ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ศาสนารักษาโลก  (อ่าน 880 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ศาสนารักษาโลก
« เมื่อ: เมษายน 15, 2014, 07:16:20 pm »
0


วิปัสสนาบนหน้าข่าว : ศาสนารักษาโลก
เรื่อง...มนสิกุล โอวาทเภสัชช์ // ภาพ...วัดพระราม๙ Studio

"น้องเณรสะท้อนให้เห็นว่า ความรัก ความเข้าใจ มันแก้ไขปัญหาได้ การพูดกันดีๆ จะช่วยให้ความรักเกิดขึ้น แล้วปัญหาจะหมดไป"
 
ห้องเรียนพุทธศาสตร์ธรรมชาติศึกษา สำหรับสามเณรภาคฤดูร้อน ในโครงการ 'สามเณรรากแก้ว ศาสนทายาท' ที่ทางวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ร่วมกับมูลนิธิแผ่นดินธรรม มูลนิธิส่งเสริมสามเณร และมูลนิธิส่งเสริมการบริหารจิตในพระสังฆราชูปถัมภ์ จัดขึ้นในช่วงปิดเทอมตั้งแต่วันที่ ๒๙ มีนาคม-๒๗ เมษายน ๒๕๕๗ กำลังจะจบลงด้วยรอยยิ้มและความสุขสงบจากรสพระธรรม   

 
 :25: :25: :25:

พระอาจารย์พรพล ปสันโน หรือที่สามเณรเรียกกันว่า หลวงพี่โบ๊ท เลขานุการเจ้าอาวาสวัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก เล่าว่า เห็นพัฒนาการของเณรน้อยมาก จากหลักสูตรการศึกษาวิถีพุทธนี้ หากเติมเต็มในช่วงปิดเทอมด้วยการให้เด็กบวชเรียน แทนที่จะไปเรียนพิเศษให้ปวดหัวนั้น ทำให้เด็กเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจอย่างเห็นได้ชัด
 
"เราออกแบบให้สอดคล้องกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปลูกรากแก้วศาสนทายาทขึ้น ให้เขามีความเมตตา กรุณา กตัญญู โดยการเรียนรู้พุทธศาสนาไปควบคู่กับธรรมชาติ ให้ใช้ศาสนารักษาโลก ให้ใช้ศาสนารักษาสังคม ให้ใช้ศาสนารักษาธรรมชาติ เพราะฉะนั้น น้องเณรไม่ได้เรียนธรรมะอย่างเดียว แต่เรียนเรื่องธรรมชาติด้วย
 
"ธรรมชาติในที่นี้คือ เรียนปั้นดิน เรียนปั้นพระ เรียนวาดรูป เรียนศิลปะควบคู่กันไป ส่วนเนื้อหาธรรมะที่ต้องเรียนคือพุทธประวัติว่าพระพุทธเจ้ามีความสำคัญอย่างไร และประยุกต์เรื่องธรรมะนำมาใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน จุดเด่นของโครงการก็คือให้น้องเณรมีกุศโลบายในการใช้ธรรมะรักษาโลกใบนี้"

 

ส่วนหลวงพี่โบ๊ทก็ได้เรียนรู้จากสามเณรไม่น้อยเลย   
 
"นี่เป็นครั้งแรกที่วัดพระราม ๙ จัดเอง และเรามีรายการทีวีที่ต้องถ่ายทอดสดด้วย รู้เลยว่า นี่คือสิ่งที่ทางวัดท้าทายมากในการเผยแผ่พระศาสนาผ่านสื่อ เรียกว่านอกจากเป็นรสพระธรรมแล้ว ยังเป็นรสพระทำ คือ พระทำสื่อเองด้วยอย่างแท้จริง อันที่สองคือเรียนรู้จากเด็กว่า การที่เรานำเด็ก ๙ คนที่มีพื้นฐานต่างกัน ความรัก ความสามัคคีเป็นเรื่องสำคัญมาก

 
 :41: :41: :41:

"หลวงพี่เห็นน้อง 'ณ' เณรรูปที่เล็กที่สุดคืออายุ ๖ ขวบ เขาชอบเล่นอย่างเดียว เราเรียนรู้มากทีเดียวว่า ถ้าเราไปดุ ไปแรงกับเขาไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเขาจะร้องไห้ แต่ถ้าเราสอนเขาด้วยความรัก ความเมตตา ค่อยๆ พูดกับเขาดีๆ เขาจะมีความรักกลับมาให้เรา และเขาจะกลับไปอยู่ในกรอบ อยู่ในวินัย"
 
ท่านสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาบ้านเมืองว่า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้านของคนในครอบครัว การเมืองของสังคมไทย การแรงต่อกัน ไม่ช่วยอะไรเลย
 
"เพราะฉะนั้นทางเดียวที่จะทำให้ปัญหาหมดไปคือ ต้องพูดคุยกัน เพราะมนุษย์แตกต่างจากสัตว์เพราะคุยกันรู้เรื่อง มีวัฒนธรรม ใช้ภาษาสื่อสาร แต่สังคมไทยตอนนี้ ไม่ใช้ภาษาสื่อสาร หันไปใช้อาวุธ หันไปใช้ความรุนแรง ไปใช้ภาษาที่ไม่เจรจากัน อะไรๆ ก็จะใช้ระเบิด ใช้ปืน ใช้มวลชนปิดถนน สิ่งเหล่านี้หลวงพี่ว่า ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง"

 

โครงการนี้จึงไม่เพียงเกิดการเปลี่ยนแปลงกับเด็กเท่านั้น แต่เปลี่ยนผู้ใหญ่ด้วย
 
"พ่อแม่ มีส่วนอย่างมากในการปลูกฝังเด็กว่าเขาจะเป็นอย่างไรตอนโตขึ้นมา ถ้าปลูกฝังให้เขาเข้าวัดตั้งแต่เด็กๆ ในช่วงภาคฤดูร้อนพาเด็กมาบวช เด็กจะไม่ก้าวร้าว เด็กจะว่านอนสอนง่าย เด็กจะรักพ่อแม่ รักสังคม และรักผู้อื่นเป็น แต่พ่อแม่ที่ไม่พาลูกมาทางนี้ เด็กจะไม่ใฝ่ศาสนา เด็กจะคิดแต่เรื่องของตนเองเป็นหลัก เช่น อยากจะเล่นแต่เกม คิดแต่ว่า เขาจะได้สอบผ่านได้อย่างไร แต่ไม่คิดว่าเขาจะช่วยเหลือโรงเรียนได้อย่างไรบ้าง แต่การมาบวชทำให้เด็กคิดถึงสังคม คิดถึงส่วนรวม พระอาจารย์สอนเรา เราควรทำอะไรให้พระอาจารย์บ้าง ก็เป็นการเรียนรู้เรื่องกตัญญูผ่านประสบการณ์ตรงที่อยู่ด้วยกัน
 
"เพราะเขารู้ว่าจะทำตัวอย่างไรที่จะอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้ เวลาอยู่บ้านอาจเป็นพระราชา อาจเป็นลูกคนเดียว เป็นที่รักของที่บ้าน แต่มาอยู่ที่นี่ต้องหัดแบ่งปัน เขาจะทำตัวอย่างนั้นไม่ได้แล้ว"
 
สำหรับคุณพ่อคุณแม่อ่านแล้วอยากส่งลูกมาบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนบ้าง ไม่ต้องเสียดาย ที่วัดพระราม ๙ จัดทุกปี ปีละครั้ง ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนเช่นนี้ แล้วจะค้นพบดังที่หลวงพี่โบ๊ทกล่าวไว้ว่า ไม่มีวิถีไหนที่วิเศษสุดในการเปลี่ยนแปลงโลกได้ดี และทำได้จริงเท่ากับวิถีพุทธอีกแล้ว นี่คือหนทางในการแก้ปัญหาทุกเรื่อง
 
จริงหรือไม่ก็ต้องมาเรียนรู้วิถีพุทธด้วยตนเองค่ะ





'วินัย' ช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จได้ 
 
หลวงพี่โบ๊ท เล่าให้ฟังถึงการถ่ายทอดสดสามเณรน้อย ตลอด ๒๔ ชั่วโมงว่า น้องเณรต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า หกโมงทำวัตรเช้า เจ็ดโมงออกรับบิณฑบาต แปดโมงฉันเช้า เก้าโมงเข้าเรียน
 
"เด็กขนาดนี้ตื่นเช้าก็สุดยอดนะ ถือว่าเป็นคนที่มีความอดทน มีความตั้งใจ มีวินัยสร้างชาติ วินัยจะช่วยให้เขาประสบความสำเร็จได้"
 
เอ แล้ว ตอนเย็นไม่ได้ฉัน ไม่ได้กินเหมือนอยู่บ้านทำอย่างไรเอ่ย
 
"สมาธิรักษาใจไม่น่าเชื่อ เมื่อจิตสงบภายในจะไม่หิว จิตมันไม่ต้องการอาหารภายนอก ไม่มีใครหิว ไม่มีใครงอแง ไม่มีใครร้องไห้เลย ไม่น่าเชื่อ อันนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์"
 
 ans1 ans1 ans1

เด็กๆ ควรเริ่มต้นให้ฝึกสมาธิภาวนาอย่างไร
 
"จำเป็นอย่างยิ่งเลย สมาธิ รักษากาย รักษาใจนะ เมื่อจิตสงบ ใจก็สงบ ทำไมเด็กไม่หิว เมื่อก่อนกินข้าวเย็น แต่ตอนนี้มาสวดมนต์นั่งสมาธิ ใจเขาสงบ กายเขาก็สงบ เลยไม่หิว เมื่อก่อนเขาทำอะไรตามใจ ต้องไปเที่ยวเล่นเกม ไปห้างสรรพสินค้า พอจิตเป็นสมาธิ ไม่เอาแล้ว ไม่ไปเล่นเกม ไม่ไปห้าง กลับมาฟังนิทานก่อนนอน แล้วเขานอนหลับสบายเลย ตื่นก็มีความสุข หลับก็มีความสุข เพราะรสพระธรรมทั้งนั้นเลย"

 
สามเณรจำวัดกี่โมง
 
"ไม่ให้เขานอนดึก สักสองทุ่มครึ่งก็ให้เขาเข้านอนแล้ว แต่อย่างน้องเณร 'ณ' คนเล็กอายุ ๖ ขวบ อาจจะขี้เล่นไปหน่อย ไม่ค่อยอยากจะนอนก็มีบ้าง"

 
ชวนกันไปใส่บาตรยามเช้า ๐๗.๐๐ น. และถวายภัตตาหารเพล  ๑๑.๐๐ น. ที่อาคารธรรมสถาน หน้าวัดพระราม ๙ และทำวัตรสวดมนต์เย็น เวลา ๑๘.๐๐ น. ทุกวัน  โทร.๐-๒๓๑๘-๕๙๒๖-๗

 
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140414/182828.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ