 , 14 , 15 , 19 , 22 , 28 , 29

ฤกษ์แต่งงาน ปี 2554 ประจำเดือน 12 ธันวาคม ฤกษ์ดี ฤกษ์มงคล วันที่ 2 , 6 , 9 , 12 , 13 , 16 , 17 , 19 , 20 , 23 , 24 , 30 ,31


เห็นเขาโพสต์ กันใน เมล

ไม่รู้เชื่อถือได้ขนาดไหน นะคะ
 :86:
24  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การฟังธรรม แล้ว บรรลุธรรม นี้ทำอย่างไรครับ เมื่อ: ธันวาคม 17, 2010, 10:47:59 am
ได้อ่านประวัติในพระพุทธประวัติ แล้ว ก็ชื่นชมกับบุคคลสมัยก่อนมากคะ ว่าบรรลุธรรมได้ง่ายเพราะการฟัง

ก็เลยสงสัยว่า แล้วเราเอง จะฟัีงธรรมให้บรรลุธรรม นั้นทำอย่้างไร จึงจะฟังแล้วบรรลุได้

ซึ่งความเข้าใจ ก็คือ ไม่ต้องภาวนา สมถะ หรือ วิปัสสนา อันใด ก็สามารถบรรลุธรรมได้

ดังนั้น เราควรทำอย่างไร ถึงจะเป็นการฟังที่ถูกต้อง เพื่อการบรรลุธรรมจากการฟังได้ คะ

 :25:
25  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การฝึก มหาสติปัฏฐาน สามารถทำให้ได้ ญาน 10 หรือป่าวคะ เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 10:43:19 am
การฝึก มหาสติปัฏฐาน สามารถทำให้ได้ ญาน 10 หรือป่าวคะ

คือ หนูสงสัยอยู่ว่า ถ้าเราฝึกวิปัสสนา คือ มหาสติปัฏฐาน แล้ว จะสามารถสำเร็จ ญาณ 10 อย่างใดอย่าง 1

เป็นไปได้หรือป่าวคะ

 :25:
26  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ฆ่า มด กับ ฆ่า ปลา อันไหนบาปมากกว่ากัน เมื่อ: ธันวาคม 03, 2010, 01:27:43 pm
มีผู้เฒ่า ผู้แก่ บอกว่า การฆ่าสัตว์ เล็ก กับ สัตว์ ใหญ่นั่น มีบาปแตกต่างกันใช้หรือป่าวครัย

   เช่น ฆ่ามด บาปน้อยกว่า กว่า ฆ่า แมลงสาบ เป็นต้น

   หรือความเข้าใจเช่นนี้ มีความเชื่อที่ผิด อยู่ ครับ

 :25:
27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เมื่ออารมณ์ ไม่ดี เป็นวิธี ปฎิบัติง่าย จาก เด็กดีวีสตาร์ เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2010, 10:31:53 am


1. มองโลกในแง่ดี 

เมื่อ เรามีความคิดที่ทำให้ซึมเศร้า เช่น "ฉันทำวิชาเลขไม่ได้" ให้คิดใหม่ว่า "ถ้าฉันได้รับความช่วยเหลือที่ถูกต้องฉันก็จะทำได้" แล้วไปหาครู ครูพิเศษ หรือให้เพื่อนช่วยติวให้

             
2. หาสมุดบันทึกสักเล่มไว้เขียนก่อนเข้านอนทุกวัน

ใน สมุดบันทึกเล่มนี้ ห้ามเขียนเรื่องไม่ดี จงเขียนแต่เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ตอนแรกอาจจะยากหน่อย แต่ให้เขียนเรื่องอย่างเช่น มีคนแปลกหน้ายิ้มให้ ถ้าได้ลองตั้งใจทำ มันจะเปลี่ยนความคิดให้เรามองหาแต่เรื่องดีๆ จากการศึกษาพบว่า คนที่คิดฆ่าตัวตายมีอาการดีขึ้นหลังจากเริ่มเขียนบันทึกเรื่องดีๆ ได้เพียงสองสัปดาห์

             
3. ใช้เวลาอยู่กับคนที่ทำให้เธอหัวเราะได้

           
4. ใส่ใจกับความรู้สึกของตนเองในเวลาแต่ละช่วงวัน

การ ตระหนักรู้ถึงอารมณ์ของตัวเองจะทำให้เราจับคู่งานที่เราต้องทำกับระดับ พลังงานในตัวได้อย่างเหมาะสม เช่น ถ้าเรารู้สึกดีที่สุดตอนเช้าแสดงว่าตอนเช้าคือเวลาจัดการกับงานเครียดๆ เช่น ไปเจอเพื่อนที่ทำร้ายจิตใจเรา หรือคุยกับครูที่เราคิดว่าให้เกรดเราผิด ถ้าปรกติเราหมดแรงตอนบ่าย ให้เก็บเวลาช่วงนั้นเอาไว้ทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้พลังทางอารมณ์มาก เช่น อ่านหนังสือหรืออยู่กับเพื่อน อย่าทำอะไรเครียดๆ เวลาเหนื่อยหรือเครียด

             
5. สังเกตอารมณ์ตัวเองในเวลาช่วงต่างๆ ของเดือน

ผู้หญิงบางคนพบว่า ช่วงเวลาที่ตัวเองอารมณ์ไม่ดีสัมพันธ์กับรอบเดือน

             
6. ออกกำลังกาย

การ ออกกำลังกายช่วยให้เราแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกายอย่างน้อยแค่วันละ 20 นาที สามารถทำให้รู้สึกสงบและมีความสุขได้ การออกกำลังจะช่วยเพิ่มการผลิตเอ็นดอร์ฟีนของร่างกายด้วย เอ็นดอร์ฟีนเป็นสารเคมีในร่างกาย ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีและมีความสุขตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด

             
7. รู้จักไตร่ตรองแยกแยะ

             
8. ฟังเพลง

งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า จังหวะของเสียงเพลงช่วยจัดระเบียบความคิดและความรู้สึกมั่นคงภายในจิตใจ และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

             
9. โทรหาเพื่อน

การ ขอความช่วยเหลือทำให้คนเรารู้สึกผูกพันกับคนอื่นและรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และการโอบกอดช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดีออกมา ซึ่ง
จะช่วยให้เรารับมือกับอารมณ์ได้

             
10. อยู่ท่ามกลางคนที่มีความสุข

อารมณ์ ดีเป็นโรคติดต่อที่แพร่ได้เร็วมา เราจะเลียนแบบสีหน้า การแสดงออก กล้ามเนื้อ ท่าทาง รูปแบบการพูด เพื่อให้เข้ากับคนที่เราอยู่ด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว
28  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หลวงพ่อฤาษีใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อ: พฤศจิกายน 27, 2010, 10:25:40 pm
หลวงพ่อฤาษีใหญ่ที่สุดในโลก

พี่ น้องทุกๆท่านคะ กระติ๊บน้อยมีเรื่องแจ้งให้ทราบค่ะ คือว่า หลวงพ่อองอาจ ท่านได้มีแนวคิดที่จะสร้างหลวงพ่อฤาษี(ในท่านั่งรับแขก)ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้น

ซึ่งวัตถุประสงค์ในการสร้างนั้นก็เพื่อน้อมรำลึกถึงคุณความดีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี(ลิงดำ)
 

การสร้างหลวงพ่อฤาษีองค์ใหญ่ที่สุดในโลกนี้จะจัดสร้างบนพื้นที่16ไร่  ที่ผู้มีจิตศรัทธาได้ถวายที่ดินเพิ่มให้กับหลวงพ่อองอาจท่านค่ะ



ซึ่งการสร้างจะสร้างเป็นสามชั้น

ชั้นที่หนึ่ง (ชั้นล่าง)เป็นอาคารสำนักงาน

ชั้นทีสองเป็น ส่วนจัดแสดงคำสอน และประวัติของหลวงพ่อฤาษ๊ลิงดำ

ชั้นที่สาม (ชั้นบนสุด) เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อฤาษีใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ

และข้างล่างนี่คือรูปเหมือนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่จะสร้างในอนาคตค่ะ


ที่มา
http://www.trendytarot.com/index.php?option=com_content&task=view&id=273&Itemid=65


สักวันคงจะมีใครสร้าง หลวงปู่สมเด็จพระสังฆราชสุก ใหญ่ที่สุดในโลกบ้าง นะ ( หรืออย่าไปทำตามเขา )
29  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อาหาร ต้องห้าม ยามท้องว่าง เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:29:04 pm

อาหารต้องห้ามยามท้องว่าง
 
 



 
                    คงจะมีบ่อยครั้งที่เรารับประทานอาหารหรือ เครื่องดื่ม โดย ไม่คำนึงถึงผลที่จะได้รับ ต่อร่างกาย แม้กระทั่งว่าบางชนิดเราเองก็ทราบดีว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่รู้หรือไม่ว่า หากเรารับประทานในขณะที่ท้องว่างอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ทั้งนี้เพราะสารอาหารต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวของมันจะไป สร้างปฏิกิริยา กับน้ำย่อยในกระเพาะ ของเราจนเกิดอาการผิดปกติ  หมูหวานเลยยกอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ควร รับประทานขณะท้องว่างมาให้รู้กันว่ามีอะไรบ้าง จะได้คิดให้ถี่ถ้วนก่อนหยิบเข้าปาก

นมและนมถั่วเหลือง

                     เป็นที่ทราบกันดีว่า นมสดและนมถั่วเหลืองเป็นเครื่องดื่มมากคุณค่า อุดมไปด้วยโปรตีน แต่หากดื่มโดยที่กระเพาะอาหารยังไม่มีอะไรมารองรับจะทำให้เกิดอาการจุกเสียด และปวดท้อง เนื่องจากกระเพาะต้องทำงานหนักในการย่อยสารอาหารในนม ในบางรายจะมีอาการท้องเสียทันที

กล้วย

                    ผู้ช่วยตัวเก่งของผู้มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย อีกทั้งยังมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อย่างไรก็ดีก็ไม่ควรรับประทานในขณะที่ท้องว่าง เพราะธาตุแมกนีเซียมในกล้วยจะไปเพิ่มปริมาณสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียม ไป อีกทั้งยังไปยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการแน่นหน้าอก อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

ลูกพลับ

                    ผลไม้สีส้มสวยสด รสชาติหอมหวาน มากคุณค่า แต่หากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามากเกินไป และหากกรดนี้เกิดการรวมตัวกับยางและสารแขวนลอยในลูกพลับ จะมีอาการแน่นหน้าอกคลื่นไส้ และเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้

น้ำตาลหรือของหวานต่างๆ

                    เวลาอ่อนเพลียทีไร เป็นต้องนึกถึงของหวานๆ จำพวกน้ำอัดลม ลูกกวาด หรือ ช็อกโกแลต เพื่อเพิ่มความสดชื่น แต่หากรับประทานขณะท้องว่างจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากกว่าเดิมได้ ทั้งนี้เพราะความหวานนั้นเป็นตัวทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนทุกชนิด รวมถึงโปรตีนที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายด้วย จึงเป็นสาเหตุให้สมรรถภาพการทำงานของไตและการหมุนเวียนของโลหิตลดลง

น้ำชา

                     ในวันที่อากาศเย็น หากได้จิบน้ำชาร้อนๆ ก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น แต่ความเข้มข้นเกินไปของน้ำชา จะทำให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่ว่างอยู่เจือจางลง จนส่งผลให้ระบบย่อยของอาหารลดลง อาจเกิดอาการใจสั่น วิงเวียนศีรษะ มือเท้า อ่อนแรงได้ หากใครชอบรสชาติชาที่เข้มข้นก็ควรหาของว่างรับประทานควบคู่ไปด้วย

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

                      ความจริงแล้วเครื่องดื่มอย่างแอลกอฮอล์นั้นส่งผลเสีย ต่อร่างกายทั้งยังยามท้องอิ่มและท้องว่าง แต่จะส่งผลรุนแรงกว่า ในขณะท้องว่าง เพราะแอลกฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นและทำลายเยื่อบุกระเพาอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จนกลายเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

กระเทียม

                      ใครที่มีปัญหาเรื่องคอเรสเตอรอลอยู่ล่ะก็ กระเทียมช่วยคุณได้ แต่รสชาติที่ฉุนและเผ็ดของกระเทียมจะส่งผลให้เยื่อบุในกระเพาะอาหารเกิดการ อักเสบอย่างรุนแรงได้ ทั้งนี้เพราะกระเทียมจะไปกระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้มากเกินความจำเป็นของ ร่างกาย ฉะนั้นจึงไม่ควรรับประทานกระเทียมหากยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง

Tips

                       การรับประทานผลไม้ในมื้อเช้าแทนข้าว จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารในระหว่างวันดีขึ้นทั้งนี้เพราะในผลไม้มีเอนไซม์ ที่เป็นประโยชน์และย่อยตัวเองได้ อีกทั้งร่างกายยังช่วยดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ จากผลไม้ใช้ได้เต็มที่ และช่วยล้างสารพิษที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหารได้ดี แต่ควรเลือกผลไม้ที่มีกากและใยอาหาร

                        ที่สำคัญต้องเป็นผลไม้สดไม่ใช่ผลไม้ดองนะคะนอก เหนือจากอาหารบางชนิดจะส่งผลเสียต่อร่างกายในขณะท้องว่างแล้ว ยังมีสิ่งต้องห้ามขณะท้องว่างอีกด้วย นั่นคือไม่ควรออกกำลังกายและอาบน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อกได้เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างไรก็ตาม เราสามารถดื่มน้ำเปล่า(อุณหภูมิห้อง)สักหนึ่งแก้วเพื่อเป็นการรองท้องก่อน ที่จะรับประทานอาหารต่างๆ รับรองได้ว่าไม่มีผลเสียต่อร่างกายแน่นอน
30  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วิธีลดกรรม แบบชาวบ้าน เมื่อ: ตุลาคม 11, 2010, 12:32:11 pm
อยากให้เอาไว้อ่านกันนะจะได้ไม่ทำบาปกรรม ไม่ว่ากับ คน สัตว์ หรืออะไรก็ตาม เพราะว่ากรรมมันมีจริง และติดจรวดด้วย   (ตอนนี้กรรมมันมี GPS ไม่ ช้าก็หาเราเจอ) อย่าลืม ใครทำอะไรไว้ก็ได้แบบนั้นแหละ แต่สำหรับคนที่ทำดีแล้ว เอาไว้ส่งเป็นวิทยาทานให้กับคนที่กำลังลุ่มหลงในกรรมอยู่นะ จะได้เป็นบุญของเรา
 การลดกรรม 45อย่าง (ควรอ่านอย่างยิ่ง)
มาทำความดี ละเว้นความชั่วกันดีกว่า

1. กรรมที่ไม่มีลูก
กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
ลดกรรม ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ มูลนิธิเด็กอ่อน

2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
กรรมจาก เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า
งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต

3. ตาบอดหรือเป็นโรคตา
กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด ของที่สารธารณะ
ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่ ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพร! ะ บริจาคเงินในกล่อง
ซื้อน้ำมันเติมตะเกียงที่วัด

4. ถูกรถเฉี่ยวชน ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย
กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
ลดกรรม หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ

5. สูญเสียคนใกล้ชิด
กรรมจาก เคยยิงนกตกปลา
ลดกรรม ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ งดกินเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัก 1 อย่างชั่วชีวิต หรือกินเจทุกๆ 3 เดือน ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

6.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
กรรมจาก เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์ พูดให้ผู้อื่นมีความสุข

7. มักเดือดร้อนเพราะไฟ ไฟไหม้บ้าน ไฟดูด
กรรมจาก เคยลบหลู่พระสงฆ์ และศาสนา
ลดกรรม ตักบาตรทุกวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระ หรือทุกๆเดือนในวันพระ ร่วมพิมพ์หนังสือ
ธรรมะแจกจ่ายฟรี

8. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้

9. ตั้งหลักปักฐานไม่ได้ โยกย้ายบ่อย
กรรมจาก ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหาร แก่วัดวาอารามต่างๆ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างหลังคาวิหาร ร่วมทำบุญฝังลูกนิมิต หมั่นไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ณ เมืองที่ตนอยู่อาศัย

10. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
กรรมจาก ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
ลดกรรม บวช ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ 15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่
จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์ หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่าง
สม่ำเสมอเท่าที่จะทำได้

11.ไม่มีคนชื่นชมเอ็นดู ชาดเสน่ห์
กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดี
ปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด

12. เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น
พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี

13. ไปไหนมาไหนลำบาก มีแต่อุปสรรค
กรรมจาก เคยทำลายหนทางสัญจรของวัด หรือของชาวบ้าน หรือทำให้ทางสัญจรสาธารณะได้รับความไม่สะดวก
ลดกรรม บริจาคทรัพย์หรือแรงกายช่วงสร้างสะพาน สร้างทางอันเป็นประโยชน์แก่วัด หรือชุมชนเล็กๆ ช่วยผู้คนยากไร้ให้
ได้มียวดยานพาหนะหรือทางสัญจรที่สะดวก

14. เป็นคนรับใช้เขาร่ำไป
กรรมจาก เคยเนรคุณผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ตน
ลดกรรม ตอบแทนผู้มีคุณด้วยความกตัญญู ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป พระประธาน ทำทานทั้งกับคนและสัตว์

15. ขัดสน อดมื้อกินมื้อ
กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า แก่คนยากไร้อนา! ถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ

16. อาภัพคู่ ร้างคู่
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขา
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่ยากจน ถวายของเป็นคู่ เช่น แจกันคู่
เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ เป็นต้น

17. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
ลดกรรม บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา

18. อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย
กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
ลดกรรม ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา

19. รูปร่างหน้าไม่งดงาม
กรรมจาก ไม่เคยถวายดอกไม้ของหอม
ลด??รรม ถวายพวงมาลัยดอกไม้สด ดอกไม้หอม ทำบุญบริจาคดวงตา บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล

20. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
กรรมจาก เคยคดโกงผู้อื่น!
ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน

21. พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่ หรือทำร้ายพ่อแม่
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5 ศีล 8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน

22. มีคดีความ
กรรมจาก เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
ลดกรรม หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือนๆละ 7 วัน

23. ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
กรรมจาก ไม่สงเคราะห์คนอนาถา ที่มาขออาหาร ขอชายคาหลบฝน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ลดกรรม ร่วมทำบุญซื้อกระเบี้องหลังคาโบสถ์ หมั่นไปกราบไหว้บู! ชาศาลหลักเมือง ทำบุญทำทานแก่สัตว์พิการหรือสัตว์จรจัด

24. จิตใจขุ่นมัว ดุดัน ขี้โมโห
กรรมจาก มักตะหนี่ในการทำบุญ
ลดกรรม สวดมนต ์ไหว้พระ ทุกวันพระ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 5 หรือศีล 8 ทุกๆ 3 เดือน บริจาคทาน แบ่งปันเงินทองหรือ สิ่งของแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก หรือร่วมทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์ และวัดวาอารามต่างๆ

25. ไม่มีชื่อเสียง
กรรมจาก เคยติฉินนินทาทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา

26. ไม่มีวาสนาบารมี
กรรมจาก ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป ทำทานกับคน

27. มีลูกหลานไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
ลดกรรม บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

28. เจอแต่คนเอาเปรียบ
กรรมจาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดีๆเข้ามาในชีวิต

29. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
ลดกรรม ร่ว??ทำบุญสร้างวัด สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

30. ไร้สง่าราศี ขาดวาสนา
กรรมจาก เคยเมาสุระอาละวาด ระรานผู้อื่น!
ลดกรรม นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ทำทานกับคนอนาถา และสัตว์อนาถา ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี

31. ไม่เจริญก้าวหน้า จิตใจเป็นทุกข์
กรรมจาก เคยชักจูงคนทำชั่ว
ลดกรรม ถือศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ทุกๆ 3 เดือน หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน

32. จิตใจฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์
กรรมจาก เคยริษยาผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลาลงน้ำ นั่งสมาธิ สวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร

33. ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ
กรรมจาก เคยทำแท้ง
ลดกรรม ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน ทำบุญใส่บาตรเสมอ

34. เป็นเมียน้อย เมียเก็บ
กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
ลดกรรม ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดี ขึ้น ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและสมหวัง สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้ รับกุศลและอโหสิกรรม

35. เป็นทุกข์เพราะคนในครอบครัว
กรรมจาก เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
ลดกรรม ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยว ได้ นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

36. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
กรรมจาก ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
ลดกรรม ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัด
หรือช่วยเหลือคนป่วย

37. เป็นมะเร็ง
กรรมจาก รู้เห็นเป็นใจกับการทำแท้ง การทารุณสัตว์ หรือการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
ทำบุญสร้างพระพุทธรูป สร้างโบสถ์หรือสร้างศาลาวัด ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี หมั่นนั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน

38. ค้าขายขาดทุน ทำงานไม่ก้าวหน้า
กรรมจาก เคยลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
ลดกรรม หมั่นทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเครื่องเซ่นสังเวย เจ้าที่-เจ้าทาง หมั่นสวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร

39. ด้อยปัญญา
กรรมจาก ฝักใฝ่อบายมุขในชาติก่อน หรือชักชวนคนไปทำชั่ว ดูแคลนหลักธรรมมะ
ลดกรรม พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจก ทำบุญทำทานกับโรงเรียนของเด็กพิการหรือตามมูลนิธิต่างๆ

40. ตกงาน
กรรมจาก เคยกลั่นแกล้งผู้อื่นในเรื่องงาน หรือแย่งงานผู้อื่น
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทาน ร่วมงานบุญต่างๆ ปล่อยนกปล่อยปลา

41. ไม่มีโชคลาภ
กรรมจาก ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ
ลดกรรม หมั่นทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถวายธูป เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย และทองคำเปลว

42. เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค
กรรมจาก ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ

43. มีอาชีพต้อยต่ำที่ผู้คนดูแคลน
กรรมจาก ชาติก่อนเคยบวชด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไร้ความศรัทธา อาศัยผ้าเหลืองหากิน
ลดกรรม ถือศีล 5 ศีล 8 นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ถวายสังฆทานทุกเดือน หรือทุก 3 เดือน

44. ครอบครัวยากจน
กรรมจาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย
หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด

45. เป็นทุกข์เพราะความรัก
กรรมจาก ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
ลดกรรม ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรักสม 

อ่านให้จบเพราะ จุดเด่นอยู่ที่ข้อ 19 ค่ะ
กฏแห่งกรรม
1. เหตุใดคุณมีเสื้อผ้าแพรพรรณอันงดงามสวมใส่มากมาย 
เพราะชาติก่อนคุณเคยถวายจีวรแด่พระสงฆ์

2. เหตุใดชาตินี้คุณมีอาหารดีดีรับประทานอยู่เสมอ 
เพราะชาติก่อนคุณเคยทำทานอาหารแก่คนยากจนในชาติก่อน

3. เหตุใดชาตินี้คุณอดอยากยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดีดีสวมใส่
เพราะคุณตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมทำทานคนจน ในชาติก่อน

4. เหตุใดชาตินี้คุณมีบ้านเรือนให­ญ่โต 
เพราะคุณเคยถวายข้าวสารเข้าวัดในชาติก่อน

5. เหตุใดชาตินี้คุณมีความเจริ­ญรุ่งเรืองและมีความสุขมาก 
เพราะคุณเคยถวายเงินสร้างวัดในชาติก่อน

6. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนสวย และรูปงาม 
เพราะคุณเคยถวายดอกไม้สดบูชาพระด้วยความเคารพในชาติก่อน

7. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องมีปัญญาดี 
เพราะคุณเคยเป็นพุทธมามกะและทานมังสวิรัติในชาติก่อน

8. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นที่รักของทุกๆ คนและมีเพื่อนมากมาย 
เพราะคุณเคยสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนในชาติก่อน

9. เหตุใดชาตินี้คุณมีพ่อ แม่อยู่พร้อมหน้า 
เพราะคุณเคารพและให้ความช่วยเหลือ ไม่ดูแคลนคนไร้­ญาติในชาติก่อน

10. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นเด็กกำพร้า 
 เพราะคุณเคยยิงนก ตกปลา และพรากสัตว์ในชาติก่อน

11. เหตุใดชาตินี้คุณมีอายุยืนแข็งแรง 
 เพราะคุณเคยปล่อยนก ปล่อยปลา สิ่งมีชีวิตในชาติก่อน

12. เหตุใดชาตินี้คุณอายุสั้น 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยฆ่าสัตว์มากมาย

13. เหตุใดชาตินี้คุณเป็นคนรับใช้ 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยดูถูกเหยียดหยามคนจน

14. เหตุใดชาตินี้คุณมีดวงตาสดใส 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยเติมน้ำมันตะเกียงและจุดไฟบูชาพระ

15. เหตุใดชาตินี้คุณโง่ปัญญาอ่อนและหูหนวก 
 เพราะชาติก่อนคุณเคยด่าว่าและหยาบคายต่อหน้าพ่อแม่

16. เหตุใดชาตินี้คุณต้องตายเพราะยาพิษ
 เพราะชาติก่อนคุณเจตนาวางยาในต้นน้ำลำธารให้เป็นพิษ

17. เหตุใดชาตินี้คุณจึงแขวนคอตาย 
 เพราะชาติก่อนคุณใช้ตะข่ายล่าและดักสัตว์

18. ถ้าชาตินี้คุณฆ่าเขา 
 ชาติหน้าเขาก็จะฆ่าคุณ และจะฆ่ากันไป-มาไม่มีสิ้นสุด

19. ถ้าชาตินี้คุณบอกเล่ากฏแห่งกรรม 
 คุณจะเป็นที่เคารพนับถือมากมายในชาติหน้า
** อ่านเสร็จแล้ว ถ้าส่งต่อ ก็เหมือนได้ปฏิบัติตามกฏแห่งกรรม ข้อที่ 19 แล้ว ด้วยความปราถนาดี*
31  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ที่นี่ประเทศไทย จ้า ( ชมภาพสวย ได้ที่นี่ ) เมื่อ: ตุลาคม 06, 2010, 10:28:37 am
คลายเครียดันบ้างนคะ



























32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อ: ตุลาคม 03, 2010, 12:41:01 pm
@เหนือฟ้า..ยังมีฟ้า@
เดิมที สิงโตเป็นสัตว์ที่ อ่อนแอ หาความสง่างามมิได้เลย มันรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง จึงคร่ำครวญต่อเทพเจ้าทุกวัน จนกระทั้งเทพเจ้าทนไม่ไหว เสกให้สิงโตกลายเป็นสัตว์ใหญ่ที่แข็งแรงและสง่างาม แต่ว่าสิงโตก็ยังไม่พอใจโอดครวญต่อเทพเจ้าว่า “ข้าพเจ้ายังกลัวไก่โต้ง”


     เทพเจ้าตอบว่า “ข้าได้ประทานสิ่งที่วิเศษที่สุดให้แก่เจ้าแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก”


     สิงโตรู้สึกเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ในขณะที่มันกำลังคิดที่จะฆ่าตัวตายนั้นเอง มันก็พบช้างตัวหนึ่ง ช้างพูดพลางกระดิกหูไปมา สิงโตจึงถามช้างว่า “ทำไมต้องกระดิกหูอยู่ตลอดเวลา”


     ช้างตอบว่า “แกเห็นยุงตัวเล็ก ๆที่ตอมอยู่รอบๆ ตัวของฉันหรือเปล่า ถ้าหากมันบินเข้าไปในหูของฉันละก้อ ฉันคงจะตายแน่ๆ”


     สิงโตได้ฟังแล้ว จึงรำพึงขึ้นว่า “แม้แต่สัตว์ใหญ่อย่างช้าง ยังกลัวยุงตัวเล็ก ๆ ถ้าเช่นนี้ ทำไมฉันจะต้องเสียใจที่ตัวเองกลัวไก่โต้งด้วยเล่า” ...






     คติ

    1.สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนส่งเสริมกันและข่มกัน โลกจึงจะเกิดความสมดุล

     2.คนเราจะให้ดีไปเสียทุกอย่างนั้นคงเป็นไปไม่ได้ ได้อย่างหนึ่ง มักเสียอย่างหนึ่เสมอ เราจึงไม่ควรเย่อหยิ่งลำพอง ไม่ควรคิดว่าตัวเอง ยิ่งใหญ่ที่สุด แน่ที่สุดดูอย่างช้างยังกลัวมด สิงโตยังกลัวไก่โต้ง

     3.ทุกคนล้วนมีปัญหาของตนเอง มีข้อดี – ข้อเสีย มีความยากลำบากที่แตกต่างกัน เราต้องรู้จักเปรียบเทียบ รู้จักมองทั้งคนที่เหนือกว่าและต่ำกว่า จึงจะเกิดความพอใจในสิ่งที่ตนเองมีอยู่...




ที่มา : หนังสือนิทานเตือนสติ
33  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากอ่านเรื่อง อุบาสิกา ที่บำรุงสงฆ์ 30 รูป เมื่อ: กันยายน 24, 2010, 03:21:20 pm
วันก่อนได้อบรมจริยธรรม แล้วฟังพระพูดถึงเรื่อง อุบาสิกา ที่สำเร็จเป็น พระอริยะบุคคล ก่อน พระภิกษุผู้ปฏิบัติ

30 รูปในป่า ตอนนั้นง่วงด้วย เลยฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง อยากอ่านเรื่องของอุบาสิกาผู้นี้ เสริชเน็ต ก็ไม่เจอ ใครพอจะ

หาให้ หนูอ่าน ได้บ้างคะ


 :13: :c017: :c017: :25: :25: :88:
34  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝ่ามือยูไล เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:35:08 pm
เห็นน้าหมวย โพสต์เรื่อง ลมปราณล้างไขกระดูก

หนูก็มานำเสนอ ฝ่ามือยูไล ต่อคะ





    
ฝ่ามือยูไล หรือ พุทธสุขภาพ หรือ ตีลัญจกร
   
การบรรยายประชุมวิชาการ เรื่อง พุทธสุขภาพ ตีลัญจกร   
     
  โดย : อ.ศุภชัย จารุสมบูรณ์   
     
     
  สรุปการบรรยายประชุมวิชาการกรมพัฒน์ฯ (วันพุธ)
เรื่อง "พุทธสุขภาพ ตีลัญจกร"
โดย อ.ศุภชัย จารุสมบูรณ์
วันพุธที่ 30 มีนาคม 2548 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้องประชุมเบญจกูล กรมพัฒน์ฯ

--------------------------------------------------------------------------------

คำว่า ตีลัญจกร อาจารย์ศุภชัย จารุสมบูรณ์ เป็นผู้บัญญัติขึ้น
ตี เป็นคำกริยา หมายถึง กดให้เข้ากัน
ลัญจกร เป็นคำนาม หมายถึง รูปแบบ ตราที่เอาไว้ประทับ


ตี ลัญจกร คือ การประสานฝ่ามือ ให้เป็นรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง วิชานี้ศาสตร์การแพทย์แผนจีน เรียกว่า เทียน ฝ่อ เจิ้น คือ หัตถ์พุทธองค์ ศาสตร์นี้สามารถทำด้วยตัวเองไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมทำได้ทุกที่ทุกเวลา จะมีการสอนหัตถ์พุทธองค์ในวิชามนตราบำบัด ที่วัดโจคัง ประเทศทิเบต นั่นคือ ตีลัญจกร ซึ่งเป็นศาสตร์หนึ่งในวิชามนตราบำบัด มนต์ทั้งหลายในโลกใบนี้ แบ่งเป็น 3 อย่าง คือ


1. มนตรา ได้แก่ อสัมวิสุโร ปุสาภุพะ ต้องสวดไม่ใช่ฟัง สวดเสร็จ ต้องขอคือการสั่งจิตใต้สำนึก สวดมนตราต้องใช้สติ สวดยากและสวดให้ได้108 คาบ ห้ามนับลูกประคำ จะทำให้คลื่นสมองลดจากเบต้าเป็นอัลฟาและสั่งจิต เช่น สั่งให้น้ำตาลในเลือดลดลงในผู้ป่วยเบาหวาน
2. มนต์คาถา ได้แก่ อิติปิโส ภควาฯ ถ้ารักษาโรคต้องฟังไม่ใช่สวด หัวใจ คือ ผู้สวดต้องมีพลังผู้ฟังต้องพนมมือรับตีลัญจกร ปรางค์ มือพระพุทธรูปต่างๆ สวดเสร็จผู้สวดต้องแผ่เมตตา ผู้ฟังจึงจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ
3. เวทมนต์ คือ ได้แก่ อิติปิโส ภควาฯ จากขวาไปซ้ายหรือสวดจากล่างขึ้นบน สำคัญที่สุด ต้องปล่อยคุณและไสย


สมัยก่อนวัดเป็นสถาบันรักษาโรค ศาสนาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ คำสอนคือศีล ศีล 5 คืออุบายการรักษาโรค
ศีลข้อ 1. ห้ามฆ่าสัตว์ ทำให้เกิดการโมโห โมเลกุลของตนเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ
ศีลข้อ 2. ห้ามลักทรัพย์ มีผลกระทบต่อปอด หายใจแรงขึ้นเมื่อจะลักทรัพย์
ศีลข้อ 3. ไม่ประพฤติผิดในกาม การเคารพผู้อื่น ทำให้หัวใจแข็งแรง แต่การผิดลูกผิด เมียผู้อื่น ถือเป็นการไม่เคารพผู้อื่น
ศีลข้อ 4. ห้ามพูดปด จะมีปัญหาเรื่องม้ามและกระเพาะ
ศีลข้อ 5 ห้ามดื่มเครื่องดองของเมา การดื่มของมึนเมาทำให้ขาดสติ ถ้าสติสัมปะชัญญะไม่ดีไตก็จะมีปัญหา (ไตควบคุมสติสัมปะชัญญะ)


ตี ลัญจกร คือ การกด รัด ทับ เชื่อม ตรงจุดต่างๆ ในมือเราให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ใดรูปลักษณ์หนึ่ง หรือที่เราเรียกว่า แผงวงจรอิเลกทรอนิคในร่างกาย ให้เป็นเสารับอากาศรับคลื่นจากพลังธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย การกินน้ำ กินอาหาร ล้วนแล้วแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังชีวิต หรือที่เราเรียกว่า พลังชี่ พลังคอสมิก พลังจักรวาล ฯลฯ

คนจีนเราแบ่งพลังงานเป็น 2 รูปแบบ


1. อู่ฉี่หรือบ๊อเก๊ก นั่นคือพลังงานที่มองไม่เห็นรูป ทางวิทยาศาสตร์ เรียกว่า ควาร์ก (quark) เป็นพลังงานที่เล็กกว่าอิเลคตรอนหรือรวมเรียกว่า คลาวมตั้มนั่นเอง สมัยก่อนใช้สัญลักษณ์ สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม วงกลม แทนพลังงานต่างๆ เหล่านี้

2. ไทจี๋ คือ พลังงานเห็นรูป นั่นก็คือ หยินกับหยาง หรือขั้วบวกขั้วลบ


ใน ร่างกายของเราต้องการพลังงานไร้รูปด้วยให้เป็นระเบียบเวลานอนหลับ สามารถพลังงานต่างๆ เหล่านี้จะเข้ามาเหนี่ยวนำโมเลกุลที่วางตัวไม่เป็นระเบียบให้เป็นระเบียบ เช่น โมโหมาก โมเลกุลของตับเรียงตัวไม่เป็นระเบียบและถ้าวิตกกังวลด้วย โมเลกุลของม้ามของกระเพาะเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ

ตกใจกลัว ทำให้ไตมีปัญหา ธาตุในน้ำมีปัญหา, ถ้าโกรธรีบร้อน ธาตุไม้มีปัญหา, รีบเร่งดีใจเกินเหตุเป็นธาตุไฟ, ขี้น้อยใจเสียใจเป็นธาตุทองเกี่ยวกับปอดลำไส้ใหญ่ ในชีวิตประจำวันทำให้โมเลกุลของร่างกายไม่เป็นระเบียบ การนอนหลับจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้สนามพลังงานจากธรรมชาติที่เรามองไม่ เห็นเข้าสู่สมองตรงกระหม่อมออกที่ปลายเท้าและที่มือ และเหนี่ยวนำให้สารโมเลกุลของร่างกายเรียงตัวเป็นระเบียบ

มีการบันทึกจากการแพทย์แผนจีนว่า
- หัวใจและลำไส้เล็ก ได้รับอิทธิพล แรงเหนี่ยวนำ สนามแม่เหล็ก ในระดับที่มีรูปหรือเรียกว่า ไทจี๋ จากดาวอังคาร
- กระเพาะ, ม้าม ได้รับอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวเสาร์ คนจีนแยกเป็นธาตุดินในร่างกาย ถ้าธาตุดินมีปัญหา จะทำให้วิตกกังวล และมีนิสัยชอบกินของหวาน
- ตับ ถุงน้ำดี ได้รับแรงอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวพฤหัส ทำหน้าที่ระบบนิเวศน์ธาตุไม้ในร่างกาย หรือคนไทยเรียกว่า ธาตุลมนั่นเอง ถ้าธาตุลมมีปัญหาจะขี้โมโหและชอบกินเปรี้ยว
- ปอด ลำไส้ใหญ่ ได้รับแรงอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวศุกร์ เป็นธาตุน้ำ จะเป็นคนขี้น้อยใจ เสียใจ ชอบกินเผ็ด
- ไต กระเพาะปัสสาวะ ได้รับอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวพุธ เป็นธาตุน้ำ น้ำจะเป็นคนขี้ตกใจกลัว ขี้กลัว ชอบกินเค็ม
- หัวใจ ลำไส้เล็ก ได้รับแรงอิทธิพลแรงสั่นสะเทือน จากดาวอังคาร เป็นธาตุไฟ เป็นคนใจร้อนชอบกินขม


การตีลัญจกร จะช่วยการแก้ปัญหาสิ่งเหล่านี้ โดย มือ 2 ข้าง มีเส้นลมปราณอยู่ 6 เส้น


เส้นที่ 1 หลังมือ ลำไส้ใหญ่
เส้นที่ 2 นิ้วนาง ระบบภูมิต้านทานโรค
เส้นที่ 3 นิ้วก้อยด้านนอก ลำไส้เล็ก
เส้นที่ 4 นิ้วหัวแม่มือ ปอด
เส้นที่ 5 นิ้วกลาง เยื่อหุ้มหัวใจ
เส้นที่ 6 นิ้วก้อยด้านใน หัวใจ
2 ข้างเหมือนกัน มือยังมีจุดสะท้อนเหมือนฝ่าเท้าทุกอย่างการตีลัญจกร คือ การกด รัด ทับ เชื่อม ฝ่ามือ ให้เป็นแผงวงจรอิเล็กทรอนิคเหมือนเสาอากาศ รับคลื่นสนามแม่เหล็ก เช่น เจ็บหน้าอก บกพร่องธาตุไฟ พระจะสวดคาถาหัวใจ เราต้องติดตั้งเสาอากาศรับคลื่นสนามแม่เหล็กดาวอังคาร คำสวดของพระ คือ ไดสตาร์ท ให้พลังงานในร่างกายเราเชื่อมกับสนามแม่เหล็กของจักรวาลและเหนี่ยวนำหรือดูด ซึมโดยแผงวงจรอิเลคทรอนิค ที่เราเรียกว่า ตีลัญจกร

ขั้นตอนการบำบัดโรคร้ายโดย “ตีลัญจกร”


เนื่อง จาก “ตีลัญจกร” คือการบำบัดและป้องกันโรคร้าย โดยใช้การ กด รัด พับ เชื่อมจุดต่างๆ บนฝ่ามือ ดังนั้นเราจึงสามารถใช้ “ตีลัญจกร” ได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นตอนเช้า ช่วงเวลาระหว่างรถติด ระหว่างการประชุม แม้กระทั่งก่อนนอน ซึ่งถ้าเราทำต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอติดต่อกัน เป็นประจำประมาณ 2 สัปดาห์ก็เริ่มเห็นผล

ข้อควรระวังในการฝึก “ตีลัญจกร”


1. ไม่ควรฝึกในขณะที่อิ่ม หรือหิวจัด เมาค้าง หรืออดนอน
2. ควรใส่เสื้อผ้าที่สบาย ไม่รัด
3. ควรฝึกแต่ละครั้งอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 15 นาที แต่ไม่เกิน 30 นาที
4. เพื่อให้เกิดผลควรฝึกอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์

ตีลัญจกร


หัตถ เวชศาสตร์เพื่อการบำบัดและป้องกันโรคร้ายตอนโรคร้ายคนเมือง ปัจจุบันคนเมืองมีโรคร้ายที่ต้องประสบอยู่หลายโรค ส่วนหนึ่งเป็นอาการที่เกิดจากอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่สมดุล ซึ่งโรคและอาการเหล่านี้สามารถบำบัดและป้องกันได้ด้วย “ตีลัญจกร” ซึ่งได้แก่ อาการนอนไม่หลับ, อาการเครียด, ไมเกรน, โรคประสาทอัตโนมัติสับสน,โรคมะเร็งและซิสต์ ฯลฯ

เรียบเรียงโดย
งานถ่ายทอดเทคโนโลยี
กองการแพทย์ทางเลือก




เครดิตภาพ จาก
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=pennymba&month=04-2010&date=26&group=3&gblog=11
35  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บันทึก(ลึก)ลับ ของการเข้าค่ายธรรมะ ( OK) เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:28:41 pm
เสียงบ่นจากเพื่อน ๆ ที่เข้าไปอบรมค่ายธรรมะ กันจนบันทึุกกันไว้นิดเดียว คะ

เพื่อน ๆ นักเรียนที่กำลังเข้า ค่าย ควรอ่าน นะคะ


8 คืน 7 วันกับค่ายธรรมะที่ยุวพุทธฯ
8 คืน 7 วันกับค่ายธรรมะที่ยุวพุทธฯ
ก่อนอื่นคนที่เข้ามาหลายๆคน คงไม่คิดอยากจะอ่านยาว แต่เพื่อหลอกล่อ เอ๊ย ชักชวน
เราจะพูดถึงข้อดีของการเข้าค่ายธรรมะเพื่อฝึกสติซะก่อน

1. สมาธิเราจะดีขึ้น จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำได้ดีขึ้น ส่งผลให้การเรียนดีขึ้น

2. เปลี่ยนมุมมองเก่าๆที่เคยคิดมาเกี่ยวกับธรรมะ ว่าเป็นเรื่องของคนแก่ น่าเบื่อ เพราะจริงๆแล้วคนที่จะใช้ธรรมะ ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดคือ เยาวชน เนื่องจากชีวิต ยังมีอีกยาวไกล และเป็นวัยแห่งการศึกษาหาความรู้ ประสบการณ์ต่างๆ

3. ลดน้ำหนัก ( สาวๆตาลุกวาวเชียวนะ ) เพราะต้องกินแต่อาหารเจ และเดิน จงกรมรวมๆแล้ววันละหลายชั่วโมง และการกินอาหารก็ต้องกำหนดนู่นนี่มากมาย ต้องเคี้ยวให้ละเอียดมากๆ จนหลายๆคนเกิดอาการเอียน เพราะมันจะเหลือแต่ซากแหยะๆ ไม่กล้ากลืน และเราจะบอกว่าน่องเราเล็กลงไปเซ็นนึง ( โห เยอะนะ ) เพราะเดินจงกรมเยอะมาก แล้วก็น้ำหนักลดไปสองโลเพราะกินแต่อาหารเจ

4. ได้เพื่อนใหม่ๆ เพราะต้องอยู่ร่วมชะตากรรมเดียวกันเป็นอาทิตย์ๆ แม้จะถูกสั่งห้ามไม่ให้พูดกัน แต่เราเชื่อว่าไม่มีใครไม่พูด กับคนอื่นได้หรอก เค้าพูดกับเราดีๆ เราจะเชิ่ดใส่เค้าได้ไงล่ะ

5. ได้ฝึกความอดทน เช่นการนั่งสมาธินานๆ เดินนานๆ

6. เข้าใจเกี่ยวกับร่างกายและจิตใต้สำนึกของตนได้ดีขึ้น และฝึกการควบคุมมันให้อยู่ เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์เช่น ปลุกตัวเองตื่นในเวลาที่ต้องการ

7. ผิวพรรณของคุณจะผุดผ่องขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ วิทยากรกล่าวว่าเป็นเพราะคุณใจจดจ่ออยู่กับสิ่งปัจจุบัน ไม่คิดฟุ้งซ่าน ไปเครียดเรื่องในอดีตหรือเรื่องที่ยังมาไม่ถึง คือจดจ่ออยู่กับปัจจุบันเท่านั้น คุณจะมีความสงบ และร่างกายจะหลังสารเอนโดนฟินออกมา ทำให้ผิวพรรณผ่องใส อันนี้เราคอนเฟิร์ม เพราะผิวเราขาวขึ้นจริง หน้าสิวลดลงจริง แต่เราคิดว่าคงเป็นเพราะเราไม่ได้ออกไปข้างนอกเลยมากกว่า อยู่ในตึกทั้งอาทิตย์ เค้าห้ามออกอะ สงสัยกลัวเราจะหนี แล้วห้องที่นั่งปฏิบัติกันก็ติดแอร์ เย็นสบายนั่งไปได้ทั้งวันดีกว่าไปเดินเที่ยวอีก เพราะหน้าคุณจะ ไม่มัน และไม่ได้เจอมลพิษอะไร

8. คุณจะได้นอนวันละ 5 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ( ปกติบางคนอาจได้นอนวันละแค่ 2-3 ชม.)

9. บุคลิกของคุณจะดีขึ้น เดินนิ่มขึ้น บุคลิกดูเคร่งขรึม น่าเชื่อถือขึ้น

10. คำพูดของคุณจะสุภาพมากขึ้น เพราะมีสติมากขึ้นในการเลือกใช้คำ และในการยับยั้งอารมณ์เวลาโมโห อย่างเราเป็นต้น เราว่าตั้งแต่ออกมาเราไม่อยากพูดคำหยาบเลย ไม่ใช่กลัวบาป แต่กลัวใจตัวเอง ถ้าพูดไปแล้วมันก็จะมาอีกเรื่อยๆ การพูดคำหยาบจะทำให้เราตกต่ำลงอะ ( เราก็คิดนะ แต่น้องเรามันยังพูด )

11(ข้อนี้สำคัญ) ทุกอย่างฟรีตลอดรายการ ของเรานี่เพิ่งออกมาวันที่ 2 พค. เอง หลังจากเข้าไปตั้งแต่วันที่ 25 เมษา นับไปก็เป็นเวลา 8 วัน 7 คืน... ของเราเป็นคอร์ส" เนกขัมมบารมี สำหรับเยาวชนอายุ 17-25 ปี " เป็นหลักสูตรของคุณแม่ สิริ กรินชัย ที่ยุวพุทธิกสมาคม ที่บางแค เป็นผู้จัด ที่เรารู้จักค่ายนี้ก็เพราะเพื่อนชวน ( วิทยากรบอกว่าผู้ชวนได้กุศลแรงกล้า.. ) เราก็สมัครไป โดยคิดเพียงว่าจะเข้าไปฝึกสติเท่านั้น เพราะโดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเหมือนกัน และเราเห็นว่ามันเป็นกิจกรรมที่ดูน่าสนุก เพราะจะไม่ได้พูดกับใครเลยตั้ง 8 วัน 7 คืน เพื่อให้มีสติไม่ว่อกแว่กไปคิดเรื่องนู้นเรื่องนี้ในขณะปฏิบัติธรรม ( เพิ่งมารู้ทีหลังว่าอาการนี้ภาษาธรรมมะเค้าเรียกว่า " ฟุ้ง" ) และเพื่อปกป้องเราจากการทำผิดศีลเกี่ยวกับวจีกรรม เช่นโกหก เพ้อเจ้อ เสียดสี เนื่องจากการนี้เค้าถือว่าเรามา "บวชใจ" คือไม่ได้บวชเป็นพระหรอก แต่ต้องรักษาศีลให้ได้ และนั่งกำหนดจิต ภาวนา การนี้จะทำให้เกิดกุศล การฝึกไปหลายๆวันจะทำให้เราเริ่มมีสมาธิ จิตเริ่มมีพลังแก่กล้า มากพอจะแผ่เมตตาไปให้คนป่วย หรือขออะไรให้คนที่เรารักได้เช่น ขอให้พ่อแม่มีความสุขกายสุขใจ เราอ่านแล้วก็ตื่นเต้น อยากพิสูจน์ .. วันแรกที่เข้าไป คนดูเยอะมาก ดูแออัด ส่วนใหญ่จะพ่อแม่มาส่ง ..เราก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะไม่พูดกับใคร ตอนนั้นก็คิดว่าคงทำได้แหละ แต่ละคนก็ยังมีท่าทีสงวนเนื้อสงวนตัว ( เพราะยังไม่รู้จักกันด้วยแหละ ) วันแรก ..ไปถึงเค้าก็จะให้ใส่ผ้าถุงสีขาว ( เรียกไม่ถูกนะ เอาเป็นว่าคงเข้าใจ แต่ก็ให้ใส่แค่วันแรกและวันสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งนับว่าดีมาก เพราะเป็นอะไรที่ใส่ไม่สะดวกเลย เราใส่ไม่เป็นด้วยมั้ง เลยกังวลตลอดว่ามันจะหลุดๆๆๆๆ ) จากนั้น ก็มีการจัดแถวตามลำดับความสูง ดิชั้นเลยโดนนั่งซะแถวหน้าๆเลย ก็ดีตรงที่เวลาดูจะเห็นอะไรๆได้ชัด แต่ก็เสี่ยงกับการโดนเห็นเวลาทำอะไรผิดอะ จากนั้นเค้าก็จะสอน เราให้ทำอะไรใหม่ๆ หลายๆอย่าง เราจะลองพูดไว้นะ เผื่อใครอยากจะทำเองดู อาจได้อะไรไปบ้าง

- เริ่มแรก จะสอนให้รู้จักกำหนดสิ่งต่างๆที่เรากำลังทำ ผ่านทางทวารทั้ง6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้เรารู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น เราก็จะต้องทำอะไรช้าๆ เพื่อให้ได้อยู่กับตัวเองจริงๆ ( จริงๆจะเร็วก็ได้ แต่ช้าจะชัดเจนกว่า ) เช่น เห็นอะไรก็กำหนด "เห็นหนอ " ได้ยินเสียงอะไรก็กำหนด " ยินหนอ " ได้กลิ่นอะไรก็กำหนด " กลิ่นหนอ " เวลากินอะไรรสชาติเป็นยังไงก็ต้องบอกตัวเอง " หวานหนอ เค็มหนอ ฯลฯ" เวลาสัมผัสกับอะไรก็ต้องบอกตัวเองได้ว่า " เย็นหนอ แข็งหนอ ฯลฯ " ** อันนี้สำคัญ** เรากำลังคิดอะไรอยู่ก็ต้องบอกตัวเองด้วยว่า " อยากยืนหนอ อยากนั่งหนอ ฟุ้งหนอ อยากกินหนอ ตอนแรกเราฟังวิทยากรพูดก็รู้สึกว่าแปลกๆ จะทำไปทำไม คนยืนอยู่ก็ต้องรู้ตัวอยู่แล้วดิว่าตัวเองยืนอยู่ ใครมันจะไม่รู้ .... มารู้ทีหลังว่าบางครั้งร่างกายเราก็ทำๆไป โดยอาจทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เช่นฟังเพลงไป กินไป ตรงนี้เชื่อว่าทุกคนก็คงทำนะ มันจะทำให้ใจเราไม่จดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ ดังนั้นการเข้าค่ายนี้เค้าจะเน้นการฝึกให้เราจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่เพียง สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อให้เกิดสติ รับรู้ตัวเอง - นั่งสมาธิ อันนี้เชื่อว่าทุกคนทำเป็นกันอยู่แล้ว สำหรับที่นี่นั่งแบบ พอง-ยุบ คือเอามือไปประสานไว้ที่ท้อง มือซ้ายอยู่ข้างล่าง พอท้องพอง( หายใจเข้าหรือออกก็แล้วแต่ๆละคน ) ก็กำหนด " พองหนอ " วันแรกนั่งแค่ห้านาที ( วิทยากรบอกอย่างนั้น ) แต่เรารู้สึกว่ามันยาวนานมาก เพราะมันปวดไปหมด ขาชามากๆ ไม่มีสมาธิเลย ตอนนั้นอยากลุกขึ้นมากระโดดใจแทบขาด แต่ก็ทำไม่ได้ ต้องนั่งๆไป วิทยากรสอนให้กำหนด " ปวดหนอๆๆ " เราก็นึกในใจ แค่นึกแล้วมันจะหายได้ยังไงนะ พอลองฝึกๆจนเข้าใจแล้วจะรู้ว่าการที่เค้าให้กำหนดว่าปวดหนอๆ นั้นไม่ใช่เพื่อให้หายปวด แต่เพื่อให้ "รู้จัก" กับความปวด และทำใจเฉยชากับมันให้ได้ เพราะจิตใจเราจะจดจ่ออยู่แค่ที่ท้อง พอง-ยุบ เท่านั้น เราจะหมดความรู้สึกเจ็บปวดไป เหมือนการที่เราตั้งใจเรียนมากๆแล้วจะไม่ได้ยินเสียงแอร์ที่เปิดอยู่บนหัว อะไรอย่างเงี้ยะ - เดินจงกรม มีหลายขั้น เรียงจากง่ายไปยาก คือขั้นตอนจะละเอียดมากขึ้น

ขั้นแรก ก็ ขวา-ย่าง-หนอ , ซ้าย - ย่าง - หนอ

ขั้นสอง ยกหนอ - เหยียบหนอ , ยกหนอ - เหยียบหนอ

ไปจนขั้นหก ยกส้นหนอ-ยกหนอ-ย่างหนอ-ลงหนอ-เหยียบหนอ-กดหนอ

ใครอยากได้รายละเอียดตรงนี้ให้ทิ้งเมล์ไว้ *****

- บริหารร่างกายแบบมีสติ ส่วนใหญ่เป็นการแกว่งแขน ย่อขา ซึ่งไม่ได้เรียกเหงื่อมากเหมือนการเต้นหรือวิ่ง แต่ก็ต้องจดจ่อมาก และวิทยากรจะค่อยๆเพิ่มความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าทำผิดจะเห็นชัด และน่าอายมากๆ

- การเดินแบบสำรวมสายตา ห้ามว่อกแว่กมองซ้ายมองขวา ให้ก้มหน้ามองพื้น มองไปข้างหน้าประมาณเมตรกว่าๆ ทำหน้าให้นิ่งที่สุด ตอนแรกเราทำไม่ได้ เห็นพี่เลี้ยงทำแล้วก็ขำว่าพี่เค้าจริงๆแล้วใจสงบอย่างที่แสดงออกรึเปล่านะ หรือว่าแค่แกล้งทำ แต่ตอนนี้เชื่อแล้วจ้าาา ....แต่การสำรวมสายตาเนี่ยมันทำให้เรารู้สึกแปลกๆไงไม่รู้ เหมือนไร้ชีวิตเลยอะ รู้สึกเหมือนเป็นการไม่เคารพผู้ใหญ่โดยถูกต้อง งงป่ะ คือเวลาเห็นวิทยากรเดินมาเราก็เพียงทำหน้าเฉยชา ไม่ต้องมองเลยด้วยซ้ำ ห้ามยิ้ม ห้ามหัวเราะ ห้ามสบตา ....อย่าติดนิสัยนี้ออกไปข้างนอกโดยเด็ดขาดนะคะ อันตรายยย

- การรับประทานอาหารแบบมีสติ คือการกำหนดตลอดเวลาตั้งแต่มองถาดแล้วกำหนดว่า "เห็นหนอ " " อยากกินหนอ" "ยกไปจับ" (ช้อน ) เมื่อจับแล้วก็บอกตัวเองด้วยว่า " เย็นหนอ " "แข็งหนอ" แล้วก็ตักเข้าปาก แล้วก็เคี้ยวอย่างละเอียด บอกตัวเองว่ารสชาติมันเป็นยังไง ลิ้นตวัดอย่างไร กลืนลงไปอย่างไร กลืนแล้วความรู้สึกเป็นยังไง ตลอดเวลาต้องระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจากการที่ช้อนไปโดนถาดอาหาร เพราะไม่งั้นคนอื่นๆ จะต้องกำหนด " ยินหนอ " ตรงนี้หากเรากำหนดตลอดเวลาจะทำให้อยากอาหารลดลงได้ เพราะ เราจะซึมซับรสชาติของอาหารได้ดีขึ้น แม้จะกินน้อย เพราะมีสติ แล้วถ้ายิ่งอยากกินเยอะ ยิ่งใช้เวลานานมาก แล้วคนอื่นๆก็จะลุกไปกันหมดแล้วเราก็จะเขิน อิอิ ต้องรีบลุกเหมือนกัน

- การนั่งท่าเทพบุตรเทพธิดาสวดมนต์จนจบ ขาชาจนไม่รู้สึกเลย แต่ก็ดี เป็นการทดสอบความอดทน ยิ่งนานๆไปเราจะนั่งได้นานขึ้น และเราว่าเราชอบฟังตอนแม่ชีสวดมากเลย ท่านสวดเพราะไม่เหมือนคนอื่น ฟังแล้วเพลินอะ ...แต่ตอนที่พี่เลี้ยงสวดเนี่ยดิ ( ด้วยความเคารพนะคะ ) พี่ดัดเสียงซะเด็กกกก เชียว ฟังพี่สวดกับเสียงคนอื่นในห้องสวนแล้วมัน คอนทราสต์กันอย่างรุนแรง นั่งอมยิ้มไปจนจบเลย

- การฝึกการไหว้ การกราบ ที่นี่เค้าจะมีเสตปค่ะ ยกหนอ มาหนอ พนมหนอ ยกหนอ ถึงหนอ ลงหนอ ถึงหนอ ก้มหนอ กราบ ต้องกำหนดตลอด ทุกคนจะกราบสวยขึ้น จริงๆ

- การนอนแบบมีสติ เอามือประสานไว้ที่ท้อง แล้วกำหนด พอง ยุบไปเรื่อยๆ ไม่ว่อกแวก จนหลับไป อันนี้เราก็ไม่เคยทำได้ เพราะมันมักจะหลับไปก่อนเสมอ แต่วิทยากรบอกว่าหากทำสำเร็จ คุณจะหลับไปพร้อมกับจิตที่เป็นสมาธิ คุณจะได้พักผ่อน ไม่งั้นก่อนนอนคุณก็จะฟุ้งๆๆๆๆๆ คิดนู่นคิดนี่ แล้วก็หลับไปพร้อมกับความฟุ้ง ไปฝันต่อ ( การฝันแปลว่าหลับไม่สนิท ) การนอนแบบมีสตินี้จะไม่ฝันอะ แล้วก็จะหลับๆตื่นๆตลอดคืน เหมือนตื่นอยู่ตลอด แต่ตื่นมาจะไม่ง่วง

- ได้รับรู้ชีวิตของคนอื่น เปิดมุมมองใหม่ๆ ว่าชีวิตเราที่ว่าแย่แล้วนั้น คนอื่นเค้าเลวร้ายกว่าเรามาก ( วันที่ให้ออกมาเล่า )บางคนไม่มีโอกาสเจอหน้าแม่ที่แท้จริงด้วยซ้ำ บางคนก็ต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่ความกดดัน แต่เค้าก็ฝ่าฟันมาได้ ....มันทำให้เราเห็นว่าตัวเองน่ะโชคดีเท่าไหร่แล้วที่มีอย่างนี้ได้ แม้มันจะไม่เพอร์เฟค ขอแสดงความนับถือทุกคนที่ออกไปเล่าอะไรๆมากมาย โดยไม่กลัวว่าจะเสียหน้า ทั้งๆที่คุณอาจไม่เคยเปิดเผยกับใครมาก่อน

- การกลั้นตด ( อันนี้ฮาป่ะ แต่เป็นเรื่องจริง ) เพราะคุณจะท้องผูกมากๆ เนื่องจากไม่มีเวลาให้เข้าห้องน้ำมากพอ คนก็เยอะ แต่แปลก เราจะมีความสามารถในการกลั้นตดได้ดีขึ้น แต่ไอ้ท้องผูกเนี่ยเราก็กลัว เพราะเราไม่อยากท้องผูกนาน เดี๋ยวสิวขึ้น ( ร่างกายจะดูดน้ำจากลำไส้ใหญ่ไปใช้เรื่อยๆ ใช่เปล่า) ก็เลยต้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำตอนเค้านั่งสมาธิกัน ก็ดีอะ สงบดี นอกจากนี้แล้วเรายังมีพฤติกรรมแปลกๆมาเล่าให้ฟังอีก สำหรับเรานะ เราชอบ...

- แอบมองคนข้างหน้า 55 มันทำผิดอีกแล้วเว้ย ( อุ๊ย ลืม ..เห็นหนอๆ )

- แอบสังเกตชุดคนข้างหน้าและข้างหลัง ทำให้เราได้รับทราบความจริงว่า คนข้างหน้าเราเค้าใส่กางเกงตัวเดียวกันประมาณ 3 วัน เพราะมันมีรอยเหลืองเล็กๆที่ขาขวา และเสื้อตัวละสองวันติดกัน ส่วนคนข้างหลังเค้าจะสลับวันใส่เอา แต่กางเกงเอามาสามตัว จำได้เลย

- โห ขา( ฝ่าเท้าค่ะ )คนข้างหน้าดำจัง ขาเราเป็นไงเนี่ย แล้วแอบชำเลืองดู โชคดีที่ไม่ดำมาก เราเกรงใจคนที่นั่งหลังเรามากเลย เพราะตอนนอนมันต้อง เอน ๆๆๆๆ หน้าเค้าจะอยู่ตรงขาเราอะ

- ตอนกินก็แอบชำเลืองคนที่นั่งตรงข้าม แล้วแอบขำในใจ .. แต่มันก็เป็นแค่วันแรกๆอะ วันหลัง ถ้าเค้ามองเราเค้าก็คงขำเหมือนกันแหละ
- แอบหลับตอนนั่งสมาธิ เพราะวิทยากรไม่สังเกตเห็น นึกด่าตัวเองเหมือนกัน ว่าแล้วมันจะได้ผลเต็มที่มั๊ย - แอบหลับตอนฟังธรรมะ 15 นาทีของคุณแม่สิริ เกือบทุกเช้าเลย - ตอนมีคนมาทำทานด้วยของกิน เช่นไอติม คุกกี้ เค้ก มันทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าอะไรซักอย่าง ...ก็เป็นความรู้สึกใหม่อะ เราจะพยายามกินให้คุ้ม เพราะไม่อยากขัดศรัทธา คนเค้าอุตสาห์เอามาให้ด้วยความเมตตา ไม่อยากกินเหลือให้ต้องทิ้ง
- แอบสังเกตตอนคนอื่นเค้าหลับ ..พี่ที่นอนเตียงข้างๆเราเค้านอนกรนด้วยอะ ( แบบว่าพี่เค้าเป็นคนน่ารักมาก ) ตอนแรกเราก็คิดว่าวิทยากรกรน เปล่าหรอก..
- แอบตากกางเกงใน (เค้าห้ามซักอะ) ไว้นอกห้อง
- ตอนกินไอติม แอบคิดในใจว่า " นี่มันไอติม หรือน้ำไอติมฟะ " แบบว่านั่งสวดมนต์และกำหนดจนมันละลายไปเกือบครึ่งลูก
- แอบคุยกับคนอื่น ( อันนี้สำคัญ ) ได้เพื่อนใหม่มาเยอะแยะเลย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอะ เรามีเบอร์เค้าก็ไม่กล้าโทรไป กลัวจะรบกวน
- แอบไม่สนใจตอนวิทยากรท่านที่ตัวเล็กๆ ( อายุมากที่สุดน่ะ ) ออกมาพูดๆก่อนเดินจงกรม เพราะเค้าเสียงเบา และไมค์มักจะไกลปาก ..แล้วมีคนข้างหลังฝากพี่เลี้ยงมาบอกว่าไม่ได้ยิน ....อืมม จริงๆหนูนั่งข้างหน้า ยังไม่ได้ยินเลยค่ะ

ตอนนี้ก็ออกมาหลายวันแล้ว ยอมรับว่าทำอะไรไม่ได้กำหนดแล้ว ไม่เหมือนวันแรก ออกมาเปิดคอมนี่นิ่งมากเลย กดหนอ เห็นหนอ อยากจับหนอ แบบว่าทำทีละอย่าง เดินก็อืดๆ ...ทำหน้าตาเฉยชาใส่คนอื่น สงบปากสงบคำ ไม่ค่อยเถียงแม่ .........แต่ตอนนี้ มันเริ่มกลับสู่สภาพปกติแล้วอะ แต่เราก็ยังพยายามจะนั่งสมาธิก่อนนอน และนอนแบบมีสติอยู่ หน้าจากที่ออกมาใสๆ ตอนนี้สิวเริ่มขึ้นมาอีกแล้ว .. ( จิตใจเลวลงง่ะ ) แต่... คิดไปคิดมา ถ้าเป็นไปได้ เราอยากอยู่ค่ายต่ออีกซักอาทิตย์นึงเหมือนกันนะ จริงๆมันยังมีอะไรอีกเยอะ แต่เดี๋ยวเรามาโพสให้ใหม่แล้วกัน

อันนี้พิมพ์ไว้นานแล้วตั้งแต่วันที่ออกมาจากค่าย แต่เพิ่งจะมาโพสอะ กลัวจะดองไว้นานเกินควร สุดท้ายนี้ขอให้ วิทยากร พี่เลี้ยง ผู้บริการ และผู้อ่านทุกท่าน ( และคนเขียนด้วย ) จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ยิ่งๆขึ้นไปเทอญ - - - - -
36  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Miss call ( เรื่องสั้น แต่มีข้อคิด ) เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:17:19 pm
เก็บไว้นานกับเรื่อง นี้ รื้อมาใหม่ ตอนที่ Fwd mail ว่อนกันทั่วเมื่อ 3 ปี

อ่านตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะอายุยังน้อยอยู่ วันนี้กลับมาอ่านอีกครั้ง

รู้สึก ซึ้ง จริง ๆ กับเรื่องนี้



 สายซ้อน miss call สุดท้ายแห่งชีวิต



        ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับเจ้าของต้นเรื่อง
        มันอาจตอกย้ำความเจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้เป็นสิ่ง
        ที่ควรเผยแพร่เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมาดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดูคุณมาด้วยความเหนื่อย
        ยาก วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล
        เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัดงาน
        ใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ?

        ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ ในขณะที่....
        ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป เรียน
        เที่ยว นอน กิน ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผม
        ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมและผมก็
        เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน 'จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง'
        'กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิด
        ถึงเค้ามั้ยเนี่ย' 'รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย
        เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง'
        'ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ'

        ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและคัดสรร เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร
        ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับ
        การคุยโทรศัพท์ ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น
        พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็
        ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน
        'เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง

        กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน'
        'ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง'
        'เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย' 'วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง'
        'อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ' โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็
        ตอบไปแบบเดิมๆ แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ
        โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย ผมกับแม่
        น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง'
        จนกระทั่งวันนั้น
        'ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย' 'เร็วๆสิ
        เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ'
        'แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ'

        ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน
        ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า 'Home'

        'โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย'
        ผมไม่สลับสายผม ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของ
        ผมต่อไป เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ
        'และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมี
        โอกาสฟังเสียงของแม่'

        หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า
        เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยเข้า และแม่ของผมขัดขืน
        และได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง
        แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว ญาติของผม
        เล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น
        และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทร
        แจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล แต่แม่เลือกที่จะโทรหา 'ผม'
        สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือ
        โทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม

        วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น
        วันนั้นผมเลือกที่จะคุยกับแฟน
        ผม ดีกว่าที่จะคุยกับแม่ของผม ผู้หญิงคนเดียวในโลก
        ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต ผู้หญิงคนเดียวที่ผม
        สามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ
        ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือ
        ไม่ ไม่ต้องมีมุข ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ
        คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ คน
        เดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม
        'และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต'

        ในบางครั้งประโยคที่ว่า 'ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว'
        มันก็ไม่เป็นความจริง
        'เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว'
        อาจเป็นเพราะเวรกรรมของผม หลังจากนั้น
        ไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผมไป
        วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น
        หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
        เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการ
        กระทำของเราเอง 'เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป'
        ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอ
        ที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง
        แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว


ภาพประกอบจากเว็บ

 http://campus.sanook.com/inlove/read.php?id=247
37  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กบนอกะลา ทอดกฐิน กับสาระเรื่องการทอดกฐิน เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 02:39:59 pm
ใกล้ออกพรรษา แล้ว ประเพณีที่ชาวไทยพุทธ จะทำกันก็คือ งานทอดกฐิน

การทอดกฐิน อยาก หรือ ง่าย ความหมาย เหตุ  และ ผล

ท่านชมได้ วีดีโอชุึดนี้ คะ

เรื่องดี ๆ ยังมีอยู่ มาก คะ

ตอนที่ 2 และ 4 คลิ้๊กที่ลิงก์ นะคะ  เพราะเจ้าของยังไม่ปล่อยให้ embed




http://www.youtube.com/watch?v=OILf-Kt9ats (The video's owner prevents external embedding)



http://www.youtube.com/watch?v=Fef_RRQfOVk (The video's owner prevents external embedding)
38  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมงานทอดกฐิน วัดถ้ำเมืองนะ เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 02:18:56 pm
มีข่าวบุญมาแจ้งครับ วัดถ้ำเมืองนะ จัดงานกฐินในวันที่ 14 พฤศจิกายน 53 ตรงกับวันอาทิตย์ ญาติธรรมท่านใดที่สนใจจะร่วมเดินทางงานบุญกฐิน ณ วัดถ้ำเมืองนะ ผมได้จัดเตรียมรถบัสปรับอากาศไปร่วมงาน โปรแกรมเดินทางมีดังนี้

13 พ.ย. 53   เวลา 6.30 น. จุดขึ้นรถที่หนึ่ง ณ ปั้มน้ำมันปตท. วิภาวดี (ตรงข้าม ม.การค้า)
       เวลา 6.45 น. จุดขึ้นรถที่สอง ณ ปั้มน้ำมันปตท. อนุสรณ์สถาน
          เวลา 7.30 น. จุดขึ้นรถที่สาม ณ ป้ายรถด้านในหน้าห้าง เทสโก้โลตัส จ.อยุธยา

เมื่อ สมาชิกครบแล้วก็จะเดินทางสู่จังหวัดตาก กราบพระธาตุ วัดพระบรมธาตุบ้านตาก เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีมะเมีย (แทนเจดีย์ชะเวดากอง)  อายุประมาณ 200 กว่าปี สักการะและเสี่ยงทายกับหลวงพ่อทันใจ ที่เลื่อมใสศรัทธา (ห้ามนำเนื้อสัตว์เข้ามาบริเวณพระธาตุและองค์หลวงพ่อ) แวะรับประทานอาหารที่จังหวัดตากให้อิ่มหนำสำราญ จากนั้นเดินทางไปพระธาตุลำปางหลวง ที่จังหวัดลำปาง ซี่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีฉลู เมื่ออิ่มบุญอิ่มใจแล้วก็เดินทางสู่วัดถ้ำเมืองนะ

14 พ.ย. 53   ร่วมงานบุญกฐินประจำปี กับพระเดชพระคุณหลวงตาม้า เมื่อเสร็จงานกฐินแล้ว จากนั้นเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ผู้สนใจติดต่อ คุณอภิชาติ โทร.085-222-6582
ค่า ใช้จ่ายในการเดินทาง ท่านละ 1,500 บาทชื่อ นาย อภิชาติ มีจิตร์ บัญชี ออมทรัพย์ เลขที่ 401-496-1438 ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาย่อย คาร์ฟูร์ บางปะกอก

หมายเหตุ : ต้องขอให้ผู้ที่ชำระค่าเดินทางแล้ว เลือกที่นั่งก่อนน่ะครับ
39  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เส้นทางรถไฟที่สวยที่สุด อยู่ในธิเบต คะ เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 03:45:00 pm
เส้นทางรพถไฟที่สวยที่สุด อยู่ในธิเบต คะ








Aeva Debug: 0.0004 seconds.
40  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สมอไทย มีคุณประโยชน์ เป็นยา ตามพุทธานุญาต ด้วยคะ เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 01:21:20 pm
 :) ขอโพสต์บ้าง

เรื่องของสมอ จ้า เป็น fwd mail คะ



“สมอไทย”ของดีที่(เริ่ม)หายไป

        หากถามเด็กสมัยนี้ว่ารู้จักลูก“สมอ”หรือเปล่า ส่วนใหญ่ส่ายหน้าไม่รู้จัก หรือไม่ก็ถามกลับว่า คือลูกอะไร? ขณะที่เด็กบางคนร้องอ๋อ เข้าใจว่าคือสมอเรือ ส่วนบางคนบอกคือยี่ห้อชุดนักเรียน
       
       เหตุที่เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักลูกสมอ โดยเฉพาะกับลูก“สมอไทย”นั้นเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้หาลูกสมอไทยกินค่อนข้างยาก และเด็กยุคนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่นิยมกัน ผิดกับเด็กๆในสมัยรุ่นแฟนฉันขึ้นไป ที่ดูจะคุ้นเคยกับสมอไทยมากกว่า
       
       สมอไทย เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีผลเป็นลูกป้อมๆรีๆ มีขนาดเล็กประมาณหัวแม่มือ ผิวเกลี้ยงไม่มีขน เมื่อแก่จะมีสีเขียวอมเหลือง
       
       สมอไทยมีรสชาติที่ค่อนข้างทรมานใจเด็กหลายคนหรือผู้ใหญ่บางคน เพราะมีรสฝาด ขม นำ แต่เมื่อกินไปสักพักจะกลายเป็นหวานชุ่มคอ
       
       สำหรับสรรพคุณเด่นของสมอไทย คือ เป็นยาระบาย ช่วยแก้โรคท้องผูกแต่ไม่ทำให้ถ่ายท้อง อีกทั้งยังช่วยชำระลำไส้ให้สะอาด โดยผู้ที่เป็นโรคท้องผูกควรกินลูกมอไทยประมาณวันละ 3-5 ลูกทุกวันจนกว่าจะหาย
       
       นอกจากนี้สรรพคุณของสมอไทยยังมีหลากหลาย อาทิ บำรุงกำลัง แก้ไอ แก้กระหาย แก้เจ็บคอ ขับลมในกระเพราะ แก้ปวดท้อง ช่วยย่อยอาหาร เป็นต้น
       
       และด้วยสรรคุณที่มากมีสวนทางกลับขนาดลูกเล็กๆของมัน ทำให้บางคนผู้นิยมสมุนไพรถึงกลับกล่าวว่า ถ้ากินสมอไทยวันละลูกเป็นประจำทุกวัน โรคภัยก็ยากที่จะเข้ามาก้ำกราย


เพิ่มเดิมนะคะ
ยาดองน้ำมูตรเน่า ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต พระฉันเป็นยา มี

สมอ มะขามป้อม เท่าที่ทราบคะ

วิธีดองให้ใช้ น้ำมูตร ( ปัสสาวะของตนเอง ) ดองคะ

วิธีบริโภค หนูไม่ทราบคะ ขั้นตอนอย่างไร ?

ใครรู้มาโพสต์ บอกด้วยนะคะ
 :25:
หน้า: [1] 2