พิมพ์

[arlogo]

ธรรมะสัญจร จาริกอิสาณ 7 - 13 ก.พ.56 หนองคาย อุดรธานี

  การเดินทางรอบนี้ เรียกว่า เป็นภาระกิจ.... เพราะไปตามที่ ครูอาจารย์กล่าว ให้ไป
 
  สถานที่ไปสถานที่แรก คือ  วัดโพธิชัย  ( วัดหลวงพ่อพระใส )

 
 
  รูปนี้ถ่ายหน้า วิหารหลวงพ่อพระใส
 


ลองมองรอบ ๆ ก็จะเห็น จิตรกรรมฝาผนัง สีสรรสดใส รอบผนัง โบสถ์จตุรมุข


ภาพเด็กที่มาเที่ยว เข้าไปนั่งฟังพระสงฆ์ สามเณรทำวัตรเช้า เป็นภาพที่ประทับใจ เด็กทุกคนเข้าไปก็จะนั่งเรียบร้อยอย่างนี้เอง ไม่ต้องบอก และ เงียบเสียงไม่พูดคุยอะไรทั้งสิ้น นั่งพนมมือฟังพระสวดมนต์กัน


หลวงพ่อพระใส ถ่ายซูม เพราะหลวงพ่อองค์ไม่ใหญ่ ตั้งอยู่สูง และจุดยืนถ่ายอยู่ไกลด้วย


จิตรกรรมฝาผนัง เป็นการวาดใหม่ ภาพจึงสีสดใส ไม่เหมือนภาพเก่า แต่มีเนื้อเรื่อง ของหลวงพ่อพระใสให้ชมจำนวนมาก


ถ้าต้องเก็บภาพ จิตรกรรมฝาผนัง คงมีเป็นร้อยภาพ เลยนะจ๊ะ ไปชมเองก็แล้วกัน

[arlogo]

สิงห์ยกเท้า จะมีอยู่ ทั้ง 4 ทิศ ของโบสถ์ จตุรมุข มีทั้งหมด 16 ตัว เด่นตระหง่าน เพราะขนาดใหญ่ ประมาณ 2 ศอก



ส่วนตัวเป็นคนชอบสิงห์ ไทย อยู่แล้วนะเพราะเกิด เดือน สิงหาคม ตั้งแต่เด็กมาก็ชอบสิงห์จึงถูกใจเป็นพิเศษ


พันธ์ไม้ สวนประดับ ที่ทางวัดนำมาประดับตกแต่ง ในสถานที่ต่าง ๆ รอบวัด พอให้ผู้มาท่องเที่ยว บันเทิงใจเก็บภาพมาฝาก


หงอนไก่แดง ดูใกล้ ก็สวยดี นะ






เจดีย์นี้จะอยู่ที่หน้าโบสถ์ หลวงพ่อพระใส


ถ่ายรูปหน้าโบสถ์ บริเวณเจดีย์


ที่วัดมีสถานีวิทยุ ประจำอยู่ใกล้ ๆ ศาลา หลวงพ่อพระใส

[arlogo]

ประมาณ 7.30 น. ก็ออกเดินทางจากวัดพระใส โดยเดินเลียบแม่น้าโขง 3 กม. เพื่อไปไหว้ พระธาตุหล้าหนอง เส้นทางนี้เดินออกจากหน้าวัด ไปสู่ถนนเลียบแม่น้ำผ่านถนน สามเส้น เดินตอนเช้าอากาศดียังไม่ร้อน


เดินมาเจอวัดแรก คือ วัดประัดิษฐ์ธรรมคุณ หรือ วัดหลวงพ่อ พระเสาร์ อยู่ติดถนนอย่างนี้แหละ เดินเข้าไปกราบนมัสการ


เดินต่อมาอีกหน่อย ก็พบอีกวัด คือ วัดยอดแก้ว  วัดนี้ประดิษฐาน หลวงพ่อพระสวย


หลวงพ่อพระสวย เป็นพระศักดิ์สิทธ์ ในจำนวน พระ ส เสือ ของหนองคาย 9 องค์ อันมี
พระใส พระสวย พระสุก พระเสาร์ พระเสริม เป็นต้น


ป้ายพระ ส เสือ 9 องค์ ของหนองคาย


พระธาตุหล้าหนอง สุดทางที่ยังไม่ มีทางต่ออีกไกล แต่พอแล้ว เดินกันมาไกล ชักเมื่อยแล้ว


ที่เห็นอยู่ในแม่น้ำโขง เป็น ส่วนฐาน ของเจดีย์พระธาตุ นะ เพราะเมื่อก่อน ตรงส่วนนี้เป็นที่ตั้งของวัดและน้ำพัดทำลายพื้นที่หายไป หลายไร่


ชาวบ้านร่วมใจกันสร้าง พระธาตุองค์ใหม่ขึ้นมา ด้วยเงินหลาย 10 ล้าน โดยมีกรมศิลปากร และ รัฐ เข้ามาอุปถัมภ์ รวมเป็นเงิน ร้อยล้านบาท เพราะต้องสร้างเขื่อนกั้นน้ำกัดเซาะ และ องค์พระธาตุ

[arlogo]

บริเวณภายใต้เจดีย์ ก็มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พระจำลองของหนองคาย และ ประวัติของพระธาตุหล้าหนอง


หรือจะนั่งชมวิว แม่น้ำโขง จากจุดนี้ ก็ได้นั่งกรรมฐาน ไปเรื่อย ลมเย็น อากาศสบาย ก็ได้ ไม่มีใครว่าผู้ดูแล ใจดีมีน้ำใจ เป็นชาวบ้านผลัดกันเข้ามาดูแล


หรือ จะกราบไหว้ สิ่งสักการะต่าง ๆ ใต้นี้ก็เชิญตามอัธยาศัย แห่ง จิตที่เป็นกุศล


เมื่อเงยหน้าขึ้นไป ก็จะเห็น จิตรกรรมฝาผนัง ด้านบนบอกเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพระธาตุ


ฉัตรเจดีย์ ยังไม่ยก ผู้ดูแลแจ้งว่า รอคำสั่งจาก พระเทพรัตนราชสุดา มาเปิดยกฉัตร


ดังนั้นจึงมีนั่งร้าน สวมอยู่ ด้านหนึ่งของเจดีย์พระธาตุ


เดินขึ้นทางด้านหน้าไปทำประทักษิณ ด้านบนพระธาตุ


ทางด้านหลังพระธาตุ ก็มีสวนไม้ พระธาตุหล้าหนอง ให้เดินพักผ่อนหย่อนใจอีกประมาณ 300 เมตร

[arlogo]

วิจิตรกรรม ผสานความเป็นไทยอิสาณ ซึ่งจะเป็นมรดกของชาวหนองคาย ถูกบรรจงสร้างภายใต้คำว่า ศรัทธา


เมื่อมองจากด้านบน ออกไปทางแม่น้ำโขง ก็จะเห็นอีกฟากฝั่งกำลังขมักเขม้น ดูดทราย กันที่ฝั่งลาวเสียงดังถึงพระธาตุหล้าหนองแห่งนี้ พอสมควร


โดยรวมก็มีบรรยากาศ ที่ดี อากาศบริสุทธิ์ เสียงเงียบไม่อึกทึกเหมือนในเมือง กล่าวว่าความเงียบสงบ เป็นรอง ๆ ของ เชียงคาน ในบริเวณนี้


เมื่อมองออกไปจะเห็นตัวเมืองหนองคายห่างไปอีก 3 กม. เรามองจากตรงนี้มองเห็นองค์พระใหญ่วัดลำดวน อย่างตระหง่านชัดเจน แต่กล้องถ่ายไม่เห็น เพราะเราจะไปต่อที่นั่น

[arlogo]

ออกจากพระธาตุหล้าหนอง ก็เิดินเลียบฝั่งโขงกลับมาอีกประมาณ 4 กม. ถึงวัดลำดวน เพื่อ นมัสการหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อใหญ่ ถ้ามองจากไกล ๆ จะเห็นเด่นชัด


มองจากชั้นบนสุดกลับไป จะเห็นพระธาตุหล้าหนอง ขาว ๆ ปลาย ๆ นั่นหลวงพ่อใหญ่วัดลำดวน ถูกสร้าง เหนือโบสถ์ จตุรมุข ชั้น ที่ 4 ของวัดลำดวน


เมือขึ้นมาต้องเดินขึ้นบันได แคบ ๆ ขึ้นมาประมาณ 50 ขั้น 4 ชั้น แต่ขึ้นมาแล้ว ก็จะมองทัศนียภาพของหนองคาย ได้ทั้ง สี่ทิศ


มองไปทางด้านซ้าย จะเห็นสะพาน มิตรภาพไทย-ลาว อยุ่ห่างประมาณ 6 กม. ไกล ๆ สังเกตให้ดี ในภาพกล้องเราถ่ายได้แค่นี้ แต่วิวจริง ๆ สวยกว่าภาพในกล้อง


หลวงพ่อใหญ่ วัดลำดวน ถ่ายจากมุมที่กราบ มีมุมแค่นี้เวลาที่ถ่าย เป็นเวลา 11.20 น. รัศมีพระอาทิตย์อยู่ตรงนั้นพอดี ทำให้เห็นเป็นรัศมี ที่พระเศียรหลวงพ่อด้วย


ด้านซ้ายมือของหลวงพ่อ มองออกไปก็จะเห็นทางเข้าตลาดอินโดจีน ซึ่งอยุ่ห่างกันประมาณ 200 เมตร

[arlogo]

ภาพนี้มองจากด้านหลังหลวงพ่อกลับไป จะเห็นหลังคาวัดโพธชัย ( หลวงพ่อพระใส ) เราพักที่ศาลากันถ้ามองออกมาก็จะเห็นหลวงพ่อใหญ่วัดลำดวนเ่ด่นสง่าเช่นเดียวกัน


ใคร ๆ ก็พากันไปที่สะพาน มิตรภาพ-ไทยลาว รถบัสจอดกันเป็น สิบ ๆ คัน ลานจอดรถด้านหน้า แน่นขนัดแต่เข้าไปแล้วก็มีแค่นี้ นะไม่มีอะไรมากกว่านี้ เลย


ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว เ็ก็บภาพเสาสะพานมาฝาก เพื่อใครไม่เคยเห็น


จะมีดีหน่อยก็ตรงป้ายบอกแผนที่แผ่นใหญ่นี่แหละ แต่แดดร้อนแล้ว เพราะมาถึงตอนเที่ยงกว่า ๆ เลยไม่มีใครไปยืนอ่านกันมาก


อาศัยว่าเดินใต้สะพาน ฟังเสียงรถข้ามไป ดัง ครืน ๆ ด้านบน



แผนที่โดยรวมก็ใช้ได้ แต่ สเกลอาจจะใช้ไม่ได้ นะจ๊ะเพราะลองวัดกันดูแล้ว สเกลผิดหลายจุดในเรื่อง กม.

[arlogo]

ออกจากสะพาน มิตรภาพ ไทยลาว มา คนขับสามล้อ สกายแลบบอกว่า ถ้ามาหนองคายต้องไปเที่ยวศาลากู่แก้ว วัดหลวงพ่อบุญเหลือ เราไม่เคยได้ยินก็เลยตัดสินใจ นั่งรถสามล้ออกจากเมืองมาอีก 5 กม. เพื่อไป ศาลากูแก้ว


สำหรับ ศาลากู่แก้ว นี้ไม่ได้เป็นวัดไทย แต่ เป็นวัดพราหมณ์ นะจ๊ะ หลวงปู่บุญเหลือ ก็ไม่ใช่พระสงฆ์ไทย เป็น พราหมณ์ ที่ชาวหนองคายนับถือ ท่านได้สร้าง เทวาลัย ที่ชื่อว่า กู่แก้ว ใครไปที่นี่ถ้าไม่ใช่พระสงฆ์ ก็ต้องเสียค่าเข้าชม นะจ๊ะ กี่บาทไม่ทราบ ไม่ได้ถามไว้


เทวาลัยที่นี่ จะสร้างรูปปั้น เทพเจ้าต่าง ๆ แต่ก็มีอิทธิพลพุทธศาสนาด้วย จึงมีรูป พระพุทธเจ้า หลายจุดด้วยกันเรียกว่า นับถือผสมกัน ตามผู้สร้าง


ที่ใต้รูปปั้นเหล่านี้ เขาเรียกว่า รูปปั้นเทพเจ้า ตามความเชื่อนะจ๊ะ


แต่ที่ถูกใจมาก คือ พระปางนาคปรกองค์นี้ เนื่องด้วย อาจารย์เกิดวันเสาร์ จึงชอบพระพุทธรูปปางนาคปรกมาตั้งแต่เด็ก นะจ๊ะ



สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้มีความสูงเท่ากัน ตึก 3 ชัึ้น นะจ๊ะ ไม่ใช่เล็ก ๆ สูงเท่ากับต้นตาลที่มีอายุมาก ๆ เลย


สำหรับที่นี่ถ้าตั้งใจมา เดินชมก็เ้ข้าท่า เอาร่มเ้ข้าไปด้วยจะดี แต่ อาจารย์เดินไม่ไหวแล้ว เพราะวันนี้เดินกันเป็น สิบ ๆ กิโลตั้งแต่เช้าแล้ว ก็เลยถ่ายภาพเฉพาะส่วนหนัามาฝากท่านทั้งหลาย นะ


ถ่ายระยะ 200 เมตร นะภาพนี้จะเห็นว่า พระปางนาคปรก สูงมาก ๆ  นะจ๊ะ

[arlogo]

คำอธิบาย ประวัติศาลาแก้วกู่ นี้ เราไม่ได้ตามรายละเอียดเพราะเห็นว่า เป็น สถานของชาวฮินดู จึงไม่ได้เพ่นพ่านสอบถามเรื่องราวจากใคร ๆ ในเทวาลัยนี้


เดินขึ้นไปชั้นสอง และ สาม เพื่อไปดูสังขาร หลวงปู่บุญเหลือ ตามที่แนะนำ


มองจากชั้นสาม จะเห็นรูปปั้นในเทวาลัย ที่มีความสูงระดับเดียวกับสายตา


ก็เก็บภาพมาฝากทุกท่าน ตามมุมที่สมควรนะจ๊ะ


อันนี้มองจากชั้นสามออกไปด้านหน้า นะจีะ



ถ่ายภาพโลงแก้ว จะเห็น สังขาร พราหมณ์ชุดขาวในโลงแก้ว เนื่่องด้วยกระจกที่กั้นก็เป็นฝ้า กล้องซูมไม่ผ่าน นะจ๊ะถ่ายได้เท่านี้


ที่แต่งชุดขาว นั่นแหละที่เขาเรียกกันว่า หลวงปู่บุญเหลือ


เดินลงจากตึก ออกมาทางซ้ายก็จะเป็นบ่อเลี้ยงปลา นะจ๊ะ เห้นเด็กนักเรียนกำลังให้อาหารปลากันอยู่เก็บภาพมาฝาก อันนี้เป็นบุญแบบสนุกสนาน ที่เด็ก ๆ ชอบกันมาก ๆ

[arlogo]

ทางด้านซ้ายของตึก จะเป็นสวนกระบองเพชร เก็บภาพจากที่ให้อาหารปลา ไม่ได้เดินเพราะเมื่อยแล้ว เก็บภาพระยะห่างไว้ให้ชมกันนะจ๊ะ


ก็ยังมีอีกหลาย จุดที่ไม่ได้ไป หรือเข้าไปดู ในบริเวณนี้ เก็บภาพพอประมาณ


ออกมาด้านนอกเพื่อขึ้นรถกลับที่พัก ก็เป็นเวลา 17.50 น.แล้ว รถสกายแลบพร้อมรออยู่ งานนี้ค่าเดินทางหมดไปเยอะกับค่าโดยสาร เกิน สองพันบาทแล้ว ในวันแรก



เป้าหมายการเดินทางครั้งนี้ ความเป็นจริงตั้งใจไป ภูท่อก นะแต่ไปเริ่มต้นที่หนองคายก็เลยเก็บภาพมาฝากทุกท่าน กันในวันแรก มีเท่านี้นะจ๊ะ ใครต้องการชมภาพมากกว่านี้ ไปติดตามใน Facebook นะจ๊ะ เหตุที่อัพโหลดไว้ใน Facebook นั้นเพื่อประหยัดเนื้อที่โฮสต์ ดังนั้น ชาว Facebook จะได้เห็นภาพที่ อาจารย์อัพโหลดไว้ก่อนนะจ๊ะ

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.336098703173247.78496.100003193598322&type=3

[นักเดินทาง]

อนุโมทนา ขอบคุณ มากครับ