ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตามรอยบุญ...นมัสการพระบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏ  (อ่าน 1189 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ตามรอยบุญ...นมัสการพระบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏ

จันทบุรี - พุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลสู่จันทบุรี มนัสการรอยพระบาทพลวง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาเขาคิชฌกูฏ
       
       พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศต่างเฝ้ารอคอยเดือนมกราคมของทุกปี เพื่อเดินทางขึ้นยอดเขาเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง อ.เขาคิชฌกุฏ จ.จันทบุรี ร่วมพิธีนมัสการรอยพระบาทพลวง
       
       สำหรับปี 2558 จังหวัดเปิดให้พุทธศาสนิกชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ได้ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม ถึงวันที่ 19 มีนาคม โดยมีการทำพิธีบวงสรวงเปิดป่าไปเมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา


        :49: :49: :49: :49:

       จากวันแรกจนถึงวันนี้ ยังคงมีพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเดินทางขึ้นเขาเขาคิชฌกูฏ เพื่อมนัสการรอยพระบาทพลวงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะวัดหยุดสุดสัปดาห์ ลานจอดรถที่วัดกระทิงแทบจะไม่มีที่ว่าง ทั้งที่วันที่ผู้เขียนเดินทางไปถึงนั้นเพิ่งจะเวลา 03.00 น.
       
       หลังจากพยายามหาที่จอดรถจนได้แล้ว จึงเดินทางเข้าวัดเพื่อไปขึ้นรถที่จะพาขึ้นเขาคิชฌกูฏ ก็ถึงกับอึ้งอีกครั้ง เมื่อพบผู้คนจำนวนมาก ทั้งนั่ง นอน เดินไป-มาเต็มลานวัดเพื่อรอคิวที่จะขึ้นรถแล้ว ยังมีอีกกลุ่มยืนเข้าแถวเพื่อรอซื้อตั๋วขึ้นรถ เล่นเอาผู้เขียนถึงกับเข่าอ่อน คิดในใจว่าแล้วเราจะได้ขึ้นเวลาไหนกัน

       


       น.ส.สมจิต สอนสี ที่ตั้งใจมามนัสการรอยพระบาทพลวง พร้อมเพื่อนอีก 5-6 คน กล่าวว่า มาจาก จ.สมุทรปราการ ออกจากบ้านตั้งแต่ 20.00 น.วันเสาร์ มาถึงวัดกระทิง เวลาประมาณ 01.30 น. วันอาทิตย์ ได้คิวขึ้นเขารอบที่ 300 กว่า ซึ่ง ณ เวลานั้นคือ คิวที่ 59 ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้ขึ้นเขาเวลาใด แต่ทุกคนไม่หวั่นไหว ขึ้นมานอนบนศาลาวัดที่ทางวัดได้จัดไว้ให้ประชาชน กราบไหว้หุ่นขี้ผึ้ง “หลวงพ่อเขียน” อดีตเจ้าอาวาสวัดกระทิง ที่เป็นผู้ค้นพบรอยพระบาทพลวง ไปพลางก่อน
       
       จากการสอบถามผู้จัดคิวรถได้ความว่า วันนี้บนยอดเขามีฝนตก ทำให้การวิ่งรถรับส่งพุทธศาสนิกชนได้ช้า เนื่องจากถนนลื่นจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อีกทั้งทางขึ้นเป็นพื้นที่ลาดชัน ต้องให้คนขับรถที่มีฝีมือ และชำนาญอย่างมาก จึงทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าปกติ


        :96: :96: :96: :96:

       และเมื่อไปถึงจุดที่ต้องเดินเท้าขึ้นเขาแล้ว ทุกคนมีความพยายามที่จะไปต่อ และไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย เมื่อไปถึงบนยอดเขากลับปลื้มปีติ ที่ได้เห็นรอยพระบาทพลวง ต่างพากันถือดอกดาวเรืองสีเหลืองอร่ามมาโปรยตามทางเดินขึ้นเขา ด้วยเชื่อว่าเส้นทางที่พวกเขากำลังจะเดินขึ้นไปเป็นเส้นทางสวรรค์ หากมีการนำดอกไม้ที่ชื่อมงคลอย่างดอกดาวเรืองมาโปรย จะทำให้ชีวิตมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย และเมื่อหายเหนื่อยแล้ว ก็อิ่มเอมกับบรรยากาศบนยอดเขายามเช้าที่สวยงาม เต็มไปด้วยหมอกจาง เย็นสบาย
       
       หลายคนยังอ้อยอิ่งสัมผัสอากาศยามเช้าบนยอดเขาคิชฌกูฏ หลังจากมนัสการรอยพระบาทพลวงแล้ว แต่ผู้เขียนตั้งใจนมัสการรอยพระบาทพลวงอย่างเดียว จึงตัดสินใจเดินลงเขา เพราะอากาศยังไม่ร้อนเท่าไหร่ มีเพียงแสงแดดอ่อนๆ กับเหงื่อชุ่มๆ เย็นกายเมื่อมีลมพัดผ่าน

       


       กลับมาถึงข้างล่างแทบอยากจะล้มตัวลงนอน ในที่ซึ่งทางวัดจัดไว้รองรับ แต่ทำไม่ได้เพราะสถานที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนพุทธศาสนิกชนที่มากันมืดฟ้ามัวดิน ดังนั้น ขอแนะนำว่าใครที่ยังพอมีแรง ก็เดินทางต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งภูเขา น้ำตก และชายทะเลที่สวยงาม เช่น หาดเจ้าหลาว ซึ่งบอกได้เลยว่า ทุกคนจะพกแต่ความอิ่มเอมใจกลับไปสู้ชีวิตสู้งานกันต่อ และพร้อมที่จะกลับมาอีกครั้งในปีต่อไป
       
       สำหรับยอดเขาคิชฌกูฏ เป็นยอดเขาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร เป็นสถานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย รู้จักกันดีในชื่อรอยพระพุทธบาทพลวง หรือพระบาทพลวง สถานที่ซึ่งพุทธศาสนิกชนต่างศรัทธา และเชื่อว่าหากได้เดินขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงบนยอดเขา จะได้บุญอันใหญ่หลวง สามารถขอพรได้หนึ่งข้อ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่ขอพรมักจะประสบความสำเร็จดังใจหวัง จึงทำให้มีผู้เลื่อมใส และศรัทธาเดินทางมาสักการะไม่ขาดสาย

       



       รอยพระพุทธบาทพลวง หรือรอยพระบาทพลวง มีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และใกล้กับรอยพระพุทธบาททางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีหินกลมก้อนใหญ่ริมหน้าผา ที่เราเรียกกันว่า “หินลูกพระบาท” ตั้งเด่นเป็นสง่าชวนน่าอัศจรรย์ และเมื่อมองไปรอบๆ ก็จะเห็นทิวทัศน์ของอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ที่ครอบคลุม อ.มะขาม และ อ.เขาคิชฌกูฏ ด้วยผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำสำคัญของจังหวัด
       
       ตามประวัติกล่าวว่า รอยพระพุทธบาทพลวง ถูกค้นพบประมาณปี พ.ศ.2397 ต่อมาในปี พ.ศ 2515 พระครูธรรมสรคุณ หรือหลวงพ่อเขียน เจ้าอาวาสวัดกระทิง เจ้าคณะอำเภอมะขาม ได้บุกเบิกเบิกทางขึ้น และค่อยๆ พัฒนาให้ดีขึ้น และปลอดภัยมาจนถึงปัจจุบัน
       
       หากมีโอกาสลองแวะไปนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวงกันสักครั้ง เพราะนอกจากจะได้อิ่มอกอิ่มใจต่อการทำบุญแล้ว ยังได้ความเพลิดเพลินสนุกสนานจากการท่องเที่ยวจันทบุรีอีกด้วย



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000022080
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ตามรอยบุญ...นมัสการพระบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 10, 2015, 08:00:12 pm »
0

     สาธุ ครับ

  คราที่ไป ครั้งนั้น  ไปพร้อม ท่าน  ธรรมธวัช
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา