ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สภาวลักษณะและอานุภาพ ของ "อธิวาสนขันติ" | การพูดปลอบโยนที่ตรงกับความเป็นจริง  (อ่าน 634 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



สภาวลักษณะและอานุภาพ ของ "อธิวาสนขันติ" | การพูดปลอบโยนที่ตรงกับความเป็นจริง

การพูดปลอบโยนที่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้จิตผู้ฟังคลายกังวล หายหงุดหงินขัดเคืองใจได้ด้วย "อธิวาสนขันติ" สำคัญเป็นไฉน.?

     ”สหสฺสมปิ เจ วาจา   อนตฺถปทสญฺหิตา
      เอกํ อตฺถปทํ เสยฺโย    ยํ สุตฺวา อุปสมฺมติ.”

แปลว่า ”คำพูดที่มีประโยชน์คำเดียว ที่คนฟังแล้วสงบระงับความกังวลหายหงุดหงิดขัดเคืองใจได้ ย่อมดีกว่าคำพูดที่ไร้ประโยชน์ตั้งพันคำ.” (ขุ.ธ.สหัสสวรรค ข้อ 18, มจร.ข้อ 100)

@@@@@@@

ความเป็นมาแห่งพุทธภาษิต

นายเพชฌฆาต ชื่อ ตัมพทาฐิกะ(มีเคราแดง) ทำหน้าที่ฆ่าโจรอยู่ 55 ปี เมื่อพ้นหน้าที่เพชฌฆาต เขาได้พบพระสารีบุตรเถระ จึงนิมนต์ให้ฉันภายในเรือน เขาเกิดความเดือดร้อนใจที่ฆ่าคนในฐานะเป็นเพชฌฆาตเป็นจำนวนมาก พระเถระช่วยให้เขาหายเดือดร้อนใจ ปลอบว่า "ท่านทำไปตามหน้าที่ที่พระราชาสั่งไม่ใช่หรือ.?" กระทำอนุโมทนาแล้วกลับไป เขาตามส่งพระเถระได้ระยะหนึ่ง ก็ถูกนางยักษิณีแปลงเป็นแม่โคขวิดตาย

พวกภิกษุรู้ข่าวแล้ว ได้กราบทูลถามที่เกิดของเขา
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เขาได้พระสารีบุตรเป็นกัลยาณมิตร จึงบังเกิดในวิมานชั้นดุสิต
พวกภิกษุทูลว่า คำอนุโมทนาไม่น่ามีกำลัง เพราะไม่เข้าใจ อธิวาสนขันติ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะ(วิเสสลักษณะ) ดังนี้ :-

     - มีการยอมรับความจริงได้เป็นลักษณ์ (ไม่ใช่ทนอดกลั้นซึ่งสภาวเป็นโทสะ สภาวของขันติ คือ อโทสะ ได้แก่ สภาวะที่ไม่โกรธ หงุดหงิด ขัดเคือง เดือดร้อนใจ แต่ประการใดเลย)
     - มีการกำจัดโทสะเป็นกิจ
     - มีการสงบระงับโทสะเป็นผลเป็นผลปรากฏ
     - มีความจริง(อธิวาสนะ)เป็นเหตุใกล้
เพื่อให้ภิกษุทั้งหลาย เข้าใจสภาวะและอานุภาพของอธิวาสนขันติ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสภาษิตนี้แล


@@@@@@@

ในบรรดาศีลที่ป้องกันกิเลส ไม่ให้ย่ำยีจิตใจของบุคคลได้ มี 5 ประเภท คือ
    1. ขันติสังวร
    2. ปาติโมกขสังวร
    3. อินทริยสังวร
    4. อาชีวปาริสุทธศีล
    5. ปัจจยสันนิสิตศีล

ขันติสังวรศีล ต้องมีก่อน จตุปาริสุทธศีลที่เหลือ ก่อนการเจริญสติปัฏฐาน เพื่อกำจัดการย่ำยีของโทสะ เช่น นางปฏาจารา ถูกย่ำยี่จนเป็นบ้าเพราะบุตร สามี พ่อแม่ พี่ชายตาย, สันติมหาอำมาตย์ถูกย่ำยีเศร้าโศกเสียใจ เพราะนางฟ้อนตาย พระพุทธองค์ก็ทรงปลอบโยนด้วย"อธิวาสนขันติ"เสียก่อน แล้วจึงแสดงธรรมโปรด การบรรลุธรรมจึงมีได้ หาใช่ทั้งๆบ้าอยู่ เศร้าโศกอยู่ก็บรรลุธรรมไม่

บางท่านเพราะขาดการศึกษาอย่างละเอียด ไม่เข้าถึงอานุภาพของอธิวาสนขันติ ถึงกับกล่าวแย้งว่าเป็นบ้าอยู่จะบรรลุธรรมได้ยังไง และบ้าหนักขนาดนางปฏาจาราจะหายเป็นปลิตทิ้งทันทีทันใดได้อย่างไร จิตแพทย์ที่เก่งๆก็ยังต้องใช้เวลาเป็นแรมปี เป็นต้น นั่นก็เพราะ ไม่เข้าใจสภาวลักษณะและอานุภาพของอธิวาสนขันติดังกล่าว นั่นเอง

ดังนั้นบัณฑิตผู้เข้าใจ"อธิวาสนขันติดี" ย่อมปลอบใจตนเองและผู้อื่นให้สงบสุข เป็นที่รักที่ชื่นชอบของสังคมได้เป็นปกติแล (นิสสยอักษรธรรมล้านช้าง อักษรโรมัน)





ขอขอบคุณ :-
ผู้เขียน : สมเกียรติ พลเดชอุดมคุณ
posted date : 6 พฤศจิกายน 2020 , By admin.
website : dhamma.serichon.us/2020/11/06/การพูดปลอบโยนที่ตรงกัย/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2022, 07:07:28 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ