แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - because
|
หน้า: [1] 2
|
3
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: รู้สึก ท้อถอย เวลาปฏิบัติภาวนา คะ เมื่อไหร่จะปฏิบัติได้เสียที
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2012, 08:46:26 pm
|
จำได้ว่าเคยฟังเสียงธรรม น่าจะเป็นพระอาจารย์ ท่านจะกล่าวเรื่อง ปณิธานการภาวนาพระกรรมฐาน และ ปณิธานของการเผยแผ่พระกรรมฐาน นี้แหละครับแต่จำชื่อเรื่องไม่ได้
ในเนื้อหากล่าวว่า มีพระรูปหนึ่ง ท่านภาวนาของท่านตั้งแต่ท่านเริ่มบวช จนกระทั่งมรณะภาพ ท่านไม่ได้สอน ท่านไม่ได้ขอ ท่านไม่ได้โพทะนา ว่าตนเองวิเศษ ท่านไม่ได้อะไรจากชาวโลก นอกเสียจากภัตรประจำวันที่ มีไม่กี่อย่าง แต่ท่านเป็นพระภาวนาที่สุดของที่สุด ทั้งอายุท่านใช้ผ้าไตร อยู่ 3 ชุดเท่านั้น ยามที่ท่านมรณะภาพ ก็ไม่ได้มีใครมาจัดการศพท่าน เพราะศพท่านอยู่ในถ้ำ ท่านก็หายไปจากชาวโลกอย่างนั้น
ท่านเดินไป เที่ยวชมบ้านญาติพี่น้อง ก็ไม่มีใครสนใจจะสนทนากับท่าน เพราะมองว่าท่านเป็นพระบ้า ๆ เสียสติไม่เอาอะไรกับใครทั้งสิ้นนอกเสียจากอยู่คนเดียวเงียบ ไปเงียบ ๆ
เรื่องยังอีกยาว แต่เอาเป็นว่า หลวงตาท่านนี้ ท่านบวชแล้วปฏิบัติ ของท่าน ในช่วงที่ท่านมีชีิวิตอยู่ ไม่มีใครไปมาหาสู่กับท่าน ไม่มีใครเรียกท่านว่าอาจารย์ ท่านไม่มีทรัพย์สมบัติใด ๆ มรณะภาพอย่างโดดเดี่ยว มีชีวิตที่อัตคัตยากแสนตามสภาพพระป่า
แล้วเป็นยังไงครับ.....
อ่านแล้วยังไม่เข้าใจใช่หรือไม่ครับ ... ครับ ผมเองก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่ต้องฟังเต็มรูปแบบ ถึงจะเข้าใจนะครับ ไม่รู้จะสื่ออย่างไรให้เ้ข้าใจในสิ่งที่ผมเ้ข้าใจในครั้งนั้นได้
จบดีกว่า....
ตายอย่างมดปลวก ตายอย่างพญาช้าง ตายอย่างพระ ตายอย่างคน ตายอย่างราชา ท่านเห็นอะไร ? ก็อันนั้น ละครับ คือผลการภาวนาของท่าน
|
|
|
10
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: อึ้ง.! ผลสำรวจเด็กไทย 1 ล.คน ซึมเศร้า 50% นิยมผอมสวย รับได้มีกิ๊ก-แฟนหลายคน
|
เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 09:48:59 pm
|
น่าจะเป็นค่านิยมที่ตามฝรั่งแล้วครับ ตอนนี้เพราะตามตูดเขาอยู่วัฒนธรรมเดิม ๆ ก็กำลังจะหายไปเราต้องช่วยกันฟื้นฟูศีลธรรมให้กลับมาแต่นึก ๆ ไปผมเคยทำงานโครงการฟื้นฟูศีลธรรมของ สวนโมกข์ หลายสิบปีมานี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ครับ เด็ก ๆ ที่สนใจพระธรรมมีน้อยลงสังเกตจากการเข้ามาเรียน พุทธศาสนาวันอาทิตย์แทบนับจำนวนกันได้น้อยลงนะครับ พอ ๆ กับจำนวนพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศก็น้อยลงนะครับ สื่อธรรมมีมากขึ้น แต่เป็นสื่อเผื่อเลือกเพราะเว็บธรรมะคนที่ใส่ใจมีจำนวนน้อยลง ยิ่งยุคนี้ ขโมย โจร มีมากขึ้นแสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจเมืองไทยหนักหน่วงขึ้น ค่าครองชีพก็สูงขึ้น ธรรมะไม่กลับมา โลกาจะวินาศ การศึกษา หมาหางด้วน http://www.watsuanvang.com/simple/?t419.html อสนใจแต่เรื่องรักสวยรักงาม แข่งขันกันในเรื่องแฟชั่นโดยเฉพาะแฟชั่นนักศึกษาสาว ๆ มักจะแข่งกันนุ่งกระโปรงสั้น ๆ เที่ยวโชว์ขาอ่อนล่อตะเข้ผู้ชาย ผลเป็นอย่างไร? หนังสือพิมพ์ลงข่าว “นักเรียนฉุดนักเรียนจะข่มขืน 6 ต่อ 1” แล้วจะไปเหลืออะไร นี่ยังโชคดีนะที่เป็นเพียงแค่ Future Tense (คือจะข่มขืน) ถ้าเกิดเป็น Present Tense แล้วไม่รู้จะบรรยายอย่างไร? พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกสอนก็ไม่ค่อยจะเชื่อฟัง แม่บอกว่า “นี่ ! ลูกเวลาไปโรงเรียนอย่ากลับให้มืดค่ำนักนะ ระวังจะเสียเด็ก” มันกลับเถียงแม่ว่า “ใครบอกว่าหนูจะเสียเด็ก หนูกำลังจะได้เด็กต่างหากละแม่”
|
|
|
11
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / พระอริยเถราจารย์สอนเรื่องตัดขันธ์ เรื่อง การเิดินจิต โพชฌงค์ 7
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2012, 07:48:20 pm
|
พระอริยเถราจารย์สอนเรื่องตัดขันธ์ (พรรษาที่ ๑๕ สถิตวัดท่าหอย ยุคธนบุรี)ณ วัดท่าหอย พรรษาที่ ๑๔ พระอาจารย์สุก พระองค์ท่าน ทรงเจริญสมณะธรรมทุกคืน ก็จะมีพระอริย เถราจารย์มา กล่าวสอน พร่ำสอน พระกรรมฐานพระองค์ท่านทุกคืน คืนนี้ก็เช่นกัน มีพระเถราจารย์พระองค์หนึ่งล่วงมาแล้ว เข้ามาหาพระอาจารย์สุกด้วยกายทิพย์อันละเอียดประณีต
พระอริยเถราจารย์ พระองค์นั้นมาถึงแล้วก็กล่าวกับพระองค์ท่านว่า ข้าฯชื่อ คำมา ข้าจะมาสอนเรื่องการตัดขันธ์ จะได้เอาไว้ใช้กับตัวเอง และเอาไว้ใช้สอนผู้อื่น เวลาเกิดทุกขเวทนาในเวลาใกล้ตาย ท่านสอนว่าการตัดขันธ์นี้ ต้องมีสมาธิจิตกล้าแข็งสามารถลืมทุกสิ่ง ทุกอย่างได้ ไม่เอาสังขารร่างกายแล้ว ให้ตัดจากขันธ์หยาบก่อน โดยพิจารณาวิปัสสนา คือ ๑.ตัดอาโปธาตุก่อน ๒.ตัดเตโชธาตุ ๓.ตัดปฐวีธาตุ ๔.ตัดวิญญาณธาตุ ดับความยึดมั่นในร่างกาย สุดท้ายให้ตัด วาโยธาตุ เวลามรณะกรรม ทุกขเวทนา จะไม่มี ไม่ปรากฏ แต่ต้องมีสมาธิจิตกล้าแข็ง จึงจะทำได้ พระอริยเถราจารย์ ยังกล่าวสอนต่อไปอีกว่า ระหว่างทุกข์เวทนาเกิดขึ้นมากนั้น
ให้ตั้งสติให้กล้าแข็ง องค์แห่งธรรมสามัคคี คือโพชฌงค์ ๗ จะเกิดขึ้น คือสติสัมโพชฌงค์ ๑ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ๑ วิริยะสัมโพชฌงค์ ๑ ปีติสัมโพชฌงค์ ๑ ปัสสัทธิ สัมโพชฌงค์ ๑ สมาธิสัมโพชฌงค์ ๑ อุเบกขาสัมโพชฌงค์ ๑
เมื่อมีสติรู้ต่อทุกข์เวทนา ทั้งภายใน ภายนอก เรียกว่า สติสัมโพชฌงค์เกิด มีสติแล้วระลึกถึง การตัดซึ่งขันธ์ห้า เรียกว่า ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์เกิด เริ่มทำความเพียรในการตัดขันธ์ เรียกว่า วิริยสัมโพชฌงค์เกิด เมื่อตัดขันธ์ได้ครบองค์แล้ว ดับความยึดมั่นในร่างกายได้ ปีติสัมโพชฌงค์ก็เกิด ความสงบทั้งภายในภายนอกก็ตามมา ปัสสัทธิ สัมโพชฌงค์ จึงเกิด ความไม่มีทุกข์เวทนา ก็หายไป จิตก็ตั้งมั่น จึงเกิดสมาธิสัมโพชฌงค์ วางเฉยในอกุศลธรรมทั้งปวง จึงเกิดอุเบกขาสัมโพชฌงค์เมื่อท่าน เจริญโพชฌงค์แล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งจริงแท้ ด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ธรรมเหล่านี้มีอยู่ ๗ อย่างตามที่กล่าวมาแล้ว พระอริยเถราจารย์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า เจริญอย่างไรจึงจะหลุดพ้น คือ
๑.ย่อมเจริญสติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไปเพื่อความปลดปล่อย ๒.ย่อมเจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะอาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย ๓.ย่อมเจริญวิริยสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย ๔.ย่อมเจริญปีติสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไปเพื่อความปลดปล่อย ๕.ย่อมเจริญปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย ๖.ย่อมเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย ๗ .ย่อมเจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธอันน้อมไป เพื่อความปลดปล่อย ท่านเจริญโพชฌงค์ ๗ อย่างนี้แล้ว ทำให้มากแล้ว เป็นเหตุให้เข้าถึงเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่ ฯ คืนต่อมาพระอริยเถราจารย์ หรือหลวงปู่คำมา ท่านก็กล่าวสอนอีกว่า ข้าฯจะสอนวิชา ผ่อนคายจิต ท่านสอนว่า ขณะที่จิตกำลังมีความสับสนวุ่นวาย ขอให้ตั้งสติแล้วหายใจให้ลึกๆ พุ้งสมาธิจิตไปที่ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือพระพุทธรูป ให้เพ่งดูนิ่งๆนานๆ สักครู่หนึ่ง แล้วภาวนาสวดพระพุทธคุณ คืออิติปิโส ฯลฯ ภควาติ ๑จบ หรือหลายจบก็ได้ ความวุ่นวายใจ และสับสนใจ ก็จะคลายลง แล้วหายไปเองคืนต่อมาพระอริยเถราจารย์ หรือหลวงปู่คำมา ท่านก็สอนต่อไปอีกว่า วิชชาสยบทุกข์เวทนา ท่านบอกว่าเมื่อมีทุกขเวทนาเกิดขึ้นแก่เรา ขอให้เราตั้งสติแล้ว ยอมรับทุกขเวทนานั้นก่อน คือให้มีสติกำหนดรู้ทุกข์นั้นเอง ให้รู้ว่าทุกข์เกิดจากอะไร แล้วนึกถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เรามีกรรมเป็นของ ของตนเอง เรามีกรรมเป็นมรดก เรามีกรรมเป็นกำเนิด เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย แล้วมีสติกำหนดรู้ ความวางเฉยในทุกข์เวทนานั้นด้วยถ้าทำดังนี้ได้ ทุกขเวทนาที่มีอยู่ใน ใจ และกาย ก็จะบรรเทา เบาบางลง และหายไปในที่สุด หรือให้มีสติรู้เวทนา เช่นทุกข์เวทนาเกิด ก็รู้ว่าทุกข์เวทนาเกิด ทุกข์เวทนาไม่มี ก็รู้ว่าทุกขเวทนาไม่มี ดังนี้ ก็จะสามารถแยกจิต กับทุกขเวทนาออกไปได้ ไม่รู้สึกทุกข์ ถ้ารู้ไม่เท่าทันทุกข์เวทนา เราก็ไม่สามารถสยบทุกขเวทนาได้ ท่านบอกว่า นี้เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพร่ำสอนพระสาวก และสืบต่อมาจนถึงข้าฯและถึงท่านนี่แหละ
พระอาจารย์สุกพระองค์ท่าน ทรงออกจากสมาธิแล้ว ทรงทบทวนการตัดขันธ์ทบทวนโพชฌงค์ ๗ ทบทวนวิชาสยบทุกข์เวทนา เป็นเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ทุกวันในพรรษานี้ พระองค์ท่านก็สามารถตัดทุกขเวทนาได้ และชำนาญใน พระคัมภีร์โพชฌงค์ ๗ อีกด้วย คืนต่อมาในพรรษานั้น พระอริยเถราจารย์ องค์ที่สอนพระอาจารย์สุก เรื่องการตัดขันธ์ อันประกอบด้วย โพชฌงค์ ๗ ประการ ได้มาบอกท่านในสมาธิอีกว่า ข้าฯจะ สอนวิชาโพชฌงค์ ๗ เป็นวิชาโลกุดร สยบมาร ท่านกล่าวอีกว่า
มาร คือ กิเลสมาร สังขารมาร อภิสังขารมาร เทวปุตมาร และมัจจุมาร ท่านบอก นอกจากจะสยบมารทั้ง ห้าแล้ว ยังใช้รักษาโรคกาย โรคจิต ให้แก่ตัวเอง และผู้อื่นได้อีกด้วย ต่อมาท่านจึงบอก
วิธีทำ ฌานโลกุดร สยบมาร ดังนี้ ๑.ท่านให้ตั้งสติสัมโพชฌงค์ ที่กลางสะดือ องค์ธรรมนาภี จุดชุมนุมธาตุ ๒.ให้ตั้งธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ที่จุดเหนือสะดือ หนึ่งนิ้ว จุดธาตุดิน ๓.ตั้งวิริยสัมโพชฌงค์ ที่จุดหทัย จุดองค์ธรรม พระพุทโธ ๔.ตั้งปีติสัมโพชฌงค์ ที่จุดคอกลวง องค์ธรรม ของพระปีติ ๕.ตั้งปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ที่โคตรภูมิท้ายทอย องค์ธรรมนิโรธ ธาตุลม ๖.ตั้งสมาธิสัมโพชฌงค์ ที่กลางกระหม่อม องค์ธรรมของพระพุทธเจ้า ๗.ตั้งอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ที่หว่างคิ้ว องค์ธรรมของพระสังฆราชา เมื่อจิตมีกำลัง ปราณีตดีแล้ว ตรงอุเบกขาสัมโพชฌงค์ ให้เปลี่ยนคำภาวนาเป็น โลกุตตะรัง ฌานัง อันเป็นไปเพื่อจิตหลุดพ้น
ในกาลต่อมาพระอาจารย์สุก พระองค์ท่านก็ทรงนำวิชาโลกุดร สยบมาร มาสั่ง สอนศิษย์ มากมายในกรุงรัตนโกสินทร์ มีชื่อเสียงโด่งดังมากมายหลายองค์ พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร มหาเถรเจ้า (สุกไก่เถื่อน) หน้า 154 - 157 เรียบเรียงโดย พระครูสิทธิสังวร ผช.จล. วัดราชสิทธาราม เจ้าคณะ 5 http://www.somdechsuk.com
|
|
|
14
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ยามที่เราสับสน ผิดหวัง อยู่ในสภาวะเครียด ควรทำอย่างไรดีคะ
|
เมื่อ: ธันวาคม 13, 2011, 02:49:23 pm
|
เป็นนักภาวนา จะหาความสบายในการภาวนา นั้นเลย เป็นเรื่องเป็นได้ยาก
ดังนั้น ความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง ผู้รู้กล่าว พระนิพพาน ว่าเป็นธรรมอันยิ่ง
หากผู้ใด ภาวนาพบกับความลำบาก สิ่งที่พระอาจารย์ ต้องขอบอกว่า ต้องเหนื่อย
ลูกศิษย์พระอาจารย์ ส่วนใหญ่จะให้ไปพิสูจน์ ตนเอง ที่เขาวงพระจันทร์ แม้พระอาจารย์เอง ก็ต้องไปพิสูจน์ธรรม หลายครั้ง ด้วยกัน
วัดเขาวงพระจันทร์ นั้น มีบันได ทอดยาวทั้งหมด 1790 ขั้น เดินขึ้นเขาอีก 700 เมตร ผู้ไปพิสูจน์ตนจะเห็น ธรรมของตนเอง ระหว่าง ที่ขึ้น ส่วนใหญ่ จะมีกำลังใจดี ที่ขั้นที่ 1 ยากขึ้น ดังนั้นก่อนขึ้นให้ผูกคำอธิษฐานว่า จะขึ้นให้ได้ ผู้ทีขึ้นไป ส่วนมาก ก็จะท้อที่ ระยะ 420 ขั้นแรกเพราะศาลาหลังแรก จะอยู่ตรงนี้ และก็จะมองขึ้นไป ว่าอีกไกลมาก โดยเฉพาะ ระยะทางที่ใกล้จะถึง ประมาณ 1400 ขั้นนั้น จะชันมาก
บางคนขึ้นได้ครึ่งทาง ก็ถอดใจ ลงเสีย บางคนพระอาจารย์ ต้องยอมเดินขึ้นไปด้วย จึงจะไปต่อ
ดังนั้นถ้าเปรียบ มาที่การภาวนา จริง ๆ ของผู้ปฏิบัติ ไม่ว่าจะสายสติ หรือ สมาธิ สิ่งที่ต้องมีของผู้ปฏิบัติก็คือ ความอดกลั้น อดทนต่อสภาวะ ที่จะเกิดขึ้น
ก็ให้กำลังใจเท่านี้ ทุกข์ ใน วัฏฏะสงสาร นั้นทรมานเรามาด้วยความกดดัน มาหลายชาติแล้ว น้ำตาของเราอาจจะร้องไห้ไว้เป็นไห ๆ แล้ว
อย่าท้อ เมื่อต้องเหนื่อย
อย่าท้อ เมื่อต้องทนความกดดันของสภาวะ
อย่าท้อ เมื่อน้ำตาของเธอต้องไหลริน
อย่าท้อ แม้คนอื่นทั้งหลายจะไม่เข้าใจเธอ
เจริญธรรม
|
|
|
18
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: มาปฏิบัติธรรมในงาน กันดีกว่า อย่ามัวนั่งหลับหู หลับตากันเลย
|
เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 05:52:58 pm
|
ถ้าจะเอาแบบพระอานนท์ ก็คงต้องสั่งสม บุญอย่างพหูสูตรแล้ว ครับ ในตำนาน พระไตรปิฏก ผู้บรรลุอย่างพระอานนท์ ก็มีเพียงองค์เดียว อย่าไปคิดว่า จะทำได้อย่างพระอรหันต์อานนท์มหาเถระ เลยครับเพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำอย่างนั้น ถึงแม้ ท่านจะเป็นต้นฉบับบของการปฏิบัติธรรมแบบมหายาน แล้ว ในฝ่ายมหายาน ก็พิจารณาดูให้ดีสิครับ การเจริญ สติ อยู่ในการงาน ควรย้อนกลับมาดูที่พระพุทธเจ้า และบรรดาสาวก กลุ่มใหญ่ ดีกว่าหรือไม่ครับ ว่าดำเนินวิถีการปฏิบัติภาวนา กันอย่างไร อย่าประมาท หมิ่น ว่าการปฏิบัติธรรมคือการทำงาน นะครับ ที่ตั้งของสติ คือ อะไรครับ ? หาคำตอบกับเป้าหมาย และวิธีการ ดำเินินตามมรรค ดีกว่านะครับ
|
|
|
22
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เซ็น โกอานคืออะไร
|
เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 06:11:08 pm
|
โกอานคืออะไร คำว่า โกอาน ออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่น จีนกลางออกเสียงว่า กงอั้น ภาษาแต้จิ๋วว่า กงอั่ว แปลตามตัวหนังสือ คำว่า กง คือ ราชการ คำว่า อั่ว คือ เอกสาร กงอั่ว มักจะหมายความถึง สำนวนคดี หรือ เอกสารเรื่องหนึ่งของทางราชการ เซ็นได้ยืมมาใช้สำหรับคำพูดประโยคหนึ่งหรือเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งพระอาจารย์พูดหรือเล่าให้ฟัง เพื่อให้ศิษย์นำไปคิดทบทวนเพื่อเห็นแจ้งในธรรม
ฐานะของโกอาน เซ็นใช้ความตื่นตัวของตน ปรับปรุงเจตจำนงของตน ให้ความไม่เป็นอิสระของเจตจำนงให้เป็นเจตจำนงที่มีความเป็นอิสระ เปลี่ยนแปลงนิสัยเก่าให้เป็นนิสัยใหม่ ให้แนวคิดเก่าเป็นแนวคิดใหม่ นี่แหละคือเซ็น และโดยโกอานทำหน้าที่นี้ เซ็นอาศัยโกอานทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดมีชีวิตใหม่ขึ้น แล้วก็นำมาแสดงด้วยโกอานอีก โกอานเป็นชีวิตของเซ็น การสืบธรรมและการประกาศธรรมก็อาศัยโกอาน ทุกสิ่งของนิกายเซ็นซึ่งนอกจากโกอานแล้ว ล้วนแต่เป็นส่วนประกอบที่ทำให้เซ็นมีรูปแบบเป็นศาสนาเท่านั้น อาจารย์บางท่าน พยายามทำให้รูปแบบของเซ็นสมบูรณ์ขึ้น แล้วลืมโกอานไป บางท่านคิดจะทำให้เซ็นมีความเหมาะสมกับยุคสมัย ละเลยโกอานไปก็มี นับเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
ถ้าละเลยโกอานหรือถึงแก่ละทิ้ง เซ็นก็จะถูกทำลายหมด เซ็นถือว่า รูปแบบศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ แต่รูปแบบนี้ต้องมาจากภายในของชีวิตเซ็น จึงมีคุณค่าสำหรับเซ็นและก็จะสามารถยืดชีวิตเซ็นให้อยู่ต่อไปได้
ความหมายของโกอาน
การบรรยายเซ็นคือการเสนอแนะ และก็คือการเสนอโกอาน การเสนอโกอานเป็นการเสนอให้เข้าถึงพุทธจิต
โกอาน รวมทั้งการ “ชูดอกไม้” ก็คือโกอานเซ็น นอกจากโกอานแล้ว นอกนั้นไม่มีวิธีใดที่จะเข้าถึงเซ็น
โกอานไม่มีแบบแผน แล้วแต่อาจารย์จะให้ตามเอกลักษณ์ของแต่ละคน
การเทศน์ของอาจารย์ และหนังสือชุมนุมโอวาทของอาจารย์รุ่นก่อนๆก็คือโกอาน เซ็นใช้โกอานประกาศธรรมมาตลอดเวลา ซึ่งผิดกับนิกายอื่นที่มีพระสูตรหรือพระอภิธรรมเป็นที่อ้างอิงประจำนิกาย เซ็นใช้โกอานในธรรมนองเดียวกับการใช้พระสูตรพระอภิธรรมของนิกายอื่น
โกอานอาจจะเป็นหัวข้อหนึ่งที่อาจารย์องค์ก่อนๆได้กล่าวไว้ ในหัวข้อนั้นเป็นสัจธรรมที่ท่านได้เข้าถึงจึงเป็นแนวปฏิบัติได้ และก็เป็นหลักที่จะตรวจพินิจความถูกผิดของเซ็นได้
โกอานกับการนั่งสมาธิ เป็นการปฏิบัติของเซ็นซึ่งเหมือนกับปีกนก จะขาดข้างใดข้างหนึ่งไปมิได้
โกอานมีกริยาการเป็น 2ทาง ในแง่ลบ คือการปฏิเสธวิชาความรู้ที่แยกแยะรู้เห็นสรรพธรรม ในแง่บวกคือปลุกให้พลังแรงแห่งเจตจำนงทำความพยายามเป็นครั้งสุดท้าย
ประโยชน์ของโกอาน คือการเข้าถึงที่กำเนิดแห่งธรรม ตรงต้องตามวิสัยที่หลุดพ้นของพระพุทธองค์ เข้าถึงพุทธภูมิ
|
|
|
23
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: หลังจากนั่งกรรมฐาน แล้ว เกิดโรคอย่างหนึ่งแก่ดิฉันคะ....
|
เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 05:25:40 pm
|
ทำไม ไม่คิดว่าเป็นเรื่องดี นะครับ ที่เราตื่นอยุ่โดยที่สุขภาพ มิได้เสีย ผมว่าเป็นเพราะพลังจิต ของคุณมีเพิ่มขึ้นแล้วในกรรมฐาน จึงทำให้ สติ แจ่มใส แจ่มชัด พัฒนา เป็นสัมปชัญญะ ควรค่าแก่การวิปัสสนา เจริญธรรม มีพระพุทธพจน์ บทหนึ่งที่ผมฟีังมาจากครูบาอาจารย์ นะครับว่า สติ เป็นธรรม เครื่องตื่นอยู่ในโลก ดังนั้น ถ้านับการพัฒนา สติ เป็น สมาธิ หรือ สมาธิ เป็น สติ แล้ว ตอนนี้คุณกำลังได้ผลปฏิบัติ ที่พร้อมเจริญ ญาณทัศนะ นะครับ เพราะญาณทัศนะ เป็นคุณเครื่องของวิปัสสนา ดังนั้นถ้าคุณได้ความตื่นที่มีกำลังจากจิตที่เป็นสมาธิ ภายหลังกรรมฐาน แล้วผมว่าเป็นความพร้อมที่เหนือ คนทั่วไปแล้วนะครับ ว่า คุณควรจะใช้ สติ พิจาณา วิปัสนนา คุณเครื่องความสำเร็จของญาณ ส่วนเรื่องวิปัสสนา ปฏิบัติอย่างไรนั้น สำหรับ เบา ๆ นะครับ ก็ยก อารมณ์ สู่ ขันธ์ 5 ให้พิจารณาความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นหลักนะครับ และเมื่อเห็นความ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์แล้ว ก็ให้ ยกอารมณ์สู่ อายนตะ 12 ที่ผัสสะให้เห็น อนัตตา คุยพอเป็นเเพือนกันนะครับ เพราะช่วงนี้ผมสังเกตว่าเว็บพระอาจารย์ จะไม่ได้ตอบใด ๆ นะครับคิดว่า น่าจะทั้ง พรรษา นะครับ ถ้าจะรอคำตอบจากพระอาจารย์ ดังนั้นรบกวน ศิษยืกรรมฐาน ที่ใกล้ชิด ช่วยกันตอบด้วยนะครับ ผิดถูก อย่างไร ผมขอคำ่ว่า อภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ
|
|
|
25
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การปฏิบัติของพระสงฆ์ในปัจจุบัน ทำให้เสื่อมศรัทธาในศาสนา
|
เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2011, 08:32:09 pm
|
อันนี้ โดยรวมมีผลครับ แค่คณะปฏิบัติด้วยกัน หากมีใครเพลี่ยงพล้ำเป็นทาสของกิเลส บางครั้งกลุ่มธรรมด้วยกัน ก็แอนตี้มากเลยครับ ยิ่งถ้าเป็นพระด้วยแล้ว เทศน์สอนเรื่องวิปัสสนา แล้วมาเสียท่านารี ต้องสึกไปอยู่กินด้วยกัน อันนี้ยิ่งโกลาหล ในหมู่ผู้ปฏิบัติด้วยครับ บางครั้งอาจจะทำให้ศรัทธาของกลุ่มเสียไปเลยนะครับ ดังนั้นการที่ภาวนาปฏิบัติ แม้จะดูเป็นส่วนตัว แต่บางครั้ง เมื่อเจอผู้ปฏิบัติไม่ได้ หรือ ผิดแล้วย่อมจะชักจูงศรัทธา ของผู้ตามให้หวั่นไหวไปด้วยกันครับ ถึงแม้จะมองโดยรวมไม่เกี่ยวข้อง แต่ แหม ก็อดจะคิดไม่ได้ ขนาดพระระดับอาจารย์ ศิษย์เอกแต่ละท่าน ยังสู้ ไม่ได้แล้ว ตัวเราเองซึ่งเป็นปุถุชนเต็ม ๆ จะไปต่อกร กับ กิเลสมารได้อย่างไร หรือ เพื่อนสมาชิก คิดว่าไม่จริง. .... .... .... . ...
|
|
|
27
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / อยู่กับคนที่ทำให้เครียด นี้ควรทำอย่างไรคะ
|
เมื่อ: มิถุนายน 10, 2011, 05:38:32 pm
|
ทุกวันนี้อยู่กับพี่สาวซึ่งเธอเป็นคนชอบมองโลกมองคนในแง่ร้าย จำแต่เรื่องเก่าๆที่คนนั้นคนนี้กระทำไม่ดีกับเธอ แล้วก็ชอบขุดมาด่าเวลาทะเลาะกัน เราเป็นน้องไม่อยากเถียงเพราะเธอไม่ฟังแถมยังยิ่งทำให้โกรธโมโหร้ายขึ้นอีก เราก็ได้แต่เงียบๆๆๆๆจนบางทีมันไม่ไหวแล้วได้แต่แอบร้องไห้ ถ้าเธออารมณ์ดีเธอจะเป็นคนดีแสนดีมากเลยตลกเฮฮา แต่เธอทำให้เราเครียดมากเลยคะควรจะฝึกภาวนาหรือใช้หลักธรรมอะไรดีคะ ถึงจะอยู่กับคนแบบนี้ได้โดยไม่เครียด ไม่ปวดหัว
|
|
|
32
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / หลักตัดสินวินัย เรียกว่า มหาปเทส 4 ที่มาของการลดวินัยในฝ่ายมหายาน
|
เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2011, 07:07:29 pm
|
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานสำหรับอ้าง ๔ ข้อ ดังต่อไปนี้. ๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย. ๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย. ๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย. ๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย. ขออนุญาตคุณ because แจ้งที่มา(อ้างอิง) ข้อความด้านบนมาจาก
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒
|
|
|
37
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ฝันเห็นผู้ชายคนที่เป็นแฟน ตอนนี้เขาตายแล้ว
|
เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 05:19:18 pm
|
ทำบุญถวายสังฆทาน เลี้ยงพระสักวัน ให้ทำเหมือนทำบุญกระดูก มีสวดบังสุกุล ให้ดีนิมนต์พระสวด อภิธรรรม มาติกา ไปด้วยก็ดีครับ เป็นผลที่ใหญ่ ครับ หรือไม่ ก็บอกกับดวงวิญญาณ ว่าปีนี้จะเป็นเจ้าภาพกฐิน สักกอง หรือ ผ้าป่าสักกอง ถ้าสามารถทำได้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะทำได้ ก็ทำเถอะครับ หรือทำบุญถวายธรรมทาน อย่างตอนนี้ ที่เว็บนี้กำลังต้องการเจ้าภาพ โฮสต์ และ โดเมน หรือ ค่า RDN ที่ลงประกาศไว้ ก็เชิญเลยครับร่วมบุญกันได้
|
|
|
|