ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมสาระวันนี้ "“เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านต่างหากจงหยุด"  (อ่าน 10329 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

พระสุตตันตปิฎก  มัชฌิมนิกาย  มัชฌิมปัณณาสก์  [๔.  ราชวรรค]
                    ๖.  อังคุลิมาลสูตร

 
พระไตรปิฏกเล่มที่ 13 หน้าที่ 423

            ลำดับนั้น    โจรองคุลิมาลถือดาบและโล่ผูกสอดแล่งธนูไว้พร้อม    ติดตามพระผู้มีพระภาคไปทางเบื้องพระปฤษฎางค์    พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธาภิสังขาร(๑)    โดยวิธีที่โจรองคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง    ก็ไม่สามารถจะตามทันพระผู้มีพระภาคผู้เสด็จไปตามปกติได้    ครั้งนั้น    โจรองคุลิมาลได้มีความคิดว่า

            “น่าอัศจรรย์จริง    ไม่เคยปรากฏ    เมื่อก่อนแม้ช้างที่กำลังวิ่ง    ม้าที่กำลังวิ่งรถที่กำลังแล่น    เนื้อที่กำลังวิ่ง    เราก็ยังวิ่งตามทันจับได้    แต่เราวิ่งจนสุดกำลังยังไม่ทันสมณะรูปนี้ซึ่งเดินตามปกติได้”    จึงหยุดยืนกล่าวกับพระผู้มีพระภาคว่า    “หยุดก่อนสมณะ    หยุดก่อนสมณะ”

            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า    “เราหยุดแล้ว    องคุลิมาล    ท่านต่างหากจงหยุด”
 
           จากนั้น    โจรองคุลิมาลคิดว่า    “สมณะเหล่านี้เป็นศากยบุตรมักเป็นคนพูดจริงมีปฏิญญาจริง    แต่สมณะรูปนี้เดินไปอยู่แท้  ๆ    กลับพูดว่า    ‘เราหยุดแล้ว    องคุลิมาลท่านต่างหากจงหยุด’    ทางที่ดี    เราควรจะถามสมณะรูปนี้ดู”




๑ อิทธาภิสังขาร  ในที่นี้หมายถึงทรงบันดาลฤทธิ์โดยประการต่าง ๆ  เช่น  ย่อหนทางให้สั้นเพื่อทรงดำเนิน
ได้เร็ว  บันดาลให้มหาปฐพีเป็นลูกคลื่นใหญ่  ขวางองคุลิมาลไม่ให้ตามพระองค์ทัน  หรือบันดาลให้มี เถาวัลย์กั้นพระองค์ไว้เป็นต้น  (ม.ม.อ.  ๒/๓๔๘/๒๔๒)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 21, 2012, 11:35:36 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

โจรองคุลีมาล ฆ่าคน ฟังแล้วมีความสำนึก หยุดลง ได้จากบาปอกุศล มีมลทิน ลงเสียได้ นับว่าประเสริฐ... จนสามารถเข้าถึงธรรม ขั้นสูงในพระบวรพุทธศาสนา ได้ น่าสรรเสริญ น่ายกย่อง

เหตุเพราะว่า ท่านหยุด สร้างอกุศล แต่กลับมาสร้างกุศล แทน

กุศล เป็นสิ่งที่นักภาวนา ผู้ปฏิบัติพึงให้ความสนใจเพราะกุศลนั้น เป็นเหตุผลักดันให้ท่านทั้งหลาย มีธรรมเป็นแก่นสาร ดังนั้นผู้ภาวนา นักปฏิบัติธรรม พึงหลีกเลี่ยงจากอกุศล

  อะไรส่งเสริมกุศล ก็คือจิตที่ พลอยอนุโมทนายินดี ในกุศล เป็นอันดับแรก ที่จะทำให้เกิดกุศล เมื่อเห็นคนอื่นทำความดีสร้างกุศล ควรกล่าวอนุโมทนาพลอยยินดีในการทำความดี ของผู้นั้น นี่เป็นจุดเริ่มต้น

   ดังนั้นท่านนักภาวนา ท่านนักปฏิบัติธรรมทีั้งหลาย ถ้าจะให้จิตเกิด กุศลจิต ก็ต้องรู้จักหยุด อกุศลจิต ด้วยนะจ๊ะ

  เจริญธรรม


 
Aeva Debug: 0.0004 seconds.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 21, 2012, 11:33:58 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
                  องคุลิมาลละพยศ
            [๓๔๙]    ลำดับนั้น    โจรองคุลิมาลได้ถามพระผู้มีพระภาค    ด้วยคาถาว่า
                 “สมณะ    ท่านกำลังเดินไป    ยังกล่าวว่า
              ‘เราหยุดแล้ว    ท่านต่างหากยังไม่หยุด’
               กลับกล่าวหาข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่ายังไม่หยุด
               สมณะ    ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความนี้กับท่าน
                ท่านหยุดอย่างไร    ข้าพเจ้าไม่หยุดอย่างไร”
              พระผู้มีพระภาค    ตรัสตอบว่า
                “องคุลิมาล    เราวางอาชญา
            ในสรรพสัตว์ได้แล้ว
            จึงชื่อว่าหยุดแล้วตลอดกาล
            ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย
            เพราะฉะนั้น    เราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว
             ส่วนท่านสิชื่อว่ายังไม่หยุด”

             โจรองคุลิมาลกล่าวว่า
             “สมณะ    นานจริงหนอ    ท่านผู้ที่เทวดา
             และมนุษย์บูชาแล้ว    ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
             เสด็จมาถึงป่าใหญ่เพื่ออนุเคราะห์ข้าพระองค์
             ข้าพระองค์นั้นจักละการทำบาป
             เพราะฟังคาถาอันประกอบด้วยธรรมของพระองค์”
                   โจรองคุลิมาลได้กล่าวอย่างนี้แล้ว
              ทิ้งดาบและอาวุธลงในเหวลึก    มีหน้าผาชัน
             โจรองคุลิมาลได้ถวายอภิวาทพระบาททั้งสองของพระสุคต
              แล้วทูลขอบรรพชากับพระสุคต    ณ    ที่นั้นเอง
                     พระพุทธเจ้าทรงประกอบด้วยพระกรุณาคุณ
              ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่    เป็นศาสดาของโลก
              พร้อมทั้งเทวโลก
              ได้ตรัสกับโจรองคุลิมาลในเวลานั้นว่า
                   “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด”
              นี้แลเป็นภิกษุภาวะของโจรองคุลิมาลนั้น





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 21, 2012, 12:19:18 pm โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
จะเห็นได้ว่า องคุลีมาล มิได้เป็นโจรธรรมดา เพราะมีการศึกษามาดีจากสำนักตักกศิลา แถมเป็นนักเรียนดีเด่น จนเกิดการล้มนักเรียนดีเด่น ดังนั้นเมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสกะ องคุลีมาลว่า
   
    “เราหยุดแล้ว    องคุลิมาล    ท่านต่างหากจงหยุด”


  บัณฑิตในคราบมหาโจร ผู้ประหารชีวิตคนเพื่อ วิชาอมตะ จึงฉุกคิด ด้วยปัญญาคำพูดนี้ต้องมีเลสนัย บางอย่างจึงได้กล่าวถามกับพระพุทธเจ้า ว่า ตรงนี้เป็นคาถา
   
    “สมณะ    ท่านกำลังเดินไป    ยังกล่าวว่า
    ‘เราหยุดแล้ว    ท่านต่างหากยังไม่หยุด’
   
      กลับกล่าวหาข้าพเจ้าผู้หยุดแล้วว่ายังไม่หยุด
      สมณะ    ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความนี้กับท่าน
      ท่านหยุดอย่างไร    ข้าพเจ้าไม่หยุดอย่างไร”

    ใจความที่พระพุทธเจ้า ตรัสแสดงตอบเพราะเห็นว่า องคุลีมาล ละพยศแล้วพอที่จะโปรดได้ จึงได้ตรัสแสดงความหมายของคำว่า หยุด ให้องคุลีมาลทราบ ด้วยคาถา สั้น ๆ ว่า

    “องคุลิมาล    เราวางอาชญา
    ในสรรพสัตว์ได้แล้ว
    จึงชื่อว่าหยุดแล้วตลอดกาล
    ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย
    เพราะฉะนั้น    เราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว
    ส่วนท่านสิชื่อว่ายังไม่หยุด”


    ด้วยคาถาเพียงเท่านี้ ทำให้เกิดพระโสดาบัน ดวงตาเห็นธรรมบังเกิดขึ้นแก่ องคุลีมาล บางครั้งผู้มีปัญญาไม่ต้องกล่าวให้มาก แต่ สำนึกในธรรมมีมาก อยู่ขัดแย้งกันในภายในนั้น ได้ถูกทำลายลงด้วยข้อความไม่กี่ประโยค นี่แหละหนอ เป็นอัศจรรย์แห่งธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงให้เห็นในจิตของบุคคลที่ควรแก่ธรรม

     อัศจรรย์ หนอ ธรรมนี้ เป็น ธรรมเครื่องหลุุดพ้น
     อัศจรรย์ หนอ ธรรมนี้ เป็น ธรรมที่เราไม่เคยได้คิดมาแต่ก่อน

     
    สำนึกแห่งคุณธรรม ของคำว่า หยุด จากการเบียดเบียน เป็นคุณเครื่องของภาวะภิกษุ และ สมณะได้บังเกิดมีแล้ว แด่ท่า อหังสกะ (ผู้ไม่เบียดเบียน ) องคุลีมาล ได้สูญหายไปนับตั้งแต่นั้น มีเพียง แต่ภิกษุชื่อว่า อหิงสกะ ปรากฏขึ้น พยานธรรม ของการ หยุด หยุด หยุด ที่เข้าไปในสำนึก จิตเดิมแท้จึงปรากฏชัดแจ่มแจ้ง ด้วยคุณธรรม

     นับแต่วันนั้นมา องคุลีมาล ก้เป็นเพียงตำนานเล่าขาน
     แต่ ชีวิตใหม่ ได้สิ้นสุดลง จาก สังสารวัฏ ที่ยุ่งเหยิง วุ่นวาย วันนี้แม้ อหิงสกะ ก้ไม่มีเพราะท่านไม่ต้องกลับมาเกิดในโลกมนุษย์ ที่วุ่นวายนี้ ต่อไป

    ท่านทั้งหลาย ธรรมใด ๆ ที่พระผู้พระภาคเจ้าได้ตรัสแสดงแล้ว แม้จะสั้น ๆ หากท่านทั้งหลายเป็นบัณฑิตพอย่อมจะเห็นอรรถธรรม อันลึกซึ้งด้วยปัญญาบารมี ที่ท่านทั้งหลายได้ส่งเสริมกันมาได้จริง ๆ


     
      “เราหยุดแล้ว    องคุลิมาล    ท่านต่างหากจงหยุด”



   
   
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 21, 2012, 01:36:44 pm โดย tcarisa »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


เป็นสาระธรรม ที่เบา ๆ ที่พระอาจารย์จัดให้ในอาทิตย์คะ อ่านแล้ว รู้สึกน้ำตาไหลเลยคะยิ่ง ช่วงที่กล่าวว่า

      อัศจรรย์ หนอ ธรรมนี้ เป็น ธรรมเครื่องหลุุดพ้น
     อัศจรรย์ หนอ ธรรมนี้ เป็น ธรรมที่เราไม่เคยได้คิดมาแต่ก่อน

   กินใจมากคะ บางครั้งเราอาจจะรู้มากเกินจนไม่ได้มาอ่านใจตน นะคะ ต้องการชนะ จน ลืมคำว่า พอดี อย่างที่เรียกว่า ศรัทธาหัวเต่า เดี๋ยวปฏิบัติ เดี๋ยวไม่ปฏิบัติ ประมาณนี้ เลยนะคะ

    :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วได้ คติธรรม มากจริง ๆ ครับเรื่องนี้ โดยเฉพาะ คำว่า หยุด บางครั้งเราอาจจะลืมนะครับ เพราะว่าเราไม่รู้จัก หยุด จึงพาตัวเองลงอบาย ตกนรก อยู่.....


   สาธุ สาธุ สาธุ

   :25:
บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

tasawang

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


หยุด เป็นคุณธรรมแรก ในพระพุทธศาสนา หัวใจศาสนา ข้อที่ 1 ครับ

 หยุด คือการไม่เบียดเบียน

 หยุด คือการไม่ทำชั่ว ครับ

 นับว่าเป็นบทความที่เริ่ม ต้น ในการภาวนา ที่ดีครับ

 สาธุ สาธุ สาธุ

บันทึกการเข้า

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หยุด จากการเบียดเบียน

 อหิงสกะ ผู้ไม่เบียดเบียน



 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
อนุโมทนา สาธุ กับท่านที่รู้จัก หยุด
 
    หยุด จากการเบียดเบียน ด้วย กาย

    หยุด จากการเบียดเบียน ด้วย วาจา

    หยุด จากการเบียดเบียน ด้วย ใจ

       วิธี หยุด  1. อธิษฐาน ว่า ข้าพเจ้า จักสร้างแต่กุศล
                  2. วางศรัทธา ในกุศล เชื่อมั่นในผล แห่งกรรม
                  3. เพียร พยายาม สร้าง กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต คือ ทำดี พูดดี และ คิดดี

   = ได้หยุด เป็น อหิงสกะ ผู้ไม่เบียดเบียน แล้วในเบื้องต้น


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 08, 2012, 10:39:17 am โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

wiriya

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
“องคุลิมาล    เราวางอาชญา
    ในสรรพสัตว์ได้แล้ว
    จึงชื่อว่าหยุดแล้วตลอดกาล
    ส่วนท่านไม่สำรวมในสัตว์ทั้งหลาย
    เพราะฉะนั้น    เราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว
    ส่วนท่านสิชื่อว่ายังไม่หยุด”


 อ่านแ้ล้วซึ้ง มากครับ  แสดงถึง เมตตากรุณาธิคุณ ของพระพุทธเจ้ามีมากนะครับที่ยอมเอาชีวิตไปโปรดโจร

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
รักครอบครัว ห่วงลูกหลาน ต้องช่วยต้าน ภัยยาเสพติด
รักตนเอง หนีสงสาร ต้องภาวนาให้ มาก ๆๆๆๆๆ