ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อแม่เลี้ยงบวก : เปิดกระโปรงเพื่อน  (อ่าน 1957 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28418
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พ่อแม่เลี้ยงบวก : เปิดกระโปรงเพื่อน
« เมื่อ: ตุลาคม 12, 2014, 10:30:20 am »
0


พ่อแม่เลี้ยงบวก : เปิดกระโปรงเพื่อน

       พ่อ : แม่น้องนุ่นโทรมาบอกว่า ปานไปแกล้งเปิดเปิดกระโปรงลูกเค้า ปานทำจริงๆหรือเปล่าลูก?     
       ลูกชาย : ผมกับเพื่อนๆก็แค่แกล้งเค้าเล่นสนุกๆน่ะพ่อ     
       พ่อ : ลูกกับเพื่อนๆอาจเห็นเป็นเรื่องสนุกที่ทำให้คนอื่นได้อาย แต่คนที่โดนแกล้งเขาเสียใจร้องไห้จะไม่ยอมไปโรงเรียนวันนี้     
       ลูกชาย : อ้าว! จริงเหรอครับ?     
       พ่อ : ไม่คิดว่ามันจะเลยเถิดใช่ไหม? รู้เรื่องแล้วปานรู้สึกยังไงลูก?     
       ลูกชาย : ก็.....รู้สึกไม่ดีครับ     
       พ่อ : พ่อไม่อยากให้ลูกรังแกเพื่อนผู้หญิงแบบนี้อีก ปานเป็นลูกผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิงเค้าด้วย เราก็มีน้องสาว ถ้าปิ่นถูกเพื่อนๆเค้าแกล้งเปิดกระโปรงแล้วยังโดนล้ออีก ลูกคิดว่าน้องจะเสียใจไหม? ลูกก็คงโกรธที่น้องโดนรังแกด้วยใช่ไหม?       
       ลูกชาย : ใช่ครับ นุ่นคงโกรธผมมากๆเลย       
       พ่อ : โทรไปขอโทษเพื่อนซะ เขาจะได้รู้สึกดีขึ้น       
       ลูกชาย : ผมจะโทรเดี๋ยวนี้เลยครับ


        :96: :96: :96: :96:

       หมอเหมียวชวนคุย       
       พ่อแม่ที่มีลูกชายควรสอนลูกให้ปฏิบัติต่อเพื่อนผู้หญิงอย่างสุภาพให้เกียรตินะคะ หากลูกมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อผู้หญิง พ่อแม่ไม่ควรนิ่งเฉยหรือมองว่าเป็นการเล่นแกล้งกันของเด็กๆ แต่ควรควรสอนให้ลูกเข้าใจถึงความรู้สึกและผลกระทบที่ผู้หญิงจะได้รับ จะทำให้เด็กเข้าใจการวางตัวต่อกันอย่างเหมาะสม ในทำนองเดียวกันพ่อแม่ที่มีลูกสาวก็ควรสอนให้ลูกวางตัวให้เหมาะสมต่อผู้ชายเช่นกันค่ะ


        :49: :49: :49: :49:

       เมื่อลูกชายเปิดกระโปรงเพื่อน     
       เด็กวัย 7-15 ปี มีความอยากรู้อยากเห็นในเรื่องต่างๆรอบตัว รวมถึงความแตกต่างระหว่างหญิงชาย เด็กชายจึงอาจมีพฤติกรรมแอบดูแม่หรือพี่สาวอาบน้ำ แอบเปิดกระโปรงเพื่อน หรือใช้กระจกเงาแอบส่องใต้กระโปรงเพื่อนผู้หญิง ซึ่งถ้าจับได้พ่อแม่มักจะดุว่ารุนแรง หรือที่โรงเรียนเด็กอาจถูกครูตี หรือทำโทษประจานให้ยืนหน้าชั้น ซึ่งการทำโทษให้ได้อาย ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง เพราะเมื่อเด็กยังอยากรู้เรื่องเพศ และไม่มีใครสอนหรือให้คำชี้แนะที่ดีให้เด็กแก่น เกเรอาจหวนมาทำพฤติกรรมนี้อีก
       
       ส่วนเด็กที่มีจิตใจอ่อนไหวอาจจะอายเพื่อนมาก เมื่อถูกล้ออาจเกิดปมปัญหาในเรื่องเพศ ทางที่ดีจึงควรใช้แนวทางการป้องกันมากกว่าการลงโทษ โดยการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาเพื่อตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก การให้ความรู้จะช่วยให้เด็กมีความเข้าใจในเรื่องเพศและความแตกต่างระหว่างหญิงชายอย่างถูกต้อง เห็นเป็นเรื่องธรรมชาติของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องลับเร้นให้ต้องคอยแอบดู
       
       นอกจากนี้ พ่อแม่และครูควรสอนให้เด็กเข้าใจเรื่องบทบาทหญิงชายและการปฏิบัติตัวต่อกันอย่างสุภาพ ให้เกียรติควบคู่กับการสอนเพศศึกษาด้วย ในกรณีเด็กผู้ชาย พ่อแม่ควรฝึกสอนให้ลูกปฏิบัติตัวต่อพี่สาว น้องสาว เพื่อนผู้หญิงอย่างให้เกียรติ เช่น ไม่รังแกเพื่อนผู้หญิง ไม่ใช้กำลัง ไม่พูดจาหยาบคาย ช่วยเหลือผู้หญิง ในกรณีเด็กผู้หญิง ก็ให้ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างสุภาพเช่นเดียวกัน การให้ความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยลดพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมระหว่างเด็กให้ลดลง


        ans1 ans1 ans1 ans1

       ควรทำ       
       • ควรสอนอย่างจริงจัง ให้ลูกชายปฏิบัติต่อพี่สาว น้องสาว เพื่อนผู้หญิงด้วยความสุภาพให้เกียรติ เมื่อเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจะต้องไม่ปล่อยทิ้งไว้ อย่าเห็นว่าเป็นการเล่นกันแบบเด็กๆ และถ้ามีลูกสาวก็ต้องสอนให้ปฏิบัติต่อพี่ชาย น้องชาย เพื่อนผู้ชายด้วยความสุภาพ ให้เกียรติ เช่นกัน       
       • ต้นแบบที่ดีของพ่อแม่ที่ให้เกียรติและสุภาพต่อกัน เด็กจะเรียนรู้บทบาทหญิงชายและเลียนแบบได้ง่าย       
       • การฝึกให้เด็กเข้าใจความรู้สึกถึงความอาย ความเสียใจ ความผิดหวัง ความน้อยใจ ความโกรธ ของคนรอบข้าง จะช่วยให้ปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยท่าทีที่สุภาพและเคารพผู้อื่น     
       • การชี้นำให้เด็กได้คิดไตร่ตรอง ถึงผลที่จะเกิดขึ้นเมื่อกระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะช่วยให้เด็ก มองเหตุการณ์ไปข้างหน้าได้ไกล


        :96: :96: :96: :96:

       ไม่ควรทำ     
       • พ่อแม่ที่เข้มงวด ปิดกั้นหรือลงโทษรุนแรงมากเมื่อเด็กสนใจเรื่องเพศ อาจปิดกั้นการเรียนรู้และพัฒนาการทางเพศปกติของเด็กได้

       
      หัวใจการเลี้ยงดู     
       สอนเพศศึกษาและบทบาทหญิง-ชาย เพื่อให้ลูกเข้าใจ และปฏิบัติต่อเพื่อนอย่างสุภาพและให้เกียรติ

       

จัดทำข้อมูลโดย : นพ.ประเวช ตันติพิวัฒนสกุล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย 
สนับสนุนโดย : สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)       
จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 166 ตุลาคม 2557 โดย แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย
http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9570000113375
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: พ่อแม่เลี้ยงบวก : เปิดกระโปรงเพื่อน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2014, 08:39:29 pm »
0
เรื่องนี้ดูอ่อนไหวต่อครอบครัวสังคมไทยเอามากมาก เรียกว่าสังคมไทยเลี้ยงดูลูกผู้หญิงได้ดีกว่าลูกผู้ชาย ผมให้ทัศนะอย่างนี้จะผิดไหมก็อย่าว่ากัน ธรรมเนียมไทยนั้นจะแต่งเขยเข้าบ้าน ซึ่งต่างจากครอบครัวคนจีนที่จะหาสะใภ้เข้าเรือน ครอบครัวสังคมไทยจึงแข่งกันที่เขย ครอบครัวจีนสำคัญที่สะใภ้ คงไม่ต้องว่าชายหญิงจีนไทยให้คุณค่าเรื่องเพศไหนสำคัญ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีฝากฝั่งไหนผิดถูก หากแต่ครอบครัวสังคมไทยพิจารณาแล้วได้ดีเพราะลูกผู้หญิงมากกว่าชายชัด จากหลักการเหตุผลวิชาการให้ไว้ดีแต่ยากและไม่อยากทำอย่าหาว่าห่วยใดใดเลยนะครับสำหรับชายไทยเราหยามเพศแม่ได้ลูกชายได้เปรียบ ย้ำ!เอาเปรียบเพศแม่ โห โคตรเก่ง อย่างนี้ซิลูกพ่อ ทุกราย บ้านผมโดยเฉพาะผมแล้วด้วยไม่เอาฮวงนั้ง เหลาเกี้ย ต้องตึ่งนั้งเกี้ยเท่านั้นจริงจริง ขอบอก!
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: พ่อแม่เลี้ยงบวก : เปิดกระโปรงเพื่อน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2014, 10:20:48 pm »
0
โบราณว่าไว้ว่า....รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ...ตั้งธาตุ ดินไฟ ไว้ได้มากมายให้แก่ลูก  ลูกก็ไม่ค่อยย่อท้อต่ออุปสรรคเมื่อตอนเจ้าเติบใหญ่
              ปัจจุบันเลี้ยงบุตรหลานกันแบบปล่อย หรือว่าตอนเป็นเด็ก พ่อแม่อาจเคยโดนมาเยอะในตอนเป็นเด็ก พอมาถึงลูกตัวเอง
ก็เลยตามใจ ไม่ค่อยดุ ด่า ว่ากล่าว บางทีก็กลัวลูกจะโกรธ ปล่อยตามสบาย เลยนอนดูทีวี เล่นเกมส์ (กลายเป็น สื่อ เป็นผู้สอนแทนที่พ่อแม่จะต้องสอน กลายเป็นสื่อ เทคโนโลยีสอน) เด็กจึงได้แต่ ธาตุนามสุข ธาตุอ่อนๆ จึงอ่อนไหวไปตามรูปของสื่อ
     สอนดีก็ดีไป สอนไม่ดีก็จําสื่อ ไปมีรูปตามสื่อ สื่อเป็นมิจฉาเด็กก็เป็นหรือ มีรูปตามรูปมิจฉานั้น
            การดุด่าว่ากล่าวของพ่อแม่ยุคต้นๆเป็นการปลูกฝังคุณธรรม ก่อนจะไปเรียนกับพระ หรือเรียนกับครู อาจารย์ต่อ
เรื่องทีวี สื่อ ไม่มี เทคโนโลยี  เล่นโทรศัพท์ไม่ มี ไลน์ เฟส ไม่มี มีแต่เรื่องสอนให้ทํางาน กลับมาจากโรงเรียน ก็ต้องช่วยพ่อแม่ทํางาน หรือเลียงน้อง เพราะพ่อแม่ยังไม่กลับจากไปหากินทําไร่ทํานา ต้องหุงข้าวไว้รอพ่อแม่ เรียกว่าหาเช้ากินมืด หรือกินค่ำ เพราะมันมืดแล้ว แต่เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้ ถึงจะยากจน เพราะเลี้ยงด้วย รูปอีกแบบหนึ่ง
              ยุคสุขปัจจุบัน ปลูกฝังความสุขตามชื่อ เด็กปัจจุบัน ตามสื่อ รักสบาย ไม่ชอบทํางาน มีความท้อแท้สูง ไม่ชอบงานหนัก ชอบงานเบาแต่ได้เงินเยอะ หรือไม่ต้องทํางานแต่ได้เงิน
             คนเก่าๆสอนแบบยิ่งทํายิ่งได้ ยิ่งขยันยิ่งได้
               ปัจจุบันถ้าไม่ต้องทําแล้วได้เงินด้วย แปลว่าเก่ง  แต่อาจจะผิดศิลธรรม หรืออาจต้องเบียดเบียนผู้ที่ไปทํา แทนเราก็ได้นะ
     ก็อาจจะกลาย เป็นสิ่งตรงกันข้าม กับของเก่า หรือวิธีโบราณ ปรัมปรา แต่บางครั้งบางอย่างก็อาจใช้ได้เหมือนกันนะ

             โลกปัจจุบันศิลธรรมจางหาย เพราะปลูกฝัง หน่ออ่อน ผิด แต่เหตุ คือปล่อย หรือตามใจเยอะเกินไป มันก็เลยมีทั้งดีทั้งเสีย เป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นธรรมดา
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 12, 2014, 11:27:13 pm โดย aaaa »
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา