ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - vichai
หน้า: [1] 2
1  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ตอนนี้ กรรมฐานในแนวทาง ของ ธัมมะวังโส สามารถเรียนตรงได้ที่ไหน บ้าง ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 29, 2020, 01:41:37 pm
ตอนนี้ กรรมฐานในแนวทาง ของ ธัมมะวังโส สามารถเรียนตรงได้ที่ไหน บ้าง ครับ
ไม่ได้ติดตามมานานแล้ว ไม่รู ้ว่าปัจจุบัน จะเรียนกรรมฐาน ตรงนี้ต้องทำอย่างไรบ้างครับ

และจะสามารถไปปฏิบัติด้วย ได้ที่ไหนบ้างครับ

ขอบคุณครับที่ตอบ
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / " การอธิษฐานจิตของท่านเจ้าคุณนรฯ " เมื่อ: เมษายน 08, 2013, 09:32:45 am


" การอธิษฐานจิตของท่านเจ้าคุณนรฯ "

พระเถระผู้ทรงคุณธรรมเป็นพิเศษในอดีตเป็นอันมาก
เมื่อจะถือกำเนิดในครรภ์โยมมารดานั้น
มักจะสำแดงนิมิตให้ปรากฏแก่โยมบิดาและโยมมารดาต่างๆ กัน
เป็นต้นว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร)
อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสองค์สำคัญยิ่ง
ซึ่งเป็นสมเด็จอุปัชฌาย์ของ “ท่านธมฺมวิตกฺโก”
และเชื่อกันว่าท่านเป็นพระอริยบุคคลรูปหนึ่งนั้น
เมื่อปีที่ท่านจะเกิดโยมบิดาก็ฝันไปว่ามีผู้นำช้างเผือกมาให้

หรือเมื่อตอนที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
แต่ครั้งยังเป็นสามเณร จะย้ายเข้าไปอยู่วัดระฆังโฆสิตาราม
เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น
ก็เล่ากันว่าพระอาจารย์ของท่านฝันในคืนวันที่ท่านจะไปถึงว่า
มีช้างเผือกเชือกหนึ่งเข้าไปกินคัมภีร์พระไตรปิฎกในตู้จนหมด ฯลฯ

โดยเหตุที่เคยมีเรื่องราวเล่ากันมาดังกล่าวนี้
จึงทำให้ผู้เขียนสนใจสืบถามนิมิต
เมื่อตอนที่ ท่านธมฺมวิตกฺโก จะถือกำเนิดอยู่เหมือนกัน
เพื่อจะได้ “เกร็ด” ประวัติตอนสำคัญของท่านมาเผยแพร่
แต่ก็มิได้ความกระจ่างแต่อย่างไร

เคยมีผู้สนใจซักถามโยมบิดาของท่าน
(พระนรราชภักดี-ตรอง จินตยานนท์) ว่าประพฤติตนเช่นไร
สวดมนต์อย่างไร ท่องคาถาบทไหน ฯลฯ
จึงได้มีบุตรที่ดี (หมายถึงท่านธมฺมวิตกฺโก) เช่นนี้
โยมบิดาของท่านก็ได้ตอบไปว่า
เห็นจะเป็นด้วยเหตุที่ท่านได้ใส่ใจภาวนา
สวดพระคาถามงคลสูตรอยู่เสมอนั่นเอง

อันพระคาถามงคลสูตรนี้
ตัวท่านธมฺมวิตกฺโกเองก็นิยมท่องบ่นเจริญภาวนาอยู่เสมอเช่นกัน
ตลอดทั้งได้แนะนำผู้ใกล้ชิดบางคน เช่น คู่หมั้นของท่าน
ให้หมั่นสวดภาวนาทุกวัน ทั้งเวลาเช้าตื่นนอน และเวลาค่ำก่อนเข้านอน

โดยท่านได้ให้อรรถาธิบายว่า
“มงคลคาถานี้ เป็นพระสูตรที่คัดมาจากพระไตรปิฎก
ผู้ใดเล่าบ่นหรือสวดและปฏิบัติตาม
ย่อมเป็นสิริมงคลอันประเสริฐ จึงเรียกว่าคาถามงคลสูตร”

ในตอนปีท้ายๆ ก่อนที่จะถึงแก่มรณภาพนี้
รู้สึกว่าท่านธมฺมวิตกฺโกได้ตั้งใจอธิษฐานจิต
และแผ่เมตตาลงในพระเครื่องมากมายเป็นพิเศษ
ยิ่งในปี พ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยแล้ว ถึงกับมีพิธีสวดอธิษฐานจิตครั้งใหญ่
ในวัดเทพศิรินทราวาสถึงสองครั้งสองหน
คือเมื่อเสาร์ห้า ตรงกับวันที่ ๒๕ เมษายน ครั้งหนึ่ง
กับวันที่ ๕ ธันวาคม อีกครั้งหนึ่ง

โดยเฉพาะวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๓
ซึ่งเป็นพิธีสวดอธิษฐานจิตครั้งสุดท้ายของท่านนั้น
ได้มีผู้นำพระเครื่องพระบูชา และวัตถุสิ่งของต่างๆ
ไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้อย่างมากมายเป็นประวัติการณ์
มงคลวัตถุเหล่านั้นวางเต็มอาสนะสงฆ์ในพระอุโบสถ
จนดูแทบจะทานน้ำหนักไม่ไหว
มีผู้กล่าวกันว่าน้ำหนักสิ่งของทั้งหมดที่นำไปให้ท่าน
อธิษฐานจิตในวันนั้น คะเนรวมแล้วเห็นจะไม่ต่ำกว่า ๓ ตัน !

นอกจากนี้ยังมีการถวายให้อธิษฐานจิตและแผ่เมตตาย่อยครั้งละไม่กี่นาที
ในพระอุโบสถบ้าง ข้างกุฏิท่านบ้างอีกนับครั้งไม่ถ้วน
จนเกือบจะไม่มีการยกเว้นว่าบุคคลใดจะเป็นพระสงฆ์หรือฆราวาสก็แล้วแต่
หากมีประสงค์จะสร้างพระเพื่อหารายได้ไปใช้ในการกุศลแล้ว
ท่านก็จะอนุโลมตามความปรารถนา อธิษฐานจิตให้ทุกรายไป

เป็นเรื่องที่บุคคลบางคนเห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาด
เพราะแต่ก่อนมานั้นท่านไม่ยอมอธิษฐานจิตสิ่งของให้แก่ใครได้ง่ายๆ
เป็นเรื่องนอกลู่นอกทาง มิใช่แนวของพระพุทธศาสนาโดยตรง

เชื่อกันว่าการที่ท่านยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
ลงในพระเครื่องอย่างมากมายในระยะหลังๆ นี้ ก็เพื่อเป็นสิ่งของที่ระลึก
เป็นเครื่องหมายแทนตัวท่านสืบต่อไปในอนาคตอีกนานแสนนาน
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะดึงคนให้หันเข้ามาสู่ศาสนา
เข้าสู่หลักธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระบรมศาสดา
เพราะคนที่นิยมสะสมพระ
หรือที่ชอบเรียกกันติดปากว่า “เล่นพระ” นั้น
ในที่สุดก็หันมาปฏิบัติธรรมด้วยกันทั้งสิ้น
โดยมีพระเครื่องนั้นเป็นสื่อจูงใจในเบื้องต้น

นอกจากนี้ท่านยังเคยกล่าวว่า
“ให้เขาได้ทำบุญทำกุศลกันเสียบ้าง
ดีกว่าเอาเงินไปสุรุ่ยสุร่าย เที่ยวตามบาร์ตามไนท์คลับกัน”

เพราะเงินรายได้ที่ได้จากการจำหน่ายพระเครื่องเหล่านี้
ท่านผู้สร้างก็นำไปใช้จ่ายในการกุศล สร้างโรงเรียน สร้างโบสถ์
เป็นทุนการศึกษาของพระภิกษุสงฆ์สามเณร ฯลฯ
อันเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่การศึกษาและการศาสนาทั้งสิ้น

อีกประการหนึ่ง สถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกโดยรอบประเทศของเรา
ในระยะนั้นก็มีแต่ความคับขันและอันตรายรอบด้าน
ต้องส่งทหารไปร่วมรบในสมรภูมิสาธารณรัฐเวียดนาม
สถานการณ์ในลาวและเขมร ประเทศเพื่อนบ้าน
ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศเรา กำลังผจญกับสงครามอย่างหนัก
อันจะส่งผลกระทบกระเทือนมาถึงประเทศชาติของเราด้วย
และการคุกคามของผู้ก่อการร้าย ซึ่งกำลังแผ่ขยายไปทั่วประเทศ
ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ ฯลฯ
บางครั้งก็รุนแรงน่าสะพึงกลัวเป็นอันมาก

ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ที่ทำให้ท่านธมฺมวิตกฺโก
ยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
ลงในพระเครื่องให้แก่บุคคลต่างๆ เป็นอันมากในระยะหลังๆ นี้
จึงเกิดอภินิหารเป็นที่ปรากฏประจักษ์แก่มหาชนอย่างกว้างขวาง
จนพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาให้นั้น
กลายเป็น “พระเครื่องยอดนิยม”
เป็นที่กล่าวขวัญและแสวงหาของชาวพุทธทั่วเมืองไทยในยุคนี้

มีคนเป็นอันมากเชื่อว่าการที่ท่านอธิษฐานจิตและแผ่เมตตา
ลงในพระเครื่องเป็นการใหญ่ในระยะหลังๆ นี้
แสดงว่าท่านจะต้อง “สำเร็จ” อย่างหนึ่งอย่างใดแล้วแน่นอน

หากการอธิษฐานจิตลงในพระเครื่องเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
ไม่สามารถประจุพลังศักดิ์สิทธิ์ลงสถิตในองค์พระปฏิมาขนาดเล็กนั้นได้จริง
ท่านก็จะไม่ยอมแผ่เมตตาให้โดยเด็ดขาด

ท่านได้ทุ่มเทศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในเรื่องเกี่ยวกับอำนาจจิต
การทำสมาธิทั้งวิชาฝ่ายโยคะและพระพุทธศาสนา
มาตั้งแต่วัยหนุ่มและกระทำมาตลอดชีวิตของท่าน
ท่านได้เคยใช้พลังจิตผจญกับโรคร้าย ความเจ็บไข้ ตลอดจนอสรพิษ
ได้ผลจนเป็นที่อัศจรรย์ใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นหรือที่ทราบเรื่องมาแล้ว
ฉะนั้น ท่านจึงยินยอมอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาลงในพระเครื่องให้

คราวหนึ่งเมื่อพิธีสวดอธิษฐานจิตในพระอุโบสถ
วันเสาร์ห้า วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว
ท่านได้หันไปหา พระมหาเสริม อนุจโย
ซึ่งเป็นพระสวดพุทธาภิเษกในวันนั้นว่า

“เรื่องของขลังนี้ ท่านมหาเชื่อไหม ?”

“เกล้าเชื่อ” เป็นคำตอบจากพระมหาเสริม

อีกคราวหนึ่ง ท่านได้บอกกับนายสุวัฒน์ ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มเชื้อจีน
อยู่ร้านตัดเสื้อแถวสี่แยกวัดตึกที่มีความเคารพท่านมาก
เคยฝันเห็นท่านมาก่อนระหว่างเจ็บป่วย จึงได้เพียรพยายามมาดูตัวจริง
จนได้พบท่านแล้วก็เกิดศรัทธาเคารพมั่นในองค์ท่านยิ่งขึ้น
เมื่อทราบว่าเขามีการสร้างพระเครื่องถวาย
ให้ท่านอธิษฐานจิต ก็พยายามหาเช่าไว้บูชาเป็นอันมาก
วันหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสพบท่าน ท่านก็ได้กล่าวเป็นเชิงสั่งสอนว่า

“คุณ พระนี่ช่วยได้นะถ้าไม่จำเป็นอย่าไปปล่อย”

ที่ท่านว่า “อย่าไปปล่อย” ก็เพราะท่านคาดว่าจะเอาพระเครื่องนั้น
ไปให้คนอื่นเช่าต่อ หรือขายต่อให้คนอื่นไป

การที่ท่านกล่าวดังนี้ แสดงว่าท่านเชื่อมั่น
ท่านทราบได้อย่างแน่ชัดปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่า
พระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตนั้น จะต้องมีความศักดิ์สิทธิ์จริง
คุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอุปัทวันตรายได้จริง
สามารถเสริมส่งให้ผู้เคารพบูชาประสบความเจริญก้าวหน้าในชีวิตได้จริง
แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านสั่งสอนให้คนหันมาลุ่มหลงงมงาย
อยู่กับเรื่องพระเครื่องของขลังต่างๆ

คราวหนึ่งท่านได้เคยพูดกับ นายอธึก สวัสดิมงคล
นายกยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี
ภายหลังจากถวายของให้ท่านอธิษฐานจิตแล้ว เป็นคติน่าฟังมาก

“ทั้งหมดนี่” ท่านกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้มือ
ไปยังหีบพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตแล้ว
“สู้ธรรมะไม่ได้”

แสดงว่า ท่านยกย่องการประพฤติปฏิบัติตามหลักธรรม
ของสมเด็จพระบรมศาสดานั้น ว่ามีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
สำคัญยิ่งกว่าการมีพระเครื่องไว้ประจำตัว

อีกคราวหนึ่งในปี ๒๕๑๓ หลังจากพิธีสวดอธิษฐานจิต
เมื่อวันเสาร์ห้าผ่านไปเพียงเล็กน้อย
นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์ ได้นำพระเครื่องพิมพ์นาคปรกเนื้อนวโลหะ
ที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ สร้างเพื่อจำหน่ายหารายได้สมทบทุน
สร้างโรงเรียนนวมราชานุสรณ์ นครนายกนั้น
ราว ๔-๕ องค์ไปถวายให้ท่านอธิษฐานจิตซ้ำอีก
ก่อนที่ท่านจะยินยอมอธิษฐานจิตให้
ได้ถูกท่านเทศนาสั่งสอนอย่างเจ็บๆ อยู่นานร่วม ๑ ชั่วโมง

“หมอนี่เรียนมาเสียเปล่า มาหลงงมงายอะไรกับเรื่องพรรค์นี้ !”

ท่านได้ว่ากล่าวสั่งสอน มิให้ลุ่มหลงมัวเมา
อยู่กับเรื่องของขลังและอภินิหาร เพราะอภินิหารต่างๆ นั้น
มิได้ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ทุกครั้งอยู่เสมอไป

ตลอดเวลาที่ท่านเทศนาว่ากล่าวอยู่นานโขนั้น
นายแพทย์สุพจน์ได้โต้แย้งท่านอยู่ไม่หยุดเช่นกัน
โดยปกตินั้นท่านชอบคนโต้เถียงด้วยเหตุผลอยู่เหมือนกัน

การที่นายแพทย์สุพจน์โต้เถียงท่านในเรื่องอภินิหารนั้น
ก็เป็นด้วยนายแพทย์ผู้นี้ได้เคยเอาพระเครื่องกรุเก่า
มาทดลองยิงด้วยปืนพกด้วยมือของตนเองมาหลายครั้งหลายหน
จนกระสุนหมดไปหลายกล่อง ปรากฏผลเป็นที่น่าทึ่งมาก
โดยใช้วิธีอาราธนาพระไว้ที่ตัวปลาหมอ
ในระยะที่ยิงได้แม่นยำอย่างสบาย แล้วก็ระเบิดกระสุนใส่เข้าไป !

ผลของการทดลอง ปรากฏว่าจากการยิงพระนางพญากรุพิษณุโลก
ราว ๗-๘ องค์ ส่วนใหญ่ยิงถูกแต่ไม่เข้า (คงกระพัน)
บางองค์ยิงไม่ถูก (แคล้วคลาด) มีอยู่องค์หนึ่งยิงไม่ออก (มหาอุด)
และพระปิดทวารของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง พิมพ์ใหญ่ชนิดสองหน้า
ที่เรียกกันว่าพิมพ์พระประกับนั้น ยิงไม่ออก เป็นยอดมหาอุดจริงๆ

จากประสบการณ์ดังกล่าวนี้เองทำให้นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์
เชื่อมั่นในอภินิหารของพระเครื่องเป็นยิ่งนัก
และเอาเรื่องนี้มาโต้แย้งกับท่านธมฺมวิตกฺโก
ที่ท่านกล่าวหาว่ามาหลงงมงายอยู่กับอภินิหารไม่เข้าเรื่อง !

“เรื่องอภินิหาร พระเดชพระคุณว่ามีจริงไหม ?”
นายแพทย์สุพจน์ เอ่ยขึ้นตอนหนึ่ง

“จริง” ท่านตอบ จากนั้นท่านกล่าวสืบต่อไปว่า

“หมอเคยเห็นเคยได้ยินข่าว
เรื่องโจรผู้ร้ายที่แขวนพระไว้เต็มคอ
แต่แล้วก็กลับถูกตำรวจยิงตาย
หรือไม่ก็ถูกจับได้ ต้องติดคุกไปบ้างไหม ?
ถึงแม้จะมีพระอยู่เต็มคอก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่ไหม ?”

แล้วท่านกล่าวสำทับในที่สุดว่า
“อภินิหารนั้นหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น”

เมื่อถูกท่านขนาบด้วย “ไม้ตาย” เช่นนี้
ก็ทำเอานายแพทย์สุพจน์ต้องนิ่งงันสงบปาก
ไม่อาจจะกล่าวโต้แย้งในเรื่องอภินิหารใดๆ กับท่านได้อีกต่อไป

ตามที่กล่าวมานี้ จะเป็นที่เห็นได้ชัดว่า
แม้ท่านธมฺมวิตกฺโกจะตั้งใจ “อธิษฐานจิต” และ “แผ่เมตตา”
ลงในพระเครื่อง ด้วยความเชื่อมั่นว่า
มีความศักดิ์สิทธิ์สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สักการบูชาได้ก็จริง
แต่ผู้มีพระเครื่องไว้คุ้มครองนั้น
ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
ของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของที่มาแห่งองค์พระปฏิมานั้นด้วย
3  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / บัว 4 เหล่า หลวงพ่อชา สุภัทโท เมื่อ: เมษายน 08, 2013, 09:31:01 am
บัว 4 เหล่า
หลวงพ่อชา สุภัทโท

ภายในโคลนนั่นน่ะ มีความเหม็นสาบเหม็นเน่าสารพัดอย่าง แต่ดอกอุบลทั้งหลายที่เกิดในที่นั้น ยิ่งสวย ยิ่งงาม ยิ่งต้นใหญ่ ลำใหญ่ ดอกใหญ่ โคลนทั้งหลายนั้นเป็นปุ๋ยของมัน

บัวทั้งหลายมันชอบปุ๋ย ติณชาติทั้งหลายชอบปุ๋ย ได้ปุ๋ยแล้วมันงาม ปุ๋ยนั้นเป็นของโสโครก เป็นของสกปรกเป็นของเหม็น กลิ่นสารพัดอย่าง มันจะเหม็นเท่าไรๆ สกปรกเท่าใดๆ บัวมันยิ่งชอบ ดอกมันยิ่งโต ลำมันใหญ่ ยิ่งยาว

ดอกบัวนั้นก็เปรียบกับจิตของเรา มันจมอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง คือ ราคะ โทสะ โมหะ สารพัดอย่าง อันมันเป็นโคลน ที่เป็นโคลนนี้ ท่านจึงจัดว่า ดอกบัวมันอยู่ในตม ที่มันอยู่ในโคลนนั้นน่ะ ท่านบอกว่า มันเป็นดอกบัวที่เสี่ยงเสี่ยงเพราะอะไร มันอยู่ในโคลนยังไม่มีหวังที่จะพ้นตมมาเลย มันจึงเป็นดอกบัวที่เสี่ยงมากทีเดียว มันเป็นเหตุที่ว่าเต่ามันก็จะกิน ปลามันก็จะกินได้ เพราะมันอยู่ในโคลน

จิตใจของเราก็เหมือนกันฉันนั้น ถ้ามันหมกอยู่ใน ราคะ โทสะ โมหะ มันเหมือนอยู่ในโคลน มัจจุราชตามเอาเป็นอาหารหมดละ มันอยู่ในโคลน มันหนาแน่น มันไม่ได้ยิน มันไม่ได้ฟัง มันไม่ได้อบรม มันหนา มันแน่น มันก็ยังมีที่หวังของมันจะเป็นได้หลายอย่าง จะเป็นปุถุชน หรืออันธภาพชนทั้งหลาย เป็นได้หลายอย่าง แล้วแต่จิตของตน

อีกคนหนึ่งนั้น อีกจิตหนึ่งนั้น มันจะพ้นตมขึ้นมาแล้ว แต่มันอยู่ในกลางน้ำ ดอกบัวดอกนี้ก็ยังจะเสี่ยงอยู่เหมือนกัน นี่เพราะว่ามันจะเป็นอาหารเต่าหรือปลาอยู่เสมอ ยังไม่พ้น

เหล่าที่ 3 เสมอน้ำ พ้นตมแต่ยังเสมอน้ำ อันนี้ก็ยังเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ยังจะเป็นอาหารของปลา และเต่าอยู่ทั้งนั้นอันนี้มันเกิดความรู้สึกขึ้นมา มีญาณของพระพุทธเจ้าของเราที่ท่านหยั่งซึ้งลงไปว่า สัตว์โลกเป็นอย่างไร เหล่าที่ 4 นี้ เรียกว่า พ้นโคน พ้นตม พ้นน้ำมาจะบานแล้ว บัว 4 เหล่านี้คือ อุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญูเนยยะ ปทปรมะ นั่นแหละ

พระพุทธเจ้าของเราจึงมาตรัสเสียว่า เออ มันเป็นอย่างนี้อยู่ โลกมันก็ต้องเป็นอย่างนี้อยู่ ไม่ให้มันเป็นอย่างนี้มันก็ไม่เป็นโลก จะต้องทำอย่างไร พระพุทธเจ้าท่านรู้แจ้งโลกนี้ดี จึงทรงชื่อว่า โลกวิทู ในจิตของท่าน รู้แจ้งโลกว่า มันเป็นอย่างนี้ โลกมันเป็นอย่างนี้ เหมือนบัวในตมในโคลนมันเหม็นสาบ ดอกบัวไปเกิดที่ตรงน้ำ มันโผล่น้ำขึ้นมา มันมีกลิ่นหอมน่าทัศนาดูทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เพราะดอกบัวดอกนี้มันเกิดมาจากโคลนสกปรก

จิตใจของเราทั้งหลายก็เหมือนกันสัตว์โลกทั้งหลายก็เหมือนกัน มันปกปิดอยู่ด้วยอาสวธรรมทั้งหลายทั้งนั้นแหละ ถึงพระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันตสาวกก็ดี ก็ต้องเกิดมาจากโคลนอย่างนั้น มีราคะ โทสะ โมหะปกคลุมอยู่ทั้งนั้นแหละ หุ้มห่ออยู่ทั้งนั้นแหละ

แต่พระพุทธองค์ก็พ้นมาได้ สาวกทั้งหลายก็พ้นมาได้ ท่านแยกกันอยู่อย่างนั้น ถ้าไม่มีอันนั้นเป็นเหตุ ผลมันก็เกิดขึ้นไม่ได้

นำมาจาก
http://www.baanjomyut.com/pratripidok/cha/05.html



4  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / ภาพงาน มุทิตาสักการะ หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร (จิ่ว) คณะ 5 เมื่อ: มีนาคม 26, 2013, 03:35:53 pm


 ไปติดตามชมภาพกันได้ที่เว็บนี้ นะครับ

www.horonumber.com/b-46/งานมุทิตาจิตหลวงพ่อวีระ

  ภาพโดย
        ถ่ายภาพโดย..   กล้อง1  หมอเมท
                          กล้อง 2 ออมสิน
5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชื่นชมดอกสาละ สะพรั่ง ( นำมาฝาก ) เมื่อ: มีนาคม 21, 2013, 11:20:21 am












ขอบคุณภาพจาก เอนกคุณ ทับทิม
6  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ยุคสมัย ที่คน หวงแหน กันมากที่สุด เมื่อ: มีนาคม 08, 2013, 10:10:51 am
ยุคนี้ ผมว่าเป็น ยุคที่คนหวงแหน กันมากที่สุด นะครับ โดยเฉพาะ ความรู้
   มักจะถูกเก็บ ไว้ ไม่ถ่ายทอด หรือ มี สงวนลิขสิทธิ์ หรือ ขึ้นลิขสิทธิ์ จนกระทั่งแม้แต่ เจ้าของจริง ๆ ก็นำมาใช้ไม่ได้ เช่น บทความธรรมะ ที่ ( พระรัตนตรัย ) เป็นเจ้าของ แต่ บรรดาพุทธบริษัท ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ ต้องไปทำเรื่อง ไปขอผ่าน จาก ลิขสิทธิ์ จาก ผู้ที่นำมาแปรรูป


   :s_laugh: :67: :13:  นึกไป ก็ตลกดี ครับ

  เพื่อน ๆ มีความเห็นอย่างไร ครับ

 
7  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมปฏิบัติธรรม 13-14-15 เมษายน 56และทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น.-19.00น. เมื่อ: มีนาคม 05, 2013, 05:01:39 pm
เชิญร่วมปฏิบัติธรรม 13-14-15 เมษายน 56และทุกวัน
ตั้งแต่เวลา 09.00 น.- 19.00 น.
ณ คณะ5 วัดราชสิทธาราม โทร.084-651-7023



 ที่คณะ 5 และพระอุโบสถ
 วัดราชสิทธาราม (พลับ)
 ถนนอิสรภาพ ซ.อิสรภาพ 23
 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่
 โทร.084-651-7023

 

กำหนดการ ปฏิบัติธรรมเดือน เมษายน 2556


วันเสาร์ที่ 13 เมษายน  2556  ขึ้น 3   ค่ำ เดือน 5

     เวลา 09.00 - 10.00 น.          ลงทะเบียน รับทานอาหารเช้า ขึ้นกรรมฐาน นั่งกรรมฐาน
     เวลา 10.00 - 11.00 น.          รับประทานอาหารเพล พักผ่อน
     เวลา 13.00 - 14.00 น.          ฟังบรรยายธรรม –ตอบปัญหา
     เวลา 14.00 - 16.00 น.          บังสุกุลให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย สรงน้ำพระสงฆ์
     เวลา 16.00 - 17.00 น.          ทำวัตรสวดมนต์ ในพระอุโบสถ อุทิศส่วนกุศล

  วันอาทิตย์ ที่ 14 เมษายน  ขึ้น  4 ค่ำ เดือน  5

    เวลา 06.30 - 08.30 น.          รับประทานอาหารเช้า  ทำวัตรเช้าในพระอุโบสถ   
    เวลา 09.30 - 11.00 น.          นั่งกรรมฐานเดินจงกรม รับประทานอาหารเพล
    เวลา 13.00 – 14.00 น.          ฟังธรรมบรรยาย 
    เวลา 14.00 - 16.00 น.          เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม ทำธุระส่วนตัว 
    เวลา 16.30 - 17.00 น.          ทำวัตรเย็น  ในพระอุโบสถ

  วันจันทร์ที่ 15 เมษายน  ขึ้น  5  ค่ำ เดือน  5

    เวลา 06.30 - 08.30 น.          ทำวัตร รับอาหารเช้า ทำวัตรเช้า 
    เวลา 10.30 - 11.00 น.          นั่งกรรมฐาน รับประทานกลางวัน พักผ่อน
    เวลา 13.00 – 14.00 น.          ฟังธรรมบรรยาย  ตอบ-ถามปัญหา
    เวลา 14.00 - 16.00 น.          เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม ทำธุระส่วนตัว 
    เวลา 16.30 - 17.00 น.          ทำวัตรเย็น ในพระอุโบสถ


 


ที่มาประกาศ
http://www.somdechsuk.org/node/297
8  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / อนุโมทนา กับ พระครูสิทธิสังวร บริจาคปัจจัย สร้างวิหาร 100,000 บาท เมื่อ: มีนาคม 01, 2013, 09:37:32 am
ขออนุโมทนากับพระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม) ร่วมบริจาค ทรัพย์สมทมทุนสร้างวิหารพระพุทธเมตตา เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ได้มรรคผลนิพพานโดยเร็วพลันนะคะ





ภาพข่าวจาก

http://www.facebook.com/unruan.nong/posts/412766198809834
9  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watpaphukon.org/# วัดป่าภูก้อน อุดรธานี เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 12:00:35 pm


http://watpaphukon.org/#   
วัดป่าภูก้อน อุดรธานี


วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย กำเนิดขึ้นจากการดำริชอบของพุทธบริษัทสี่ ผู้ตระหนักถึงคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธาร ซึ่งกำลังถูกทำลาย

         โดยในปี พ.ศ. 2527 พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้เมตตาปรากฏในทิพยนิมิต สั่งให้ไปธุดงค์ทางภาคอีสานเป็นเวลา 10 วัน คุณปิยวรรณและคุณโอฬาร วีรวรรณ พร้อมคณะได้เดินทางมาธุดงค์แถบจังหวัดสกลนครและอุดรธานี เกิดความเลื่อมใสในปฏิปทาของพระป่า จึงได้เข้าช่วยเหลือท่านพระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก สำนักสงฆ์บ้านนาคำน้อย ในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจัดตั้งเป็นวัดป่านาคำน้อย และปลูกป่าทดแทนฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมกว่า 750 ไร่ อย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ เพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติธรรมและอยู่อาศัยของพระสงฆ์ จากนั้นท่านพระอาจารย์อินทร์ถวายได้พาไปดูป่าภูก้อนที่กำลังถูกสัมปทานตีตราตัดไม้ คณะศรัทธาจึงได้ตัดสินใจสร้างวัด โดยกราบอาราธนาท่านพระอาจารย์ชาลี ถิรธัมโม (ปัจจุบันเป็นพระครูจิตตภาวนาญาณ) เป็นประธานและขวัญกำลังใจในการก่อสร้าง และได้ทำเรื่องขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสม เพื่อสร้างวัดในเนื้อที่ 15 ไร่ จากกรมป่าไม้ จนได้รับอนุญาตเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2530 ต่อมาได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกรมการศาสนา จนได้รับอนุญาตให้สร้างวัดในวันที่ 3 กรกฎาคม 2530 และมีประกาศกระทรวงศึกษาธิการตั้งเป็น ‘วัดป่าภูก้อน’ ขึ้นในพระพุทธศาสนาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2530
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / ทราบข่าวว่าพระอาจารย์ รับไปดูวัด ที่หนองคาย 72 ไร่ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2013, 11:40:48 am
อ่านมาจาก facebook น่าจะเป็นข่าวดี นะถ้าพระอาจารย์จะไปพัฒนาวัด เพื่อศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคอิสาณ



ธัมมะวังโส ภิกษุ รับนิมนต์ไปดูวัด ตามคำนิมนต์ ของชาวบ้าน วัดนี้ชอบมากเรื่องสถานที่ วิเวก ต้นไม้ ธารน้ำ ประวัติและตำนาน คิดไว้ว่าจะดำเนินการปรับปรุงเป็นสวนปฏิบัติ ธรรม ภาคอิกสาณ วัดนี้อยู่ใน อำเภอโพนพิสัย ที่ชาวบ้านไปดู บั้งไฟพญานาค ที่หนองน้าข้างวัดมีบั้งไฟพญานาค ขึ้นจากนา จำนวนไม่มาก นับว่าเป็น สถานที่ ๆ ศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ และชาวบ้านก็เกรงกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ดังนั้นสภาพป่า จึงไม่มีใครไปรุกล้ำ กล่าวว่า สภาพป่าที่นี่ เหมือนป่าคำชะโนด ( ยังไม่เคยไปป่าคำชะโนด )
มีการเล่าบอกว่า มีคนพลัดหลงไปในป่าคำชะโนดแล้ว มาโผล่ที่นี่ ซึ่งมีระยะทางห่างกัน เจ็ดสิบกว่ากิโลเมตร
โดยส่วนตัวเห็นว่าที่นี่เหมาะสม กับการภาวนามาก และสัมผัสความวิเวก และ ความวังเวง แบบประหลาด ๆ ด้วย

มุมภาพนี้จะเห็นท้ายศาลามีต้นไม้ใหญ่ เป็นต้นตะเคียน 3 ลำ สูงมาก ใหญ่ขนาด 2 คนโอบ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านมาบน และ ได้โชคลาภกันไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านที่เข้ามาดูแล นี้เล่าว่า ได้โชคติดต่อ กันถึง 6 ครั้ง ปลดหนี้สินกันเลย

ดังนั้น ศิษย์ท่านใด ที่จะอาสาเข้าไปดูแล โปรดแจ้งกลับมาด้วยจะให้อยู่จำพรรษา ซึ่งตอนนี้มี ผู้อาสาปวารณาในการปรับปรุงสร้าง ถาวรวัตถุ กับอาจารย์ไว้แล้ว ด้วยทุนทรัพย์หลักล้าน มีตั้งแต่นายอำเภอ วิศวกร เศรษฐีชาวหนองคาย


























11  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watphochai.net วัดโพธิชัย ( หลวงพ่อพระใส ) หนองคาย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2013, 10:11:18 am




http://www.watphochai.net
วัดโพธิชัย ( หลวงพ่อพระใส ) หนองคาย


ติดต่อ

วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) ถนนประจักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ๔๓๐๐๐

พระโสภณวิหารการ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย(พระอารามหลวง)

โทรศัพท์ ๐-๔๒๔๑-๑๑๒๘

พระครูปลัดมงคลวรวัฒน์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย(พระอารามหลวง)

โทรศัพท์ ๐-๘๑๙๕-๔๑๖๒-๗

พระครูอนุกลูศิลาเขต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย(พระอารามหลวง)

โทรศัพท์ ๐-๘๙๕๗-๑๔๙๗-๓

นายไพรัตน์ ภาสอน  กรรมการที่ปรึกษาวัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง)

โทร ๐-๘๑๙๗-๕๑๐๘-๔

วิทยุโพธิ์ชัยใต้ร่มพุทธธรรม

สถานีวิทยุกระจายเสียงพระพุทธศาสนาแห่งชาติจังหวัดหนองคาย

FM ๙๗.๗๕ MHz

โทรศัพท์ ๐-๔๒๔๖-๑๑๒๓,๐-๔๒๔๑-๓๗๒๓ โทรสาร ๐-๔๒๔๖-๑๑๒๔

อีเมล์ www.watphochai_nongkhai@hotmail.com

www.to_teerawat@hotmail.com
12  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watpochaisri.org/ วัดโพธิชัยศรี อุดรธานี เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2013, 09:57:48 am


http://watpochaisri.org/
วัดโพธิชัยศรี อุดรธานี


13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การวางอารมณ์ ใจให้เป็นกลาง คือการท่อง กรรมฐาน บทใด บทหนึ่ง เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 06:44:54 am
 ask1
การวางอารมณ์ ใจให้เป็นกลาง คือการท่อง กรรมฐาน บทใด บทหนึ่ง ใช่หรือไม่ครับ เพราะถ้าหากเราไม่พอใจ หรือ พอใจ ในขณะนั้น เราจะหลุดจากอำนาจความพอใจ หรือ ไม่พอใจในส่วนนั้นได้อย่างไร กันครับ

  thk56
14  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อารมณ์ กรรมฐาน ที่สำคัญต่อ วิปัสสนา คือ ส่วนไหนครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2013, 06:43:17 am
 ask1
อารมณ์ กรรมฐาน ที่สำคัญต่อ วิปัสสนา คือ ส่วนไหนครับ
   ทราบว่าการปฏิบัตินั้นเพื่อการทำวิปัสสนา หรือ เพื่อ ญาณ แต่ไม่ทราบว่าอารมณ์กรรมฐาน ส่วนไหนครับที่ใช้เป็นอารมณ์ เพื่อ วิปัสสนา ครับ


   thk56
 
15  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / กำหนดการปฏิบัติธรรม ที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม 24-25-26 ก.พ.56 เมื่อ: มกราคม 29, 2013, 08:21:12 am


  ขอบคุณภาพ จากทีมงาน มัชฌิมา ที่นำภาพมาบอกกุศลภาวนา ที่ Facebook ด้วยครับ

  thk56 st11 st12

แยกหัวข้อมาจาก

กำหนดการปฏิบัติธรรม ปี 2556 ที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม ไตรมาสแรก ( ม.ค.-มี.ค.56)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=9639.0
16  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / พิธีเททองหล่อพระสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ หน้าตัก 30 นิ้ว 24 ก.พ.56 เมื่อ: มกราคม 29, 2013, 08:14:58 am



ขอเชิญ ท่านสาธุชน ท่านผู้มีจิตเป็นกุศล และ พุทธบริษัท
ร่วมเป็นเจ้าภาพร่วม ใน พิธีเททองหล่อพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์
สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว
เพื่อฉลองปีพุทธชยันตี และ วันมาฆบูชา ประจำปี 2556


ใน วันอาทิตย์ ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งตรงกับ
 วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2556


เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แด่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ องค์ปฐมบรมหาจักรพรรดิ จนถึง
องค์ปัจจุบันบรมมหาจักพรรดิ สมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่ เถื่อน) และ พระอรหัตตสาวกทุกๆ พระองค์
เพื่อเป็นการสืบทอด พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ และ พระศาสนา ให้มั่นคงถาวร สืบต่อไป
ณ โรงหล่อพระวิจิตรทัศนา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

เวลา 10 นาฬิกา 19 นาที
ท่านสามารถร่วมบุญกุศลได้ตามกำลังศรัทธาไม่จำกัด นำจตุปัจจัยใส่ซองผ้าป่า นำจตุปัจจัย หรือ นำทองเหลืองมาร่วมทำบุญ เพื่อจะได้รวบรวมสมทบทุนใช้ในพิธีเททองหล่อพระพุทธรูป สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ
ขออวยพรให้ท่านสาธุชนที่ได้ร่วมบุญกุศลในครั้งนี้ จงประสบสุข สัมฤทธิผลในกิจการงานทั้งหลายทั้งปวงแคล้วคลาดจากภยันตราย เจริญด้วยโภคสมบัติ บริวารสมบัติ จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยจตุรพิศพรชัยทั้งสี่ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ประกอบไปด้วยปฏิภาณธนสารสมบัติ จงเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข แก่ท่านทั้งหลายด้วย .....เทอญ


ขอเชิญ ท่านสาธุชน ท่านผู้มีจิตเป็นกุศล และ พุทธบริษัท ทั้งหลาย
ร่วมเป็นเจ้าภาพร่วม ใน พิธีเปิดเนตร และ ถวาย พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์
สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิ ขนาดหน้าตัก 30 นิ้ว
เพื่อฉลองปีพุทธชยันตี และวันวิสาขบูชา ประจำปี 2556

ใน วันเสาร์ แรม 1 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งตรงกับ วันที่ 26 พฤษภาคม 2556


เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แด่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่ องค์ปฐมบรมหาจักรพรรดิ จนถึง
องค์ปัจจุบันบรมมหาจักพรรดิ พระอรหัตตสาวกทั้งหลาย และ สมเด็จพระสังฆราช(สุก ไก่ เถื่อน)
เพื่อเป็นการสืบทอด พระกรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ ให้มั่นคงถาวร สืบต่อไป

ณ วัดดอยสดับพิณ
(บ้านแม่ผักแหละ)
ตำบล ท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
เวลา 9 นาฬิกา 19 นาที



อานิสงส์การสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม
คติความเชื่อของพุทธศาสนิกชนเชื่อว่าอานิสงส์สร้างพระได้ชื่อว่าเจริญกรรมฐานข้อพุทธานุสติและเป็นการบูชาพระรัตนตรัยสร้างบุญกุศลที่มั่นคงถาวรชั่วนิจนิรันดร์กาลทั้งแก่ตนและแก่บุคคลผู้ร่วมอนุโมทนาสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แผ่ไพศาลไปได้ไกลได้ร่วมกิจกรรมอันจักนำประโยชน์สุขสู่ตนและสู่สังคม ดังนี้
1. การไม่กลับมาเกิดอีก หรือ การได้ไปนิพพานเร็ว เพราะผู้ที่สร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่า เป็นพระพุทธเจ้าต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด
2. เป็นผู้มีบุญมากผู้ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะถูกบันทึกอยู่ในบัญชีทอง ซึ่งเป็นบัญชีทองคำของผู้ที่จะต้องเข้านิพพานเร็ว
3. เป็นผู้มีโชคลาภสูง
4. ผู้นั้นจะมีอำนาจวาสนา / ตำแหน่ง / เกียรติยศ ชื่อเสียง เจริญก้าวหน้าในการทำงานและกิจการอื่นๆ
5. จะได้รับความสุขกาย สุขใจ อุดมด้วยโภคทรัพย์
6. เป็นที่รักแก่มนุษย์ เทพยดาให้ความคุ้มครองรักษา
7. เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
8. มีรูปร่างงดงาม มีสติปัญญา มีฤทธานุภาพยืนยาว
9. เคราะห์ กรรม ทุกข์โศก จะบรรเทาจางหาย
พระคาถาบูชาสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
นะโม กาเยนะ วาจายะ เจตะสา วา วะชิรัง นามะ ปะฏิมัง อิทธิธรรมะปาฏิหาริยะกะรัง สมเด็จพ่อองค์ปฐมต้นพุทธะรูปัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา อะหัง วันทามิ สัพพะโส สะทา โสตถี ภะวันตุ เม
(สวดอย่างน้อย 9 จบ ตลอดเวลา)

คาถาแผ่เมตตาขอบารมีสมเด็จองค์ปฐม(แปล)(พระคาถาบูชาองค์ปฐมพระพุทธเจ้า)
นะโมพระพุทธสิกขีพระพุทธเจ้า ขอได้โปรดดลบันตาลให้สรรพสัตว์ทั้งสามโลก ได้หลุดพ้นจากภัยพิบัติวัฏฏะสงสารโดยสิ้นเชิง ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณ ลูกขอนอบน้อมนมัสการด้วยจิตใจ ขอให้ลูกมีจิตสะอาดสว่างใส หลุดพ้นไซร้สู่บ้านนิพพานเทอญ สัมปะจิตฉามิ
(สวดอย่างน้อย 9 จบ ตลอดเวลา)

ประธานฝ่ายสงฆ์ (วันเททองหล่อองค์พระ)
พระครูสิทธิสังวร (หลวงพ่อวีระ ศิษย์ ไก่เถื่อน)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดราชสิทธาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพ ๑๐๖๐๐
ประธานฝ่ายสงฆ์ (วันถวายองค์พระ)
พระภาสน ถิรจิตฺโต
เจ้าอาวาส วัดดอยสดับพิณ (บ้านแม่ผักแหละ) ตำบล ท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย
ประธานฝ่ายฆราวาส
คุณวิสิทธิ์ – คุณศรีสวาสดิ์ น้อยพันธุ์ และ ครอบครัว ดร. พงษ์ไพโรจน์ รัชตะทรัพย์ และ ครอบครัว
คุณสรรค์หทัย – คุณรณกฤต - คุณณฐมน และ คุณปวศร น้อยพันธ์
คุณวิชัย–คุณพรรษธร–คุณภูริวัฎ(ปภูมิ)–คุณพิมวิภา–คุณชัชวัสส์(ศุภกฤต) และ คุณย่าประยงค์ จึงรักเกียรติ
ผศ. ดร. อมรา รัตตากร และ ครอบครัว ร้านทองดีจริง ตลาดหนองแค จ. สระบุรี
คุณพรเทพ – คุณนิตยา เลิศปรัชญา และ ครอบครัว คุณบุญญฤทธิ์ อาสิงสมานันท์
คุณวัชราพงษ์ – คุณระวีวรรณ สำอางค์ และ ครอบครัว คุณแม่สุรีย์ อาสิงสมานันท์
คุณชาลี แซ่ตัน - คุณมงคล นราสุวรรณ และ ครอบครัว คุณอาทิตย์ ปฐมวาณิชย์ และ ครอบครัว
คุณกฤษณ – คุณชวนพิศ จังตระกูล และ ครอบครัว พ.อ. ธนภูมิ – อ ชนาพร วทัญญู
คุณธนากร – คุณศิรินภา ประดิษฐ์อาชีพ และ ครอบครัว คุณธณกร ดำรงปราโมทย์
คุณนภา – โพธิ์ชนะศรีชัย และ ครอบครัว
คณะศิษย์เก่าโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) รุ่นที่ 22
โครงการปรัชญาดุษฎีบัณทิต สาขา การจัดการ มหาวิทยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม
โครงการบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัย ราชภัฏจันทรเกษม
โครงการบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (Thai Internet class) มหาวิทยาลัยพิษณุโลก
ประธานร่วมฝ่ายฆราวาส
คุญอินทิรา – คุณเงาเทียน คงหมวก และ ครอบครัว คุณธีระพร อัมพะวา และ ครอบครัว
พ.ต.ท. ณัทปกรณ์ – คุณรชยา ปัญญาดี และ ครอบครัว ดร. หยกฟ้า พึ่งพล และ ครอบครัว
คุณลือศักดิ์ ลีกระจ่างแสง และ ครอบครัว คุณคำนวณ – คุณอุบล จันอ้น และ ครอบครัว
อ. สมศักดิ์ – คุณวันเพ็ญ วยะนันทน์ และ ครอบครัว คุณชิสากัณท์ ปิยะไพศรี และ ครอบครัว
คุณสุเมธ – คุณมณีนุช อนุสิทธิ์ศุภการ และ ครอบครัว คุณกนกวรรณ บุญปลูก และ ครอบครัว
คุณยิ่งศักดิ์ – คุณธารกมล อนุสิทธิ์ศุภการ และ ครอบครัว คุณกิริยา สุนนทวุฒิ และ ครอบครัว
อ. พเยาว์ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา และ ครอบครัว คุณอนุศาสตร์ สระทองเวียน และ ครอบครัว
คุณพิบูล – คุณมลธิรา อังกุรวสพร และครอบครัว คุณสุรพงษ์ วัชรจิตต์ และ ครอบครัว
คุณวิทูรย์ – ผ.อ. ศิริพร เหลืองวิไล และ ครอบครัว คุณรักเกียรติ โรจน์กัญญาพร และ ครอบครัว
คุณเอกรินทร์ มณีประสิทธิ์ และ ครอบครัว คุณณัฐพล รัตนพันธุ์วรกุล และ ครอบครัว
รศ. ว่าที่ร้อยโท พิชัย สดภิบาล และ ครอบครัว คุณบุหลันฉาย สมรรถนเรศวร์ และ ครอบครัว
คุณณัฐวุฒิ สัตตะรุจาวงษ์ และ ครอบครัว คุณปัจจ์ บุญกาญจน์วนิชา และ ครอบครัว
ดร. พิมพร จันทร์ดี และ ครอบครัว คุณบุญนิสา บุญนาค และครอบครัว
คุณประดิษฐ์ –คุณสุภัลรดา สันธินาค และ ครอบครัว คุณอัยกา ประดิษฐ์ และครอบครัว
อ. อนุศาสตร์- คุณอุษาวดี และ ครอบครัว คุณภาวินี นาคดี ( หมู่บ้านกองเงิน )
คุณวันทนี เจริญเศรษฐศิลป์ และ ครอบครัว

ประธานร่วมฝ่ายฆราวาส (ต่อ)
ดร. อมรา ติรศรีวัฒน์ คุณสุภกาญจน์ อุปถัมภ์ คุณอังคาร ชัยสุวรรณ
คุณสัญญา มัครินทร์ คุณวรินทร์พร ชูกิจไพบูลย์ คุณศักดิ์นรินทร์ ยุทธกิจ
คุณธนากร แก้วมณี คุณญาณิศา มงคลพิทักษ์สุข คุณศรออ แทนสุวรรณ คุณนภัสสร ตื่มสูงเนิน คุณสุรีย์พร โตนาคน้อย คุณลัดดาวรรณ์ ศรีกรด
คุณธีรดา วั ลลิภากร คุณพรหมมา งามไพบูลยฺ์ ร.ต.ท. ภัคภร ปั้นก้อน
คุณยุทธนา สนทนา คุณกาญจนา ชูชัย คุณอดุลย์ คล้ายพุฒ
คุณคมสิทธิ์ ฝันเซียน คุณมานพ วรจิตจำนง คุณวิสา รัตตประดิษฐ์
คุณสถาพร สวัสดิ์ทูลเกียติ คุณศรินทร์ ขันติวัฒนะกุล คุณสิริพัฒน์ เสวิกุล
คุณวินัย ไพรพิสุทธิ์ คุณจิรวุฒิ ดีวงษา คุณวิโรจน์ บูชิกานนท์
คุณเจณิภา คงอิ่ม คุณกรันย์พัฒน์ อิ่มประเสริฐ คุณณัฏฐ์อัณณ์ ปาวสานต์
คุณปนาท คลังภักดี คุณณัฐปคัลภ์ กรุดทิม คุณพณช พูลผล
คุณไตรยเศรษฐ์ นามราษฎร์ ดร. กิติมาพร ชูโชติ ดร.รัฐนันท์ พงศ์วิริทธิ์ธร
คุณภูมิภัทร์ ศรีปาน คุณธันยนันท์ มงคลธิติวัฒน์ คุณอรัญญา ชินพระวงศ์
ส.อ.ศรีนคร หมื่นเอม คุณมณฑล ช่วยยก คุณอัฐพล สุจีรพงศ์สิน
คุณณัฐวดี รุ่งประเสริฐผล คุณทศวัฒน์ หอมแก่นจันทร์ คุณมลฤดี ดอนศรีจันทร์
17  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / หนังสือสมถะ-วิปัสสนา จากพระไตรปิฏก ขนาด 8 หน้ายก 480 หน้า เมื่อ: มกราคม 21, 2013, 09:42:50 am




หนังสือสมถะ-วิปัสสนา จากพระไตรปิฏก ขนาด 8 หน้ายก 480 หน้า จำนวน 3,000 เล่ม บริจาคช่้วยพิพม์ โทร. 084-651-7023 หรือโอนเงิน ธนาคารกสิกรไทย บัญชีออมทรัพย์ สาขา โพธิสามต้น เลขที่บัญชี 067-2-83847-9 ในนามพระวีระ สุขมีทรัพย์


http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
18  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ย้ายแล้ว: เชิญชวนเพื่อนๆและคนไทยทั่วประเทศร่วมกันส่งไปรษณียบัตรให้กำลังใจและ อวยพรปีใหม เมื่อ: มกราคม 19, 2013, 04:34:24 am
หัวข้อนี้ได้ถูกย้ายไปบอร์ด ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน.

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=9788.0
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ องค์ใหญ่ที่สุด ..... ใหญ่จริง ๆ นะ เมื่อ: มกราคม 17, 2013, 09:57:19 am
หลังจากพระพุทธรูปที่ตาลีบัน ถูกทำลายลงไป ความโด่งดัง ความยิ่งใหญ่ในงานศิลปะพระพุทธรูป ก็ดูจะถูกบันทอน  เราไม่เคยได้ยินงานบุญใดๆที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปขนาดใหญ่สักเท่าไร   แต่ไม่น่าเชื่อว่า 25 ปีที่แล้ว หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ อดีตเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ได้ คิดและตั้งมั่นที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่หน้าตัก 1 ไร่ 9 ตรางวา ใครจะไปเชื่อพร้อมๆกับ การก่อสร้างวัด ก็คือ การสร้างพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ
หลังจากสร้างตั้งแต่ปี 2526 จนถึงปี 2544 ใช้เงินไป 50 ล้านบาท แต่ก็ยังทำได้แค่ครึ่งองค์ เนื่องจากหลวงพ่อเกษมได้มรณะภาพไป งานก็มาสะดุดลง ทิ้งโครงสร้างเอาไว้

แม้น เวลาจะเดินทางรวดเร็ว จนหลวงพ่อมรณะภาพไปแล้วก็ตาม แต่บุญครั้งนี้ได้ถูกสานต่อและสร้างจนแล้วเสร็จ งดงามอย่างหาที่ติมิได้ วัดหัวตะพาน จากเคยเป็นวัดร้างไป
ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย พอกรุงแตกก็ถูกทิ้งรกร้าง แต่ก็มีพระ คือหลวงพ่อเกษม เดินทางมาบูรณะ และสร้างงานศิลปะให้พระพุทธศาสนา เริ่มจาก โบสถ์ที่มีดองบัวโอบอุ้มใหญ่ที่สุดในโลกวิหารเงิน(ที่ประดับด้วยกระจกสะท้อน ทั้งหลัง สวนนรกภูมิที่สอนเตือนจิตใจให้กับประชาชนที่เดินทางมาทำบุญไม่ให้ประมาทใน การดำเนินชีวิต และงาน
ชิ้นสำคัญที่เริ่มทำพระพุทธมหานวมินทรศากยมุนีศรี วิเศษชัยชาญ งานศิลปะปูนปั้นใหญ่ที่สุดในโลก ปางมารวิชัย โดยมีหน้าตักกว้างถึง 67 เมตร(เข่าซ้ายถึงเข่าขวา) และสูงถึง 92 เมตร สร้างนานถึง 25 ปีเต็ม เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาให้กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์อุปถัมป์พุทธศาสนา

และต่อมาทางกรมราชองค์รักษ์ โดยพล.อ ณพล บุญทับ ได้เป็นเจ้าภาพตั้งกองทุนเพื่อสานต่อความตั้งใจเดิมของหลวงพ่อเกษม ระดมเงินสร้างต่อ จนถึง 105 ล้านบาท เพื่อจะถวายเนื่องในวโรกาส 80 พรรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปลายปี การก่อสร้างได้สำเร็จลุร่วมถึง 90 เปอร์เซนต์ เหลือแต่ปูหินอ่อน ด้านฐาน และ เรื่อนรับเสด็จพระพุทะมหานวมินทรฯ ถือเป็นสัญลักษณ์ในศาสนาพุทธ ที่ยิ่งใหญ่ และสวยงามที่สุดในโลกก็ว่าได้ หากจะ ดูพระพักต์ต้องถ้อยออกจากฐานประมาณ 100 เมตร และถ้าจะเดินเวียนฐาน ต้องใช้เวลาเดิน ประมาณ 3 นาที ในตัวองค์พระมีบรรไดขึ้นไปชมทัศนียภาพ รอบวัด สามารถขึ้นไปได้ประมาณ ช่วงท้องเท่านั้น งานก่อสร้างใช้คนงานที่รับช่วงนานขนาดลูกที่เกิดมายังช่วยมาสร้างพระต่อ

อยากลองขี่จักรยานไปเหมือนกันครับ แต่ไปกลับ 240 กิโล คงต้องฟิตร่างกายอีกเยอะเลยครับ

ขาไป: ซอยอารีย์ - อ.วิเศษชัยชาญ จ. อ่างทอง = 120 กม.











ที่มาจาก fwd

และเครดิตเว็บนี้ครับ http://smfforums.sotorn.net/index.php?topic=3410.0
20  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / กำหนดการปฏิบัติธรรม ปี 2556 ที่ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม ไตรมาสแรก ( ม.ค.-มี.ค.56) เมื่อ: ธันวาคม 31, 2012, 03:08:46 pm


กำหนดการปฏิบัติธรรม ปี 2556 ( ไตรมาสแรก )

วันเสาร์ที่ 26 - วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม 2556

วันเสาร์ที่ 23 -วันอาทิตย์ที่ 24 วันจันทร์ที่ 25(มาฆบูชา) กุมภาพันธิ์ 2556

วันเสาร์ที่ 23 - วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2556

วัดราชสิทธาราม
ถนนอิสรภาพ ซ.อิสรภาพ23 บางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ

โทร.084-651-7023


http://www.somdechsuk.org/node/297





ส่วนภาพประกาศ รออนุเคราะห์ สมาชิก ที่ได้ถ่ายภาพงานสิ้นปี ต้นปี ส่งภาพมาให้ชมกันครับ
21  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ด่วน ! ตอนนี้หนังสือใกล้หมดแล้ว! พระประวัติสมเด็จ (สุก ไก่เถื่อน ) เมื่อ: ธันวาคม 03, 2012, 11:04:36 am




ด่วน ! ตอนนี้หนังสือใกล้หมดแล้ว!!!!!!!!!!

 
หนังสือรวมพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร ( สุก ไก่เถื่อน )
 
ปกแข็ง( ขนาด ๘ หน้ายก) จำนวน ๕๖๐ หน้า  ราคา 250 บาท เท่านั้น!!

 
สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อได้ที่ คณะ 5 วัดราชสิทธิธาราม (วัดพลับ)
มูลนิธิสถาบันปฏิบัติกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ
โทร 084-651-7023  และ  084-454-9891 (หลวงพ่อวีระ )
 
รายได้เพื่อสมทบทุนมูลนิธิฯ
เพื่อจัดพิมพ์หนังสือสมณะ-วิปัสสนาจากพระไตรปิฏก ตามแนวสมเด็จ สุก ไก่เถื่อน
ปกแข็ง (8 หน้ายก) จำนวน 375 หน้า


ที่มาข่าวสาร เชิญไปอ่านต่อที่นี่นะครับ
http://www.themajjhima.com/
22  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / สวดมนต์ข้ามปี ทำความดี ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ 31 ธ.ค.55 -1 ม.ค.56 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2012, 10:58:53 am



สวดมนต์ข้ามปี ทำความดี ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่

  31 ธ.ค. 55 - 1 ม.ค.56 สวดมนต์ข้ามปี

  ที่คณะ 5 และที่พระอุโบสถ วัดราชสิทธาราม
  ถนนอิสรภาพ ซ.อิสรภาพ23 บางกอกใหญ่
  กรุงเทพฯ
  โทร.084-651-7023

เขียนโดย หลวงพ่อวีระ weera2548
เมื่อ ส, 23/06/2012 - 14:03

กำหนดการ สวดมนต์ข้ามปี ทำความดี ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่

31 ธ.ค. 55-1ม.ค.56 ส่งท้ายปีเก่า- ต้อนรับปีใหม่

ที่คณะ 5 และพระอุโบสถ วัดราชสิทธาราม (พลับ)

ถนนอิสรภาพ ซ.อิสรภาพ23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ โทร.084-651-7023

 กำหนดการส่งท้ายปีเก่า55-ต้อนรับปีใหม่ 56


วันที่  31 ธ.ค. 55-1 ม.ค.56

     เวลา 09..30 -           น.         ลงทะเบียน  ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา 

     เวลา 07.30 - 08.00  น.           รับประทานอาหารเช้า นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม

     เวลา 11.00 – 13.00  น.           รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย   

     เวลา 13.00 - 14.00  น.           ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ   

     เวลา 14.00 - 16.30  น.           เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม   ทำธุระส่วนตัว   

     เวลา 22.00 - 24.01  น.           ทำวัตร สวดธรรมจักร  สวดมนข้ามปี


  รอเพื่อน ๆ ทำภาพ Banner มาใส่ แจ้งผมที่ข้อความส่วนตัวนะครับ
23  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.themajjhima.com มูลนิธิสถาบันปฏฺิบ้ติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ เมื่อ: ธันวาคม 03, 2012, 10:28:42 am

มูลนิธิสถาบันปฏฺิบ้ติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ



http://www.themajjhima.com
มูลนิธิสถาบันปฏฺิบ้ติกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ

ปล.ความเห็นส่วนตัวนะครับ
อ่านให้ดีนะครับ เดี๋ยวจะพิมพ์ผิดกัน
 ตอนแรกผมอ่านเป็น ทีม เลยพิมพ์ผิด teammajjhima ( ยังงี้เข้าไม่ได้นะครับ )
ต้องอ่านว่า เดอะ มัขฌิมา นะครับ
 themajjhima ( ซึ่งเป็นการสะกดตามอักษรจริง )
 แตกต่างจาก madchima อันนี้เน้นเสียงอ่าน

 มีเว็บบอร์ด ถามตอบกับ หลวงพ่อวีระ ( โดยตรง ด้วยนะครับ )
แต่ผมว่าก็มีเหมือน ดอทคอม และ ดอทโออาร์จี
หลายบอร์ดมาก จะลำบากในการดูแลนะครับ



ติดต่อทีมงาน
พระวีระ ฐานวีโร
วัดราชสิทธาราม คณะ5
ซอยอิสรภาพ23 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม
10600
มือถือ 0846517023   


 
เกี่ยวกับมูลนิธิ ( อ่านที่ลิงก์นี้นะครับ )
http://www.themajjhima.com/?i=1&p=38



ก็เป็นอีกเว็บหนึ่ง ของ คณะ 5 วัดราชสิทธาราม


  เว็บของคณะ 5 วัดราชสิทธาราม โดยตรงนะครับ
 
 http://www.somdechsuk.org
 http://www.somdechsuk.com
 http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon
 http://www.themajjhima.com/

ยังอีก 4 เว็บแต่ผมยังจำชื่อได้ไม่แม่น ขอเวลาค้นก่อนนะครับ
 
24  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / โปรแกรมพระไตรปิฏก จุฬา ฉบับ สีฟ้า เต็ม เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2012, 01:00:25 pm

ได้รับความอนุเคราะห์ จากพระอาจารย์
ก็เลยคิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับหลาย ๆท่านอีกนะครับ



ดาวน์โหลด คลิ๊กที่ภาพด้านล่าง
แล้วรอสักครู่ นะครับ แนะนำควรมีโปรแกรมดาวน์โหลด เช่น IDM เป็นต้น




25  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / มติสงฆ์จากจตุรทิศ เรื่อง ลงนิคคหกรรมคว่ำบาตรผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กสทช. เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2012, 10:06:05 am
มติสงฆ์จากจตุรทิศ

เรื่อง ลงนิคคหกรรมคว่ำบาตรผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กสทช.

ณ วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

โปรดอ่านต่อ และ ร่วมกันเผยแพร่ ที่ลิงก์นี้ครับ
http://www.luangta.com/info/news_text.php?cginews_id=462&type=




26  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ความเอิบอิ่มใจ อันเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของฌาน เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2012, 09:39:41 am
ความเอิบอิ่มใจ อันเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งของฌาน เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความสงบของจิต ปีตินี้จะเกิดแก่คนทุกคนที่ได้ทำสมาธิ แม้เมื่อจิตเริ่มสงบ ยังไม่ได้สมาธิ ปีติบางอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เช่น มีอาการเหมือนกับมดหรือไรมาไต่บนใบหน้า หรือตัวเบา เป็นต้น ลักษณะของอาการปีติมีมาก เกิดแก่นักปฏิบัติเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง ทั้งนี้เพราะบุญบารมีที่สั่งสมมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน และเพราะวิธีปฏิบัติของแต่ละท่านไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อกล่าวโดยสรุป แล้วปีติมี 5 อย่าง คือ

1. ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน
5. ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน

ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย

เช่น เกิดขนลุกชูชันขึ้น เกิดน้ำตาไหล บางครั้งก็เกิดขนลุกซู่ทั่วร่างกาย บางทีก็เกิดผมตั้งชูชันขึ้น แต่เกิดนิดหน่อย แล้วก็ดับไป นี้คือลักษณะของขุททกาปิติ ซึ่งเกิดแก่นักปฏิบัติบ่อย แต่ไม่ใช่ทุกท่าน

ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ

เช่น รู้สึกเสียวแปลบขึ้นตามร่างกายเหมือนสายฟ้าแลบ แต่พักหนึ่งก็ดับไป หรือบางครั้งเกิดคันตามใบหน้าเหมือนมีมดหรือมีไรมาไต่ หรือเหมือนกับมีใยแมงมุมมาพาดบนใบหน้า บางทีเนื้อตัวกระตุก หรือบางทีกระดูกสันหลังกระตุก บางทีเส้นกระตุก ปิติชนิดนี้มักจะบังเกิดแก่นักปฏิบัติทุกท่าน แต่อาการเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง

โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ

ปิติเช่นนี้จะรู้สึกซู่ซ่าแรงกว่าขณิกาปิติ คือแรงกว่าสายฟ้าแลบ มีอาการเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง บางทีเหมือนกับคนนั่งเรือไปในมหาสมุทรถูกคลื่น ทำให้รู้สึกโคลงเคลงเหมือนจะล้ม ลักษณะเช่นนี้ ถ้าใครเกิดปิติเช่นนี้ขึ้น บางทีจะรู้สึกรำคาญ เพราะว่าขณะที่เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่นั้น ตึกทั้งหลังหรือแม้แผ่นดินที่ตนเดินหรือนั่งบางครั้งอยู่จะรู้สึกตะแคง บางท่านเข้าใจว่าปิตินั้นต้องรู้สึกอิ่มใจ แต่นี้ไม่เสมอไป เช่น โอกกันติกาปิตินี้ มักจะรู้เฉยๆมากกว่า แต่ปิติข้อสุดท้าย คือ ผรณาปิติมีความอิ่มใจอย่างเห็นได้ชัด

อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน

ปิตินี้มีลักษณะทำให้ใจฟู บางทีทำให้การกระทำบางอย่างเกิดขึ้นเว้นจากเจตนาก็มี เช่น เปล่งอุทาน เป็นต้น หรือบางท่านมีตัวลอยขึ้นเหนือพื้น ซึ่งยังปรากฎว่ามีอยู่ในหมู่นักปฏิบัติในปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่าง ประเทศ

ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน

คือ ทำให้รู้สึกซาบซ่านเอิบอิ่มไปทั่วร่างกาย ถ้าใครเคยประสบมาแล้วจะรู้สึกพอใจมาก เพราะรู้สึกซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ปิติประเภทนี้ เป็นปิติโดยองค์ฌานโดยตรง แต่ผู้ปฏิบัติที่ยังไม่ถึงขั้นฌานบางท่าน ก็เกิดปิติชนิดนี้ได้เหมือนกัน

นี้คือลักษณะของปิติ 5 ประการที่เกิดขึ้นแก่ผู้บำเพ็ญสมาธิหรือวิปัสสนา แต่ปิติในองค์ฌานเป็นผรณาปิติ คือ ปิติซาบซ่าน ส่วนอีก 4 ชนิด ย่อมเกิดได้แก่ผู้บำเพ็ญสมาธิและวิปัสสนาทั่วไป แม้จะไม่ได้ฌานก็ได้ และไม่ใช่ปิติในองค์ฌาน  เป็นผลที่เกิดขึ้นจากความสงบของจิต ปีตินี้จะเกิดแก่คนทุกคนที่ได้ทำสมาธิ แม้เมื่อจิตเริ่มสงบ ยังไม่ได้สมาธิ ปีติบางอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว เช่น มีอาการเหมือนกับมดหรือไรมาไต่บนใบหน้า หรือตัวเบา เป็นต้น ลักษณะของอาการปีติมีมาก เกิดแก่นักปฏิบัติเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง ทั้งนี้เพราะบุญบารมีที่สั่งสมมาไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน และเพราะวิธีปฏิบัติของแต่ละท่านไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน แต่เมื่อกล่าวโดยสรุป แล้วปีติมี 5 อย่าง คือ

1. ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย
2. ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ
3. โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ
4. อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน
5. ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน

ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย

เช่น เกิดขนลุกชูชันขึ้น เกิดน้ำตาไหล บางครั้งก็เกิดขนลุกซู่ทั่วร่างกาย บางทีก็เกิดผมตั้งชูชันขึ้น แต่เกิดนิดหน่อย แล้วก็ดับไป นี้คือลักษณะของขุททกาปิติ ซึ่งเกิดแก่นักปฏิบัติบ่อย แต่ไม่ใช่ทุกท่าน

ขณิกาปิติ ปิติชั่วขณะ

เช่น รู้สึกเสียวแปลบขึ้นตามร่างกายเหมือนสายฟ้าแลบ แต่พักหนึ่งก็ดับไป หรือบางครั้งเกิดคันตามใบหน้าเหมือนมีมดหรือมีไรมาไต่ หรือเหมือนกับมีใยแมงมุมมาพาดบนใบหน้า บางทีเนื้อตัวกระตุก หรือบางทีกระดูกสันหลังกระตุก บางทีเส้นกระตุก ปิติชนิดนี้มักจะบังเกิดแก่นักปฏิบัติทุกท่าน แต่อาการเหมือนกันบ้าง ไม่เหมือนกันบ้าง

โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ

ปิติเช่นนี้จะรู้สึกซู่ซ่าแรงกว่าขณิกาปิติ คือแรงกว่าสายฟ้าแลบ มีอาการเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่ง บางทีเหมือนกับคนนั่งเรือไปในมหาสมุทรถูกคลื่น ทำให้รู้สึกโคลงเคลงเหมือนจะล้ม ลักษณะเช่นนี้ ถ้าใครเกิดปิติเช่นนี้ขึ้น บางทีจะรู้สึกรำคาญ เพราะว่าขณะที่เดินจงกรมหรือนั่งสมาธิอยู่นั้น ตึกทั้งหลังหรือแม้แผ่นดินที่ตนเดินหรือนั่งบางครั้งอยู่จะรู้สึกตะแคง บางท่านเข้าใจว่าปิตินั้นต้องรู้สึกอิ่มใจ แต่นี้ไม่เสมอไป เช่น โอกกันติกาปิตินี้ มักจะรู้เฉยๆมากกว่า แต่ปิติข้อสุดท้าย คือ ผรณาปิติมีความอิ่มใจอย่างเห็นได้ชัด

อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน

ปิตินี้มีลักษณะทำให้ใจฟู บางทีทำให้การกระทำบางอย่างเกิดขึ้นเว้นจากเจตนาก็มี เช่น เปล่งอุทาน เป็นต้น หรือบางท่านมีตัวลอยขึ้นเหนือพื้น ซึ่งยังปรากฎว่ามีอยู่ในหมู่นักปฏิบัติในปัจจุบันทั้งในประเทศไทยและต่าง ประเทศ

ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน

คือ ทำให้รู้สึกซาบซ่านเอิบอิ่มไปทั่วร่างกาย ถ้าใครเคยประสบมาแล้วจะรู้สึกพอใจมาก เพราะรู้สึกซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ปิติประเภทนี้ เป็นปิติโดยองค์ฌานโดยตรง แต่ผู้ปฏิบัติที่ยังไม่ถึงขั้นฌานบางท่าน ก็เกิดปิติชนิดนี้ได้เหมือนกัน

นี้คือลักษณะของปิติ 5 ประการที่เกิดขึ้นแก่ผู้บำเพ็ญสมาธิหรือวิปัสสนา แต่ปิติในองค์ฌานเป็นผรณาปิติ คือ ปิติซาบซ่าน ส่วนอีก 4 ชนิด ย่อมเกิดได้แก่ผู้บำเพ็ญสมาธิและวิปัสสนาทั่วไป แม้จะไม่ได้ฌานก็ได้ และไม่ใช่ปิติในองค์ฌาน



27  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปลาอานนท์ กับ พระอานนท์ เกี่ยวข้องกันอย่างไร เชิญอ่าน เมื่อ: ตุลาคม 02, 2012, 02:18:26 pm
   

เรื่องปลาอานนท์มีอรรถกถาเยอะแยะ  ทำไมต้องใบ้กินด้วยนะ สัตว์ใต้ทะเลมีอีกมากมายที่มนุษย์ยังค้นไม่เจอ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็เจอสัตว์ใหม่ๆคลอดเวลา

http://www.watkoh.com/forum/archive/index.php/t-3299.html

อรรถกถา สังยุตตนิกาย นิทานวรรค อภิสมัยสังยุตต์ ทุกขวรรคที่ ๖
๑๐. นิทานสูตร
อรรถกถานิทานสูตรที่ ๑๐

" ท่านพระอานนท์ผู้ถึงพร้อมด้วยอภินิหารตลอดแสนกัป ก็เหมือนนักมวยปล้ำผู้ถูกเลี้ยงดูด้วยรสโภชนะอันดีตลอด ๖ เดือน. ก้อนหินที่นักมวยจะต้องยกเป็นของเบาสำหรับนักมวยปล้ำ เพราะนักมวยปล้ำมีกำลังมาก ฉันใด. ปฏิจจสมุปบาทพึงกล่าวว่าเป็นธรรมอันง่าย สำหรับพระอานนท์ เพราะพระเถระมีปัญญามาก แต่มิใช่เป็นธรรมอันง่ายสำหรับภิกษุเหล่าอื่น ฉันนั้น.

ก็ในมหาสมุทร ปลาใหญ่ชื่อติมิยาว ๒๐๐ โยชน์ ปลาติมิงคละยาว ๓๐๐ โยชน์ ปลาติเมรปิงคละยาว ๕๐๐ โยชน์. ปลา ๔ อย่างเหล่านี้ คือปลาอานนท์ ปลาปนันทะ ปลาอัชโฌหาระ ปลามหาติมิยาวตั้งพันโยชน์. ในปลาทั้ง ๔ อย่างนั้น ท่านแสดงด้วยปลาติเมรปิงคละนั่นเอง. เมื่อมันกระดิกหูขวา น้ำในพื้นที่ตั้ง ๕๐๐ โยชน์ก็จะเคลื่อนไหว หูซ้าย หาง หัวก็เหมือนกัน. แต่เมื่อมันกระดิกหูทั้ง ๒ ฟาดหางเอียงหัวไปมา เริ่มจะเล่นน้ำที่คนเอาใส่ภาชนะ น้ำในที่ ๗-๘ ร้อยโยชน์ก็กระเพื่อม เหมือนยกขึ้นตั้งบนเตา น้ำในพื้นที่ประมาณ ๓๐๐ โยชน์ก็ไม่อาจจะท่วมหลัง (ของมัน). มันพึงกล่าวอย่างนี้ว่า "ชนทั้งหลายกล่าวว่า มหาสมุทรนี้ลึก ความลึกของมหาสมุทรนั้นอยู่ที่ไหน. พวกเราไม่ได้น้ำแม้เพียงที่จะท่วมหลังของพวกเราได้" ในข้อนั้น พึงกล่าวว่า "มหาสมุทรตื้นสำหรับปลาเล็กเหล่าอื่น" ปฏิจจสมุปบาทก็เหมือนอย่างนั้นแหละ พึงกล่าวว่า "ง่ายสำหรับพระอานนท์ ผู้เข้าถึงญาณ (ผู้มีปัญญามาก) แต่ไม่พึงกล่าวว่า ง่ายสำหรับภิกษุเหล่าอื่น.

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=16&i=224

http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=315

ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันในโรงธรรมสภา พากันกล่าวโทษของภิกษุนั้นว่า กระทำกรรมเห็นปานนี้ เบื้องพระพักตร์ชื่อของพระศาสดา.
พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไรหนอ?
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ชื่อภิกษุนั้นละหิริและโอตตัปปะ เป็นคนเปลือยเหมือนเด็กชาวบ้านในท่ามกลางบริษัท ๔ เบื้องหน้าพระองค์ ผู้อันคนทั้งหลายรังเกียจอยู่ จึงเวียนมาเพื่อความเป็นคนเลว เสื่อมจากพระศาสนา ดังนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงนั่งประชุมกัน ด้วยการกล่าวโทษมิใช่คุณของภิกษุนั้น.
พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นเสื่อมจากศาสนาคือพระรัตนะ ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อนก็เป็นผู้เสื่อมแล้วจากอิตถีรัตนะเหมือนกัน.
แล้วทรงนำอดีตนิทานมาว่า
ในอดีตกาล ครั้งปฐมกัป สัตว์ ๔ เท้าทั้งหลายได้ตั้งราชสีห์ให้เป็นราชา พวกปลาตั้งปลาอานนท์ให้เป็นราชา พวกนกได้ตั้งสุวรรณหงส์ให้เป็นราชา.

http://www.84000.org/tipitaka/atita100/jataka500.php?s=32



ขอบคุณภาพจาก http://www.7wondersthailand.com
28  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / หนทาง ที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิด อีกนั้น ต้องใช้ สมถะ หรือ วิปัสสนา เมื่อ: กันยายน 25, 2012, 09:39:40 am
หนทาง ที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิด อีกนั้น ต้องใช้ สมถะ หรือ วิปัสสนา

  คือ ถ้าเรามีความต้องการคือไม่อยากมาเกิด อีก เราควรจะปฏิบัติ วิปัสสนา เลยหรือ ว่า ต้องไปเริ่มที่ สมถะ

 ขอบคุณมากครับ

  :c017: :25:
29  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คติธรรม ความจริง ของ ความจริง โปรดตระหนัก เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 05:18:23 pm


 :25: :25: :25:
30  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เมื่อปฏิบัติเดินตามสายกลาง คือ มรรค แล้วจะได้อะไร ? เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 05:05:56 pm


สภาวะมรรคผลนิพพาน
“ จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ “
บางตอนของบทสวดมนต์ที่ แปลว่า คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเป็นบุรุษได้ ๘ บุรุษ เป็นผู้ที่ควรเคารพกราบไหว้บูชา เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว ปฏิบัติชอบแล้ว ปฏิบัติสมควรแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อพ้นจากทุกข์แล้ว เป็นประโยคข้อความที่บอกถึงบุคคลที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้มรรค ๔ ผล ๔ เป็นผู้ละจากสัญโยชน์(เครื่องร้อยรัด) ๑๐ ประการตามลำดับ จนเป็นพระอริยะสาวก เป็นผู้รู้ธรรมเห็นธรรมซึ่งมีถึง ๘ ขั้น ที่เราเรียกว่าพระอริยะเจ้า การทรงสภาวะเป็นผู้ปลอดภัยจากอบายภูมิ และเป็นผู้เที่ยงแท้ในพระนิพพาน ผู้มีจิตในระดับนี้ย่อมเป็นผู้บริโภคสุขทางกายอันอาศัยอามิส(ปัจจัยเครื่องปรุงแต่งภายนอก) ลดน้อยลงไปตามลำดับ สามารถมีความสุขได้ยิ่งและมั่นคง เมื่อมีสภาวะธรรมสูงยิ่งๆขึ้นไป
ลำดับการเป็นอริยะเจ้านั้นมีดังนี้
๑. พระโสดาปัตติมรรค ๒. พระโสดาปัตติผล (ผู้ละสัญโยขน์ ๓ )
๓. พระสกิทาคามิมรรค ๔. พระสกิทาคามิผล ( ผู้ทำโลภะ โทษะ โมหะ ให้ เบาบางลงไปอีก จากขั้นแรก)
๕. พระอนาคามีมรรค ๖. พระอนาคามีผล (ผู้ละสัญโยชน์ ๕)
๗. พระอรหัตมรรค ๘. พระอรหัตผล (ผู้ละสัญโยชน์ ๑๐)

สำหรับในชั้นของพระอริยะที่มีคำลงท้ายว่า “มรรค” นั้นเป็นผู้ที่กำลังพัฒนาจิตให้สูงขึ้นไปเข้าสู่ความเป็นผล แต่ในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะ ๔ ขั้นที่ความเป็นผลสมบูรณ์ในการละสัญโยชน์ ดังนี้

๑. พระโสดาปัตติผล หรือ พระโสดาบัน(ผู้เข้ากระแสพระนิพพาน) เป็นผู้ที่ดำรงค์ตนมั่นคงอยู่ในศีล ๕ ทั้ง กาย วาจา ใจ มีศีล ๕ เป็นอริยะกันตศีล อาจเป็นเช่นผู้ครองเรือนโดยทั่วๆไปที่มีครอบครัว ในระดับนี้ยังไม่มากพอในด้านสมาธิและปัญญา ในสภาพที่จะละกิเลสบางอย่างได้ โดยเป็นผู้ละจากสัญโยชน์ ๓ คือ
๑.๑ สักกายทิฏฐิ (ความเห็นผิดยึดมั่นในตัวตน) ละการยึดมั่นตัวตนว่าเป็นเราเป็นของเรา เพราะเห็นกฎของไตรลักษณ์ (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) ของสรรพสิ่งทั้งหลาย เห็นเป็นเพียงรูปกับนามหรือเห็นธรรมชาติของธาตุเท่านั้น ลดความหลงไหลการยึดติดกับโลกธรรมภายนอกอย่างหยาบออกไป เห็นทรัพย์สมบัตินอกกายเป็นเพียงเครื่องอาศัย ยินดีเฉพาะที่ได้มาตามทำนองคลองธรรมตามเหตุปัจจัยอันสมควร
๑.๒ วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย ) หมดความสงสัยในพระผู้มีพระภาคเจ้าว่ามีจริงหรือไม่? ตรัสรู้อะไร? พระธรรมคำสอนของพระองค์ว่าดับทุกข์ได้จริงไหม? พระอริยะเจ้าอริยะสงฆ์เป็นอย่างไร? ความไม่แน่ใจในปฏิปทาแนวทางที่ปฏิบัติอยู่ถูกต้องหรือไม่? รวมถึงกรรม,ผลของกรรมที่เป็นกฏของธรรมชาติที่บันทึกในจิต เห็นความสลายอุปาทานออกไปจากจิตอย่างไร เข้าใจในอริยสัจสี่ เห็นความทุกข์ที่ดับลงไปจากใจตามภูมิธรรมที่ตนเองเข้าถึง ประจักษ์ชัดกับใจตนเองในการถึงมรรคผลนิพพาน เมื่อหมดความลังเลสงสัย ความศรัทธาฝังแน่นอยู่ในจิตใจโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ไม่หวั่นไหวคลอนแคลนแม้ตนเองจะต้องเสียชีวิตก็ตาม
๑.๓ สีลัพตปรามาส (การถือศีลพรต การเชื่อโชคลาง) ละความเชื่อในข้อวัตรปฏิบัติ ลัทธิหรือ ศาสนาอย่างผิดๆ พึ่งพาอ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลาย เพราะเห็นธรรมชาติอันมีเหตุปัจจัยเป็นมูล
เมื่อสามารถละสัญโยชน์ ทั้ง ๓ อย่าง เป็นพระโสดาบัน จะเป็นผู้ที่ไม่มีความอิจฉาริษยา ไม่มีเล่ห์กระเท่ ไม่ลบหลู่คุณคน ไม่หวงแหนทรัพย์ภายนอกจนยึดติด อาจมีหรือไม่มีครอบครัวก็ได้ ถ้ามาเกิดในโลกนี้อย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ หรือถ้ามีความเพียร มีสมาธิ สติ มีปัญญามาก ก็จะกลับมาเกิดอีกเพียง ๑ ครั้งเท่านั้น ภาวะจิตในระดับนี้ไม่จะเสื่อมถอย จิตมีปัญญาที่จะพัฒนาตนเองได้แล้วมีแต่เจริญยิ่งๆขึ้นไป
อริยะบุคคลผู้ได้บรรลุโสดาปัติผลมี ๓ ประเภทคือ
๑.๑ เอกพีซี คือ ผู้ที่เกิดอีกเพียง ๑ ครั้ง
๑.๒ โลกังโกละ คือ ผู้ที่เกิดอีกเพียง ๒ - ๓ ครั้ง
๑.๓ สัตตักขัตตุปรมะ คือ ผู้ที่กลับมาเกิดอีกไม่เกิน ๗ ครั้ง

๒. พระสกิทาคามิผล หรือ พระสกทาคามี (ผู้กลับมาอีกครั้งเดียว) เป็นผู้ที่สามารถลด โลภะ โทษะ โมหะ ให้เบาบางลงไปอีกจนเกือบไม่มีความยินดีใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธัมมารมณ์ ชนิดหยาบๆ ทางโลกหลงเหลืออยู่เลย แต่ถ้าอยู่ในเพศฆราวาสก็อาจจะมีครอบครัวยังเป็นผู้ครองเรือน เพราะยังมีความติดอยู่ในภาวะของโลกอยู่บ้างแต่ไม่ยึดมั่นเป็นอุปาทานอย่างปุถุชนทั่วๆไป เมื่อกายสังขารแตกดับไปแล้วก็จะเป็นผู้ที่จะกลับมาเกิดอีกเพียงครั้งเดียว

๓. พระอนาคามิผล หรือ พระอนาคามี เป็นผู้ที่ละสัญโยชน์ ๕ ข้อได้ คือ
๓.๑ ราคะ ความกำหนัดยินดีในสัมผัส
กามราคะ คือ ความกำหนัดหรือยินดีในกามคุณต่างๆ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
กามฉันทะ คือ ความชอบ ความพอใจในโลกีย์วิสัย
๓.๒ ปฏิฆะ คือ ความโกรธขุ่นเคืองใจ ความไม่พอใจ
ชั้นนี้สามารถละความรักความยินดีใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ทางโลกอันหยาบได้โดยสิ้นเชิง เป็นผู้หมดสภาพอารมณ์ทางกามราคะ,ปฏิฆะ หมดความโกรธแม้มีใครมาทำร้ายก็ไม่มีความโกรธขึ้นมาได้ เมื่อสังขารร่างกายแตกดับไปจะเป็นผู้ผุดเกิดบนสวรรค์ชั้นแดนสุทธาวาส รอการบรรลุเป็นพระอรหัตผลในขั้นสุดท้าย

๔. พระอรหัตผล หรือ พระอรหันต์ สามารถละสัญโยชน์ทั้ง ๑๐ ได้ โดยละเพิ่มอีก ๕ ข้อดังนี้
รูปราคะ คือ ความติดใจในรูปธรรม หรือ รูปฌาณ
อรูปราคะ คือ ความติดใจในอรูปธรรม หรือ อรูปฌาณ
ความมานะ คือ ความสำคัญตนว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เช่น ตนดี,เลวเสมอ กว่าคนนั้นคนนี้เป็นต้น
อุทธัจจะ คือ ความคิดพล่าน ฟุ้งซ่าน
อวิชชา คือ ความไม่รู้ หรือความรู้ที่ไม่จริง
ในขั้นนี้เป็นผู้เห็นอริยสัจ ๔ โดยสมบูรณ์ เป็นผู้สิ้นทุกข์ดับทุกข์ทางใจโดยสิ้นเชิง หรือหมดเชื้อเกิดนั่นเอง เป็นการจบกิจที่ต้องทำต่อตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องบำเพ็ญเพียรอีกต่อไป

-------------------------------------------------
นิพพานคืออะไร....ความหมายของนิพพาน.....

นิพพาน(อายตนะ)

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย อายตนะ(นิพพาน)นั้นมีอยู่ ในอายตนะนั้นไม่มีในดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่มีในอากาสานัญจายตนะ วิญยาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญยายตนะ ไม่มีโลกนี้ไม่มีโลกอื่น ไม่ในมีพระจันทร์ ไม่มีในพระอาทิตย์ทั้งสอง เราย่อมกล่าวอายตนะนั้นว่ามิใช่ก ารมา มิใช่การไป มิใช่การตั้งอยู่ มิใช่การจุติ มิใช่การเกิดขึ้น ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีความเป็นไป ไม่มีอารมณ์ นั่นแหละเป็นที่สุดแห่งทุกข์”


"ธรรมชาติที่รู้แจ้ง ไม่มีใครชี้ได้ ไม่มีที่สุด แจ่มใสโดยประการทั้งปวง ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมนี้ อุปาทยรูปที่ยาวและสั้น ละเอียดและหยาบ ที่งามและไม่งาม ย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ในธรรมนี้ นามและรูปย่อมดับไม่มีเหลือในธรรมชาตินี้ เพราะวิญญาณดับ นามและรูปย่อมดับ ไม่มีเหลือในธรรมชาติ ดังนี้ฯ" (ที.สี.14/350)

"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคต มีตัณหาอันนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ เมื่อกายแตกสิ้นชีพแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจักไม่เห็นตถาคต" (ที.สี.14/90)

"อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้าพระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้นี้แ
31  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พระเจดีย์ชะเวมิ้นซู กลางทะเลสาบอินดอจีซึ่งเป็นะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของพม่า เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 05:03:07 pm


พระเจดีย์ชะเวมิ้นซู กลางทะเลสาบอินดอจีซึ่งเป็นะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของพม่าอยู่ในรัฐคะฉิ่นเหนือสุดของพม่า(กำลังมีปัญหาระหว่างพม่ากับชนกลุ่มน้อยคะฉิ่น)ในตอนเช้าต้นหนาวจะเป็นทะเลหมอกหน้าหนาวบางปีหิมะตกก็จะสวยงามไปอีกแบบหน้าร้อนน้ำลดสามารถเดินข้ามสะพานไม้ไปกราบพระเกศาธาตุได้ หน้าฝนน้ำขึ้นแต่ก็ไม่เคยท่วมพระเจดีย์เป็นที่อัศจรรย์ของคนพม่ามาก
— กับ วรรณา ภู่สาย
32  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมบริจาค สร้างหนังสือสวดมนต์เล่มละ 60 ถวายวัดนาหนาด สาขาหนองป่าพง เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 04:59:07 pm


ชมรมลานความคิด ประทีปแห่งคุณธรรม

เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดพิมพ์หนังสือ"สวดมนต์"
จำนวนพิมพ์ 1,000 เล่ม ต้นบุญเล่มละ 60 บาท
จัดพิมพ์ในวันที่ 1 เดือน ธันวาคม 2555
ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช
ในวโรกาส ๘๔ พรรษา
ถวายวัดนาหนาด สาขาหนองป่าพงที่ ๑๓๗ ต.นาหนาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
ร่วมบริจาคผ่าน ธนาคารทหารไทย สาขา ธรรมศาสตร์-ท่าพระจันทร์
บัญชีเลขที่ 155-2-07369-2 ชื่อบัญชี ชมรมลานความคิด โดยพระมหาปรีชา ปภสฺสโร

ติดต่อสอบถาม 086-685-3795 พระมหาปรีชา ปภสฺสโร
วัดลาดบัวขาว ถ.เจริญกรุง 80 เขต บางคอแหลม กรุงเทพฯ 10120
ส่งรายชื่อเป็นไฟล์เอกสารมา

ได้ที่ Email:preeeecha@Hotmail.com
หมายเหตุ... สิ้นสุดรับรายชื่อ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2555
ทุกเจ้าภาพ อนุโมทนา ชื่อ นามสกุล ในหนังสือ...เจริญพร

33  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน 3000 เล่ม เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 04:54:43 pm
เชิญเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน
จำนวน 3000 เล่ม เล่มละ 85 บาท
สอบถามรายละเอียด ได้ที่ พระครูสิทธิสังวร คณะ 5 วัดราชสิทธาราม
โทร. 084-651-7023
 หรือ โอนเข้าบัญชี ธนากสิกรไทย สาขาโพธิ์สามต้น
เลขที่บัญชี 0672838479 ในนาม พระวีระ สุขมีทรัพย์




ที่มา
http://www.facebook.com/photo.php?fbid=447858535258362&set=p.447858535258362&type=1&theater
34  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญเข้าปฏิบัติธรรม วันเสาร์-วันอาทิตย์ ๒๓-๒๔ มิ.ย. ๕๕ ที่คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม เมื่อ: มิถุนายน 06, 2012, 03:28:34 pm
เชิญเข้าปฏิบัติธรรม

วันเสาร์-วันอาทิตย์ ๒๓-๒๔ มิถุนายน ๕๕
ที่คณะ ๕ วัดราชสิทธาราม

โทร.084-651-7023


กำหนดการปฏิบัติธรรมเดือนมิถุนายน  55

 วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน   2555 ขึ้น 5  ค่ำ เดือน  8 (วันไหว้ปะจ่าง)

      เวลา 09.30-10.15             ลงทะเบียน รับอาหารเช้า รับศีล ขึ้นกรรมฐาน   

     เวลา 10.15-11.00           รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย 

      เวลา  13.00-14.00           ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ 

     เวลา 14.00-16.30            นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม   

     เวลา 16.30-17.00            ทำวัตรเย็น  พักผ่อนตามอัธยาศัย 

วันอาทิตย์ที่ 23  มิถุนายน  2555  ขึ้น 6 ค่ำ เดือน  8

    เวลา 06.30- 07.00             ทำวัตรเช้า เจริญภาวนา   รับอาหารเช้า

    เวลา 11.00 – 13.00น.           รับประทานอาหารกลางวัน  ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย

    เวลา  13.00-14.00           ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหาธรรม พักดื่มน้ำปานะ

    เวลา 14.00-16.30            เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม   ทำธุระส่วนตัว

    เวลา 16.30-17.00            สวดธรรมจักร พิธีพุทธาภิเศก  ลาศีลกลับบ้าน







http://www.somdechsuk.org/node/265

35  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / มิวสิกวีดีโอ "เพลงปณิธานเพื่อการเผยแผ่พระกรรมฐาน" เมื่อ: พฤษภาคม 14, 2012, 06:00:41 pm


เผยแพร่เมื่อ 14 พ.ค. 2012 โดย dhammawangso

เพลงปณิธานเพื่อการเผยแผ่พระกรรมฐาน
แสดงจุดยืน และ การทำงานของเรา แต่งเพลงนี้ออกมาเื่พื่อให้ศิษย์ทุกคนระลึกนึกถึง ปณิธาน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ แต่เราทำเพื่อให้ท่านได้มีโอกาสศึกษาภาวนา กรรมฐาน ในแนวทางกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ พอได้แต่งเพลงนี้ออกมาแล้ว ก็นับว่ามีบุญอยู่ มีผู้เข้ามาช่วยใส่ทำนองเพลงให้คือ คุณบุญญฤทธิ์ โสมรัตนานนท์ ช่วยใส่ทำนองและขับร้องให้
ก็เอาเป็นเพลงเปิดรายการในสถานี จึงได้จัดเป็นวีดีโอสำหรับ คนที่ต้องการนำไว้ฟังเพื่อได้ระลึกถึุงปณิธาน ที่อาจารย์ได้ดำเนินการเผยแผ่พระกรรมฐาน ด้วยการปิดทองหลังพระมาตลอด


อ่านพบใน Facebook ของ madchimaRDN มาครับ แต่เห็นในเว็บยังไม่มีนะครับ

 ขออนูญาต ได้ช่วยโพสต์ ครับ
 :c017: :25: :25: :25:
36  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watprasartsit.com วัดปราสาทสิทธิ์ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2012, 06:45:18 pm


http://www.watprasartsit.com
วัดปราสาทสิทธิ์



วัดปราสาทสิทธิ์
ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 326 หมู่ 5 ตำบล ประสาทสิทธิ์
อำเภอ ดำเนินสะดวก  จังหวัด ราชบุรี   70210

ติดต่อ  สำนักงาน วัดปราสาทสิทธิ์

โทร.- ๐๘๑-๙๔๒-๗๔๘๒

โทรสาร.- ๐๓๒-๓๖๐-๒๓๕

E-Mail : watprasartsit@hotmail.com

37  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมถือศีลจาริณี (ศีล ๘) 5- 8 มี.ค.55 วัดปราสาทสิทธิ์ ราชบุรี เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2012, 06:42:10 pm


ขอเชิญญาติโยมร่วมปฏิบัติธรรมถือศีลจาริณี (ศีล ๘) ในวันมาฆบูชา

ในวันที่ ๕ – ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
ณ วัดปราสาทสิทธิ์ ต.ประสาทสิทธิ์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
โดยใน วันจันทร์ ที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๙

เริ่มพิธีบวช โดยพระครูประภัสสรวรคุณ (เจ้าอาวาส วัดปราสาทสิทธิ์)



http://www.watprasartsit.com/%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A8%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%93/
38  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไม ผู้ปฏิบัติธรรมภาวนา ต้องหนี่หายกันไป หัวซุกหัวซุน เมื่อ: มกราคม 13, 2012, 03:51:42 pm
ทำไม ผู้ปฏิบัติธรรมภาวนา ต้องหนี่หายกันไป หัวซุกหัวซุน ?

  คือผมสังเกตุนักปฏิบัติธรรม ที่ผมเคารพเลื่อมใส ส่วนมากมัก จะประสบความลำบาก บ้างก็ถูกกล่าวหาเป็นบ้า บ้างก็ถูกขับไล่ บ้างก็หายตัวไปอย่างลึกลับ

  พอได้นึกถึงอย่างนี้ ก็เกิดความสงสัยว่า ทำไม และ ทำไม ? why ?
  ฤา ว่าธรรมของพระพุทธเจ้า ที่ถ่ายทอดไว้นั้น เมื่อปฏิบัติแล้ว ก็ไม่สามารถใช้ได้จริง ไม่ว่าหลักชุมชม หลักธรรมทั้งปวง ที่ล้วนอธิบายมากันมานี้ เพื่ออะไร ?

   สรุปทุกท่านมีความคิดอย่างไร ว่าผู้ปฏิบัติภาวนานั้น ไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนทั่วไปได้ แสดงว่า หลักธรรมใช้ไม่ได้จริง หรือ ผู้ภาวนาทำไม่ได้จริง หรือมีเหตุอย่างไร
     
   ปัญหานี้ตั้งมาเพื่อ การขจัดปัญหา ที่คิดว่าน่าจะเป็นปัญหาของผู้ปฏิบัติธรรม
   
    :s_hi: :49:
39  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / การแก้การ ติดเพ่ง และ ติดสมถะ ในกรรมฐาน ใครติดตรงนี้เชิญมาฟังครับ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2011, 11:04:34 am
ติดเพ่ง 1/4

!

ติดเพ่ง 2/4



ติดเพ่ง 3/4



ติดเพ่ง 4/4




Uploaded by gluayman
40  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีบุคคลเรียนกรรมฐาน จากผู้ที่ไม่มีตัวตน เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2011, 03:17:34 pm
คืออยากทราบว่า ถ้ามีบุคคลได้เรียนกรรมฐาน กับ พระที่มีมาสอนในฝัน นี้ครับเป็นไปได้หรือไม่ครับ
แล้วอย่างนี้ ใครจะช่วยรับรองได้ครับว่า ที่เรียนมานั่น ถูกหรือผิด ครับ

  :25: :smiley_confused1:
หน้า: [1] 2