ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กัจจานะสูตร คัมภีร์ วิสุทธิมรรค กับ วิมุตติมรรค เป็นคัมภีร์เดียวกัน ใช่หรือไม่ ?  (อ่าน 4537 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


คัมภีร์ วิสุทธิมรรค กับ วิมุตติมรรค เป็นคัมภีร์เดียวกัน ใช่หรือไม่ ?
1. ตอบว่าใช่ เป็นคัมภีร์เดียวกัน แตกต่างกันด้วยเนื้อหา ของคัมภีร์แต่ ลำดับการเรียงนั้นคล้ายคลึงซึ่งกันและกัน ที่ตอบว่าเป็นคัมภีร์เดียวกัน ก็ตรงที่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน และ อิงกับหลักปฏิบัติที่เรียกว่า อริยมรรคมีองค์ 8 ประการ อันนี้คือความเหมือนกัน

2. คัมภีร์ วิมุตติมรรค นั้น เกิดขึ้นหลังสังคายนาพระไตรปิกฏ ราวปี พ.ศ.600 สมัยวสภะครองราชย์ โดยมี พระอุปติสสะเถระชาวลังกา เป็นผู้เรียบเรียง ( รจนา )
นิกายมหาสังฆิกะ อยู่ อภัยคิรีวิหาร แนวทาง มหายาน ต้นฉบับภาษาปัจจุบันไม่มี ที่มีอข้อความปรากฏเป็นฉบับภาษาจีน

3.คัมภีร์ วิสุทธิมรรค นั้นเกิดขึ้นหลัง คัมภีร์วิมุตติมรรค ราวปี พ.ศ. 1000 โดยท่าน พระพุทธโฆสาจารย์ โดยเพิ่มนิทเทสเข้าไปอีกหลายนิทเทส
นิกายเถรวาท อยู่มหาวิหาร ก็คือนิกายสายวัชชีในเมืองไทย
ดังนั้น คัมภีร์ วิมุตติมรรค กับ วิสทุธิมรรค นั้นจึงเป็นคัมภีร์คล้ายกัน แต่เนื้อหาของคัมภีร์ ทั้งสองเล่ม ก็มีดีต่างกันไป บางอันก็อธิบายได้ละเอียดกว่า ดังนั้นผู้ศึกษาควรจะต้องอ่านคัมภีร์ทั้งสองเล่ม ก็จะเข้าความคิดขัดแย้ง ระหว่าง เถรวาท และ มหาสังฆิกะ

แต่ส่วนตัวแล้ว ก็เห็นว่าคัมภีร์มูลกรรมฐาน กัจจายนะ ก็ครอบคลุมทั้งสองเล่ม เพราะข้อความ ทั้งสองเล่มดูละม้ายคล้ายคลึงกับที่ปรากฏข้อความ ดังนั้นจะเป็นเล่มไหน ก็ดีทั้งนั้นขออย่างเดียวผู้ภาวนา ๆ จริงตามหลักธรรมของคัมภีร์ ก็จะได้คุณธรรม เช่นกัน
คัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้ ก็มีข้อดีโดดเด่น ด้วยเรือ่ง อริยมรรค ทั้งสองคัมภีร์ สมัยหน้า คัมภีร์ที่จะถูกนำขึ้นให้สมบูรณ์คาดการณ์ไว้ ก็คือ มูลกรรมฐาน กัจจายนะ

แต่ที่เห็นความแตกต่างของคัมภีร์ วิมุตติมรรค และ วิสุทธิมรรค นั้น เรียงลำดับความสำคัญไม่ตรงกับ อริยมรรค ที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ คือ ไปแสดงเรื่อง ศีล ก่อน ตาม ด้วย สมาธิ และ ปัญญา เพราะไปเรียงตามกำลังวิปัสสนา
แต่มูลกรรมฐาน กัจจายนะ เรียง ปัญญาขึ้นก่อน ซึ่งตรงกับอริยมรรค นั้นคือ สัมมาทิฏฐิ และ สัมมาสังกัปปะ ต่อจากนั้นจึงเป็นศีล แล สมาธิ เป็นที่สุด ดังนั้นจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงความยากง่ายในอริยมรรคไว้สุดท้าย สัมมาสมาธิ ซึ่งมีความสำคัญต่อกำลังแห่งญาณต่อให้พระพุทธสาวกเก่งกาจด้วยความรู้อย่าง พระสารีบุตร ก็ยังใช้เวลามากมาย ในเรื่องสุดท้าย คือ สัมมาสมาธิใช้เวลา ถึง 15 วัน ดังนั้นหัวใจหลัก คือ ปัญญา ศีล และ สมาธิ อันนี้เรียงถูกต้องตามอริยะมรรค

คุยกันพอให้ทราบว่า เรื่องราวของคัมภีร์ทั้งสองนี้ฉันก็ทราบแต่ไม่ค่อยหยิบยกมาปนเป กับเนื้อหาที่รับถ่ายทอดไว้
ครูท่านสอนว่า อย่าเสียเวลาเถียงกันเรื่องคัมภีร์ แต่จงพิจารณาเนื้อหาในคัมภีร์เพื่อ การดับกิเลส ถ้าเนื้อหาปฏิบัติตามแล้วดับกิเลส ดีทั้งนั้น ใช่ทั้งนั้น ไม่ผิดทาง แต่ถ้าดับกิเลสไม่ได้ ยิ่งปฏิบัติตามยิ่งพอกพูนกิเลส ต่อให้คัมภีร์สวยหรู เย็บด้วยทองเงินนาคประดับด้วยเพชรนิลจินดา คัมภีร์นี้ก็ไม่ชื่อว่า พระธรรม เพราะพระธรรมจะไม่ขาด จาก อริยมรรค อริยผล และ นิพพาน

ครั้งหนึ่ง ครูท่านได้เล่าว่า ถ้าพระสารีบุตร ไม่นิพพานก่อน ท่านก็จะเป็นประธาน สงฆ์ในด้านคัมภีร์ ดังนั้นชื่อคัมภีร์ ก็จะใช้ชื่อ สารีปุตตะสูตร แทน แต่เป็นเพราะว่า ท่านนิพพานก่อน ดังนั้น ประธานสงฆ์ ( หน ชมรมตำรา ) จึงได้ถูกยกไปให้ พระมหากัจจายนะ เนื่องด้วยท่าน เป็น เอตทัคคะ ผู้แสดงธรรมย่อ และ พิศดาร ได้ โดยมีพระพุทธเจ้ารับรองว่า กัจจานะ กล่าวแสดงไว้อย่างไร เราก็กล่าวแสดงไว้อย่างนั้น นี่แสดงว่าพระพุทธเจ้ายกย่องท่าน ว่าสามารถแสดงธรรมได้ เช่นเดียวกับพระองค์ อันที่จริงอาจจะไม่ใช่ เพราะว่า พุทธวิสัย ย่อมเหนือกว่า พุทธสาวก แต่เพื่อให้ เป็นที่ยอมรับและสามารถทำงานได้ในสงฆ์ ซึ่งมาจากหลากตระกูล ร้อยพ่อ พันแม่ ซึ่งมีความคิดอุปนิสัยแตกต่างกันไป ให้ทำงานได้

กลุ่มพระมหากัจจายนะ นั้นประกอบด้วย กลุ่มสงฆ์ ( สมาชิกชมรม ) กลุ่มพระอุบาลี กลุ่มพระสารีบุตร กลุ่มพระสาคตะ ( อดีตอุปัฏฐาก พระพุทธเจ้า พอพระอานนท์มาบรรพชา ท่านเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าก็มอบหมายมาดูแลงาน บันทึกพระสูตร พระอานนท์เป็นพระโสดาบัน พระสาคตะ เป็นพระอรหันต์ ย่อมเป็นอาจารย์แนะนำพระอานนท์ด้วย ) และกลุ่มพระโมคคัลลานะ กลุ่มพระอนุรุทธ กลุ่มพระทัพพะมัลละบุตร และ กุลุ่มอาวุโส พระปัญจวัคคีย์ กลุ่มชฏิลสามพี่น้อง
ประธานชมรม คือ พระกัจจายนะ ต่อมาจึงได้เติมว่า พระมหากัจจายนะ

พระพุทธเจ้า เรียนจบ 18 ศาสตร์ ถ้าเทียบก็เท่า จบวิชา ป.เอก 18 ใบ 18 สาขา การวางผังองค์กร ( พุทธบริษัท ) ย่อมมีระเบียบแบบแผน ใครมีหน้าที่อะไร ก็ถูกแต่งตั้งอย่างเหมาะสม แต่ปัญหา คือ พระอริยะบุคคล มีจำนวนน้อยกว่า พระปุถุชน ดังนั้นเวลาแต่งตั้งจึงมีบางตำแหน่ง ต้องให้พระปุถุชน ไปบ้างตามการปกครอง จนบางครั้ง ก็สร้างปัญหา เช่น พระธรรมธร วินัยธร ทะเลาะกันจนไม่ฟังพระพุทธเจ้า เป็นต้น


สรุปเท่าที่จำได้ ตอนครูท่านเล่าให้ฟัง นะ กัจจายะสูตร หรือ กัจจานะสูตร นั้น มีดังนี้
1.วินัยธร บันทึกเรื่องการบัญญัติวินัย
2.ธรรมธร บันทึกหัวข้อธรรม ที่เรียกว่า ธรรมปริจเฉท ไม่ใช่พระสูตร
3. อนุพุทธ เอตทัคคะ บันทึกการแต่งตั้งพระเอตทัคคะ
4. พุทธจริยา บันทึกพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า และ การโปรดสัตว์ในข่ายพระญาณ
5.พุทธพยากรณ์ แบ่งออกเป้น 3 ส่วน 5.1 โลกพยากรณ์ ( ว่าด้วยการตอบปัญหาต่างลัทธิ ) 5.2พุทธพยากรณื ( ว่าด้วยการตอบปัญหาพุทธบริษัท )5.3 อรหันต์พยากรณ์ ( ระบุว่าใครบรรลุเป็นพระอรหันต์ )
6. พุทธวงศ์ บันทึการตรัสเล่าเรื่องของ พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ และการพยากรณ์ พระพุทธเจ้า อีก 12 พระองค์ ในอนาคต
7.อภิธรรม บันทึกข้อความอภิธรรมที่พระสารีบุตร จดจำมาจากการโปรดพุทธมารดา
8. ธรรมฑูต บันทึกการเผยแผ่ตั้ง 61 สายแรก
9. ภิกษุณี บันทึกข้อบัญญัติ เรื่องเกี่ยวกับภิกษุณี การแต่งตั้งพระผู้สอนภิกษุณี
10.มูลกรรมฐาน บันทึกคำอธิบายเกี่ยวกับข้อปฏิบัติ กรรมฐาน
11.โยชนา บันทึกการแปลคำ มคธอธิบายเป็นภาษาต่าง ๆ และสอนการใช้ภาษามคธ ( มาคธี ) ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าบัญญัติห้ามใช้ ภาษาสันสกฤต เพราะสันสกฤต มีคำสละสลวย ผันเสียงเข้ากับดนตรีได้ง่าย มีอยู่คราวหนึ่ง พระสองรูปสองพี่น้อง ท่านชำนาญเป็นภาษาสันสกฤต มาขอพุทธานุญาต ให้มีการแสดงธรรมบันทึกเป็นภาษาสันสกฤต พระพุทธเจ้า ปรับอาบัติ ไม่ให้ใช้สันสกฤต เป้นแบบแผน ให้ใช้ภาษา มคธ เป็นแบบแผน
นี่คือ 11 สาย ที่จดจำได้ แต่ครูท่านเล่าไว้ 16 สาย

แต่ถึงจะมีบันทึก ต่างคนต่างทำหน้าที่บันทึกไม่เคย นำมาชนกันเนื่องด้วยว่า พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ แต่ครั้นเมื่อพระพุทเจ้า ดับขันธปรินิพพาน แล้ว พระมหากัสสปะ เห็นลูกศิษย์ตน พูดว่าไม่ต้องเกรงจะมีวินัยเพิ่มขึ้นอีก ท่านเห็นว่า สมควรจะรวบรวม บันทึกทั้งหมดเข้าเป็น หลักธรรม มาตรฐาน ตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้า คือ ให้ ธรรมและวินัยเป็น ศาสดา ต่อไป ดังนั้นท่านจึงเป็นประธานรวบรวมสังคายนา พระไตรปิฏก เป็นครั้งแรก แน่นอน คัมภีร์บันทึกกัจจายนะ นั้นย่อมถูกนำเข้าด้วยกลุ่มพระอรหันต์ ที่บันทึกกันไว้ และมีการถกกันถึงความเป็นไปได้ ของการบันทึกว่าใช่หรือไมใช่ อย่างไร ด้วยการตัดสินของ พระอรหันต์ทั้งห้าร้อย รูป ในขณะนั้น ดังนั้นขอ้ความ มูลกรรมฐาน จึงเป็นส่วนหนึ่ง ในพระไตรปิฏก ซึ่งก็น่าจะมีหลายส่วน ตรวจ ๆ ดูแล้ว ก็ตรงกันกับพระไตรปิฏก

ส่วนคัมภีร์ วิมุตติมรรค และ วิสุทธิมรรค อาศัยพระไตรปิฏก เขียนออกมาใหม่ ดังนันจะเห็น พระไตรปิฏกนั้น ซัพพอรท ไปที่ คัมภีร์ วิมุตติมรรค และ วิสุทธิมรรค

ส่วน กัจจายะสูตร นั้นซัพพอร์ทไปที่พระไตรปิฏก

นี่คือความแตกต่าง ที่ท่านทั้งหลายควรทราบไว้

พระอรหันต์ 1 รูป ในการสังคายนานั้น ที่ไม่มีบันทึกรับรอง คือ พระอานนท์ แต่ พระอรหันต์ ที่เป็นใหญ่ อาวุโส รับรอง ลัญจกร ให้กับพระอานนท์ ว่าสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็คือกลุ่ม กัจจายนะ ดังนั้นบันทึกสุดท้าย ใน พุทธพยากรณ์ หมวด อรหันต์พยากรณ์ จึงมีบันทึก ของ พระอรหันค์ ที่พระพุทธเจ้ารับรองไว้เป็นองคืสุดท้าย คือ พระสุภัททะ เป็นปัจฉิมอรหันต์ก่อนพระพุทธเจ้า ดับขันธ์ นี่คือประโยชน์ ของบันทึก พุทธพยากรณ์ กัจจานะ
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ที่นี้ มากล่าวถึงความสำคัญ ของ มูลกรรมฐาน ทำไมมูลกรรมฐาน ยังมีสืบต่อใช้งานกันถึงปัจจุบัน

 เหตุเพราะว่า ตัวมูลกรรมฐาน นั้น เป็นคำอธิบาย ไม่ใช่พระสุตร ซึ่งเป็นคำอธิบาย กล่าวว่าตรงจากพระดำรัสพระพุทธเจ้า เช่นเวลาพระไม่เข้าใจ เรื่องอานาปานสติ ก็ไปตั้งคำถามเป็นข้อ ๆ ตามความสงสัยคำตอบก็จะถูกบันทึกไว้ในหมวดอานาปานสติ เป็นลักษณะคำอธิบาย ที่เกิดเฉพาะตรงนั้น กับ บุคคลนั้น ซึ่งอาจจะใช้ไม่ได้กับอีกบุคคลหนึ่ง 

  ดังนั้นการสงเคราะห์กรรมฐาน ก็จะอาศัยการตีความหมายคำอธิบาย จัดหมวดหมู่ ลงไปในมูลกรรมฐาน จึงมีกรรมฐานมากมายที่เกิดจากการสงเคราะห์ ลงให้หมวดหมู่ แต่ ทั้งที่ความเป็นจริง ก็มีกรรมฐานที่พระพุทธเจ้าสอนเฉพาะกิจขึ้นมาอาทิ ยกตัวอย่างสักสองตัวอย่าง
 
    1. สอนบริกรรม รโช หรณัง ด้วย อุปกรณ์ คือ ผ้าขี้ริ้ว สีขาว ให้กับ พระจูฬปันถก สำเร็จเป็นพระอรหันต์ภายใน 3 ชม.

    2. สอนสัทธิวิหาริก ของพระสารีบุตร ด้วยการบริกรรม ดอกบัวสีแดง อุปกรณ์ ทรงหยิบดอกบัวด้านหน้าพระองค์ส่งให้ สัทธิวิหาริกพระสารีบุตร แต่เนรมิตเป็น สีทอง ก่อน เพราะท่านเป็นลูกช่างทอง เกิดความคุ้นเคยก่อนเพียงเป็น สีแดง

    ทั้งสองกรรมฐานนี้ ที่จริงไม่ควรสงเคราะห์เข้าหมวดไหนเลย แต่ ครูอาจารย์ช่วงหลัง สงเคราะห์เข้าในกสิณ ทั้งที่จริงแล้วเป็นกรรมฐาน เฉพาะกิจ เฉพาะบุคคล เท่านั้น

     ;)

   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านแล้ว น่าติดตามเรื่องนี้ แสดงว่า พระอาจารย์ ตอนนี้ท่านเชี่ยวชาญเรือ่งประวัติศาสตร์คัมภีร์ แต่ที่สำคัญผมเห็นความสำคัญ ของมูลกรรมฐานกัจจายนะ วันก่อนไปวัดหลวงพี่ที่รู้จักกัน ท่านบอว่าที่วัดมีคัมภีร์ มูลกรรมฐาน กัจจายนะ แต่พอไปอ่านแล้ว กลายเป็น โยชนา มูลกัจจายนะ แทน คำ ผมว่าตามวัดต่าง ๆ มูลกรรมฐาน น่าจะหายากครับ
ไปที่หอสมุดแห่ง ชาติก็ไม่พบ พบแต่โยชนา ฉบับ ล่องชาด

   :49:
บันทึกการเข้า

rainmain

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 323
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าพระอาจารย์ บรรยาย เรื่องราว รวม ๆ ไว้บ้างก็ดีนะครับ

  :49:
บันทึกการเข้า
คิดดี พูดดี ทำดี เป็นกุศล และ กรรมฐาน เป็นมหากุศล นะครับ

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แสดงว่า ปโมกขันติ นี้เป็นคัมภีร์ที่สำคัญมากสิครับ อย่างนี้

 :a102:
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

sinsae

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 277
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากทราบรายละเอียดมากกว่านี้
  :13: :13: :13:
บันทึกการเข้า