ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธาตุอากาสอยู่กับธาตุอื่นได้หมด แต่ถ้าธาตุอื่นอยู่กับธาตุอากาส อากาศไม่ให้อยู่  (อ่าน 1826 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
            ธาตุอากาศเหมือนเป็นธาตุใจดําอะไรทํานองนั้น    วันนี้คุยเรื่องมนุษย์กันดีกว่า เพราะเราคือมนุษย์ มีหน้าที่สร้างความดี
                ต้องขออนุโมทนา สาธุ ให้คะแนนเต็มร้อย กับคุณพี่ NATTAPONSON และอีกหลายๆคน ที่ร่วมงานเผยแผ่กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ช่วยเหลือครูบาอาจารย์ เพื่อถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยเฉพาะ พระปรมาจารย์ สมเด็จพระสังฆราช พระญาณสังวร(สุก)ไก่เถื่อน ของเราทุกท่าน
               ขอให้ร่วมความดีนี้กันไปจนกว่าจะหาไม่ ก็คือดสิ้นลมดับ ถวายหัวใจ ถวายชีวิตกันไปเลย ว่างั้น
               ใครท้อ จะหาแรงใจด้วยวิธีง่ายๆก็ให้นึกคิดไป แบบนี้ เดี๋ยวอารมณ์พุทธานุสสติมันทรงตัว ก็เข้าใจอารมณ์เพิ่มขึ้น เองทุกคนเก่งได้เท่ากัน เพราะเป็นมนุษย์เหมือนกัน
               การทํางานในพระศนา ก็มีที่ไม่สบอารมณ์ นั่นคือภพ ไม่ใช่เรา มันต้องมี มันต้องเกิด
               ในบางคราวที่ภูมิใจ ดีใจ พอใจ มันก็ต้องมีด้วย มันก็ต้องมี มันก็ต้องเกิด
               บางคราวเฉยๆ เมื่อกระทบกับทุกข์ หรือสุข หรือได้คําตอบที่ไม่ชอบใจ ไม่สมใจ หรือไม่ได้คําตอบเลย อารมณ์นี้ก็ต้องมีก็ต้องเกิด
               เป็นของดี นะจ๊ะ เป็นการเข้าปีติโดยธรรมชาติ หาซื้อไม่ได้นะ ประสบการณ์ กับเหล่ากัลญาณมิตรอย่างเราๆ
               ก็ยังดีกว่าไปคบโจร หรือ ขนาดโจรยังยอมพระตถาคตเราเลย อะไรที่มนุษย์ทําไม่ได้ ไม่มี อย่างพระเทวทัตตอนนี้เข้าปีติอยู่ ในนรก แต่ก่อนเข้าปีติรู้ตัว ยกพนมอธิฐานไว้ เดี๋ยวท่านก็ต้องมา
               บางทีเราอย่าได้ไปคิด ว่าคนนั้นทําไมเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ ทุกคนอยู่กันตาม ปีติ ตามจริต
              ธาตุประจําตัวมีไม่เหมือนกัน
              บางทีเราคิดอย่าง บางคนอาจจะมองว่าเราบ้าอยู่ก็ได้ แต่ในเวลาตรงกัน เรากําลังคิดว่าเราวิเศษอยู่  การทําอะไรเพื่อเอาโล่ เพื่อให้เป็นแบบที่เราตั้งอารมณ์ไว้ บางทีมันก็ต้องถูกขึง อยู่บนไตรลักษณ์ ไม่ควรไปตั้งอารมณ์รอดู การเฝ้ารอดูเป็นการรอกิเลส เพราะมีคําตอบให้การเฝ้ารอดูนั้นๆ ได้อยู่ สองอย่าง และทั้งสองอย่างนั้นเป็นแค่การยึดถือใน กาย
             ถ้าฝึก รู้ไว เพราะมีการเพิ่มขนาดของ องค์อุเบกขาแบบไต่ระดับ ฝึกตลอด ก็เพิ่มตลอด เหมือนได้คะแนนทุกวัน
             อุเบกขาที่ได้จากการพอกพูน ได้แล้วได้เลย ไม่สูญ เพิ่มขนาดจนกว่าจะถึงที่สุด

             ยกตัวอย่างผู้มีธาตุอากาศ เข้ากับธาตุอื่นได้หมดทั้งทางโลกทางธรรม รู้ธาตุอื่น เเละเข้าใจธาตุอื่น เข้าไปอยู่ในธาตอื่นได้หมด
               แต่ธาตุอากาสเวลาอยู่อยู่ธาตเดียว
                    ขอขยายตามความรู้สึกหน่อย
           ธาตุอากาสหยุด นิ่ง ใบ้ ไม่อธิบาย แต่รู้ทัน ธาตุอื่นหมดว่าต้องการอะไร
           ธาตุไฟ มีสุข มีทุกข์มีโทสะ ไม่ชอบใจ ไม่พอใจเก่ง
          ธาตุนํ้า ดีใจเก่ง คล้อยตามเก่ง แต่ก็เป็นธาตุไฟได้เก่ง กลับไปกับมา       
           ธาตุลม เพลิดเพลินได้หมด ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ
นํ้า ลม อากาส ปกปิดสิ่งที่ไม่ชอบใจไว้ในอารมณ์ได้เก่ง ไม่ปล่อยกาย ออกไปในรูป เช่นดินกับไฟ (ไปเถียงกัน) ซ่อน แต่ถ้ารูปยังไม่ดับ สังเกตุได้จากทางกายทั้งหก (ออกทางหูตา ท่าทาง)ปิดไม่ได้ แม้ไม่ออกทางวาจา ก็เห็นทางกายอื่น ที่ไม่ใช่วาจา ประโยค
          ธาตุดิน วิตกเก่งขี้สงสัย ไม่เลิก เรื่องนี้หมด ก็เรื่องใหม่อีก
                       วิธีแก้ให้หายเป็นก็ต้องเป็นไปตามปีติ หรือไม่ก็มา ปฏิบัติ สัมปยุตธาตุธรรม แก้ความรู้สึกในฐานจิตร คือการปฏิบัติธรรม ความดี
          เชิงกรรมฐานเน้นการเข้าปีติ ก็คือสุขทุกข์เป็นของจริงคือประโยชน์ของเรา
            เพื่อละและวางเป็นอุเบกขา ตามธรรม
                            ขออนุโมทนาสาธุกับทุกท่านที่ได้ทํางานถวายพระพุทธเจ้า
                                                 ก็ว่ากันไปตามธรรมความจริง     
               
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

vichai

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 207
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมว่า คนที่ทำงานในด้านการเผยแผ่ พระศาสนา นั้นน่าชื่นชมนะครับ เพราะว่าต้องมีกำลังสูบงมากกว่าการภาวนา แต่เคยฟังพระอาจารย์ มาว่าผู้ภาวนาส่วนใหญ่ มักจะฟุ้งซ่านในการทำความดี เป็น อุทธัจจะสังโยชน์ ดังนั้นผู้ปฏิบัติภาวนาในสายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ พึงสำรวมจิต ระวังใจ ปฏิบัติตามคำสั่งของครูอาจารย์

     เคยฟังว่า การเผยแผ่วิชากรรมฐาน เป็นหน้าที่ของครูอาจารย์ ลูกศิษย์อย่างเราเพียงสนับสนุนปัจจัย สี่ ที่ควรสนับสนุนเท่านั้น เพราะบางคนฟุ่้งซ่านเกินไปถึงกับไปตั้งสำนักโดยไม่ขออนุึญาตจากครูอาจารย์ และทำให้เกิดความเสียหายตามมา

     กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับเป็นกรรมฐาน ที่นับเนื่องด้วยการปฏิบัติ หากลูกศิษย์ไม่ปฏิบัติก้ไม่มีทางเข้าใจในส่วนนี้

     ส่วนวิชากรรมฐาน เริ่มแรกคือ การปรับธาุตุ กับพอกพูน ธาตุรู้ คือ พระลักษณะ และ พระรัศมี ธา่ตุรู้ควรจะต้องรู้ส่วนนี้ก่อน
   
     ทุกคนมีทุกธาตุ การชอบธาตุไหน ก็แล้ว แต่สถานการณ์ นะครับ
   
       บางครั้งหนาว ก็ชอบธาตุไฟ บางครั้งร้อน ก็ชอบธาตุน้ำ ธาตุลม ธาุตุอากาศ เป็นต้น


   มาบ่นเป็นเพื่อน เท่านี้ครับ และอนุโมทนา กับความมั่นคงในวิชากรรมฐาน ครับ

   :25: :25: :25:


   
   
บันทึกการเข้า
มาศึกษาธรรมะ ครับ ยินดีรู้จักทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร ครับ
เครดิต คุณกบแย้มกะลา