หัวข้อ: ว่าด้วย "มรรค" ที่เป็น "โลกีย์และโลกุตระ" เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มกราคม 07, 2019, 08:25:30 am (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_07_01_19_10_17_15.jpeg) ว่าด้วยมรรคที่เป็น โลกีย์และโลกุตระ บรรดามรรคที่เป็นโลกีย์และโลกุตระเหล่านั้น ในโลกิยมรรค องค์มรรคทั้งหมดย่อมมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งในอารมณ์ ๖ ตามสมควร แต่ในโลกุตรมรรค ปัญญาจักษุ (จักษุคือปัญญา) มีนิพพานเป็นอารมณ์ อันถอนเสียซึ่งอวิชชานุสัย ของพระอริยสาวกผู้ประพฤติเพื่อแทงตลอดสัจจะ ๔ เป็นสัมมาทิฏฐิ. อนึ่ง การยกจิตขึ้นสู่แนวทางพระนิพพานซึ่งสัมปยุตด้วยสัมมาทิฏฐินั้นแล้วถอนเสียซึ่งมิจฉาสังกัปปะ ๓ อย่าง ของบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ เป็นสัมมาสังกัปปะ. อนึ่ง เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นมิจฉาวาจา ที่สัมปยุตด้วยสัมมาสังกัปปะนั้นแหละ ถอนขึ้นซึ่งวจีทุจริต ๔ อย่าง ของบุคคลผู้เห็นอยู่และตรึกอยู่ เป็นสัมมาวาจา. เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นกายทุจริต ๓ อย่างที่สัมปยุตด้วยสัมมาวาจานั้นแหละตัดขาดมิจฉากัมมันตะ ของบุคคลผู้งดเว้นอยู่ เป็นสัมมากัมมันตะ. @@@@@@ เจตนาเป็นเครื่องงดเว้นมิจฉาอาชีวะ ที่เป็นธรรมชาติผ่องแผ้วของสัมมาวาจาและกัมมันตะเหล่านั้นนั่นเอง เป็นธรรมสัมปยุตด้วยสัมมาวาจาและกัมมันตะนั้นๆ แหละตัดขาดอกุศลมีการหลอกลวงเป็นต้น เป็นสัมมาอาชีวะ. อนึ่ง วิริยารัมภะ (ปรารภความเพียร) ของบุคคลผู้ตั้งมั่นในภูมิศีล กล่าวคือสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ นี้สมควรแก่ศีลนั้น สัมปยุตด้วยศีลนั้นแลตัดขาดความเกียจคร้าน ให้สำเร็จความไม่เกิดอกุศลที่ยังไม่เกิด ละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ยังกุศลที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วให้ดำรงอยู่ เป็นสัมมาวายามะ. ความที่จิตไม่หลงลืมของผู้พยายามอยู่อย่างนี้ สัมปยุตด้วยสัมมาวายามะนั้นถอนขึ้นซึ่งมิจฉาสติ ให้สำเร็จเป็นกายานุปัสสนาเป็นต้น ในอารมณ์มีกายเป็นต้น เป็นสัมมาสติ ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งของผู้รักษาจิตอันอนุตรสติจัดแจงดีแล้ว สัมปยุตด้วยสัมมาสติและถอนขึ้นซึ่งมิจฉาสมาธิ เป็นสัมมาสมาธิ ด้วยประการฉะนี้แล. นี้เป็นอริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นโลกุตระ. :25: :25: :25: ว่าด้วยมรรคเป็นทั้ง วิชชาและจรณะ เป็นต้น อนึ่ง โลกุตรมรรคใด พร้อมทั้งโลกิยมรรค ถึงซึ่งการนับว่าเป็น ทุกฺขนิโรธคามินีปฏิปทา (ปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์) มรรคนั้นแลเป็นทั้งวิชชาและจรณะ เพราะสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทรงสงเคราะห์ไว้ด้วยวิชชา ธรรมที่เหลือสงเคราะห์ไว้ด้วยจรณะ. อนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา เพราะความที่สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น ทรงสงเคราะห์ไว้ด้วยวิปัสสนาญาณ ธรรมนอกจากนี้สงเคราะห์ไว้ด้วยสมถญาณ. อีกอย่างหนึ่ง มรรคนั้นเป็นทั้งขันธ์ ๓. และสิกขา ๓. เพราะความที่สัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะทั้ง ๒ เหล่านั้น ทรงสงเคราะห์ด้วยปัญญาขันธ์ ธรรม ๓. ในลำดับต่อจากสัมมาทิฏฐิและสัมมาสังกัปปะนั้น สงเคราะห์ด้วยศีลขันธ์ ที่เหลือสงเคราะห์ด้วยสมาธิขันธ์ และธรรมเหล่านั้นแหละ สงเคราะห์ด้วย อธิปัญญาสิกขา อธิศีลสิกขา อธิจิตตสิกขา. @@@@@@ พระอริยสาวกประกอบด้วยมรรคใด เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ดุจบุคคลผู้เดินทางไกลประกอบด้วยจักษุทั้ง ๒ อันสามารถในการเห็นและเท้าทั้ง ๒ อันสามารถในการเดิน เว้นที่สุด ๒ อย่าง คือ กามสุขัลลิกานุโยคด้วยวิปัสสนาญาณ และอัตตกิลมถานุโยคด้วยสมถญาณ ดำเนินไปสู่มัชฌิมปฏิปทา ทำลายอยู่ซึ่งกองโมหะด้วยปัญญาขันธ์ ซึ่งกองแห่งโทสะด้วยศีลขันธ์ ซึ่งกองโลภะด้วยสมาธิขันธ์ บรรลุสมบัติ ๓ คือ ซึ่งปัญญาสัมปทาด้วยอธิปัญญาสิกขา ซึ่งศีลสัมปทาด้วยอธิศีลสิกขา ซึ่งสมาธิสัมปทาด้วยอธิจิตตสิกขา ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งอมตะคือ พระนิพพาน ชื่อว่า หยั่งลงสู่อริยภูมิ กล่าวคือ สัมมัตตนิยาม(นิยามอันชอบ) ซึ่งวิจิตรด้วยรัตนะ คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการอันงามในเบื้องต้น ท่ามกลางและปริโยสาน แล. ที่มา : อรรถกถา วิภังคปกรณ์ สัจจวิภังค์ สุตตันตภาชนีย์ www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=144&p=2&h=พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศสัมมาสมา#hl (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=35&i=144&p=2&h=พึงทราบวินิจฉัยในนิเทศสัมมาสมา#hl) อ่านเนื้อความในพระไตรปิฎกได้ที่ : http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=35&A=2637&Z=2865 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=35&A=2637&Z=2865) หัวข้อ: Re: ว่าด้วย "มรรค" ที่เป็น "โลกีย์และโลกุตระ" เริ่มหัวข้อโดย: bajang ที่ มกราคม 07, 2019, 09:27:18 am st11 st12 st12
หัวข้อ: Re: ว่าด้วย "มรรค" ที่เป็น "โลกีย์และโลกุตระ" เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ มกราคม 11, 2019, 12:08:28 pm st12 st12 st12
|