ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากถามว่า คนที่สลบ จิตออกจากร่างหรือไม่ ? ( ตลกหรือไม่ครับ ที่ถามอย่างนี้ )  (อ่าน 2889 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากถามว่า คนที่สลบ จิตออกจากร่างหรือไม่ ? ( ตลกหรือไม่ครับ ที่ถามอย่างนี้ )

และคนที่นอนไม่ไหว ติง ให้น้ำเกลือ อาหาร ทางท่อ นี่ด้วย จิตอยู่ที่ไหน หรือ มีแต่กาย เท่านั้น

 ทำอย่างไร เราถึงจะติตต่อกับ ร่างอย่างนี้ ได้ จะพูดคุยกันให้เข้าใจกันเลยนั้นทำอย่างไร ดีครับ

 มีใครช่วยแนะนำได้บ้าง ครับ

 :s_hi: :smiley_confused1: :c017:


ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.thairath.co.th

http://videolink.nationchannel.com/data/11/2011/08/15/hj6dkfdhghc5aAhiBdhhB.mp4

ขอบคุณ วีดีโอประกอบจาก http://77.nationchannel.com/video/167950/
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

chatchay

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 244
  • เกิดเป็นคนต้องมีดี บวชทั้งทีต้องสร้างดีให้กับตน
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เคยได้รับยาสลบ ตอนผ่าตัด ในชีวิตสองครั้ง

   ครั้งแรก ก็ไม่รู้หมดความรู้สึกไปเมื่อไร ตื่นขึ้นมา ก็สลึม สะลือ แต่ในระหว่างที่หลับ ทุกคนจะบอกว่า พูดเพ้อ เรียกชื่อแฟนอยู่ตลอดเวลา ครับ แสดงว่ารักมาก ห่วงมาก อันนี้เป็นไปตามที่เขาเล่าให้ฟังนะครับ ยาสลบมีผลทำให้ให้จิตเพ้อได้นะครับ จำชื่อได้ว่า พยาบาลเรียกให้ฟังว่า ดัมกุ้ง

    แต่สำหรับผมเอง นั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ ในระหว่างที่สลบ ไม่มีความรู้สึกนึกคิด ไม่มีความฝัน มีความรู้สึกเหมือนกับว่า ตาค้างตอนสลบคือ เป็นอย่างนั้น


   ครั้งที่สอง นี้ถ้าจะให้ยาแบบอ่อน ๆ ครับเพราะมีความรู้สึกตัวว่า ตัวเองพูดอะไรออกไป กับ หมอ พยาบาล ซึ่งหมอ และ พยาบาล ก็เหมือนจะคุยด้วยแล้วก็คุยโต้ตอบด้วย อันนี้หลับประมาณ 1 ชั่วโมง พยายามลุกขึ้นนั่ง ตามที่พยาบาล บอก และที่สำคัญที่สุด พยายามจะนั่งกรรมฐาน รอบนี้ฝึกกรรมฐานแล้ว คือ จะเข้าไปสู่สภาพที่นั่งกรรมฐาน คือ ฟังจากพยาบาลและคนเข็นเตียงคุยกันบอกว่า ตัวผมเองหลังจากโดนยาแล้ว สิ่งที่พยายามกระทำก็คือ การสวด และ นั่งกรรมฐาน ที่สำคัญหลับไม่มีสติ แต่โต้ตอบกับพยาบาลหมอพยาบาล คุยกันเป็นเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องวิธีการนั่งกรรมฐาน

   สรุปว่ารอบที่สองนี้ ไม่รู้ว่าให้ยาอ่อนหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ จำได้ว่าพูดเรื่องอะไร แต่ไม่รู้ว่าหมอผ่าอะไรออกไปบ้าง  ที่สำคัญมีความรู้สึกว่าต้องนั่งกรรมฐานให้ได้

    ดังนั้นสรุปได้เบื้องต้นของผมว่า ระหว่าง ที่โดนยาสลบเพื่อที่จะผ่าตัดนั้น วิญญาณมิได้ออกจากกายแน่นอนอันนี้สำหรับผมนะครับ ส่วนการฝึกกรรมฐาน มีผลต่อสภาพยามจิตที่ไม่สามารถประคองกายได้

    สังเกตจากครั้งแรก ผมไม่รู้อะไรเลย แต่มีอาการเพ้อ ๆ แบบชาวโลก โดยเฉพาะเรื่องความรักเมีย และลูก

    สำหรับการผ่าตัดครั้งที่สอง นั้นสามารถคุยธรรมะ และ รู้เรื่อง และ เป็นเรื่องเดียวที่รู้เรือง ในการผ่าตัดครั้งนั้นและที่สำคัญจิตพยายาม ประคองกายเข้าสู่สมาธิด้วยท่ามาตรฐาน ซึ่งสามารถทำสำเร็จหลังจากการผ่าตัดผมสามารถนั่งในท่่านั่งสมาธิจนตื่น
     
    ก็เล่าได้เท่านี้นะครับ

     :s_hi:
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
โทษอันใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินแล้วต่อพระรัตนตรัย ด้วย กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ขอพระรัตนตรัย โปรดจงงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ลักษณะของจิต และการทำงานของจิต

จิตมีลักษณะสามัญตามธรรมชาติ (สามัญลักษณะ) อยู่ ๓ ประการ คือ

      ๑. อนิจจลักษณะ    คือ มีลักษณะที่ไม่เที่ยง ไม่คงที่ ต้องเปลี่ยนแปลง (เกิด-ดับ) อยู่ตลอดเวลา
     ๒. ทุกขลักษณะ     คือ มีลักษณะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ (เกิดขึ้นแล้วต้องดับไป)
     ๓. อนัตตลักษณะ   คือ มีลักษณะที่มิใช่ตัว มิใช่ตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของผู้ใด จะบังคับให้หยุดการเกิดดับก็ไม่ได้

         
          สามัญลักษณะทั้ง ๓ นี้ เป็นสิ่งจริงแท้แน่นอน เป็นกฎธรรมชาติที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ รูปธรรม และนามธรรมทั้งหลายอันได้แก่ รูป จิตและเจตสิก ย่อมจะต้องมีลักษณะเช่นนี้เหมือนกันทั้งหมด 
           
          นอกจากจิตจะมีลักษณะสามัญตามที่กล่าวมาแล้ว

 
จิตยังมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว (วิเสสลักษณะ) อีก ๔ ประการ คือ
 
    ๑. มีการรู้อารมณ์ เป็นลักษณะ
    ๒. เป็นประธานในธรรมทั้งปวง เป็นกิจ
    ๓. มีการเกิดดับสืบต่อกันอย่างไม่ขาดสาย เป็นผล
    ๔. มีอดีตกรรม ทวาร อารมณ์และเจตสิก เป็นเหตุให้จิตเกิดขึ้น

         
       การทำงานของจิตจะเกิดดับสืบต่อกันไปอย่างไม่ขาดสาย ในพระสูตรตอนหนึ่ง พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้มีใจความว่า ยากที่จะนำสิ่งอื่นๆ ทั้งหลายในโลก มาเปรียบเทียบกับความเกิดดับอันรวดเร็วของจิต

       เพราะจิตเกิดดับ ๆ รวดเร็วกว่าสิ่งใด ๆ ในโลก เพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียว จิตจะเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะ หรือ   ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ ดวง (หนึ่งล้านล้านดวง)
           
       ที่ว่า จิตมีการเกิดดับสืบต่ออย่างไม่ขาดสาย เพราะจิตดวงที่ ๑ เกิดขึ้นแล้วดับไป ต่อจากนั้นจิตดวงที่ ๒ ก็จะเกิดขึ้นติดต่อกันแล้วก็ดับไปอีก เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ



      ภาวะที่จิตเกิดดับสืบต่อกันเป็นกระแสนี้ท่านเรียกว่า สันตติ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้กับกระแสน้ำ ที่ประกอบไปด้วยอณูของน้ำเล็กๆ เรียงติดต่อกันเป็นสาย ขณะที่กระแสจิตไม่ออกมารับรู้เรื่องราว (อารมณ์) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ จิตในขณะนั้นมีชื่อเรียกว่า ภวังคจิต

     ซึ่งเป็นจิตที่ทำหน้าที่รักษารูปนาม ในภพปัจจุบันไว้มิให้แตกทำลายไป จนกว่าจะสิ้นอายุจากภพนี้ แม้ในขณะหลับสนิท (ไม่มีการฝัน) หรือสลบไป ก็จะมีภวังคจิต เกิดดับสืบเนื่องกันตลอดเวลา อารมณ์ของภวังคจิต เป็นอารมณ์ที่สืบเนื่องมาจากเหตุปัจจัยในอดีตภพ
           
    เมื่อใดก็ตามที่จิตออกมารับรู้เรื่องราวทางประตู (ทวาร) ทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อนั้นจิตจะขึ้นสู่วิถีซึ่งเรียกว่า วิถีจิต และเมื่อสิ้นสุดแต่ละวิถี ก็จะมีภวังคจิตที่คอยรักษาภพชาติเกิดคั่นอยู่ทุกครั้ง

    แต่เราจะไม่รู้สึกตัว เพราะการเปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมานั้น เกิดขึ้นรวดเร็วมาก แม้แต่แสงไฟจากหลอดไฟฟ้า ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีการกระพริบ (เกิด-ดับ) ตามความถี่ของไฟฟ้ากระแสสลับ ด้วยความเร็วเพียง ๕๐ ครั้งต่อวินาทีเท่านั้น เราก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็น การกระพริบของแสงไฟได้เลย

    ดังนั้น จิตซึ่งมีการเกิดดับอย่างรวดเร็วถึงประมาณ ๑ ล้าน ๆ ครั้งต่อวินาที * จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะรู้สึกได้
          * อนุมานว่าการลัดนิ้วมือ (การงอนิ้วเข้ามาหาฝ่ามือ) ใช้เวลาประมาณ ๑ วินาที

อ้างอิง
แบบเรียนอภิธรรม หลักสูตรเรียนทางอินเตอร์เน็ต เรียบเรียงโดย อ.วิศิษฐ์ ชัยสุวรรณ
อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
http://www.buddhism-online.org/Section02A_05.htm
ขอบคุณภาพจาก http://www.dmc.tv/,http://play.kapook.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
อยากถามว่า คนที่สลบ จิตออกจากร่างหรือไม่ ? ( ตลกหรือไม่ครับ ที่ถามอย่างนี้ )

และคนที่นอนไม่ไหว ติง ให้น้ำเกลือ อาหาร ทางท่อ นี่ด้วย จิตอยู่ที่ไหน หรือ มีแต่กาย เท่านั้น

 ทำอย่างไร เราถึงจะติตต่อกับ ร่างอย่างนี้ ได้ จะพูดคุยกันให้เข้าใจกันเลยนั้นทำอย่างไร ดีครับ

 มีใครช่วยแนะนำได้บ้าง ครับ


     คนที่สลบไป จิตจะไม่ออกมารับรู้อารมณ์ตามทวารทั้ง ๖ เรียกจิตประเภทนี้ว่า "ภวังคจิต"
     หากถามว่า จิตอยู่ที่ไหน
     ตอบว่า จิตไม่มีที่อยู่ เพราะจิตมีลักษณะที่ "มิใช่ตัว มิใช่ตน"(อนัตตา)
     เราจะรู้สึกว่าจิตเกิดขึ้น ต่อเมื่อจิตออกมารับรู้อารมณ์ต่างๆตามทวารทั้ง ๖(ขึ้นสู่วิถี)เท่านั้น
     (ขอให้อ่านบทความข้างต้นให้เข้าใจด้วย)
     การจะติดต่อกับจิตของคนที่สลบอยู่ คงต้องอาศัยผู้มีอภิญญา
     เรื่องนี้เกินปัญญาจริงๆ ขอคุยเท่านี้ครับ

      :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ