ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'จักรยาตรา' สองล้อ เพื่อพุทธชยันตี ๒๖๐๐  (อ่าน 1522 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




'จักรยาตรา' สองล้อ เพื่อพุทธชยันตี ๒๖๐๐
พึ่งตนพึ่งธรรม โดย พระชาย วรธัมโม เรื่อง /ฮักกี้แบร์รี่ ภาพ

          ดูเหมือน พระสมบูรณ์ สุมังคโล ในวัย ๕๓ ปี พรรษา ๒๖ จะเป็นพระภิกษุรูปแรกและรูปเดียวในเวลานี้ ที่หันมาปั่นจักรยาน ๒,๖๐๐ กิโลเมตร เพื่อเฉลิมฉลองวาระที่โคตมะพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ ๒,๖๐๐ ปี นับจากปีที่พระองค์มีพระชนมายุ ๓๕ ชันษาจนถึงพุทธศักราช ๒๕๕๕ รวม ๒,๖๐๐ ปีพอดี
 
          ไม่ใช่เพราะพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ เท่านั้น แต่พระสมบูรณ์ยังมีเหตุผลอีก ๒ ประการ คือ เพื่อสุขภาพและเพื่อรณรงค์ให้คนหันมาประหยัดพลังงานกัน
 
       ก่อนหน้านี้พระสมบูรณ์มีอาการ "วูบ" จู่ๆ ก็หมดสติไปเฉยๆ ๒-๓ ครั้ง เนื่องจากปัญหาสุขภาพเรื่องความดันโลหิต ซึ่งมีแนวโน้มว่าท่านอาจจะละโลกนี้ไปได้ง่ายๆ ด้วยเหตุที่พระภิกษุเป็นบุคคลด้อยโอกาสในการออกกำลังกาย เมื่อไปพบหมอครั้งล่าสุดจึงถามหมอว่า
 
     "หากอาตมาจะปั่นจักรยาน ๒,๖๐๐ กิโลเมตร จะเป็นอันตรายกับสุขภาพไหมหมอ?"
 
         หมอทำหน้างงนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
 
         "หากท่านสามารถออกกำลังกายให้เหงื่อออกได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ถือว่าดีทั้งนั้นแหละ"
 
        อีกเหตุผลคือ ต้องการชักชวนให้คนหันกลับมาสนใจใช้จักรยานพึ่งตนเองเพื่อลดการใช้น้ำมัน
 
        หลายปีมาแล้ว เมื่อพระสมบูรณ์เริ่มรับงานเป็นครูพระ ต้องออกไปสอนศีลธรรมตามโรงเรียนต่างๆ ในเขต อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ แต่ละโรงเรียนอยู่ห่างวัดออกไปหลายกิโลเมตร
        ปัญหา คือ ในชนบทไม่มีรถประจำทาง วัดก็อยู่ในถนนลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ ๒ กิโลเมตร
        วัดไม่มีรถเอง แต่ถึงจะมีรถก็ต้องมีคนขับรถ มีคนขับรถ ก็ต้องมีเงินเดือนให้คนขับรถ
        มีรถก็ต้องมีเงินซื้อน้ำมันให้รถ ต้องมีเงินพารถไปตรวจเช็กทุก ๒-๓ เดือน
        ทุกอย่างกลายเป็นค่าใช้จ่ายหมด

 
        ด้วยเหตุนี้พระสมบูรณ์จึงนึกถึงจักรยานเป็นอันดับแรก
        เพราะจักรยานเป็นยานพาหนะราคาถูกที่สุดที่จะสามารถหาซื้อมาใช้ได้ ไม่ต้องพึ่งพาญาติโยม
        เพราะสามารถใช้สองเท้าที่มีอยู่เป็นพลังงานในการขับเคลื่อน ไม่ต้องใช้น้ำมัน ไม่ต้องเสียเงินพาจักรยานไปตรวจเช็กสภาพบ่อยๆ เหมือนรถ
        ที่สำคัญคือ ได้ออกกำลังกายไปด้วย

 
        ในสถานการณ์ที่วัดก็อยู่ในชนบท วัดไม่ได้ร่ำรวยเหมือนวัดในเมืองที่มีโยมคอยขับรถยนต์ตามส่ง เพราะมีเงินเดือนให้คนขับรถ ในชนบททุกสิ่งทุกอย่างต้องช่วยเหลือตัวเอง หากพระภิกษุในชนบทหันมาพึ่งตนเองด้วยการใช้จักรยานน่าจะช่วยลดภาระไปได้หลายเรื่องทีเดียว สำหรับพระสมบูรณ์ได้หันมาใช้จักรยานเป็นเวลา ๘ ปีแล้ว
 
        เรื่องหนึ่งที่ถือเป็นเรื่องปกติ แต่เมืองไทยไม่ค่อยมีใครรู้กันก็ คือ
        พระสงฆ์ไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศต้องขับรถยนต์ด้วยตนเอง
        เนื่องจากในต่างประเทศ ไม่มีฆราวาสญาติโยม มาคอยรับใช้เหมือนอยู่เมืองไทย
        ดังนั้นพระที่อยู่ต่างแดนจึงต้องขับรถด้วยตนเอง หาไม่แล้วการไปไหนมาไหนก็จะลำบาก
 
       ผู้เขียนเชื่อว่า ความอึดอัดใจของชาวพุทธ ที่มีต่อพระขี่จักรยานน่าจะคลี่คลายลงไป     เมื่อมีการแสดงเหตุผลของการขับขี่ให้เกิดความเข้าใจต่อสาธารณะ
       ต่อไปผู้เขียนหวังว่า เราจะเห็นพระสงฆ์หันมาขี่จักรยานกันมากขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้ขัดกับสมณสารูปและเป็นเรื่องน่ายินดีที่พระสงฆ์ เป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตเรียบง่าย


       เมื่อเราใช้จักรยานก็ไม่มีการใช้น้ำมัน ไม่มีการใช้น้ำมันก็ประหยัดเงิน เมื่อไม่มีการใช้น้ำมันก็ไม่มีการเผาไหม้ ไม่มีการเผาไหม้ก็ไม่เกิดไอเสีย ไม่เกิดไอเสียอากาศก็ไม่เป็นพิษ อากาศไม่เป็นพิษสุขภาพก็แข็งแรง น้ำมันก็ไม่ถูกขุดเจาะขึ้นมาใช้ เพราะการขุดเจาะน้ำมันทำให้เกิดการเบียดเบียนสิ่งแวดล้อม น้ำมันใต้ผิวโลกใช่ว่าจะมีถาวร สักวันหนึ่งน้ำมันต้องหมดไปจากโลกแน่ๆ การหันกลับมาพึ่งพาพลังงานสองเท้าของเราเอง จึงเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมสนับสนุน
 
        พระสมบูรณ์เล่าให้ฟังว่า หลังจากเริ่มปั่นจักรยานก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นเพราะมีเหงื่อออกทุกวัน การมีเหงื่อออกทุกวัน หมายความว่า ร่างกายขับสารพิษออกมาพร้อมกับเหงื่อ
 
              "โรคมันกลัวเรา เมื่อเราเอาจริง" พระสมบูรณ์สรุป
 
        จักรยาตราครั้งนี้แตกต่างจากการปั่นจักรยานทั่วไป ตรงที่เป็นการนำธรรมะเข้ามาปฏิบัติ มีการสวดมนต์ภาวนา มีการตั้งสติทุกเช้าด้วยการกล่าว "ปณิธานจักรยาตรา" เส้นทางเริ่มต้นจากวัดป่าลานหินตัด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ไปยัง อ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้วปั่นกลับมาวัดป่าลานหินตัด เริ่มต้นวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ จนถึง ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๕
 
         ฆราวาสผู้ร่วมปั่นจักรยาตรามี ๓ ท่านด้วยกัน
 
         ท่านแรกคือ คุณกลางดิน อายุ ๕๑ ปี ท่านนี้เคยบวชเป็นสมณะสายสันติอโศก ๓๐ ปี เคยร่วมเดินเท้าใน "โครงการเดินเพื่อสันติปัตตานี" หลังจากลาสิกขาก็ใช้ชีวิตเป็นอนาคาริก ไม่ใช้เงิน ไม่สะสมทรัพย์ กินมังสวิรัติ หลีกเลี่ยงการเดินทางที่ต้องพึ่งพิงน้ำมันคือรถยนต์ ดำรงตนเพื่อรักษาโลกและสิ่งแวดล้อม ก่อนหน้านี้ฝึกฝนตนเองด้วยการเดินทางด้วยเท้า แต่ตอนนี้หันมาใช้จักรยานเพื่อรักษาธรรมชาติ
 
        ท่านต่อมามีชื่อเล่นเป็นภาษาอังกฤษว่า ฮักกี้ แบรี่ "Huggy Beary" เพราะตัวใหญ่เหมือนหมี และชอบเข้าไปกอดคนที่ตนเองรู้สึกถูกคอ อายุ ๔๑ ปี เป็นที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะ ๑๐ ปีที่ผ่านมา การเป็นที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ทำให้ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสร็จจากงานก็นอนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ออกไปไหน

       กินแต่อาหารมันๆ ไม่มีการออกกำลังกาย ทำให้มีไขมันในเลือดสูง มีอาการแน่นหน้าอก หมอบอกว่า หากไม่ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตอาจจะต้องจองศาลาวัดในเร็ววัน คุณฮักกี้ แบร์รี่ จึงเปลี่ยนตัวเองด้วยการเข้าเป็นสมาชิก "ชุมชนคนใช้จักรยานแห่งชาติ" ปั่นจักรยานและออกกำลังกายเป็นประจำ จากน้ำหนัก ๙๘ ก็ลดลงเหลือ ๗๘ กิโลกรัม ในเวลาไม่นาน
 
       สุภาพสตรีท่านเดียวที่ร่วมปั่นจักรยาตราชื่อ คุณแพรแสงแก้ว ธนจารุภมร หรือ เกด อายุ ๔๐ ปี ก่อนหน้านี้เธอเป็นพนักงานบริษัท ต่อมาลาออกแล้วหันมาใช้ชีวิตเป็นอนาคาริกได้ ๒ ปีแล้ว เคยร่วมเดินเท้ากับ "โครงการเดินเพื่อสันติปัตตานี" สนใจการใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่เบียดเบียนธรรมชาติ กินมังสวิรัติ ไม่สะสมทรัพย์ หันมาใช้จักรยานในการเดินทางไปทุกที่ หลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์เช่นเดียวกับคุณกลางดิน
 
       ทั้งสี่ท่านมีหัวใจเดียวกันตรงที่รักการปั่นจักรยาน ต้องการเชิญชวนให้คนหันมาพึ่งพิงตนเองมากขึ้น เบียดเบียนธรรมชาติให้น้อยลง พร้อมกับเป็นการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี
 
       จักรยาน ๒ ล้อที่สื่อถึง "พระธรรม" และ "พระวินัย" จำนวน ๘ ล้อหมายถึง "อริยมรรคมีองค์ ๘" อันเป็นองค์ธรรมประกอบกันนำไปสู่การตรัสรู้ ในขณะที่ ๔ นักเดินทางหมายถึง "อริยสัจ ๔" ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
 
         การบำเพ็ญเพียรของบุคคลทั้งสี่ ซึ่งสัญลักษณ์และตัวเลขทั้งหมดแฝงเร้นรหัสบางอย่างไว้ น่าจะสะกิดใจให้ใครหลายคนที่พบเห็นได้ระลึกถึง "การหมุนวงล้อธรรมจักร" ที่โคตมพุทธเจ้าได้กระทำไว้ครั้งแรกเมื่อ ๒,๖๐๐ ปี ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายะแห่งชมพูทวีป ถึงจะห่างไกลกันด้วยกาลเวลาและสถานที่ แต่หัวใจและความมุ่งมั่นกลับไม่ห่างไกลกันเลย



คำปณิธาน จักรยาตรา

ทุกกงล้อที่หมุนไปในวันนี้   เราจะปั่นด้วยความสงบ
อย่างมีสติ...เพื่อสันติสุขในใจเรา   และเพื่อรำลึกรู้...บุญคุณของแผ่นดิน
ป่าไม้...สายน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยง   และเกื้อกูลชีวิตของเรา
เราจะเปิดใจ...รับรู้ทุกข์ - สุข   ของสรรพชีวิต...ด้วยความอ่อนโยน
และนอบน้อมต่อธรรมชาติ   ตามรายทางเบื้องหน้านี้


ขอให้สรรพชีวิต...จงมีความสุข  ปลอดพ้นจากภัยทั้งปวง
ขอให้ทุกชีวิตเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน   อยู่อย่างบรรสานสอดคล้อง ด้วยเมตตาต่อกัน
ขอให้บุญกุศล...ที่เราพร้อมใจกัน  บำเพ็ญในวันนี้...จงเป็นพลวปัจจัย
ให้สันติสุขจงบังเกิดมีบนแผ่นดินนี้   อย่างยั่งยืนยาวนาน...ตลอดไป...


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20120229/124201/จักรยาตราสองล้อเพื่อพุทธชยันตี๒๖๐๐.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ