ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “เกลียดขี้หน้า” เกิดมาจากอะไร  (อ่าน 1511 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28420
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
“เกลียดขี้หน้า” เกิดมาจากอะไร
« เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2016, 01:24:48 pm »
0



“เกลียดขี้หน้า” เกิดมาจากอะไร

อาการไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกพบ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “เกลียดขี้หน้า” โดยไม่รู้สาเหตุ เกิดมาจากอะไรหรือคะ

ถาม :
อาการไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกพบ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “เกลียดขี้หน้า” โดยไม่รู้สาเหตุ เกิดมาจากอะไรหรือคะ


ท่านเปสโลภิกขุตอบปัญหาเรื่องอาการ “เกลียดขี้หน้า” เอาไว้ว่า

ตอบ : แรกเกิดมาบนโลกใบนี้ เรายังไม่รู้จักคำว่า “เกลียดขี้หน้า” เลยด้วยซ้ำ เมื่อโตขึ้น เราจึงเริ่มจำแนกสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบ เช่น เราชอบคนใจดี ผ่อนคลายยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาไพเราะอ่อนหวานเพราะอยู่ใกล้แล้วมีความสุข เราไม่ชอบคนอารมณ์ร้าย จู้จี้เจ้าระเบียบ หน้าถมึงทึงพูดจากระโชกโฮกฮาก เพราะอยู่ใกล้แล้วเราเป็นทุกข์ จากนั้นเราก็จะเก็บสัญญา(ความกำหนดหมายให้จำอารมณ์นั้น ๆ ได้)เหล่านี้เอาไว้ในใจ

ส่วนนิสัยใจดีหรือใจร้ายที่ว่านั้น มีประจำสันดานของบุคคลทั่วไปอยู่แล้ว และจะแสดงออกมาทางใบหน้า ตลอดจนอากัปกิริยาโดยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเมคอัพหนาเตอะเพียงใดก็ยังปรากฏให้เห็น และเมื่อมีเหตุให้ต้องพบกับบุคคลที่เราเคยทำสัญญาเอาไว้ว่า “ไม่ชอบ” (เพราะอยู่ใกล้แล้วเป็นทุกข์) อาการเกลียดขี้หน้าก็จะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ

แต่ทั้งนี้ “สัญญา” เป็นของไม่แน่นอนหากมีเหตุจำเป็นต้องเกี่ยวข้องหรือร่วมงานกับบุคคลที่เราเกลียดขี้หน้า เราสามารถสร้างสัญญาขึ้นมาใหม่ได้ ด้วยการมองหาคุณสมบัติดี ๆ ในตัวเขา เช่น ความขยันหมั่นเพียร ความเอาจริงเอาจังในการทำงานความซื่อสัตย์ ความรักครอบครัว หรืออื่น ๆ เรื่องนี้ประมวลมาจากประสบการณ์ของตัวเอง จะถูกผิดอย่างไร ต้องลองเอาไปพิจารณากันดู


ธรรมะจากท่านเปสโลภิกขุ : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
http://www.goodlifeupdate.com/39193/healthy-mind/how-to-deal-with-hate-at-first-sight-and-what-is-its-cause/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: “เกลียดขี้หน้า” เกิดมาจากอะไร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2016, 09:48:11 pm »
0
หากทำงานกับศัตรู

  อย่าทำให้เค้าเห็นอารมณ์โกรธ

ที่เป็นสัญญา  นั่นเค้าจะรู้ว่าเรา ยังไม่เก่ง

ยังออกจากอารมณ์ไม่ได้


เค้าสามารถ..แกล้งเราได้อีก

เพราะรู้ว่าเราจิตตกอยู่
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: “เกลียดขี้หน้า” เกิดมาจากอะไร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2016, 10:35:35 am »
0
 st12 st12 st12

ผมเพิ่งเห็นชัดแจ้งใจเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง ที่ไม่ว่าจะไปไหนทำอะไรที่ใดก็ไม่เร่าร้อน มันเย็นสบายกายใจ เพราะความไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท จิตที่ปลอดจากเวรพยาบาทมันเย็นใจดี

การที่จะไม่มีเวรพยาบาททั้งกับคนที่รักที่เกลียดชัง ผมอาศัยทำสะสมเหตุเมตตา กรุณา ทาน ศีล มาเรื่อยๆหลายปีนักจนมันได้เห็นผลเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง เวลาที่ผมไม่ชอบหน้าใครผมก็จะระลึกว่าเรามีขันธ์ ๕ เสมอกัน เป็นปุถุชนคนธรรมดาเสมอกัน ก็เพราะขันธ์ ๕ เป็นปุถุชนเสมอกัน ก็ย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลงเสมอกันหมดไม่ต่างจากเรา เราก็มีก็เป็น เราก็เป็นทั้งที่รัก ที่ชังที่รังเกลียดของผู้อื่นเช่นกัน แล้วจะไปเอาอะไรกับสิ่งที่เสมอกันได้ สิ่งมีชีวิตมันมีความรู้สึกนึกคิดจิตใจทั้งกุศลและอกุศลเหมือนกันหมด แล้วจะไปเอาอะไรกับสิ่งมีชีวิต แล้วก็ดูว่าที่เราทุกข์อยู่นั้นคืออะไรมันเป็นแบบไหนอย่างไร เหตุที่ทำให้ทุกข์คืออะไรเพราะอะไร ความดับทุกข์เป็นแบบไหน เหตุหรือทางดับทุกข์นั้นคืออะไร จะรู้ชัดว่า..
- ที่เรากำลังเสพย์ความขัดใจขุ่นข้องต่อเขานี้มันเป็นทุกข์
- เหตุแห่งความขุ่นข้องเพราะไม่ยินดีต่อเขาด้วยเหตุต่างๆทั้งหมดล้วน เอาเขาเป็นใหญ่เอาใจเราไปติดใจข้องแวะกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามองว่าเป็นเขาเอง ทั้งๆที่เขาก็อยู่ของเขาอย่างนั้นมาก่อนเราจะรู้จักเขาด้วยซ้ำ
- เมื่อเห็นเหตุแล้วทำความปลงใจปล่อยวาง จิตเข้าถึงความไม่มีกิเลสจรมา หรือไม่เสพย์ความติดใจข้อมแวะสิ่งไรๆในโลก จิตอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง จิตหยั่งลงสูความว่างจากกิเลสอยู่ ความซ่านซ่านเอิบอิ่มชื่นบานเกิดมีขึ้นชัดเจนด้วยแบบนั้น สุขโดยไม่อิงอามิสคือความดับทุกข์แท้จริง
- เมื่อเกิดความดับทุกข์แล้วเรารู้ตัวอยู่ก็จะเห็นว่า ละความติดใจข้องแวะต่อเขาเราก็ไม่เสพย์ความขุ่นข้องขัดเคืองใจ เราก็แค่ไม่ให้ความสำคัญมั่นหมายใจไว้ต่อความเป็นเขา(ผมเรียกว่าละล้างสัญญา) มองเขาไม่มีบทบาทอะไรกับชีวิตเรา คนเรามีหน้าตาท่าทาง จริตนิสัยไปต่างๆด้วยกรรม กรรมเป็นเหตุให้เข้ามาเกิดและอาศํยอยู่ในขันธ์ จะให้ความสำคัญใจอะไรกับสิ่งนั้นเล่า เมื่อเราก็ไม่ต่างจากเขา ทำความรู้ปัจจุบันให้มาก ไม่ติดสมมติความคิดมันก็ไม่มีทุกข์
- ธรรมเหล่าใดเป็นเครื่องสะสมความไม่ยิดใจข้องแวะในสิ่งทั้งปวง เราควรทำสะสมเหตุอันนั้นให้มาก แรกเริ่มเดิมทียังอาศัยความคิดอาศัยสมมติ เหมือนสะกดจิตตน จนเมื่อภาวนานสะสมมากเข้ารู้ตัวรู้ใจในปัจุจุบันมากเข้าจนส่งผลความคิดสมมติการสะกดจิตตนก็ดับไปเอง ปุถุชนอย่างเราทำได้อยู่อย่างนั้น
- ความเพียรทำไปเรื่อยพึงหวังผลได้ แม้ยังมองไม่เห็นฝั่ง แต่รู้ว่าเป็นเหตุสะสมไปสู่ผล ไม่คลายความเพียร ไม่กระสันผล ทำให้เป็นที่สบายกายใจ เรียบอบรมอิทธิบาท ๔ พอมันเต็มเดี๋ยวก็ได้เอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2016, 11:55:05 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ