ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 3 วิทยาศาสตร์สำคัญปี 62. จับตานาฬิกาวันสิ้นโลก จ่อหายนะป่วนคน  (อ่าน 617 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28431
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


3 วิทยาศาสตร์สำคัญปี 62. จับตานาฬิกาวันสิ้นโลก จ่อหายนะป่วนคน

ถึงแม้จะยังไม่สามารถจับพยากรณ์ได้ว่าในปี พ.ศ.2562 ในวงการวิทยาศาสตร์จะมีข่าวอะไรอีกเกิดขึ้นอย่างแน่ชัด แต่เมื่อสิ้นสุดศักราชเก่า ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทำทุกปี คือ การมองไปข้างหน้า พยายามทั้งติดตาม และทำให้ข่าววิทย์ที่เกิดขึ้นในปีเก่าว่าจะมีการพัฒนาต่อไปอย่างไร เพื่อเตือนชาวโลกให้ระวัง

ปี พ.ศ.2562 ที่เพิ่งเข้าศักราชใหม่ได้ไม่ถึงสองสัปดาห์ ในแวดวงวิทยาศาสตร์จะมีเรื่องที่สำคัญและเป็นเรื่องใหญ่ๆ ที่เราต้องระวังต่อเนื่องมาจากปีเก่าอย่างไรนั้น วันนี้ทีมข่าวฯ มีคำตอบจากรองศาสตราจารย์ ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล กูรูวงการวิทยาศาสตร์ไทยและเทศ

@@@@

โดย รศ.ดร.ชัยวัฒน์ เผยถึงภาพรวมเรื่องราววิทยาศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2562 ว่ามีหลายด้านในเรื่องการค้นพบ ค้นหา องค์ความรู้ใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์อีกมากมาย เนื่องด้วยธรรมชาติอย่างหนึ่งของวิทยาศาสตร์ คือ เมื่อค้นพบคำตอบใหม่ สำหรับคำถามหนึ่ง มักจะเกิดคำถามใหม่ขึ้นมา 10 คำถาม เพราะฉะนั้นในวงการวิทยาศาสตร์นั้นยังมีโจทย์มากมายที่รอให้นักวิทยาศาสตร์ค้นหาคำตอบ

ซี่ง 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่สำคัญของโลกวิทยาศาสตร์ปี 62 ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ และคาดว่าจะเกิดขึ้นมีอะไรบ้างนั้น กูรูวงการวิทยาศาสตร์ชื่อดังของไทย ครุ่นคิดก่อน เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวฯ

@@@@@@

1. ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านบวกและลบ จึงมีการล้มหายตายจากของธุรกิจที่ปรับตัวไม่ทัน หลายๆ อย่างกำลังถูกแทนที่ด้วย “ปัญญาประดิษฐ์” หรือสมองกลหรือ หุ่นยนต์ ที่มาแทนที่มนุษย์ เช่น คุณหมอ ผู้ประกาศข่าว พนักงานเสิร์ฟ

และปัญญาประดิษฐ์กำลังเป็นเป้าหมายใหญ่ของประเทศ ไม่เฉพาะมหาอำนาจในเทคโนโลยีตะวันตกอีกต่อไป เพราะประเทศจีนก็พัฒนาด้านเทคโนโลยี AI ที่ไม่หยุดยั้ง และประกาศตนว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะเป็นผู้นำโลกทางด้านปัญญาประดิษฐ์ และให้จับตาเฝ้าระวังปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังรุกคืบยึดอาชีพต่างๆ ของมนุษย์หวังลดต้นทุน ซึ่งปี 61 จีนได้สร้างหุ่นยนต์ผู้ประกาศข่าวปัญญาประดิษฐ์ คนแรกของโลกได้สำเร็จที่มีใบหน้า น้ำเสียงจากผู้ประกาศข่าวที่เป็นคนจริงๆ สามารถทำงาน 24 ชม.ต่อวัน

@@@@

2. เกี่ยวกับเรื่องอวกาศที่ต้องติดตามกันเสมอ คือ ดาราศาสตร์ จักรวาล ซึ่งค้นพบและมีศาสตร์ใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น คลื่นความโน้มถ่วง (gravitational waves) ที่เกิดจากการพยากรณ์ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของโลก ตั้งแต่ปี 1916 กว่า 100 ปี และมีการค้นพบคลื่นความโน้มถ่วงจริง เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง และกลายเป็นสาขาใหม่ของดาราศาสตร์ และในปี พ.ศ. 2562จะมีการค้นพบใหม่ๆ อีกหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง อาจจะเป็นจุดหักเหของการศึกษาวิจัยสาขาดาราศาสตร์ว่า คลื่นความโน้มถ่วงอาจจะช่วยไขคำตอบว่าจักรวาลก่อตัวขึ้นอย่างไร

การท่องเที่ยวอวกาศ การท่องอวกาศ การสำรวจอวกาศ ในปี พ.ศ.2562 จะมีข่าวสำคัญเกิดขึ้นมากมาย ทั้งการศึกษา การสำรวจดาวอังคาร และบรรดาดาวเคราะห์น้อย ดวงจันทร์บางดวงของดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี เพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิต และปีนี้ การท่องอวกาศจะมีความเคลื่อนไหว อาจจะได้เห็นนักท่องอวกาศคนแรกๆ ที่เกิดขึ้นจริง โดยต้องเสียเงินซื้อตั๋วไป แต่อาจจะยังขึ้นไปท่องอวกาศได้ไม่นาน คือ ยังไม่เป็นวัน หรือไปถึงดวงจันทร์ ซึ่งต้องรออีกนิด แต่ก็คงอีกไม่นาน

@@@@

3. ภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่ถูกจับตามอง และเกิดความกังวลตลอดเวลาว่าเราพยายามกันดีพอหรือยัง ที่กังวลกันมาก นั่นคือประเทศมหาอำนาจดังเช่น  สหรัฐอเมริกา ที่ 1 ปีกว่าก่อนหน้านี้ ได้มีการแสดงตน โดยร่วมมือกับประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ในการแก้ปัญหาโลกร้อน แต่จากการที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีความชัดเจนในเรื่องโลกร้อนว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะต้องทุ่มเทมากนัก

แต่ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนที่ถูกมองว่าละเลยปัญหาโลกร้อนมานานนั้น ได้ตั้งเป้าความมุ่งมั่นอย่างจริงจังว่าจะร่วมแก้ปัญหาโลกร้อนด้วย ซึ่งภาวะโลกร้อนหากคนทั้งโลกไม่ช่วยกันยับยั้งอย่างจริงจัง มิเช่นนั้นอาจจะต้องใช้ชีวิตลำบากเพราะประสบภัยธรรมชาติรุนแรง ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นจากธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายจนอาจกลายเป็นภัยพิบัติได้



นอกจากนี้ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ ยังเปิดเผยว่า อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงใหญ่สุดในวงการวิทยาศาสตร์ที่สำคัญในปี 62 ที่คนทั้งโลกต้องเฝ้าติดตาม นั่นก็คือ การตั้งเวลาใหม่ของ ‘นาฬิกาวันสิ้นโลก’ (Dooms Day Clock) ที่ตกเป็นข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2561

คณะกรรมบริหารวิทยาศาสตร์และความมั่นคง (Board of Scaince and security) ของ Bulltin of the atomic scientasts (จดหมายข่าวของนักวิทยาศาสตร์อะตอม) ที่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ปรับเวลา ‘นาฬิกาวันสิ้นโลก’ เป็น 23.58 น. ขยับเข้าใกล้เที่ยงคืนมากที่สุดคือ 2 นาที เร็วขึ้น กว่าปี 60 อีก 30 วินาที ถือเป็นการปรับเข็มนาฬิกาเข้าใกล้วันสิ้นโลกมากที่สุดในรอบ 65 ปี นับตั้งแต่ปี 2496 จากภาวะการเริ่มต้นสงครามเย็น ของสหภาพอเมริกากับสหภาพโซเวียด

ทั้งนี้นาฬิกาวันสิ้นโลก ได้มีการเปลี่ยนแปลงเวลาของนาฬิกาทั้งหมด 19 ครั้ง นับตั้งแต่ 7 นาทีก่อนเที่ยงคืน ในปี พ.ศ. 2490 แต่วิกฤติที่สุด ในปี พ.ศ. 2496 ปรับเวลาเป็น 2 นาทีก่อนเที่ยงคืน, ปี 2560 ปรับเวลาเป็น 2 เศษ 1 ส่วน 2 นาทีก่อนเที่ยงคืน และเมื่อต้นปี 61 ได้ตั้งเวลาใหม่ ให้เข้าใกล้เที่ยงคืนมากที่สุดคือ 2 นาที ซึ่งแปลว่า โลกมีความเสี่ยงสูงมากๆ ในการที่จะประสบกับภาวะวันสิ้นโลกจากสงครามและภัยของนิวเคลียร์ , ภัยจากปัญหาโลกร้อน, การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) และปัญหาจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย


รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล กูรูวงการวิทยาศาสตร์ไทยและเทศ

สำหรับในปี 62 นาฬิกาวันสิ้นโลกจะมีการปรับเปลี่ยนแปลงเวลาหรือไม่นั้น ตามเจตจำนงค์ของการตั้งนาฬิกาวันสิ้นโลกก็จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโลก*ว่ามีความเสี่ยงที่จะถึงวาระสุดท้ายของความหายนะใหม่หรือไม่ ซึ่งโดยปกติ นาฬิกาวันสิ้นโลกนั้นไม่ได้เปลี่ยนเวลาใหม่ทุกปี บางปีก็เว้นไป

แต่ต้องจับตาดูตั้งแต่ 1 ม.ค. 62 เป็นต้นไป ว่านาฬิกาวันสิ้นโลกจะตั้งเวลาใหม่หรือไม่ หากมีการตั้งเวลาใหม่ขยับเข้าใกล้เที่ยงคืน แปลว่า โลกยิ่งมีภาวะอันตรายเสี่ยงสูงกว่าปี 61 แต่ถ้ามีการตั้งเวลาใหม่ขยับออกมา เช่น เป็น 3 หรือ 4 นาทีก่อนเที่ยงคืน ก็แปลว่า คนทั้งโลกรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

@@@@

ซึ่งการตั้งเวลาใหม่ของนาฬิกาวันสิ้นโลก รศ.ดร.ชัยวัฒน์ชี้ว่าสิ่งสำคัญที่สุด ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนทั้งโลกคือตัวกำหนดการตั้งเวลาใหม่ ว่าจะให้ถอยห่างจากเที่ยงคืนมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งพฤติกรรมของคนที่มีผลต่อการปรับเวลาของนาฬิกาวันสิ้นโลก อาทิ พลังงานนิวเคลียร์ สภาพแวดล้อม ภาวะโลกร้อน การเปิดรับ พัฒนา หรือนำเทคโนโลยีใหม่ไปใช้อย่างไร

โดยโลกจะเย็นลงได้ หากคนทั้งโลกอยู่ร่วมกันด้วยการใช้ปัญญา และสติ ดังกรณีพิพาทเรื่องภัยคุกคามนิวเคลียร์ระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกา หากประเทศอื่นๆ มีการเฮโลให้เกาหลีเหนืออย่ากลัวสหรัฐอเมริกา หากอเมริกามีนิวเคลียร์ได้ เกาหลีเหนือก็ต้องมีได้ ถ้าไม่มีก็ต้องโดนขมขู่ตลอดไป ซึ่งอาจทำให้นาฬิกาวันสิ้นโลกขยับเข้าใกล้เที่ยงคืนมากขึ้นๆ ได้


ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ขอบคุณเว็บไซต์ : https://www.thairath.co.th/content/1458016
โดย ไทยรัฐออนไลน์ ,11 ม.ค. 2562 05:30 น.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 11, 2019, 07:57:28 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ