ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การปฏิบัติของพระสงฆ์ในปัจจุบัน ทำให้เสื่อมศรัทธาในศาสนา  (อ่าน 4360 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

การปฏิบัติของพระสงฆ์ในปัจจุบันทำให้เสื่อมศรัทธาในศาสนา

            มีผู้พูดว่าเห็นการปฏิบัติของพระสงฆ์ในปัจจุบันส่วนหนึ่ง แล้วทำให้เสื่อมศรัทธาในศาสนา  ทุกวันนี้เราได้เห็น ได้ยิน ได้อ่าน สิ่งที่ทำให้คนไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ที่เป็นองค์กรสำคัญของศาสนา เช่น พระเกี่ยวข้องกับหญิง พระสะสมเงินทองไว้มากมาย พระรับบาตรเวียนเทียน พระหมอดู พระทำเสน่ห์ ฯ เป็นต้น

ซึ่งข่าวเหล่านี้เป็นข่าวดังที่สื่อมวลชนชอบลงและมักจะพาดหัวข่าวซึ่งคงมีเจตนาจะให้ขายหนังสือได้หรือ บางฉบับอาจมีเจตนาทำลายพุทธศาสนาก็เป็นได้ บางคนบอกว่านักบวชในศาสนาอื่นไม่เห็นมีเรื่องเช่นนี้ ซึ่งไม่เป็นความจริง

เมื่อไทยเป็นเมืองพุทธย่อมมีพระเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับผู้สอนศาสนาอื่นเรื่องราวก็ย่อมมากกว่าเป็นธรรมดา  เป็นความจริงที่พระปฏิบัติมิชอบมีอยู่  แต่พระดีมีอยู่มากกว่ามาก ต้องเข้าใจว่าพระสงฆ์ก็มาจากคนสามัญธรรมดานั่นเอง ถ้าสังคมเสื่อมคนชั่วมีมาก  คนชั่วไปบวชพระก็คงจะทำชั่วได้เช่นกัน นอกจากนี้เราต้องไม่ลืมว่ามีผู้ที่อ้างว่าเป็นพระ แต่งตัวคล้ายพระแต่ไม่ใช่พระมีอยู่ไม่น้อย และได้ทำสิ่งไม่ถูกต้องต่าง ๆ และคนเข้าใจผิดว่าเป็นพระ

            พระสงฆ์มาจากกลุ่มชนที่มีจุดประสงค์ในการบวชต่าง ๆ กัน พวกแรก คือผู้ชายที่อายุครบบวชแล้ว  ในสมัยก่อนมักจะให้ได้บวชสักหนึ่งพรรษาก่อนที่จะแต่งงานมีลูกมีเมียหรือประกอบอาชีพ  เพื่อจะได้ให้ศาสนาได้กล่อมเกลาจิตใจ รับรู้แนวทางที่ดีเพื่อนำไปใช้ในชีวิตการทำงานและครองเรือนเป็นคนดีต่อไป นอกจากนี้ยังถือกันว่าการบวชพระเป็นการสนองคุณพ่อแม่เพราะพ่อแม่จะได้กุศลจากลูกบวช

 เมื่อได้บวชครบพรรษาก็จะสึก  กลุ่มนี้คือพระสงฆ์ส่วนใหญ่แม้ว่าในยุคปัจจุบันจะน้อยลงไปเพราะต้องเรียนหนังสือต่อเนื่องกันไปจนออกทำงานไม่มีโอกาสได้บวช หรือบางคนมีโอกาสบวชเพียงระยะสั้นเช่นหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือน  พวกนี้เป็นพวกที่อาจก่อปัญหาได้ เพราะอย่าลืมว่าในขณะเป็นคนธรรมดาแม้เพียงศีล 5 ข้อยังรักษาไม่ได้แล้ว เมื่อบวชเป็นภิกษุจะต้องรักษาศีลถึง 227 ข้อไม่ใช่ของง่าย

            พวกที่บั่นทองศาสนาคือ พวกที่บวชโดยหวังประโยชน์ในการบวช เช่น ทำผิดแล้วหนีมาบวช ไม่มีทางทำมาหากินแล้วบวช  บวชเพื่อหวังประโยชน์จากความศรัทธาของชาวบ้าน เป็นต้น พวกนี้มักบวชนานและยิ่งอยู่นานสิ่งที่ปฏิบัติไม่ดีก็มีให้คนเห็นมากขึ้น  บางคนก็ละเมิดศีลกับสีกาเพราะไม่อาจตัดจากความกดดันทางธรรมชาติได้


            อีกกลุ่ม  คือ  พระสงฆ์ผู้เป็นกำลังของพระศาสนาสืบต่อพระศาสนาอย่างแท้จริง บางทีบวชตั้งแต่เป็นเณร อาจเป็นจากบารมีที่สั่งสมมาในชาติภพก่อนจนบวชเป็นพระไม่เคยสึกจนสิ้นอายุ บางองค์บวชเพราะความศรัทธา, เพื่อเรียนทางศาสนา, เพื่อสั่งสอนอบรมผู้อื่นต่อไป เป็น “พระปริยัติ” ที่เรารู้จักชื่อเสียงกันมากมายทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด หรือระดับชาติ

ที่ท่านปฏิบัติอยู่ในพระวินัยอย่างหาที่ติมิได้   มีจำนวนมากมายหลายร้อยหลายพันรูป บางรูปมุ่งทางปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เรียก “พระปฏิบัติ” มักอยู่ในชนบท 

เมื่อออกพรรษาก็ออกธุดงค์ไปปฏิบัติตามป่าตามเขาโดยลำพัง และจำนวนไม้น้อยสามารถปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์จนเป็นพระอริยสงฆ์และสำเร็จอรหันต์ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระอาจารย์มั่น, พระอาจารย์ฝั้น, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่ขาว, หลวงปู่ขลุ่ย, พระอาจารย์จวน หลวงปู่สิม ฯลฯ

รวมทั้งองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่ เช่น หลวงปู่ชอบก็มีผู้เชื่อว่าท่านเป็นอริยสงฆ์ ท่านเหล่านี้เมื่อได้ปฏิบัติจนบรรลุธรรมรู้เห็นด้วยตนเองแล้วหลังจากนั้นก็ได้สั่งสอนให้ประชาชนเลื่อมใสเข้าใจในพระศาสนาได้อีกเป็นจำนวนมาก  นับเป็นการสืบพระศาสนาที่สำคัญเพราะเป็นการยืนยันคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เรื่องการหลุดพ้นว่าสามารถปฏิบัติได้จริง

            ดังนั้น ผู้ที่เห็นการกระทำของพระสงฆ์องค์ใดที่ทำให้ตนเองเสื่อมศรัทธาก็ขอให้เข้าใจเหตุผลและทราบว่าเป็นเพียงส่วนน้อย  ถ้าใจไม่เคารพก็ปฏิบัติต่อท่านในฐานะท่านเป็นพระสงฆ์สาวกโดยนึกถึงผ้าเหลือง  อย่างที่เรียกว่าไหว้ผ้าเหลือง และมุ่งหาสงฆ์ที่เราสามารถเคารพศรัทธาได้โดยเต็มที่ ซึ่งยังหาได้มากแทนที่จะเสื่อมศรัทธาในพระศาสนาเพราะเห็นพระไม่ดีเพียงไม่กี่องค์ ถ้าสงสัยว่าไม่ใช่พระเป็นผู้แต่งตัวคล้ายพระทำไม่ดีต่าง ๆ ก็ควรแจ้งทางการให้จัดการ



ที่มา http://watsunmamout.igetweb.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 12:12:10 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

because

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 71
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อันนี้ โดยรวมมีผลครับ แค่คณะปฏิบัติด้วยกัน หากมีใครเพลี่ยงพล้ำเป็นทาสของกิเลส บางครั้งกลุ่มธรรมด้วยกัน
ก็แอนตี้มากเลยครับ ยิ่งถ้าเป็นพระด้วยแล้ว เทศน์สอนเรื่องวิปัสสนา แล้วมาเสียท่านารี ต้องสึกไปอยู่กินด้วยกัน
อันนี้ยิ่งโกลาหล ในหมู่ผู้ปฏิบัติด้วยครับ บางครั้งอาจจะทำให้ศรัทธาของกลุ่มเสียไปเลยนะครับ

  ดังนั้นการที่ภาวนาปฏิบัติ แม้จะดูเป็นส่วนตัว แต่บางครั้ง เมื่อเจอผู้ปฏิบัติไม่ได้ หรือ ผิดแล้วย่อมจะชักจูงศรัทธา
ของผู้ตามให้หวั่นไหวไปด้วยกันครับ

  ถึงแม้จะมองโดยรวมไม่เกี่ยวข้อง แต่ แหม ก็อดจะคิดไม่ได้ ขนาดพระระดับอาจารย์ ศิษย์เอกแต่ละท่าน ยังสู้
ไม่ได้แล้ว ตัวเราเองซึ่งเป็นปุถุชนเต็ม ๆ จะไปต่อกร กับ กิเลสมารได้อย่างไร

  หรือ เพื่อนสมาชิก คิดว่าไม่จริง. .... ....  .... . ...
:smiley_confused1:
บันทึกการเข้า