การวางอารมณ์ในกรรมฐาน แม้จะพูดซ้ำซาก ทุกครั้ง แต่ลูกศิษย์ ก็ดูจะไม่เข้าใจกันเลย
ถ้าไม่ยอมเข้าใจ ก็ไม่มีทางทำสำเร็จในกรรมฐาน นอกจากได้ผล เล็ก ๆ น้อย ๆ
"คิดการใหญ่ ใจต้องนิ่ง"
การไม่สำเร็จหรือ บรรลุ ฌาน หรือ ญาณ ในกรรมฐาน แล้วพอกพูนความรู้สึกว่าไม่สำเร็จบ่อย ครั้ง ก็จะพอกพูนไปสู่ ความท้อถอยได้ เพราะวางอารมณ์ในกรรมฐานไม่เป็น
ในกรรมฐาน ต้องการละนิวรณ์ 2 ตัวเป็นอันดับแรก นั้นคือ ความพอใจ และความไม่พอใจ
ผู้ฝึกภาวนา เมื่อภาวนาก็ไม่พึงใส่ค่าอยากที่จะสำเร็จ ลงไป แต่เพียงทำใจให้ว่าง แค่นี้เพียงพอ เมื่อออกจากภาวนา ทำไม่สำเร็จ ก็ไม่พึงทำใจว่า ทำไม่สำเร็จ แต่พึงระลึกกลับไปว่า บารมี ยังสั่งสมไม่พอ อย่างนี้จึงถูกต้อง เมื่อทำไม่สำเร็จ แม้จะร้อยครั้ง พัน ครั้ง ก็จะไม่มีความท้อถอย เพราะเขาย่อมมองเห็นว่า ทุกข์ ในสังสารวัฏฏ์ มีมากกว่าทุกข์ ที่ยังทำภาวนาไม่สำเร็จ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เข้า ลมหายใจ ออก อยู่ ตราบนั้น โอกาสแห่งความสำเร็จ ย่อมมีแก่ผู้ภาวนา
แต่ถึงกระนั้น การภาวนาที่หลายท่านบอกว่า ไม่สำเร็จ ก็พัฒนาให้ท่านเรียนรู้ ความจริง ว่า อะไร คือ สาระ อะไรมิใช่ สาระ มากขึ้น หลายท่านที่บ่นว่า ไม่สำเร็จคุณธรรม แต่ คุณธรรม สติ ก็พัฒนาให้พวกท่าน ฉลาดในการใช้ชีวิตมากขึ้น เห็นอะไรถูก เห็นอะไรผิด และ ฉลาดอยู่กับ สาระที่มีในชีวิต นั่นเป็นเพราะบารมี ที่สั่งสมเพิ่มขึ้น
ดังนั้นพระพุทธเจ้า จึงทรงตรัส ว่า
"สุโข ปุญญัสสสะ อุจจะโย
การสั่งสมบุญ นำมาซึ่งความสุข
"
ขอให้ท่านทั้งหลาย จงถึงซึ่งสุข ทั้ง 9 ไปตามลำดับเถิด อย่าได้ท้อถอย เพราะเหตุว่า ฉันภาวนาไม่สำเร็จ เพราะการภาวนาไม่สำเร็จเป็นเพราะบารมี ที่สั่งสมยังไม่พอ ดังนั้นไม่พึงนำเป็นอารมณ์ทำลาย ความตั้งใจตรงต่อนิพพาน ให้เสียไป เลย
เจริญพร