ผมเพิ่งเห็นชัดแจ้งใจเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง ที่ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรที่ใดก็ไม่เร่าร้อน มันเย็นสบายกายใจ เพราะความไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท จิตที่ปลอดจากเวรพยาบาทมันเย็นใจดี
การที่จะไม่มีเวรพยาบาททั้งกับคนที่รักที่เกลียดชัง ผมอาศัยทำสะสมเหตุเมตตา กรุณา ทาน ศีล มาเรื่อยๆหลายปีนักจนมันได้เห็นผลเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง เวลาที่ผมไม่ชอบหน้าใครผมก็จะระลึกว่าเรามีขันธ์ ๕ เสมอกัน เป็นปุถุชนคนธรรมดาเสมอกัน ก็เพราะขันธ์ ๕ เป็นปุถุชนเสมอกัน ก็ย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลงเสมอกันหมดไม่ต่างจากเรา เราก็มีก็เป็น เราก็เป็นทั้งที่รัก ที่ชังที่รังเกลียดของผู้อื่นเช่นกัน แล้วจะไปเอาอะไรกับสิ่งที่เสมอกันได้
สิ่งมีชีวิตมันมีความรู้สึกนึกคิดจิตใจทั้งกุศลและอกุศลเหมือนกันหมด แล้วจะไปเอาอะไรกับสิ่งมีชีวิต แล้วก็ดูว่าที่เราทุกข์อยู่นั้นคืออะไรมันเป็นแบบไหนอย่างไร เหตุที่ทำให้ทุกข์คืออะไรเพราะอะไร ความดับทุกข์เป็นแบบไหน เหตุหรือทางดับทุกข์นั้นคืออะไร จะรู้ชัดว่า..
- ที่เรากำลังเสพย์ความขัดใจขุ่นข้องต่อเขานี้มันเป็นทุกข์
- เหตุแห่งความขุ่นข้องเพราะไม่ยินดีต่อเขาด้วยเหตุต่างๆทั้งหมดล้วน เอาเขาเป็นใหญ่เอาใจเราไปติดใจข้องแวะกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามองว่าเป็นเขาเอง ทั้งๆที่เขาก็อยู่ของเขาอย่างนั้นมาก่อนเราจะรู้จักเขาด้วยซ้ำ
- เมื่อเห็นเหตุแล้วทำความปลงใจปล่อยวาง จิตเข้าถึงความไม่มีกิเลสจรมา หรือไม่เสพย์ความติดใจข้อมแวะสิ่งไรๆในโลก จิตอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง จิตหยั่งลงสูความว่างจากกิเลสอยู่ ความซ่านซ่านเอิบอิ่มชื่นบานเกิดมีขึ้นชัดเจนด้วยแบบนั้น สุขโดยไม่อิงอามิสคือความดับทุกข์แท้จริง
- เมื่อเกิดความดับทุกข์แล้วเรารู้ตัวอยู่ก็จะเห็นว่า ละความติดใจข้องแวะต่อเขาเราก็ไม่เสพย์ความขุ่นข้องขัดเคืองใจ เราก็แค่ไม่ให้ความสำคัญมั่นหมายใจไว้ต่อความเป็นเขา(ผมเรียกว่าละล้างสัญญา) มองเขาไม่มีบทบาทอะไรกับชีวิตเรา คนเรามีหน้าตาท่าทาง จริตนิสัยไปต่างๆด้วยกรรม กรรมเป็นเหตุให้เข้ามาเกิดและอาศํยอยู่ในขันธ์ จะให้ความสำคัญใจอะไรกับสิ่งนั้นเล่า เมื่อเราก็ไม่ต่างจากเขา ทำความรู้ปัจจุบันให้มาก ไม่ติดสมมติความคิดมันก็ไม่มีทุกข์
- ธรรมเหล่าใดเป็นเครื่องสะสมความไม่ยิดใจข้องแวะในสิ่งทั้งปวง เราควรทำสะสมเหตุอันนั้นให้มาก แรกเริ่มเดิมทียังอาศัยความคิดอาศัยสมมติ เหมือนสะกดจิตตน จนเมื่อภาวนานสะสมมากเข้ารู้ตัวรู้ใจในปัจุจุบันมากเข้าจนส่งผลความคิดสมมติการสะกดจิตตนก็ดับไปเอง ปุถุชนอย่างเราทำได้อยู่อย่างนั้น
- ความเพียรทำไปเรื่อยพึงหวังผลได้ แม้ยังมองไม่เห็นฝั่ง แต่รู้ว่าเป็นเหตุสะสมไปสู่ผล ไม่คลายความเพียร ไม่กระสันผล ทำให้เป็นที่สบายกายใจ เรียบอบรมอิทธิบาท ๔ พอมันเต็มเดี๋ยวก็ได้เอง