พระธรรมปีติ นั้น เป็นห้องกรรมฐานห้องที่ 1 จะบอกว่าเน้นหรือป่าว ก็ไม่ได้เน้น
เพียงแต่ลูกศิษย์ ส่วนใหญ่ ปฏิบัติไม่ผ่านในห้องนี้ ก็เลยต้องซ้ำกันอยู่อย่างนั้น
ถามว่าทำไมจึงปฏิบัติไม่ผ่าน ก็ต้องกลับไปอ่าน เหตุผลการปฏิบัติ ที่ย่อหย่อน และ ตึงเกิน
ไม่เป็น มัชฌิมา ( ทางสายกลาง ) จึงทำให้ปฏิบัติไม่ผ่าน
พระธรรมปีติ มีอานุภาพ ต่อ กาย และ จิต อย่างไรในกรรมฐาน คะ
พระธรรมปีติมีอานุภาพ สิจ๊ะ
พิจารณาให้ดี เวลาเราดีใจ ปลื้มปีติ พอได้ผ่านปีติ เราก็จะรู้สึกสบายตัว และ สบายใจ
นี้เป็นแบบปุถุชน ปลื้มปีติ ปราโมทย์ แบบปุถุชชน นะ
ที่นี้ถ้าเราได้ปฏิบัติในพระกรรมฐาน มีความชำนาญในห้องพระธรรมปีติ นั้น จะมีอานุภาพ
กับจิต และ กายโดยตรง เช่นการปรับธาตุ เปลี่ยนธาตุ ก็อยู่ในพระธรรมปีติ เป็นหลัก
ดังนั้นผู้ฝึกกรรมฐาน นั้นจำเป็นต้องมีพื้่นฐาน ในการเดินพระธรรมปีติ ทั้งแบบ อนุโลม ปฏิโลม
เข้าสับ องค์พระธรรมปีติ ได้อย่างช่ำชอง
ดังนั้นหลังจากเลิกฝึก ก็จะเห็นว่า กายและจิต นั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เช่น
คนนอนหลับยาก ก็จะนอนหลับง่าย ร่างกายก็กระปรี่กระเปร่า แม้ัพักผ่อนกันน้อย
ที่นี้อานุภาพ ของพระธรรมปีติ ที่สำคัญนั้นไม่ใช่้เพียงเพื่อ สมถะ แต่ พระธรรมปีติ
เวลาที่พระโยคาวจร เจริญวิปัสสนา นั้นต้องถอยจากฌานทั้งหมด กับมาที่พระอุปจาระ หรือ
ปฐมฌาน เพื่อกัับมาพิจารณาวิปัสสนา ในนาม และั รูป ในส่วน ของ ปีติ และ สุข
ดังนั้น ปีติ นับเป็นเวทนา สหรคต ในนาม โสมนัส และ สุข เป็นเวทนา
และเป็นบาทฐาน ของการเจริญ เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ด้วย
ดังนั้น ผู้ฝึกอย่าได้ดูแคลนองค์ธรรม คือ พระปีติ และ พระสุข เลย เพราะ
คุณธรรมทั้งสองนั้นเป็นบาทฐาน แห่ง วิปัสสนาทั้งปวง
อะไรชื่อว่าตัดยาก ก็คือ ตัณหา
ตัณหา อะไรที่ตัดยาก ตัณหา ในสุข อันเป็น กามสุข ภวสุข นี้ชื่อว่าตัดอยาก
เพราะบุคคลต้องเห็นด้วยปัญญาอย่างแท้จริง จึงจักตัด ตัณหา นี้ได้
ถ้าตัดตัณหาได้ ชื่อว่าเป็นใคร ตอบ ไม่เป็นใคร ทั้งนั้น มีเพียงแต่ใจรู้เห็นตามความเป็นจริงเท่านั้น
เจริญพร ตอบมาก ก็ต้องพิมพ์มากนะจ๊ะ