ที่ว่า "พระสกทาคามีทำกิเลสให้เบาบางนั้น"...แค่ไหน.?
ถาม สกทาคามิมรรคนั้นละสังโยชน์ได้ ๓ อย่าง กับทำราคะ โทสะ โมหะให้เบาบางลง ความหมายที่ว่า เบาบางนั้นมีแค่ไหน
ตอบ โดยปกตินั้น โสดาปัตติมรรคละสังโยชน์ได้ ๕ คือ ทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลพตปรามาส อิสสาและมัจฉริยะ ส่วนสกทาคามิมรรคนั้นละสังโยชน์ใดๆ ที่เหลือไม่ได้เลย คือ สังโยชน์มี ๑๐ โสดาปัตติมรรคละไปแล้ว ๕ ยังเหลืออีก ๕
สกทาคามิมรรคละสังโยชน์ ๕ ที่เหลือโดยเด็ดขาดเป็นสมุจเฉทไม่ได้เลย ได้เพียงทำให้ "กามราคะและปฏิฆะ" สังโยชน์ที่เป็นอย่างหยาบที่ไม่นำไปอบาย ให้เบาบางลง ส่วนกามราคะและปฏิฆะอย่างละเอียด ละได้ด้วยอนาคามิมรรค
พูดให้ชัดก็คือ เราสามารถจะแบ่งความหนาบางของกิเลสได้เป็น ๓ ขั้น คือ
๑. ชนิดที่นำไปอบาย
๒. ชนิดที่เป็นอย่างหยาบ
๓. ชนิดที่เป็นอย่างละเอียด
ชนิดที่นำไปอบายนั้น โสดาปัตติมรรคละได้เด็ดขาด
ชนิดที่เป็นอย่างหยาบแต่ไม่นำไปอบาย สกทาคามิมรรคละได้เด็ดขาด คือ สกทาคามิมรรคละเฉพาะกิเลสอย่างหยาบเท่านั้น ยังละกิเลสที่เป็นอย่างละเอียดไม่ได้
เพราะฉะนั้นจึงชื่อว่าทำกิเลสที่เหลือให้เบาบางลง คือ ทำอย่างหยาบให้บางลงเป็นส่วนละเอียด ซึ่งส่วนละเอียดนี้ต้องละด้วยอนาคามิมรรคและอรหัตตมรรค นี่เป็นการพูดอย่างกว้างๆ
ท่านยังกล่าวถึงเหตุที่ทำให้เบาบางไว้ด้วยว่า
เบาบางด้วยการเกิดขึ้นโดยลำพัง ๑
เบาบางด้วยความกลุ้มรุมอ่อน ๑
อธิบายว่า กิเลสย่อมไม่เกิดขึ้นเนืองๆ แก่พระสกทาคามี เหมือนกับที่เกิดแก่ปุถุชนส่วนมากที่แล่นไปตามวัฏฏะ ย่อมเกิดขึ้นเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น แม้เมื่อเกิดขึ้นก็เป็นอาการที่เบาบาง เหมือนอย่างหน่อพืชในไร่นาที่หว่านไว้ห่างๆ แม้เมื่อเกิดขึ้นก็ไม่รุนแรง ไม่กระทำความมืดมนให้เหมือนกันที่เกิดแก่ปุถุชนส่วนมากที่แล่นไปตามวัฏฏะ
อีกประการหนึ่งเพราะเหตุที่ถูกมรรคทั้งสองประหานเสียแล้ว จึงเกิดขึ้นอ่อนๆ ไม่รุนแรง ย่อมเกิดขึ้นเป็นอาการบางๆ เหมือนชั้นแห่งหมอก และเหมือนอย่างปีกแมลงปอ จากคำขยายความจากอรรถกถานี้ คงทำให้มองเห็นภาพว่า สกทาคามิมรรคทำราคะและโทสะให้เบาบางได้อย่างไร
จึงขอยุติปัญหาข้อนี้ไว้เพียงเท่านี้
ที่มา อ้างอิง และแนะนำ :-
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๖ พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๓ ธาตุกถา-ปุคคลบัญญัติปกรณ์ [๕๐] บุคคลชื่อว่าสกทาคามี เป็นไฉน
http://www.84000.org/tipitaka/book/v.php?B=36&A=2785&Z=2939#50พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) คำว่า สังโยชน์ 10 [ตามสุตตันตนัย]
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=329คำว่า สังโยชน์ 10 [ตามอภิธรรมนัย]
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=330ที่มา(2) :-
http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=36ขอบคุณภาพจาก
http://i.ytimg.com/