เอาเวลาที่เหลือ มาสร้างภาวนาในจิตในสูงขึ้นดีกว่า คะ ไปคิดถึงปัญญา แบบส่งจิตออกนอกเกินกำลังที่เราจะเข้าไปแก้ไขคะ เป็นหน้าที่ของ ผู้ปกครองคะ เพราะบางอย่างเราตัดสินถูกผิดด้วยตา ด้วยหู ด้วยจิต เราไม่ได้ คะ
ยกตัวอย่างนะคะ บ้านดิฉัน อยู่ที่ปากเกร็ด
ตอนเป็นนักเรียน เห็นพระเณร หลายรูป ท่านเดินบิณฑบาตร กันกลับมา สะพายอาหารกลับมาเป็นย่ามเป็นรถ ตอนนั้นอยู่ ม6 ก็มองออกไปว่า พระเณร เหล่านี้โลภมากกันจัง จนกระทั่งวันหนึ่ง เป็นวันเกิดตัวเองอยากทำบุญใส่บาตรบ้าง ก็เลยไปใส่บาตรในตอนเช้ากะว่า จะใส่รูปที่ไม่มีใครใส่ หรือ ที่ไม่สะพายย่ามกันเลย ตั้งใจไว้อย่างนั้นปรากฏว่า ไม่ได้ใส่ เพราะไม่มี มาทุกรูปก็บาตรเต็มแล้วจึงตามไปใส่ที่วัด กันวันนั้นถึงใส่ได้ สักพักยืนอยู่ก็เห็น พระเณร ท่านนำอาหารมาแจก คนยากจน สุนัข แมว นก ที่วัด ทีเหลือเห็นนำใส่รถ จึงแกล้งเข้าไปถามว่า จะขนอาหารพวกนี้ไปที่ไหน ? ก็ได้รับคำตอบว่า จะขนอาหารไปให้ศูนย์เด็กกำพร้าใกล้วัด ตอนนั้นจึงรู้ว่าตัวเอง รู้สึกผิด ที่เกิดอคติกับพระเณร ที่บิณฑบาตรมามาก ๆ จริง อันนี้เป็นเพราะว่า เราเชื่อตา ของเรามากไป ไม่ทราบความจริง
1.พระท่านไม่สามารถปฏิเสธโยมที่ใส่บาตรทุกวันเป็นประจำได้
2.ภาระอาหาร อยู่ที่ความฉลาดของพระสงฆ์ เราควรเคารพท่านในส่วนนี้คะ
มองแงดี ก็ดีนะคะ
ควรปลูกฝัง ทรัพย์ 4 ประการไว้คะ
1.ความศรัทธาในพระพุทธเจ้า คะ
2.ความตั้งมั่นในศีล
3.ความเลื่อมใสในพระสงฆ์
4.ความเห็นธรรมอย่างเนือง ๆ
ดังนั้น ควรมีฉลาดคะ