ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิถีแห่งสมณะที่มัณฑะเลย์ สิทธิ์ของพระอะไรก็ทำได้  (อ่าน 683 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



วิถีแห่งสมณะที่มัณฑะเลย์ สิทธิ์ของพระอะไรก็ทำได้

สัปดาห์นี้ไปดูวัฒนธรรมของ “พระสงฆ์เมืองมัณฑะเลย์” วิถีแห่งสมณะที่ทำอะไรก็ได้ เป็นความแตกต่างเมื่อเทียบกับประเทศไทย


ผมไปพม่าคราวนี้โชคไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะฝนตกทั้งวันทั้งคืน มิได้เดินทางออกไปไหน แต่ในความโชคร้ายก็มักมีความโชคดี เนื่องจากวัดที่พักค้างแรมอยู่ติดกับวัดที่ประดิษฐานพระมหามัยมุนี จึงมีเวลาไปไหว้และนั่งสมาธิตรงหน้าพระมหามัยมุนีนานๆ ได้ หากคุณผู้อ่านเคยไปกราบสักการะพระมหามัยมุนี จะทราบว่าที่นี่แบ่งเขตแดนที่นั่งสำหรับไหว้พระไว้ 3 โซน

โซนที่หนึ่ง
เป็นที่นั่งสำหรับพระภิกษุสามเณร ห้ามฆราวาสเข้าไปนั่ง แต่สำหรับผู้ชายเดินเข้าไปเพื่อถ่ายรูปหรือเดินเลาะเข้าไปนั่งรอบๆ องค์พระด้านในตรงจุดนี้ได้

โซนที่สอง สำหรับสุภาพบุรุษนั่งกราบพระสวดมนต์หรือจะนั่งสมาธิ จะนั่งกี่ชั่วโมงก็ไม่มีใครห้าม เป็นจุดอยู่ตรงกลางระหว่างโซนพระภิกษุกับสุภาพสตรี ผมนั่งอยู่ตรงจุดนี้นั่งสวดมนต์บทอิติปิโสฯ 9 จบแล้วก็นั่งสมาธิวันละนับชั่วโมงก็มีสมาธิดี เพราะได้บรรยากาศและฟังเสียงสวดมนต์ของพุทธศาสนิกชนชาวพม่าที่ดังกระหึ่มตลอดทั้งวัน

โซนที่สาม สำหรับสตรีนั่ง และธรรมเนียมปฏิบัตินี้ ไม่มีเครือข่ายไหนหรือนักสิทธิท่านใด “ดัดจริต” เรียกร้องสิทธิหรือทำลายความเท่าเทียมแล้วไปทำลาย “ธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอด” กันมาเป็นร้อยๆ ปี 


@@@@@@

ส่วนเวลาที่เหลือผมก็เดินดูพิพิธภัณฑ์รอบๆ องค์พระมหามัยมุนีที่เล่าถึงความเป็นมาและการได้มาของพระมหามัยมุนี ดูเครื่องสักการะที่ชาวพุทธจากทั่วโลกมาถวาย นอกจากนั้นรอบๆ บริเวณก็มีร้านค้าขายของที่ระลึกบ้าง พระหยก พระหินอ่อน พระไม้หลากหลายชนิด เพราะเป็นถิ่นกำเนิดวัตถุดิบเอง เช่น พระหยกขนาด 5 นิ้ว ครั้งแรกทางร้านเรียกสูงราคาเหยียบหมื่นบาทไทย ต่อรองหลายครั้งลดมาเป็นขั้นๆ  เหลือไม่ถึง 3 พันบาท แต่เทคนิคนี้ต้องให้พระคุณเจ้าไปต่อรองเรื่องราคา ต้องให้คนในท้องถิ่นช่วย หากท่านไปซื้อเองก็หวานหมู

วิถีสมณะเมืองมัณฑะเลย์ สะกดคำว่า “โลกวัชชะ” ไม่เป็น เพราะที่นี่พระอยากทำอะไรก็ทำได้ อยากกินอะไรเวลาไหนก็ได้เหมือนมี “สิทธิพิเศษ” ถามพระคุณเจ้าที่ผมพักทราบว่า อดีตพระมหากษัตริย์พม่าพระนามว่า “พระเจ้ามินดง” เคยประทานพรพิเศษและมีราชโองการว่า “พระสงฆ์จะทำอะไร ชาวบ้านห้ามวิจารณ์พระ”

แต่ผมคิดว่าในแง่นี้พระองค์คงประทานพรให้เฉพาะอาบัติเล็กๆ น้อยๆ เช่น เรื่องดื่มเหล้า เรื่องกินข้าวเย็น พระเล่นฟุตบอล ตะกร้อ หรือแม้กระทั้งชนวัว เพราะเป็นอาบัติลหุโทษ ไม่ถึงกับขาดจากความเป็นพระ

@@@@@@

สำหรับประเทศไทยก็เหมือนในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 มีวันหนึ่งชาวบ้านไปฟ้องพระองค์ว่า มีพระเณรเตะตะกร้ออยู่หน้าวัง เป็นพระเณรประพฤติตัวไม่เรียบร้อย ทรงรับสั่งว่า “ไม่เป็นไร ท่านจะสนุกของท่านบ้างก็ปล่อยไปเถอะ”

เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเวลาเราไปเที่ยวมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงและเมืองใหญ่อันดับ 2 ของพม่ารองจากนครย่างกุ้ง มีพระภิกษุสามเณรมากกว่านครย่างกุ้ง มีสำนักเรียนเด่นมากกว่านครย่างกุ้ง ทุกปีพระภิกษุสามเณรที่สอบบาลีชั้นสูงได้ ต้องมารับประกาศนียบัตรที่นี่ ตื่นเช้ามาพระภิกษุเต็มถนน บนรถเมล์ยืนปะปนกับชาวบ้านไม่เว้นแม้กระทั้งบนหลังคารถ

สายๆ ใกล้เที่ยงตามร้านอาหารน้ำชา มีพระภิกษุสามเณรนั่งร่วมกับฆราวาสกินด้วยกันเป็นเรื่องปกติ ช่วงหัวค่ำมีพระเข้ามานั่งดื่มน้ำชา มากินของว่าง ดูการถ่ายทอดกีฬาตามร้านค้าแบบนี้ หรือตามแผงข้างถนนสำหรับขายหมากพลู มีพระนั่งคู่กับสตรี โปรดเข้าใจว่านี้คือ “วิถีชีวิตสมณะ” ที่นี่เหมือนประเทศไทยหลายปีก่อนผมยังเป็นพระภิกษุอยู่เดินทางไปภาคเหนือ เห็นพระถีบจักรยานตามหมู่บ้าน ช่วงค่ำชาวบ้านเอาข้าวปลาอาหารมาถวายให้ฉัน ถามเพื่อนพระท่านบอกว่าเป็น “ประเพณีท้องถิ่น”


@@@@@@

ชีวิตพระภิกษุในมัณฑะเลย์ เน้นเรียนพระไตรปิฎก เน้นเรียนบาลี วิปัสสนากรรมฐาน และศาสตร์สมัยใหม่ เช่น ไอที ภาษาอังกฤษ ไม่มีมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่นี่พระมีอิทธิพลต่อวิถีชาวบ้านมากมาย รัฐบาล ข้าราชการค่อนข้างเกรงใจพระ และจากคำบอกเล่าของเจ้าอาวาสที่ผมไปพักท่านเล่าว่า เวลาเกิดเหตุการณ์สำคัญไฟไหม้ น้ำท่วม พระจะถึงที่เกิดเหตุพร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือพร้อมสรรพก่อนเจ้าหน้าที่

พระหัวรุนแรงชาตินิยมอย่าง พระวีระตู (Ashin Wirathu ) ซึ่งเป็นพระภิกษุชาวพม่า และเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของขบวนการต่อต้านต่างศาสนาและต่างชาติที่เข้ามายุ่งกับประเทศของท่าน ก็เป็นคนเมืองมัณฑะเลย์ และเครือข่ายของท่านส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมืองนี้ เวลาเกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง หากมีพระสงฆ์จากเมืองมัณฑะเลย์เข้าร่วม จึงเป็นที่หวั่นเกรงสำหรับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและรัฐบาลมาก เพราะมักนำมาซึ่งความรุนแรง ไม่เหมือนพระภิกษุไทยถูกต้อนให้อยู่ในกรงทอง จะขยับอะไรก็มักมีคุกเป็นที่ตั้ง?? และที่นี่เมืองมัณฑะเลย์คำว่า “โลกวัชชะและคุก” พระไม่เคยหวั่น!!


.......................
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com.
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/671760
พุธที่ 17 ตุลาคม 2561 เวลา 11.00 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

sinsae

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 277
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าประเทศไทย ปล่อยอย่าง พม่า ก็น่าจะเละ นะ คงไม่เป็นศูนย์กลางพุทธโลกแน่ ๆ

 :49:
บันทึกการเข้า