ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ใจหาย.! อาจจะไม่มี "ดาไลลามะองค์ต่อไป"  (อ่าน 1174 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28418
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ใจหาย.! อาจจะไม่มี "ดาไลลามะองค์ต่อไป"
« เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 10:13:08 am »
0



ใจหาย.! อาจจะไม่มี "ดาไลลามะองค์ต่อไป"
สำราญ สมพงษ์ รายงาน

รู้สึกใจหายเมื่อได้ทราบข่าวจากเฟซบุ๊กบีบีซีไทย - BBC Thai ที่ได้รายงานว่า องค์ดาไลลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่า ตนอาจจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งดาไลลามะองค์สุดท้าย และจะเป็นการดีกว่า ถ้าตำแหน่งดาไลลามะที่สืบทอดกันมานานหลายร้อยปีจะสิ้นสุดลงที่องค์ดาไลลามะที่ได้รับความนิยมชมชอบ

อย่างไรก็ตาม องค์ดาไลลามะกล่าวว่า แม้ตนอาจจะไม่ตั้งผู้สืบทอด เนื่องจากตำแหน่งดาไลลามะจะไม่มีบทบาททางการเมืองอีกต่อไป ทั้งยังมีผู้นำรัฐบาลทิเบตพลัดถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งแล้ว แต่สิ่งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์หลังจากที่ตนได้ละสังขารไปแล้ว และขึ้นกับความต้องการของชาวทิเบตด้วย

ก่อนหน้านี้ จีนได้แถลงย้ำหลายครั้งว่าจะตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งดาไลลามะ แต่ดาไลลามะองค์ปัจจุบันย้ำว่า สักวันหนึ่ง สถาบันดาไลลามะซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งที่มนุษย์สร้างขึ้นจะต้องสิ้นสุดลง และว่า ไม่มีอะไรจะรับประกันได้ว่าดาไลลามะองค์ต่อไปจะไม่เป็นผู้ที่โง่เขลาและสร้างความน่าอับอายให้กับตนเอง


 :96: :96: :96: :96: :96:

นอกจากนี้ องค์ดาไลลามะยังได้เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติทำเพื่อประชาธิปไตยในจีนให้มากขึ้น โดยให้ยอมรับความต้องการของจีนที่จะเข้าร่วมกระแสเศรษฐกิจโลก แต่ในขณะเดียวกัน โลกเสรีก็ต้องมีความรับผิดชอบทางจริยธรรมในการนำจีนมาสู่ความเป็นประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของจีนเองด้วย

หากองค์ดาไลลามะจะตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งดาไลลามะแทน เข้าใจว่าคงจะเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่ง กรรมาปะ (Karmapa)   สำหรับตำแหน่งนี้พระครูปริยัติโพธิวิเทศหรือท่านคมสรณ์ พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหารไว้ในบล็อกที่ OKnation เมื่อปี 2554 ความว่า  กรรมาปะ (Karmapa)   คือสังฆนายกแห่งพระพุทธศาสนามหายานนิกายคัจยู (Kagyu)หนึ่งในพุทธศาสนาทั้งสี่นิกายของทิเบต คือ Nyingma, Kagyu, Sakya และ Geluk เชื่อกันว่ากรรมาปาแต่ละองค์ที่ดำรงตำแหน่งสืบต่อจากองค์เดิมนั้น ก็คือกรรมาปาองค์ก่อนกลับชาติมาเกิด มาปฏิบัติหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไปจากที่ตนเองเคยทำไว้ในอดีตนั่นเอง และเป็นความเชื่อที่สืบเนื่องมาจากอดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นองค์ที่ 17 แล้ว ปัจจุบันนั้นมีกรรมาปะ ที่ 17 อยู่ 2 องค์ ตามประวัติย่อ ๆ ว่า

 :25: :25: :25: :25: :25:

องค์หนึ่งนั้นเกิดวันที่ 26 เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1985  ณ ชุมชนเร่ร่อนชื่อ Bakor ภาคตะวันออกของทิเบต  การเกิดของกรรมาปะ องค์นี้ตรงกับข้อความที่ระบุไว้ในจดหมายพยากรณ์ที่องค์กรรมปาที่ 16 ได้ถ่ายทอดข้อมูลให้กับศิษย์เอกก่อนที่ท่านจะมรณภาพ คณะสงฆ์ทิเบตได้ทำการทอดสอบ พิจารณา และตรวจหาตามหลักความเชื่อของทิเบตแล้ว ในปี ค.ศ. 1992 องค์ดาไล ลามะ ก็ได้สถาปนาให้ท่านเป็นกรรมาปาองค์ที่ 17

ซึ่งได้รับการยอมรับจากรัฐบาลจีน โดยได้รับพระนามว่า ออเกียน ทรินเลย์ ดอร์จี (Ogyen Trinley Dorjee)ตามคำพยากรณ์ของกรรมาปาที่ 5 ได้กล่าวไว้กว่าหกร้อยปีที่แล้วว่า  “หลังจากสิ้นกรรมาปาที่ 16 และก่อนที่จะค้นพบองค์กรรมปาที่ 17 นั้น จะเกิดปัญหาแก่ทิเบตนานาประการ” เพราะเหตุการณ์ยุ่งเหยิงขึ้นเมื่อคณะศิษย์ที่เชื่อว่ากรรมาปะต้องระลึกชาติได้เอง พวกเขาได้พบผู้ที่เชื่อว่าเป็นกรรมปาที่ 16 กลับชาติมาเกิด นามว่า ทรินเลย์ ธายี ดอร์จี (Trinlaey Dhayi Dorjee)


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

กรรมาปะองค์ที่สองนามว่า ทรินเลย์ ธายี ดอร์จีนี้ ได้บอกผู้คนว่าตนเองคือกรรมาปะที่ 16 กลับชาติมาเกิด และได้แสดงตความมหัศจรรร์ต่าง ๆ เช่น สามารถท่องพระไตรปิฏกได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบขวบและแสดงธรรมให้คนเข้าถึงธรรมได้  จนได้รับการแต่ตั้งให้เป็นกรรมาประที่ 17  โดยคณะสงฆ์ของทิเบตผู้ที่ทำหน้าที่ในการเลือกคัดสรรผู้ที่จะมาเป็นกรรมาปะนั่นเอง ท่านได้ออกเดินทางไปยังประเทศยุโรปและได้ศึกษาภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน พร้อมการแสดงธรรม ยังสถานที่ต่าง ๆ ที่ท่านไป ทำให้มีชาวต่างชาติรู้จักอย่างแพร่หลาย

ต่อมาท่านได้หลบหนีเข้าประเทศอินเดียเมื่อปี พ.ศ. 2542 การหลบหนีจากทิเบตครั้งนั้่นกลายเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลกและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอินเดียย่ำแย่ลงไปอีกจากที่ย่ำแย่อยู่แล้ว กรรมาปะ ทรินเลย์ ธายี ได้อาศัยอยู่ที่ธรรมศาลา อันเป็นเมืองที่ลี้ภัยของชาวทิเบตและเป็นที่ประทับของดาไลลามะองค์ปัจจุบันด้วย


 st12 st12 st12 st12 st12

โดยส่วนตัวแล้วได้มีโอกาสพบกรรมาปะ ธายีนี้หลายครั้งแต่ไม่มีโอกาสที่จักสนทนาธรรมเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเมื่อกรรมาปะออกเดินทางไปที่ไหนก็จะเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ยากแก่การเข้าถึงตัว

แต่เท่าที่สังเกตุเห็นคือบุคคลิก การวางตัว ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การยืน นั่ง การเจรจา การวางสายตา ของกรรมาปะล้วนแต่เป็นการวางตนที่บอกได้เลยว่า ได้รับการฝึกฝนมาเพื่อเป็นผู้นำเป็นอย่างดี ย่อมเป็นที่ประทับใจยิ่งนักสำหรับผู้ศรัทธาเมื่อได้มาพบเห็น หากชาวทิเบตทราบว่าท่านจะไปปรากฎกายที่ไหนย่อมมีผู้ศรัทธาจำนวนมาไปเฝ้ารอชมบารมีของท่านเป็นจำนวนมากทุกครั้งไป

 st11 st11 st11 st11 st11

บอกได้เลยว่า แม้พวกเขาจะไม่มีแผ่นดินอยู่ เป็นเพียงผู้มาอาศัยแผ่นดินของอินเดียในฐานะผู้ลี้ภัยก็ตาม แต่ชาวทิเบตไม่ไร้ซึ่งศรัทธาและศาสนาที่ตนนับถือแน่นอน เพราะเมื่อจะถามถึงชาวทิเบตแล้วไม่ต้องถามว่าเขานับถือศาสนาอะไร เพราะทิเบตไม่มีศาสนาที่สองเรื่องศรัทธา หนึ่งเดียวคือพระพุทธศาสนาเท่านั้น โดยมีองค์กรรมาปะและองค์ดาไลลามะเป็นต้นบ่อแห่งศรัทธาและความเชื่อของพวกเขาที่มีต่อพระพุทธศาสนาจากอดีตถึงปัจจุบันและอนาคตตลอดกาลนั่นเอง

สำหรับกรรมาปะ ธายีนี้ถือได้ว่ามีบทบาทในวงการพระพุทธศาสนาพอสมควร โดยได้เห็นการเคลื่อนไหวจากเฟซบุ๊ก Karmapa  เชื่อแน่ว่าจะเป็นผู้ขึ้นมาปกครองสงฆ์ทิเบตต่อไป


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20141217/197876.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ใจหาย.! อาจจะไม่มี "ดาไลลามะองค์ต่อไป"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2014, 05:53:50 pm »
0
เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีกันมาแต่ไหน แต่ไร

 เลิศกว่า ดาไลลามะ ก็คือ พระพุทธเจ้า พระองค์ ก็หนีสังขารนี้ไม่ได้
 
 พระสังฆราช ประเทศไทย ก็กี่พระองค์เข้าไปแล้ว บรรดา ครูอาจารย์ ที่เก่ง ที่เลิศ ที่ประเสริฐ ก็ล้วนต้องจากกันไปตามกาลเวลา แม้แต่ ครูอาจารย์ อย่างสมเด็จสุก ไก่เถือน ก็คงเหลือเป็นเพียงตำนานเท่านั้น

  สิ่งใด สิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
  แม้ฉันเองที่นั่งพิมพ์อยู่ นี้ก็ต้องจากกันไป เช่นกัน

  การที่ดาไลลามะ ต้องจากไป เพราะว่าความชรา และมีองค์แทน ขึ้นมานั้น สำหรับพระสงฆ์อย่างเรา ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้เป็นเรื่อง ใจหาย ใจคว่ำ แต่ประการใด
   
   เพราะท้ายที่สุด ก็ไม่มีความหมาย ต่อการดำรงอยู่ หรือ ดำรงอยู่

    ;)
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา