สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: tcarisa ที่ มกราคม 24, 2011, 02:09:28 pm



หัวข้อ: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ มกราคม 24, 2011, 02:09:28 pm
คือ ทางเหนือ มักจะเห็นประกาศ การเข้า นิโรธกรรม ทั้ง พระ และ แม่ชี หลายป้ายด้วยกัน

ทำให้อดสงสัย ไม่ได้ ว่าทั้งพระ และ แม่ชี อวดอุตรมนุสธรรม หรือไม่ หรือเป็นความเข้าใจผิดของดิฉัน เรื่องความ

ไม่เข้าใจเรื่อง นิโรธกรรม กับ นิโรธสมาบัติ เหมือนกันหรือไม่

 ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ช่วยแนะนำให้ ดิฉันเกิดความเข้าใจหน่อย ได้หรือไม่คะ

  :c017: ขอบคุณเจ๊า


หัวข้อ: ชาวบ้านแห่มาดู เรียก “บ่อน้ำทิพย์”
เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ มกราคม 24, 2011, 02:13:32 pm
(http://www.kikuza.com/wp-content/uploads/2010/02/d2.jpg)

อัศจรรย์ น้ำไหลออกจากบ่อน้ำโบราณ ภายในวัดร้าง ทั้งที่แห้งมานาน หลังเกจิเข้านิโรธกรรมได้ 2 คืน ชาวบ้านแห่มาดู เรียก “บ่อน้ำทิพย์” และช่วยกันบริจาคอิฐก่อสร้างเจดีย์…

เมื่อเวลา 10.00 น.ของวันที่ 4 ก.พ 2553 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีบ่อน้ำโบราณมีชาวบ้านแตกตื่น ไปกันที่วัดพระบาทน้ำทิพย์ (วัดร้าง) บ้านห้วยไซ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ซึ่งเป็นเขตติดต่ออำเภอสันกำแพงเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นอำเภอสันกำแพง ยอดเขาวัดพระบาทน้ำทิพย์ หมู่ 9 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ตั้งอยู่บนเนินเขาจากการสังเกตการณ์ ซึ่งเป็นวัดร้างมากว่าพันปี โดยมีชาวบ้านไปมุงดูจำนวนมาก ถึงความอัศจรรย์ ในครั้งนี้ เพราะบ่อน้ำแห่งนี้ อยู่ภายในวัด มีความลึกประมาณ 2 เมตรกว้างประมาณ 1 เมตร อยู่บนเนินเขา ไม่มีน้ำมาหลายสิบปีกลับไหลอีกครั้งหลังจากพระเกจิล้านนาเข้านิโรธกรรม

จาก การเปิดเผยของ หลวงพ่อวีระ อคฺคจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดกู่ม่านมงคลชัย หมู่ 13 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด เชียงใหม่ ประธานบูรณวัดพระบาทน้ำทิพย์ พร้อมทั้งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 และชาวบ้านห้วยไซ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ได้กราบอาราธนานิมนต์ ครูบาภาราดร ธีรวโส เกจิล้านนาแห่ง วัดพระธาตุทุ่งตูม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ มาเข้านิโรธกรรม ไม่ฉันอาหาร 7 วัน 7 คืน ฉันแต่น้ำในบาตร เท่านั้น โดยมีกำหนดเข้านิโรธกรรม ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมาออกนิโรธกรรม วันที่ 8 ก.พ. 2553 ที่จะถึงนี้ หลังจากออกนิโรธกรรมแล้ว จะมีพิธีวางศิลาฤกษ์ สร้างพระธาตุเจดีย์ ในวันที่ 8 ก.พ 2553 เวลา 09.00 น. โดยมีหลวงพ่อพระเทพมหาเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำพูน มาเป็นประธาน วางศิลาฤกษ์ ในครั้งนี้ สิ่งที่แปลกประหลาดมาก หลังจากได้เข้านิโรธได้ 2 วัน บ่อน้ำที่อยู่ห่างจากจุดปฏิบัติธรรมของ ครูบาภาราดร ธีรวํโส ประมาณ 9 เมตร กลับมีน้ำไหลออกมา สูงจากก้นบ่อประมาณ ครึ่งเมตร ทั้งที่บ่อตั้งอยู่ยอดเขาวัด

หลวงพ่อวีระ อคฺคจิตฺโต ประธานบูรณวัดพระบาทน้ำทิพย์ กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว ชาวบ้านที่มาเห็นต่างไปพูดกันปากต่อปาก ทำให้มีคนขึ้นมาวัดจำนวนมาก และ ช่วยกันบริจาคเป็นเจ้าภาพอิฐที่จะใช้ก่อเจดีย์ โดยแต่ละคนจะเขียนชื่อตัวเองที่อิฐกันทุกคน จนอิฐไม่พอต่อความต้องการ ต้องสั่งอิฐเพิ่มอีกหลายคันรถ จนโรงงานผลิตแทบไม่ทัน

นอกจากนั้น นายสมคิด ใจน้อย ผู้ใหญ่บ้านห้วยไซ หมู่ 9 ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน ได้นำชาวบ้านมาพัฒนาวัดกว่าร้อยคน กล่าวว่า รู้สึกแปลกมากที่จู่ๆ บ่อน้ำที่แห้งมานาน จะมีน้ำไหลออกมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่สอง ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งแรกจำได้ว่าเกิดขึ้น เมื่อค้นพบวัด ประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว จัดพิธีบวงสรวง สร้างวัดตามประเพณีทางเหนือ ปรากฏว่ามีน้ำไหลออกจากบ่อเหมือนกัน แต่อยู่ได้ประมาณ 7 วันก็แห้งไป ชาวบ้านแถวนี้เลยเรียกวัดนี้ว่า “วัดพระบาทน้ำทิพย์ “ เช้าทุกวันจะมีพระสงฆ์มาบิณฑบาต 9 รูปตั้งแต่เข้านิโรธกรรมมา


หัวข้อ: Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ มกราคม 24, 2011, 02:23:50 pm
เรื่องนิโรธกรรม ไม่มีคำอธิบาย มีแต่ภาพ

http://www.watkadesri.net/index.php?mo=12&catid=128960 (http://www.watkadesri.net/index.php?mo=12&catid=128960)

เพราะดูบางที่ บางแห่ง ทั้งประโคมข่าว และ ทำสื่อออกไปมากมาย อยู่มิดชิดในกระท่อมบ้าง

แต่ที่เราเคยเห็น ไม่มีประกาศ ไม่มีบอก นั่งกรรมฐานในกลด มองเห็นได้อย่างเปิดเผย

ไม่มีคนไปอัญเชิญ หรือ ทำบุญกับท่าน.... ก็แปลกดีนะ ที่เห็นจริง กับ ไม่มีใครศรัทธา...

 :smiley_confused1:



หัวข้อ: Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: P63 ที่ มกราคม 25, 2011, 12:25:28 am
ไม่เหมือนกันครับ
นิโรธสมาบัตินั้น เป็นความสามารถพิเศษในการเข้ารูปฌาน 4 และอรูปฌาน4 หรือที่เรียกว่า สมาบัติ 8 ที่พระอริยเจ้าระดับพระอนาคามีขึ้นไปเท่านั้นจึงจะทำได้ โดยมีระยะประมาณ 7- 15 วัน
และมีความเชื่อว่า ผู้ที่ถวายทานให้กับพระอริยเจ้าที่ออกจากนิโรธสมาบัตินั้น จะได้อานิสงส์สูงมากชนิดร่ำรวยกันทันตาเห็นในชาติปัจจุบันนี้เลย
(จริงๆแล้ว ความเชื่อเดิมหมายถึง ผู้ที่ถวายทานคนเดียว(แก้ไข) คงเป็นเพราะท่านเพิ่งออกจากสมาบัติ การได้รับภัตตาหารมื้อแรกที่ทำให้ท่านมีความแช่มชื่นขึ้น คงเป็นบุญกุศลอย่างสูง - อันนี้เป็นความคิดของผม)

ส่วนนิโรธกรรม เป็นประเพณีที่พระทางภาคเหนือมาปฏิบัติกันในภายหลัง โดยการอดอาหาร ฉันแต่น้ำ เป็นระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น ซึ่งไม่ทราบว่ามีที่มาอย่างไร
แต่มีคนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจ หรือตั้งใจเอามาใช้ให้สับสนกัน อาจเพื่อเป็นการโปรโมทอะไรบางอย่าง หรืออาจเพื่อได้รับการทำบุญจากผู้คนมากมายตามความเชื่อที่เอามาปนกันจากการทำบุญกับพระอริยเจ้าแบบที่กล่าวข้างต้น

ดูเรื่องนิโรธสมาบัติที่นี่ครับ
http://www.abhidhamonline.org/aphi/p4/057.htm (http://www.abhidhamonline.org/aphi/p4/057.htm)


หัวข้อ: Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: prayong ที่ มกราคม 25, 2011, 12:38:01 am

แต่ที่เราเคยเห็น ไม่มีประกาศ ไม่มีบอก นั่งกรรมฐานในกลด มองเห็นได้อย่างเปิดเผย

ไม่มีคนไปอัญเชิญ หรือ ทำบุญกับท่าน.... ก็แปลกดีนะ ที่เห็นจริง กับ ไม่มีใครศรัทธา...

 :smiley_confused1:

เคยเห็นที่ไหน บอกผมบ้างครับ ผมอยากพบท่านครับ ....
 :s_good:


หัวข้อ: Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: prachabeodee ที่ มกราคม 25, 2011, 02:49:28 pm

แต่ที่เราเคยเห็น ไม่มีประกาศ ไม่มีบอก นั่งกรรมฐานในกลด มองเห็นได้อย่างเปิดเผย

ไม่มีคนไปอัญเชิญ หรือ ทำบุญกับท่าน.... ก็แปลกดีนะ ที่เห็นจริง กับ ไม่มีใครศรัทธา...

 :smiley_confused1:
จริงๆแล้วต้องมาดูกันก่อนว่า.....เข้านิโรธสมาบัติเพื่ออะไร....คงไม่ไช่เข้าเพื่อเรี่ยไรเงินหรอกน๊ะ,คงไม่ไช่เข้าเพื่ออวดอ้างว่าตนนี้เก่งตนนี้แน่หรอกน๊ะ,หรือเพื่อลาภสักการะอื่นๆหรอกน๊ะ,เพราะเป็นพระระดับนั้นแล้วคงไม่อยากได้,ไม่อยากมี,ไม่อยากเป็นแล้วล่ะน๊ะ...........แล้วก็อีกอย่าง การเข้านิโรธสมาบัติไม่ไช่ของที่บุคคลทั่วไปอยากทำก็ทำได้เสียเมื่อไหร่กัน.....ดังนั้นก็ต้องเข้าใจให้ดีด้วยก่อนจะตัดสินอะไรลงไป... :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043: :043:


เคยเห็นที่ไหน บอกผมบ้างครับ ผมอยากพบท่านครับ ....
 :s_good:


หัวข้อ: Re: นิโรธกรรม กับ นิโรธ สมาบัติ เหมือนกันหรือไม่
เริ่มหัวข้อโดย: เจมส์บอนด์ ที่ มกราคม 25, 2011, 03:43:09 pm
นั่นสินะป้า เราจึงไม่ได้รู้ หรือได้เห็น กันเหมือนเดิมเพราะท่านไม่อวด ไม่ทำเพื่อลาภ เพื่ออะไรทั้งนั้น แล้วเราจะมีบุญได้ทำบุญกับท่านกันบ้างไหมนี่

 แป่ว  :014: :014: