ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อุบายสมาธิ  (อ่าน 7217 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อุบายสมาธิ
« เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 03:45:09 pm »
0
ขอนอบน้อมแด่ พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ขอนอบน้อมแด่พระธรรม ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
ขอนอบน้อมแด่พระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระเถระ พระอริยะเจ้าทั้งหลาย  ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ควรแก่การเคารพนพน้อม

กราบเรียนพระอาจารย์ธัมมวังโส และ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย

ด้วยว่าผมและอาจจะมีหลายๆท่านที่ไม่สามารถจดจ่อในสมาธิได้ง่าย มีความตรึก นึก คิด ฟุ้งซ่านเป็นปกติ ด้วยจิตนี่ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนอันที่เราจะไปบังคับให้มันเป็นไปดังใจได้ เราต้องหาอุบายล่อให้จิตนี้ชอบกับสมาธิ จนเกิดความจดจ่อแนบแน่นอยู่เป็นสัมมาสมาธิ ผมจึงได้คิดหาอุบายดังนี้ว่า

ให้เพ่งลม ลมหายใจเข้า และ ลมหายใจออก เพ่งให้เป็นกสิน เป็นชักการชักจูงให้จิตนี้จดจ่อกับลม

อุบายนี้เป็นเนื่องมาจาก พระตถาคตตรัสสอนเรื่องธาตุ ๖ แก่ท่านปุกกุสาติว่า

[๖๘๗] ดูกรภิกษุ ก็วาโยธาตุเป็นไฉน คือ วาโยธาตุภายในก็มี ภายนอก
ก็มี ก็วาโยธาตุภายในเป็นไฉน ได้แก่สิ่งที่พัดผันไป กำหนดได้ มีในตน อาศัยตน
คือ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำ ลมในท้อง ลมในลำไส้ ลมแล่นไป
ตามอวัยวะน้อยใหญ่ ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า หรือแม้สิ่งอื่นไม่ว่าชนิดไรๆ
ที่พัดผันไป กำหนดได้ มีในตน อาศัยตน นี้เรียกว่าวาโยธาตุภายใน

ด้วยเหตุที่ กสิน คือ การเพ่ง เมื่อเราขักจูงให้จิตน้อมไปที่ลมด้วยอุบายว่าเพ่งกสินลม(แต่จะต่างจากกสินที่เพ่งกำหนดดูรูปให้เกิดนิมิตเล็กน้อย) จิตก็จะมีการจดจ่อกับลมมากขึ้น หลุดจากลมหายใจน้อยลง ทำให้อยู่กับลมหายใจได้นานขึ้นดังนี้
 
ซึ่งผมเองก็ได้กระทำปฏิบัติอย่างนี้มา ทำให้ทรงอารมณ์ในสมาธิกับลมหายใจได้มากขึ้น ขั้นต่ำที่จะเห็นก็จะเกิดนิมิตเป็นดวงแก้วแสงสว่าง อาโลกกสิน ได้


ขอสอบถามพระอาจารย์ และ ท่านผู้รู้ทั้งหลายว่า อุบายเครื่องสมาธินี้ ผิดจากพระธรรมคำสอนไหมครับ  แล้วอุบายนี้ใช้เผยแพร่ไปได้ไหมครับ จะเป็นการบิดเบือนพระธรรมคำสอนหรือไม่อย่างไรครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 24, 2014, 04:13:46 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 04:20:52 pm »
0
สำหรับ ท่านที่มีบารมี สั่งสมมาทาง สุกขวิปัสสก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเช่นนั้น คือ ไม่สามารถรวมสมาธิได้ เกินกว่า ปฐมฌาน เนื่องด้วย ปัญญามาก ความรู้มาก ดังนั้น ให้เข้าใจส่วนนี้ แล้ว เจริญ สติ แทน สมาธิ เพื่อให้ สติ พัฒนา เป็น สมาธิ เอง การเจริญ สติ ก็ มี 4 หมวด คือ
 
    สติ ไปในกาย  หมวดนี้เหมาะกับ ทุกจริต เลือก บรรพะให้ถูกต้องก่อน
    สติ ไปในเวทนา
    สติ ไปในจิต
    สติ ไปในธรรม

   สำหรับ การใช้ วาโย หรือ ธาตุ จัดเป็น ธาตุบรรพะ อยู่ในขั้นกลาง ฝึกสติ เข้าอุปจาระฌาน ได้บ้างแล้ว ก็สามารถเจริญธาตุ ด้วยสติ ตามระลึก รู้ ถึง ธาตุ ว่า ธาตุ นี้ คือกาย กายนี้ เป็นส่วนหนึ่งของธาตุ จิตก็จะว่างพร้อมไปตามที่รับรู้ ว่า นี่ไม่ใช่เรา นี่ไม่ใช่ของเรา นี่ไม่ใช่ตัวตนของเรา

   กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน จะสำเร็จได้ วัดผลที่ 6 ลักษณะ

      คือ 1. เห็นกายในภายใน
              พิจารณา ตั้งแต่ บรรพะ ที่ 1 จน ถึง สุดท้ายเหมือนกัน หมด

          2. เห็นกายในภายนอก
          3. เห็นกายในภายใน และ ภายนอก พร้อมกัน
          4. เห็นกาย คือ ความเกิดขึ้น ทั้งธรรม ในภายใน และ ภายนอก
          5. เห็นกาย คือ ความเสื่อมไป ทั้งธรรม ในภายใน และ ภายนอก
          6. เห็นกาย คือ ความเกิดขึ้น และ ความเสือมไป ทั้งธรรมที่เป็นภายใน และ ภายนอก พร้อมกัน

   ดังนั้น กายเจริญวาโยธาตุ หรือ ธาตุ ต่าง ๆ ที่ยกไว้นั้น เป็นการฝึก สติ ไม่ใช่ สมาธิ

    การฝึก สมาธิ มีองค์ 3 อย่าง

      คือ 1.ปัคคาหะนิมิต  2.บริกรรมนิมิต 3.อุเบกขานิมิต

      การฝึก สติ ไปสู่ สมาธิ เป็นแนวทาง ของ สุกขวิปัสสก เพราะผู้ที่มีการเจริญสั่งสม ปัญญาวิมุตติ ไม่สามารถ ฝึกในสาย เจโตวิมุตติได้

     
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 04:24:15 pm »
0
รูปแบบการฝึก สติ คนส่วนใหญ่ เข้าใจ ว่า ต้องมีการเคลื่อนไหว
แท้ที่จริง การเคลื่อนไหว เป็น เพียงสัมปชัญญะบรรพะ เท่านั้น ที่เราเจริญสติ ก็จะเห็น กายในภายนอก




บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 04:29:51 pm »
0
ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ
ให้ฝึก ภาวนา โพชฌงค 7

   เพื่อสำเร็จ ผลสมาบัติ ของ พระอริยะบุคคลทุกระดับ มีผลอำนาจสมาธิ เทียบเท่า ปฐมฌาน ปัญจมฌาน ทรงผลสมาบัติด้วย อำนาจสมาธิ 24 ชม. 1 วัน 1 คืน ใน อิริยาบถ นั่ง 

   การสำเร็จแบบนี้ เรียกว่า สุญญตสมาธิ สุญญตวิหารสมาธิ วิหารสมาธิสมาบัติ หรือ ผลสมาบัติ ซึ่งเป็นคุณธรรม ของ พระอริยะบุคคล สุกขวิปัสสก ทุกระดับ แตกต่างกันด้วยอำนาจ ของกายที่บรรลุ ตามระดับ

   ยุคนี้เป็นยุค ที่หา เจโตบุคคล ได้ยาก อาตมาเดินทางไปทั่วประเทศ ได้ พบ เจโตวิมุตติ ตลอดชีวิตนี้ เพียง 8 ท่านเท่านั้น นอกนั้น เป็น ปัญญาวิมุตติ ทั้งหมด

  เจริญธรรม / เจริญพร

   






บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

saiphone

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 04:56:05 pm »
0
ขอบคุณมาก คะ ที่พระอาจารย์ ออกมาตอบรู้สึกว่า ไว มาก นะคะ สำหรับ คำตอบ และโยมเองก็สนใจ ในเรืองการฝึก โพชฌงค์ ด้วยคะ ขอพระอาจารย์ หรือ ศิษย์กรรมฐานพี่ ๆ ทุกท่าน ช่วยแนะนำด้วยคะ

  st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
พระธรรม นำให้ ส่วางไสว ในดวงจิต

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 05:28:28 pm »
0
สาธุครับ ขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงที่ชี้แนะครับ ทำให้ผมได้เห็นแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติม
ผมก็จะเพียรเจริญในโพชฌงค์ ๗ ให้ได้ตามสติกำลังครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ผมขอถือเอาพระอาจารย์เป็นครูอุปัชฌาย์ของผมอีกท่านหนึ่งด้วยนะครับ แม้ผมไม่อาจไปกราบไหว้ได้ แต่ทุกครั้งที่ผมทำสมาธิ ไหว้พระ ผมจะกราบ 5 ครั้ง คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่บุพการี ครูบาอาจารย์ ผมก็กราบระลึกถึงพระอาจารย์ด้วยประการฉะนี้ครับ


ผมขออนุญาตเล่าเท้าความและสอบถามพระอาจารย์เพิ่มเติมด้วยนะครับ อาจจะยาวหน่อย มีดังนี้ครับ

คือ ก่อนหน้านี้เมื่อ 7 ปีก่อน ผมไม่รู้ธรรมอะไรเลยนอกจาก พุทโธ อย่างเดียว เมื่อปฏิบัติไปเรื่อยๆโดยไม่ลังเลสงสัยอะไรอุปัชฌาย์บอกยังไงก็เชื่อและทำตามอย่างนั้น ก็เคยเข้าสู่สภาพที่มีแต่ความว่างไม่มีความคิดอะไรเลย สักพักก็เกิดความรู้สึกเป็นสุขอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนในชีวิตนี้ที่เกิดมา จากนั้นก็มีแต่ความนิ่งสงบแลดูอยู่ไม่รับรู้อาการหรืออารมณ์ภายนอกใดๆ มีแต่สภพาที่แลดูอยู่ในความโล่งว่าง ไม่มีอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความคิดมีแต่รู้ในสภาพที่ดูอยู่ จากนั้นเมื่อออกจากสภาพนี้มา เวลาเกิดความกลัวขึ้น หรือ เกิดสิ่งใดๆขึ้นมากระทบ ก็จะหายใจเข้า หายใจออกก็เข้าสู่สมาธิได้ทันที มีความนิ่งสงบว่าง ความกลัวหรือตกใจไรๆ ความเร่งรีบใดๆก็จะหายไป เวลาเดินก็เหมือนจะเดินช้าๆ ทำอะไรเหมือนมทันช้าๆไปหมด เห็นอาการของจิตเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้ไปติดใจอะไรกับมัน ตอนนั้นจิตสักแต่รู้เท่านั้นไม่ได่เข้าไปร่วมซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอาการเหล่านั้นมันคืออะไร (เพิ่งมารู้ที่หลังเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนที่เรียนรู้สติปัฏฐานว่านั้นเรียกสภาพจริงเป็นอาการจริงๆของจิต) สภาวะจิตคงแต่ความว่าง ใครด่าก็ไม่โกรธ เคยกลัวสิ่งใดก็เฉยๆ ผมคงอยู่สภาพนี้มา 3 วัน 3 คืน

แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าที่เป็นนี้เขาเรียกว่าอะไร ผมเรียกมันว่า สมาธิที่มีกำลังมาก

พอวันที่ 4 ผมดันไปเกิดความติดข้องใจในเวบแชทกับผู้หญิงคนหนึ่งทุกอย่างที่เป็นมานี้ก็เสื่อมไปหมดจะเรียกคืนมาก็ไม่ได้ แม้เหมือนจะได้แต่ก็เหมือนไม่ถึงในสภาพนั้นๆ

จนเมื่อประมาณปี 50 ประมาณเดือนตุลาคม ผมเกิดความพรัดพรากสูญเสียไปจนชีวิตผมจะตายผมเอาแต่กินเหล้าร้องไห้ฟูมฟาย แล้วก็ไปฉุกคิดถึงพระพุทธเจ้าขึ้น ผมจึงได้บนบานพระพุทธเจ้าไว้ว่า หากทำให้ผมนี้เห็นทางพ้นทุกข์ ผมจะเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปตลอดชีวิต ผมก็นั่งสมาธิทั้งๆที่ร้องไห้อยู่นั้น ระลึกถึงเอาแต่ความว่าง สักพักมันก็เข้าสภาพเหมือนที่เป็นมาได้อีกต่างกันแค่ยังมีความตรึกนึกคิด ซึ่งความคิดและนิมิตนั้นๆ อยู่ๆมันก็แล่นเข้ามาในสมองผมเอง มันจะเห็นตั้งแต่ตอนที่เป็นทุกข์อย่างมาก แล้วค่อยๆถอยออกมาถึงต้นเหตุของมันทีละนิดๆ คงเห็นนิ่งอยู่คือ ความสำคัญมั่นหมายของใจในสิ่งใดๆไว้ อันเกิดมาแต่ความพอใจยินดี และ ไม่พอใจยินดี จากการที่เราไปติดข้องใจในสิ่งใดๆเหล่านั้น สิ่งนี้ที่ทำให้ผมเป็นทุกข์ทรมาน พลันนั้นความทุกข์ผมก็ดับไป แล้วก็เห็นนิมิตเป็นเส้นขนานสีเหลือง สีแดง สีเขียว จิตผมก็ไปยึดเข้าเอาสีเขียว แล้วก็เกิดเสียงพูดกับผมว่า เธอรู้แล้วหนอๆๆ ท่านรู้แล้วหนอๆๆ แล้วผมก็หลุดจากสมาธิออกมา ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่สามารถเข้าสมาธิได้อีก ที่พอจะทำได้คือเจริญในจิตตานุสติปัฏฐาน และ เวทนานุสติปัฏฐาน
จนวันนี้ ผมได้แค่ปารถนาที่จะรู้ให้ครบ ๔๐ กรรมฐาน พร้อมหาแนวทางที่ไปให้ถึงวิปัสสนาให้ได้ครบทั้ง ๔๐ กอง และ ปารถนาขอให้รู้อย่างที่พระพุทธเจ้ารู้ เห็นอย่างที่พระพุทธเจ้าเห็น มีอย่างที่พระพุทธเจ้ามี เมื่อจะสำเร็จก็ขอให้ได้ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ และ อภิญญา ๖ ครับ เพื่อจะเผยแพร่พระธรรมในพระพุทธศาสนาได้ถูกต้องและตรงตามจริงดั่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน แต่พอเมื่อเข้าสมาธิแทบไม่ได้ ผมก็มีความรู้สึกเหมือนมันไม่ใช่ทางของเรา ผมเองก็เคยคิดจะทิ้งธรรมที่พอจะรู้ได้ไปหลายรอบ แต่เมื่อทุกครั้งที่ทิ้งชีวิตผมก็จะเกิดความวิบัติทันที ที่ทำได้ในตอนนี้คือใช้ปัญญาทางโลกพลิกแพลงเผยแพร่โดยพยายามอ้างอิงตามจริงจากพระสูตรให้มากที่สุดเพื่อกันความเผยแพร่พระธรรมผิดเพี้ยน

ขออนุญาตสอบถามพระอาจารย์ครับว่า
1. ที่ผมเป็นนั้นเรียกว่าฌาณไหมครับ หรือแค่สมาธิธรรมดาทั่วไป
2. เมื่อมันเสื่อมไปแล้ว มันสามารถที่จะกลับคืนมาได้อีกไหมครับ ด้วยผมคิดว่าสภาพนั้นมันทำให้ความวางใจไว้กลางๆกับสิ่งทั้งหลายได้ และเหมือนมันทำให้เห็นตามจริงโดยไม่ใช้ความคิด
3. ผมจะต้องเจริญปฏิบัติสะสมอย่างไรถึงจะเข้าถึงเจโตวิมุตติได้ครับ
4. การเจริญเมตตาอยู่เนืองๆแล้วแผ่ไปจากคนที่รักที่รู้จัก จนถึงแผ่ไปอย่างไม่มีประมาณเป็นประจำจะช่วยให้ถึงเมตตาฌาณได้ไหมครับ
5. ผมสามารถจะรู้และเข้าถึงใน ๔๐ กรรมฐานได้หรือไม่ครับ

ขอพระอาจารย์ชี้แนะด้วยครับ

ขอขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 24, 2014, 06:07:40 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

sakol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 24, 2014, 11:24:30 pm »
0
โอ ลึกซึ้ง นะครับ สำหรับ ท่าน Admax แต่ส่งอารมณ์กับพระอาจารย์ โดยไม่ึ้ึขึ้นกรรมฐาน และไม่ได้เป็นศิษย์สายตรงเช่นนี้ พระอาจารย์ตอบมาขนาดนี้ ผม ประหลาดใจมาก ปกติผมก็ถามแต่พระอาจารย์ไม่เคยตอบเลยครับ รู้สึก น้อยใจบ้าง แต่ก็อนุโมทนา ครับ หรือต้องมาถามในบอร์ด ไม่ถามทาง เมล

  :49:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 25, 2014, 07:27:27 pm »
0
  ans1

ขออนุญาตสอบถามพระอาจารย์ครับว่า
1. ที่ผมเป็นนั้นเรียกว่าฌาณไหมครับ หรือแค่สมาธิธรรมดาทั่วไป

   ตอบ ไม่ได้เรียกว่า ฌาน เพราะ ฌาน มีจิต เป็น เอกัคคตา ไม่มีการปรุงแต่งอื่น ๆ นอก จาก นิมิตทั้ง 3 ในระหว่าง ที่ดำเนิน ฌาน

2. เมื่อมันเสื่อมไปแล้ว มันสามารถที่จะกลับคืนมาได้อีกไหมครับ ด้วยผมคิดว่าสภาพนั้นมันทำให้ความวางใจไว้กลางๆกับสิ่งทั้งหลายได้ และเหมือนมันทำให้เห็นตามจริงโดยไม่ใช้ความคิด
   
   ตอบ ฌาน ถ้าเสื่อม ก็สามารถภาวนา กลับมาได้ แต่เหตุปัจจัย ต้องยิ่งยวด เพิ่มขึ้น ประหนึ่งความเสื่อม ก็คือ การดื้อยา ต้องยาดีขึ้น อุบายที่แยบยลขึ้น

    ส่วน ญาณ หากเข้าถึงแล้ว ก็จะมีเพียงครั้งเดียว ในระลอกเดียว

3. ผมจะต้องเจริญปฏิบัติสะสมอย่างไรถึงจะเข้าถึงเจโตวิมุตติได้ครับ

   ทดสอบ ภาวนา พุทโธ ในแนวทางกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ อย่างเอาจริง เอาจังสัก 7 วันก็ทราบแล้วว่า เราจะมีบารมีอธิษฐาน ไว้เพื่อ เจโตวิมุตติ หรือไม่

   ในปัจจุบัีนนี้ บรรดาเจโตวิมุตติ มีน้อยลง ตามคำทำนายของพระพุทธเจ้า อยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะมีทิฏฐิสมบูรณ์ ด้วย ปัญญาวิมุตติ

4. การเจริญเมตตาอยู่เนืองๆแล้วแผ่ไปจากคนที่รักที่รู้จัก จนถึงแผ่ไปอย่างไม่มีประมาณเป็นประจำจะช่วยให้ถึงเมตตาฌาณได้ไหมครับ

   การเจริญเมตตา ให้เป็น เจโตวิมุตติ ไม่ใช่เรื่องง่าย ในครั้งพุทธกาลไม่มีประวัติ พระอริยะบุคคล เอตทัคคะ ด้าน เมตตาเจโตวิมุตติ สักองค์ เพราะเหตุที่ว่า การเจริญเมตตาเจโตวิมุตติ นั้นเป็นคุณธรรมของ พระโพธิสัตว์ ที่อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า ประเภทใด ประเภทหนึ่ง ที่ผ่านมาจึงหาที่ปฏิบัติ ด้านเมตตาเจโตวิมุตติ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ นั้นไม่มีประวัติ มามีประวัติ ที่ไม่ชัดเจน ในยุคปัจจุบัน ไม่กี่รูป ในวิชากรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เรียกว่า ออกบัวบานพรหมวิหาร 4 ซึ่งเป็นคุณธรรม เมตตาเจโตวิมุตติ ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน เจริญและสืบทอด ไว้จนลือลั่นในสมัย รัชกาลที่ 1 - 5  ในปัจจุบันเหลือแต่เพียง กิตติศัพท์ ของหลวงปู่ ให้รับทราบเท่านั้น

   แต่ในบรรดาศิษย์กรรมฐาน ก็มีเด่น ๆ ไม่กี่รูป ด้านนี้ เพราะเมตตาเจโตวิมุตติ เป็น คุณสมบัติ ของพระอรหันต์ ปฏิสัมภิทา ซึ่งสามารถ สื่อสารกับสิ่งมีชีิวิต ด้วยใจต่อใจ จึงทำให้เกิดความยินยอม

   เช่น พระพุทธเจ้า ทรงห้าม ช้าง นาฬาคิริง หรือ ทรมานนาคในอาศรม อุรุเวลกัสสปะ

   การเจริญเมตตา ต้องภาวนาด้วยการออกทิศ ทั้ง 10 จึงจักสมบูรณ์ได้ ทุกวันที่มีการภาวนา ก็เพื่อคลายเห็นแก่ตัว ของผู้ภาวนา แต่หากจะมีใครได้ถึง เมตตาเจโตวิมุตติ โอกาสน้อยมาก เท่าที่เดินทางมาจน ครึ่งชีวิตนี้ยังไม่พบสักรูป เลย



5. ผมสามารถจะรู้และเข้าถึงใน ๔๐ กรรมฐานได้หรือไม่ครับ

   สามารถรู้กรรมฐาน ทั้ง 40 กอง ได้ เรียนได้ ภาวนาได้ แต่ดูจริตด้วย โดยปกติ พระอริยะสาวก ที่ภาวนาสำเร็จในพระกรรมฐาน นันไม่ได้ฝึกฝนทั้ง 40 กองกรรมฐาน จนหมดหากแต่ ฝึกประจำในกรรมฐาน ใด กรรมฐาน หนึ่ง ตามจริตวาสนา ดังนั้น ถ้ามีความประสงค์ ต้องการพ้นจากโอฆะนี้ จงภาวนาในกรรมฐาน ใด กรรมฐาน หนึ่ง ให้คล่องแคล่ว จนถึง  มรรค ผล นิพพาน เถิด อย่ามัวเสียเวลา ฟุ้งซ่านแต่อยู่ ในเรื่องการพูด การสอน การนำ

   อาตมาเอง ก็ไม่ได้ คิดจะสอนใครเลย ในปัจจุบัน หลังจากผ่านพรรษาปีที่แล้วมา มีเพียงแต่ พูดตอบนิดหน่อย อยู่สันโดษ วิเวก ซะเป็นส่วนใหญ่

   
   เท่านี้นะ พิมพ์มากก็ลำบาก
 เจริญธรรม / เจริญพร


บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 25, 2014, 09:11:09 pm »
0
 st11ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 26, 2014, 04:14:29 pm »
0
 st12 st12 st12 st12 st12


ผมขอขอบพระคุณพระอาจารย์อย่างสูงครับ พระอาจารย์ตอบได้แจ้งกระจ่างใจผมแล้ว ความมีความยินดีมากครับ

ผมจะเพียรเจริญปฏิบัติสะสมไปเรื่อยๆตามแนวทางที่พดระอาจารย์ชี้แนะสอนสั่ง และ เผยแพร่ทางที่ถูกที่ดีและตรงตามจริงอันไม่ผิดเพี้ยนต่อคำสอนของพระตถาคต จนถึงเมื่อวันที่ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้


 st12 st12 st12 st12 st11 st11 st11
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

lamai54

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 27, 2014, 02:22:47 pm »
0
อ่านแล้ว ซาบซึ้ง ในคำแนะนำ ของพระอาจารย์ คะ พระอาจารย์เลือกตอบเป็นบุคคล ส่วนตัวก็เคยถาม แต่ไม่ได้คำตอบ หรือ พระอาจารย์ไม่ได้อ่านเมล ในปัจจุบัน

  st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
แข่งขันในโครงการ yamaha นะฮะ อย่าเข้าใจว่าเป็นพวกเสื้อแดง.... เราไม่ใช่....

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 27, 2014, 02:32:35 pm »
0
เห็นด้วยครับ พระอาจารย์ เลือกตอบตามบุคคล จริง ๆ ครับ
น่าจะพิจารณา ผู้ถามอยู่
หรือ ไม่ก็คำถาม มีเนือ้หา ที่สมควรตอบ

 st11 st12
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 27, 2014, 02:46:28 pm »
0
 st12 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

นิรมิต

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 89
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 27, 2014, 02:52:33 pm »
0
 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า

waterman

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 302
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 27, 2014, 02:57:18 pm »
0
 st12 st12 st12

 มีเพียง 3 คำที่จะกล่าว คือ  st11
บันทึกการเข้า

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: อุบายสมาธิ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 31, 2014, 09:39:39 am »
0
 st12 st12 st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ