ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้าตากสินสั่งเฉือนหูพระยากาวิละ เหตุดื้อแพ่ง-เรียกตัวแล้วไม่ยอมมา.!!  (อ่าน 1071 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ภาพวาดพระเจ้าตากทรงม้าสู้ศึก ในศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เทศบาลเมืองตาก (ถ่ายโดย ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, 2560)


พระเจ้าตากสินสั่งเฉือนหูพระยากาวิละ เหตุดื้อแพ่ง-เรียกตัวแล้วไม่ยอมมา.!!

ก่อนที่จะกล่าวถึงเหตุผลว่า เหตุใดสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีถึงได้ลงพระราชอาญาพระยากาวิละเจ้านายล้านนาถึงขั้นเฉือนหูนั้น จะต้องย้อนเรื่องราวไปที่จุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยล้านนาตกเป็นประเทศราชของพม่า

ดินแดนล้านนาเป็นดินแดนกันชนระหว่างพม่ากับอยุธยามาช้านาน เนื่องด้วยภูมิประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างสองรัฐ ดินแดนนี้จึงมักตกเป็นประเทศราชของทั้งพม่าและอยุธยาสลับไปมา มีเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นที่สามารถปกครองตนเองได้อย่างอิสระ แต่เมื่อเกิดปัญหาแย่งชิงอำนาจภายในก็ทำให้ล้านนาอ่อนแอและถูกยึดครองในที่สุด

พระเจ้าบุเรงนองสามารถตีเมืองเชียงใหม่ได้ใน พ.ศ. 2101 แต่พม่าก็ไม่สามารถปกครองล้านนาได้อย่างเบ็ดเสร็จ เพราะมักเกิดกบฏขึ้นอยู่ตลอด แม้บางครั้งจะสามารถต่อต้านพม่าจนยึดเมืองคืนได้ แต่พม่าก็ส่งกองทัพมาปราบปรามได้เสมอ

@@@@@@

ช่วงก่อน พ.ศ. 2310 เชียงใหม่ปกครองโดยโป่มะยุงวนและมีพระยาจ่าบ้านเป็นขุนนางคนสำคัญของเชียงใหม่ ส่วนเมืองลำปางปกครองโดยเจ้าฟ้าชายแก้ว พระราชโอรสในเจ้าพระยาสุละวะฦาไชยสงคราม (ทิพช้าง) ปฐมวงศ์เจ้าเจ็ดตน แต่ดินแดนล้านนาก็ล้วนอยู่ใต้อำนาจของพม่าทั้งสิ้น

ครั้นเมื่อ พ.ศ. 2314 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรียกทัพหลวงตีเมืองเชียงใหม่แต่ไม่สำเร็จจึงยกทัพกลับ ขณะนั้นพระยาจ่าบ้านเห็นเป็นโอกาสเหมาะจึงลอบวางแผนโค่นล้มอำนาจพม่า จึงสมคบคิดกับพระยากาวิละโอรสองค์ใหญ่ในเจ้าฟ้าชายแก้วเจ้าเมืองลำปาง


พระเจ้ากาวิละ เจ้าเมืองลำปาง ต่อมาได้ปกครองเมืองเชียงใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ภาพจาก wikipedia)


พงศาวดาวโยนกระบุว่า แม่ทัพพม่าชื่อโป่สุพลายกทัพจากล้านช้างมาถึงเชียงใหม่ โป่สุพลาก็หมายจะไล่โจมตีทัพของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่พึ่งถอนทัพไป พระยาจ่าบ้านจึงออกอุบายว่าเส้นทางน้ำที่กองทัพเรือของโป่สุพลา จะใช้นั้นเต็มไปด้วยกิ่งไม้และท่อนซุงกีดขวาง จึงขออาสาไปจัดการทางน้ำให้เดินทางสะดวก โป่สุพลาก็หลงเชื่อมอบทหารพม่าและลาว (หมายถึงชาวล้านนา) ให้พระยาจ่าบ้านไปจำนวนหนึ่ง

เมื่อกองทัพของพระยาจ่าบ้านมาถึงเมืองฮอดก็สังหารทหารพม่าทั้งหมดแล้ว พาทหารลาวไปเข้าพบเจ้าพระยาจักรีเพื่อขอสวามิภักดิ์ที่เมืองกำแพงเพชร เจ้าพระยาจักรีจึงส่งข่าวถึงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ดังนั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงยกทัพหลวงพร้อมด้วยเจ้าพระยาจักรี และเจ้าพระยาสุรสีห์มายึดเชียงใหม่ได้สำเร็จ ใน พ.ศ. 2317 และทรงแต่งตั้งพระยาจ่าบ้านเป็นพระยาวชิรปราการครองเมืองเชียงใหม่ และให้พระยากาวิละครองเมืองลำปาง

@@@@@@

ในปี พ.ศ. 2318 พม่าจากเชียงแสนก็ยกทัพลงมาตีเมืองเชียงใหม่และลำปาง ฝั่งพระยาจ่าบ้านต้องถอยร่นมาอยู่เมืองระแหง (ตาก) ขณะที่พระยากาวิละและเจ้าเจ็ดตนพยายามต้านทานพม่าอย่างสุดกำลัง แต่ก็ต้องทิ้งเมืองลำปางแล้วอพยพมาอยู่เมืองสวรรคโลกแทน ในปีถัดมาเมื่อพวกพม่าถอยทัพกลับไป พระยากาวิละพร้อมเจ้าเจ็ดตนจึงกลับเมืองลำปางตามเดิม

พระยาจ่าบ้านจะกลับไปเชียงใหม่ตามเดิม โดยสั่งให้เจ้าก้อนแก้วผู้เป็นหลานและเป็นอุปราชเชียงใหม่ขึ้นไปที่ตำบลวังพร้าว เพื่อรวบรวมกำลังพลและเสบียงรอล่วงหน้า อุปราชก้อนแก้วรวบรวมเสบียงไว้ได้จำนวนมาก แต่เมื่อพระยาจ่าบ้านมาถึงกลับไม่ยอมแบ่งปันเสบียง และเกิดวิวาทกันจนพระยาจ่าบ้านสังหารอุปราชก้อนแก้วตาย


แผนที่เส้นทางเดินทัพกลับในคราวไป “ปราบเชียงใหม่” ปี 2317 ในพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ขายกทัพไป เนื้อความขาดไป แต่ตอนยกทัพกลับ ได้ระบุเส้นทางเดินทัพ และชื่อบ้านเมืองที่พักค้างแรม และในเอกสารฉบับนี้เองที่เรียกบ้านตากว่า “เมืองตาก” (แผนที่นี้ใช้ Google Map ค้นหาพบว่า ชื่อบ้านเมืองยังคงมีร่องรอยที่ตั้งในปัจจุบัน)


พ.ศ. 2321 พระเจ้ากรุงธนบุรีให้เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ยกกองทัพไปปราบปรามหัวเมืองล้านช้าง ในปีถัดมาแม่ทัพทั้งสองจึงแต่งกองข้าหลวงจำนวน 300 คน ไปตรวจราชการหัวเมืองล้านนา ผ่านทางเมืองน่าน แพร่ และลำปาง แต่ข้าหลวงเหล่านั้นโจรกรรมสิ่งของราษฎร ฉุดหญิงไปกระทำอนาจาร สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านจึงพากันไปร้องทุกข์พระยากาวิละเจ้าเมืองลำปาง พระยากาวิละแค้นเคืองใจจึงคุมกำลังคนไปไล่แทงฆ่าฟันข้าหลวงเหล่านั้นตายไปจำนวนมาก

พระเจ้ากรุงธนบุรีทราบเรื่องจึงให้ตราหมายเรียกตัวพระยากาวิละลงมากรุงธนบุรี มีตราไปถึงสามครั้งแต่พระยากาวิละก็ไม่มาเพราะรู้ตัวว่าตนกระทำผิดจะต้องพระราชอาญาอย่างแน่นอน พระยากาวิละ จึงคิดทำความดีความชอบทำราชการเผื่อจะได้การลดโทษโดยยกทัพไปตีเมืองลอและเมืองเทิง โดยกวาดต้อนได้ผู้คนเป็นอันมาก จากนั้นพระยากาวิละและพระยาจ่าบ้านลงไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่กรุงธนบุรี พร้อมถวายบรรณาการทั้งสิ่งของและผู้คนที่กวาดต้อนมาได้จากสงครามครั้งนั้น

@@@@@@

สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีพระบรมราชวินิจฉัยพิพากษาพระยากาวิละ ข้อหาทำร้ายข้าหลวงและพิพากษาพระยาจ่าบ้านข้อหาฆ่าอุปราชก้อนแก้ว โดยให้ลงพระราชอาญาเฆี่ยนคนละ 100 ที ส่วนพระยากาวิละมีความผิดอีกประการคือขัดท้องตราไม่มาตามเรียก จึงให้ลงพระราชอาญาตัดขอบหูพระยากาวิละทั้งสองข้าง แล้วเอาตัวทั้งสองไปขังคุก

พระยากาวิละขอพระบรมราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไปทำราชการไถ่โทษ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงมีพระบรมราชานุญาตคืนยศพระยากาวิละและให้ปกครองเมืองลำปางตามเดิม แต่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีไม่ไว้วางพระราชหฤทัยพระยาจ่าบ้านจึงให้จำคุกต่อไป


“สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกู้ชาติ” วาดโดย สนั่น ศิลากรณ์
พิมพ์ครั้งแรกเป็นปกนิตยสารฟ้าเมืองไทย ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๘๗๕ วันพฤหัสบดีที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๒๘


พระยากาวิละเมื่อกลับถึงเมืองลำปางจึงรวบรวมกำลังไพร่พลได้ 300 คน ไปตีเมืองเชียงแสนเป็นการทำราชการไถ่โทษ แม้จะขาดเสบียงจนต้องกินน้ำต้มข้าวประทังชีวิต แต่ด้วยความอุตสาหะและความเก่งกล้าของพระยากาวิละจึงพิชิตเชียงแสนได้สำเร็จ ส่วนพระยาจ่าบ้านก็ถูกจองจำจนล้มป่วยและตายในคุกที่กรุงธนบุรี

เนื่องจาก “หู” เป็นอวัยวะสำคัญในการได้ยิน “เสียง” การที่พระยากาวิละไม่ยอมลงมาเข้าเฝ้าตามตราหมายเรียกตัวถึงสามครั้งจึงเสมือนเป็นพวกดื้อแพ่งทำเป็น “หูทวนลม” คือได้ยินแต่นิ่งเฉยทำเป็นไม่ได้ยิน ดังนั้นการเฉือนหูจึงเหมือนเป็นการ “แก้เผ็ด” เป็นการลงพระราชอาญาที่รุนแรงและสะท้อนว่าสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงแค้นเคืองเจ้ากาวิละอยู่ไม่น้อย



อ้างอิง :-
- สุรพล ดำริห์กุล.(2545). แผ่นดินล้านนา. พิมพ์ครั้งที่ 2.
- กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ. พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ.(2504).
- กรุงเทพฯ : รุ่งเรืองรัตน์. (ฉบับออนไลน์จาก หอสมุดแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ ตรัง, พงศาวดาวโยนก)

ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_27197
เผยแพร่ : วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 07, 2019, 07:03:12 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ