ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนธรรมเป็น สิบ ๆ ปี ฟังธรรม เป็น พัน บท ทำไมจึงละ โลกธรรม ไม่ได้  (อ่าน 5886 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
"เรียนธรรมเป็น สิบ ๆ ปี ฟังธรรม เป็น พัน บท ทำไมจึงละ โลกธรรม ไม่ได้"

ที่ต้องขึ้นหัวข้อนี้ เพราะมีจดหมายเข้ามาสอบถามพระอาจารย์กันไม่ต่ำกว่า 50 ฉบับ ด้วยความสงสัยในความเป็นนักภาวนา นักปฏิบัติธรรม นักศึกษาธรรม แต่เมื่อถึงเวลากิเ้ลสจรเข้ามาแล้ว ทำไมจึงยับยั้งชั่งใจกับกิเลสที่เกิดขึ้นมามิได้ เป็นเพราะอะไร ?

    เหุตเป็นเพราะ ปณิธาน ในการตั้งใจปฏิบัติภาวนา นั้นส่วนหนึ่ง บางท่านปรารถนาเป็น เทวดา บางท่าน ปรารถนา เป็นพระโพธิสัตว์ บางท่านปรารถนา เป็นพรหม บางท่านปรารถนา เป็นพระอรหันต์ ดังนั้นเมื่อความปรารถนาแตกต่างกันไป จึงทำให้คุณธรรม ต่างกันด้วย  สำหรับ 3 พวกแรก มิสามารถจะยับยั้งชั่งใจได้ เมื่อกิเลสจรเข้ามา อาจจะมีโกรธ รัก โลภ หลง ได้ ในสามพวกแรก เว้นเสียแต่พวกที่มีปณิธาน ตั้งมั่นในพระนิพพาน ถึงจะมีอึดอัดขัดเคือง ขุ่นข้องใจบ้าง แต่ ก็ไม่แสดงออกมาเพราะไม่ต้องการสร้างเวร ต่อภพ ต่อชาติ ต่อไป ดังนั้น มีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง ก้ขอตอบว่า

     1.โยนิโสมนสิการ การทำไว้ในใจโดยแยบคาย เมื่อเรียนธรรม ภาวนาธรรม ก็ควรกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย คำว่า แยบคาย หมายความว่าอย่างไร ?

     คำว่า แยบคาย หมายความว่า ทำไว้ในใจด้วย อุบายที่สัมพันธ์กับเป้าหมายที่ตั้ง เช่นฟังธรรม ๆ นั้นมีมากมาย แต่ก็เลือกมาโดยแยบคายว่า ธรรมที่สนับสนุนการพ้นจาก ละจาก ตามเป้าหมายนั้นมีธรรมอันใดบ้าง

     พูดสั้น ๆ ก็คือ ฟัง แล้ว ตรวจสอบกับเป้าหมาย ( อันนี้เรียกว่า ฟังเป็น เรียนเป็น )

     2.นิสัมมะกรณังเสยโย ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำการภาวนา ดังนั้น เรื่องที่ฟัง มาเรียนเป็นมาแล้ว ก็มาิพิจารณาว่า พอจะทำได้หรือไม่ หรือจะต่อได้อย่างไร ด้วยอุบายอย่างไร


     ดังนั้น "เรียนธรรมเป็น สิบ ๆ ปี ฟังธรรม เป็น พัน บท ทำไมจึงละ โลกธรรม ไม่ได้"
     ก็เพราะขาดคุณธรรม สองข้อนี้ นั่นแหละจ๊ะ

     เจริญธรรม สั้น ๆ เท่านี้ก่อนนะจ๊ะ


    ;)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2012, 05:55:10 pm โดย ส้ม »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นบทความที่พระอาจารย์ เขียนเอง ก็น่าสนใจนะครับ

 อนุโมทนา ครับ อยากให้พระอาจารย์เขียนลงทุกวัน นะครับ ติดตามกระทู้อยู่นะครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


          นิพพาน! ...จิตนี้ืที่นำไป

นิพพาน! ...สมาธินี้ที่เป็นทาง

นิพพาน! ...สังขารนี้ที่ไม่ปรุง

นิพพาน! ...สูญแล้วจากภพชาติสิ้น



http://atcloud.com/stories/84143
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2012, 02:37:20 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
     1.โยนิโสมนสิการ การทำไว้ในใจโดยแยบคาย เมื่อเรียนธรรม ภาวนาธรรม ก็ควรกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย คำว่า แยบคาย หมายความว่าอย่างไร ?
     คำว่า แยบคาย หมายความว่า ทำไว้ในใจด้วย อุบายที่สัมพันธ์กับเป้าหมายที่ตั้ง เช่นฟังธรรม ๆ นั้นมีมากมาย แต่ก็เลือกมาโดยแยบคายว่า ธรรมที่สนับสนุนการพ้นจาก ละจาก ตามเป้าหมายนั้นมีธรรมอันใดบ้าง
     พูดสั้น ๆ ก็คือ ฟัง แล้ว ตรวจสอบกับเป้าหมาย ( อันนี้เรียกว่า ฟังเป็น เรียนเป็น )

     2.นิสัมมะกรณังเสยโย ใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำการภาวนา ดังนั้น เรื่องที่ฟัง มาเรียนเป็นมาแล้ว ก็มาิพิจารณาว่า พอจะทำได้หรือไม่ หรือจะต่อได้อย่างไร ด้วยอุบายอย่างไร

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2012, 03:32:12 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระอาจารย์ อาจจะส่งสัญญาณ ให้ศิษย์ทุกคน ได้มุ่งภาวนากันบ้างใช่หรือไม่ครับ
ผมคิดว่า การฟังมาก เรียนมาก บางครั้งก็ไม่ได้ทำให้พ้นจากทุึกข์ จากอารมณ์ที่ร้อนได้
บางทีผมเองก็ยังมานั่งนึกเลยว่า ผมเรียนมา ฟังมา แล้ว จะปฏิบัติต่อได้อย่างไร

   ทำให้นึกถึง คำพูด พระอาจารย์ ประโยคหนึ่งว่า กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ไม่ใช่
กรรมฐานที่เป็น ปริยัติ แต่เป็นกรรมฐาน ที่เป็นปฏิบัติ ถ้ามุ่งเรียนเป็นปริยัติ กรรมฐานก็ไม่
อยู่ แต่ถ้าปฏิบัติตามไปด้วยกรรมฐาน ก็จะพอกพูน เพิ่มเติม

  ขอบคุณครับ

  ผมเองตอนนี้อ่อนเรื่องภาวนา เดือนหนึ่ง นั่งกรรมฐานสักครั้ง ประมาณนี้ เคยถามพระอาจารย์
ว่า นั่งเดือนละครั้งพอหรือไม่ พระอาจารย์บอกว่า อย่างน้อย วันละครั้ง ๆ ละ สัก  15 นาทีเป็น
อย่างน้อยครับ

   :49: :s_hi: :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

ส้ม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 184
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
ที่ต้องขึ้นหัวข้อนี้ เพราะมีจดหมายเข้ามาสอบถามพระอาจารย์กันไม่ต่ำกว่า 50 ฉบับ ด้วยความสงสัยในความเป็นนักภาวนา นักปฏิบัติธรรม นักศึกษาธรรม แต่เมื่อถึงเวลากิเ้ลสจรเข้ามาแล้ว ทำไมจึงยับยั้งชั่งใจกับกิเลสที่เกิดขึ้นมามิได้ เป็นเพราะอะไร ?

 ไม่ใช่ สัญญาณ คะแต่เป็นเพราะมีจดหมาย ที่สงสัยเข้าไปสอบถามเรื่องนี้ นะคะ

  เห็นด้วยคะ เพราะหากเรามัวแต่ฟัง แต่อ่าน แต่ไม่ได้กระทำ หรือปฏิบัติ ตาม สิ่งที่เรียน และฟังมาแล้ว ต่อให้เป็นอยุ่อย่างนี้ ก็เท่ากับว่างเปล่า จากแก่นสาร พระพุทธเ้จ้าทรงตรัสเรียกว่า โมฆบุรุษ และ ผู้มีคัมภีร์เปล่า

   จำไม่ได้คะ ว่าเรื่องนี้อยุ่ กระทู้ไหน เรื่อง พระภิกษุคัมภีร์เปล่า กับ เรื่อง โมฆะบุรุษ

   รบกวนเพื่อน ๆที่รู้วางลิงก์ให้ด้วยนะคะ

   :25: :25: :25:

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2012, 06:04:26 pm โดย axe »
บันทึกการเข้า
เส้นทางแสนเปรี้ยว จะมีสุขจริงบ้างหรือไม่ ?

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
ที่ต้องขึ้นหัวข้อนี้ เพราะมีจดหมายเข้ามาสอบถามพระอาจารย์กันไม่ต่ำกว่า 50 ฉบับ ด้วยความสงสัยในความเป็นนักภาวนา นักปฏิบัติธรรม นักศึกษาธรรม แต่เมื่อถึงเวลากิเ้ลสจรเข้ามาแล้ว ทำไมจึงยับยั้งชั่งใจกับกิเลสที่เกิดขึ้นมามิได้ เป็นเพราะอะไร ?

 ไม่ใช่ สัญญาณ คะแต่เป็นเพราะมีจดหมาย ที่สงสัยเข้าไปสอบถามเรื่องนี้ นะคะ

  เห็นด้วยคะ เพราะหากเรามัวแต่ฟัง แต่อ่าน แต่ไม่ได้กระทำ หรือปฏิบัติ ตาม สิ่งที่เรียน และฟังมาแล้ว ต่อให้เป็นอยุ่อย่างนี้ ก็เท่ากับว่างเปล่า จากแก่นสาร พระพุทธเ้จ้าทรงตรัสเรียกว่า โมฆบุรุษ และ ผู้มีคัมภีร์เปล่า

   จำไม่ได้คะ ว่าเรื่องนี้อยุ่ กระทู้ไหน เรื่อง พระภิกษุคัมภีร์เปล่า กับ เรื่อง โมฆะบุรุษ

   รบกวนเพื่อน ๆที่รู้วางลิงก์ให้ด้วยนะคะ

   :25: :25: :25:

 

พระใบลานเปล่า กับเหี้ย ๖ รู บทสรุปของ "ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด"
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2901.msg10170#msg10170

  โมฆะบุรุษ เป็นอย่างไร คะ
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6354.msg23541#msg23541


มนุษย์เราเอ๋ย...............เกิดมาทำไม.................นิพพานมีสุข
อยู่ไยมิไป...................ตัณหาหน่วงหนัก...........หน่วงชักหน่วงไว้
ผู้ไปมิได้.....................ตัณหาผูกพัน................ห่วงนั้นพันผูก
ห่วงลูกห่วงหลาน.........ห่วงทรัพย์สินศฤงคาร.....จงสละเสียเถิด

:25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

pimpa

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณมากคะ
นาน ๆ จะได้บทความจากพระอาจารย์ คะ

 :25:
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ก็ นาน ๆ จะเข้าโพสต์ ที นะจ๊ะ จะโพสต์ให้ทุกวัน คงจะไม่เป็นการสมควร

เนื่องด้วยอาตมาเข้ามาโพสต์ เท่านี้ จดหมาย ต่อว่าอาตมา ว่าเป็นพระสอนกรรมฐาน มานั่งเล่นอินเดอร์เน็ต ทำไม

เพราะไม่ใช่วิสัย ของพระปฏิบัติดี ปฏิชอบ ที่จะทำกัน

  คือความคิดของมหาชน ตอนนี้ คิดว่า อาจารย์ ไม่ควรใช้อินเตอร์เน็ต และ มือถือ มีกระทู้หลุดวิจารณ์ ก็มีแต่ได้ลบออกไป หลายท่านจึงไม่ได้ทราบความ พวกนี้

 ดังนั้น ก็ดูกาละเทศะ หลาย ๆ อย่างนะจ๊ะ  ที่จะมาตอบทุกวัน ก็เป็นเรื่องที่ลำบากเช่นกันนะจ๊ะ
( ที่อ่านจากจดหมาย มากมายหลายฉบับ )
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา