ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คารวธรรม จากเวฬุวัน อินเดีย  (อ่าน 1283 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
คารวธรรม จากเวฬุวัน อินเดีย
« เมื่อ: ตุลาคม 11, 2014, 10:51:02 am »
0


คารวธรรม จากเวฬุวัน/อินเดีย

เจริญพร สาธุชน ผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ...มีผู้กล่าวเปรียบเทียบว่า “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นแต่ดาวอยู่พราวพราย” ซึ่งยังทันสมัยในความหมายเสมอ ตราบใดที่คนในสังคมโลกนี้ ยังมีระดับสติปัญญาที่ต่างกัน โดยเฉพาะเมื่อต่างการกระทำและต่างความเห็น...

การต่างการกระทำ... การต่างความเห็น ของสัตว์ในสังคม จึงนำไปสู่การสร้างกฎระเบียบ...กฎหมาย เพื่อตีกรอบให้อยู่ร่วมกันได้ แม้จะมีความต่างกัน... เรียกว่า แตกต่างกันได้ แต่อย่าได้ล้นกรอบ เพื่อให้มวลรวมของสังคมยังมีความสมดุลอยู่ในค่าที่ยังเกื้อให้เกิดประโยชน์โดยธรรมอยู่...


 :25: :25: :25: :25:

การจะทำให้เกิดความเห็น... การกระทำ ที่ไม่แตกต่างกันนั้น เป็นเรื่องยากพอควร แต่ก็ไม่ยากเกินที่จะทำ ซึ่งจะต้องมุ่งลงไปในชั้นฐานความคิด ที่อยู่ในระดับลึกของจิตใจพอสมควร ที่จะต้องอาศัยสติปัญญาเป็นอุปการธรรมอันสำคัญยิ่ง เพื่อปรับระดับความเห็น การกระทำ ให้ไปในทิศทางเดียวกัน... ไม่แตกต่างกัน โดยจะต้องอ้างอิงฐานความรู้ที่เข้าถึงสัจธรรม เพื่อให้จิตนึกคิดถูกต้องตรงธรรม โดยอาศัยสติปัญญาควบคุมดูแลพัฒนายกระดับจิต โดยการนำเข้ากระบวนการโยนิโสมนสิการ... นักบริหารจิตจึงต้องรู้จักหลักธรรมของโยนิโสมนสิการ เพื่อประโยชน์แห่งความรู้ความเข้าใจ ที่จะได้ดำเนินไปอย่างถูกต้อง ตรงตามกระบวนการ...

เพื่อจะได้เข้าถึงสัจธรรมที่ไม่ผันแปรไปตามกาลสมัยและอิทธิพลของอำนาจใดๆ... ด้วยความรู้ที่ตรงธรรม ที่ก่อเกิดปัญญาในดวงจิต จึงมองเห็นในสิ่งที่เป็นจริง ให้ไม่ติดอยู่ในสมมติของโลก ที่ปรุงแต่งไปตามเหตุปัจจัย ก่อรูปสร้างภาพบัญญัติไปตามภาษาโลก ที่มิใช่เนื้อแท้แห่งความจริงที่เป็นธรรม... จนตกผลึกเป็นทิฏฐิในจิต ให้นำไปสู่ภาวะคิดอ่านทำการที่เป็นไปตามอิทธิพลของทิฏฐิ ตามกำลังความยึดถือ...

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

ถ้าทิฏฐิเข้าใกล้ความจริง (สัจธรรม) ภาวะคิดอ่านทำการก็จะสร้างสรรค์ สงบสุข... แต่ถ้าทิฏฐิเข้าใกล้ความไม่จริง (อสัทธรรม) ก็จะนำไปสู่การคิดอ่านทำการที่ไม่สร้างสรรค์... ให้ทุกข์ร้อนกระวนกระวาย... และหากมวลรวมของสังคมประเทศชาติ มีทิฏฐิประเภทใดมากกว่ากัน ก็ย่อมเป็นดัชนี้ชี้ค่าความสุขหรือความทุกข์ของสังคมประเทศชาตินั้นโดยปริยาย...

ดังนั้น จึงต้องปรับพื้นฐานจิตใจของคนในสังคมนั้นๆ ให้มีพื้นฐานที่ถูกต้องตามธรรม เป็นอันเดียวกันให้ได้ แม้จะไม่เหมือนกัน... ไม่ตรงกันทีเดียว แต่สามารถไปในทิศทางเดียวกันได้ ไม่ล้นกรอบ ก็ย่อมจะทำให้สังคมประเทศชาตินั้น เกิดการพัฒนาก้าวหน้าไปตามลำดับ...




ที่สำคัญคือ ไม่ขัดแย้งกันในทางความคิดเห็น จนนำไปสู่ความแตกต่างในการกระทำ ด้วยระดับพื้นฐานแห่งความรู้ความเข้าใจถูกปรับพื้นให้เสมอกันได้ ด้วยหลักศีลธรรมและวัฒนธรรมที่เป็นสามัญสำนึกขั้นพื้นฐานของมนุษยชาติ...ซึ่งแน่นอนหากกล่าวให้ลึกลงไปอีกขั้นหนึ่ง ก็จะต้องนำไปสู่เรื่องศาสนาในชีวิต ที่จะต้องมีคำสั่งสอนเป็นอย่างเดียวกัน... ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะให้ร้อยคน พันคน ยลตามช่อง ก็จะต้องมองเห็นเป็นหนึ่งเดียวกัน... อย่างแน่นอน!!

การแก้ไขปัญหาของการต่างความคิดและการกระทำ จึงต้องกลับเข้าสู่ การศึกษาเพื่อชีวิต หมายถึงเพื่อยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้น ด้วยอำนาจแห่งสติปัญญา ที่สามารถสร้างกันได้ในทุกคน ที่ยังไม่รู้เป็นอาภัพบุคคล... จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งของทุกสังคม ที่จะต้องปฏิรูปการศึกษาเพื่อชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นศีลธรรมวัฒนธรรมขั้นพื้นฐานของมนุษยชาติ หรือหลักคำสั่งสอนในศาสนาที่นำไปสู่การจุดประทีปให้เกิดขึ้นในชีวิต (จิตใจ)

 st11 st11 st11 st11

เมื่อวันที่ ๒๕ ส.ค.ที่ผ่านมา อาตมาได้มีโอกาสแวะไปถวายความเคารพ พระเทพโพธิวิเทศ หรือท่านเจ้าคุณวีรยุทธ แห่งวัดไทยพุทธคยา/อินเดีย ได้มีโอกาสเยี่ยมชมวัดที่ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้าน ก็ได้แต่ชื่นชมในความเป็นนักบริหารมือเอกของวงการสงฆ์โดยเฉพาะแนวคิดที่ยกระดับวัดไทยพุทธคยาให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการมุ่งเน้นเผยแพร่การอบรมจิตตภาวนาตามหลักพระพุทธศาสนา จึงได้เห็นการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม กุฏิที่พัก ขึ้นรองรับโครงการดังกล่าว

ซึ่งอาตมาเห็นชอบด้วยอย่างยิ่ง หากสามารถทำให้วัดไทยพุทธคยาเป็นศูนย์กลางเรียนรู้ เพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพื่อประโยชน์แห่งคณะสงฆ์และศรัทธาสาธุชนทุกหมู่เหล่า ที่มุ่งเดินทางไปจาริกแสวงบุญในอินเดียเนปาล... โดยเฉพาะการไม่ถือพวกเราพวกเขา ลบนิกายให้หมดไป เพื่อความเป็นคณะสงฆ์ในพระพุทธศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้าเพียงหนึ่งเดียว...

ไหนๆ ก็เดินทางถึงแผ่นดินเกิดพระพุทธศาสนาแล้ว... พระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรือง... ความสุขจะเกิดขึ้นในเขตแดนพระพุทธศาสนาหรือไม่... ก็อยู่ที่ความสามัคคีธรรมของสงฆ์เป็นสำคัญที่สุด... ซึ่งหากยังแบ่งเป็นคณะนั้น... อาจารย์นี้... นิกายโน้น... อย่างที่เห็นเป็นอยู่ ก็ต้องท่องกฎอนัตตา ที่ว่า ไม่ใช่เรา... ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา!!


เจริญพร


ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/315555/คารวธรรม-จากเวฬุวัน-อินเดีย
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ