ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วิตก วิจาร  (อ่าน 3962 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
วิตก วิจาร
« เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2013, 10:27:42 am »
0
ขอนอบน้อมแด่ พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ขอนอบน้อมแด่พระธรรม ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
ขอนอบน้อมแด่พระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระเถระ พระอริยะเจ้าทั้งหลาย  ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ควรแก่การเคารพนพน้อม

กราบเรียนพระอาจารย์ธัมมวังโส

ด้วยครั้งเมื่อผมเข้าสมาธิจิตได้มีสภาพจิตแลเห็นดังนี้ว่า
1. เมื่อจิตเข้าไปหวนระลึกในสัญญาใดๆซึ่งมันมีมากมายเป็นร้อยเป็นพันสัญญาวิ่งมาแล้วตัวระลึกรู้นี้แหละเข้าไปรู้สัญญาได้เพียงตัวใดตัวหนึ่ง
2. เมื่อเข้าไประลึกสกิตในสัญญานั้นๆ มันก็เกิดการตรึกนึกคิดในเรื่องราวจากความจำได้จำไว้นั้นๆ แต่ในขณะนั้นแม้ตรึกนึกอยู่ในเรื่องราวนั้นมันยังไม่รู้ว่าคืออะไรอย่างไร
3. ในชั่วขณะเมื่อความตรึกนึกเรื่องราวนั้นดับไปก็เกิดสภาพจิตที่เข้าไปรู้เรื่องราวที่นึกคิดอยู่นั้นว่ามันคืออะไรกำลังดำเนินเรื่องยังไง
4. แล้วก็เกิดสภาพการเสพย์อารมณ์จากสิ่งที่นึกนั้น แล้วก็เกิดความรู้สึกจากอารมณ์ที่ตรึกนึกคิดนั้น
5. แล้วก็เกิดความรู้สภาวะความรู้สึกนั้นๆ แล้วก็ประครองในความรู้สึกที่เสพย์อารมณ์นั้นๆ ทำให้เรื่องราวที่นึกนั้นดำเนินต่อไปจนจบ

สิ่งนี้เรียกวิตกกับวิตารใช่ไหมครับ

ขอยกตัวอย่างที่เพิ่งรับรู้ในวันนี้น่ะครับซึ่งไม่ใช่ในสมาธิหรือองค์ฌาณ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันดังนี้
1. เมื่อจิตไปหวนระลึกถึงสัญญาใดๆ เช่น ผู้หญิงที่เราชอบ คลั่งไคล้ (สติ+สัญญา)
2. เมื่อความเข้าไปหวนระลึกรู้ดับไป ก็เกิดแสดงความจดจำเรื่องราวจากผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา (สัญญา)
3. ก็เกิดความตรึกนึกคิดปรุงแต่งเรื่องราวจากความจำไว้นั้น (วิตก+สัญญา)
4. เมื่อสภาวะตรึกนึกดับไปชั่วขณะแวบหนึ่ง ก็เกิดการเข้าไปรู้เรื่องราวปรุงแต่งในความคิดนั้น ทำให้เรื่องราวจากความตรึกนึกนั้นดำเนินไป (วิจาร)
5. เมื่อการเข้าไปรู้หรือร่วมในเรื่องราวนั้นดับไปชั่วขณะแวบนึง มันก็เสพย์อารมณ์จากเรื่องราวความตรึกนึกคิดนั้น แล้วก็คำนึงถึงเรื่องราวความรู้สึกในสภาพอารมณ์นั้นๆ เกิดการประครองอารมณ์ความรู้สึกนั้นๆทำให้เรื่องราวจากความตรึกนึกนั้นดำเนินไป (โลภะ โทสะ โมหะ ราคะ เวทนา+วิจาร+วิตก สลับไปมาตามลำดับ)
6. เกิดเป็นความกำหนัดใคร่ได้ยินดีที่จะเสพย์ จิตประครองความรู้สึกอารมณ์นั้นๆความตรึกนึกคิดนั้นๆไปจนจบจากความปารถนาใคร่ได้ยินดีที่จะเสพย์
7. ดับไป

ผมเห็นเป็นขณะๆอย่างนี้ไม่ทราบวิผมพิจารณถูกหรือผิดแล้วหรือไม่อย่างไรครับ คนส่วนมากจะแนกสติกับวิตก แต่ในขณะที่ผมเห็นและรู้ทันแลดูนั้นอยู่มันเกิดสภาพอย่างนี้เห็นอย่างนี้ ซึ่งผมกลัวว่าจะเห็นผิดทำให้เกิดความคิดความรู้ตามจริงผิดๆ ขอความกรุณาพระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ เพื่อไม่ให้ผมหลงจากสิ่งที่รู้เห็นหรือปฏิบัติผิดๆครับ
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: วิตก วิจาร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2013, 03:15:26 pm »
0
 ans1

  อ่านแล้ว ก็อนุโมทนา ระดับหนึ่ง
  แต่ที่แสดงไว้ ก็ทราบได้ว่า ยังไม่สามารถ เข้า อุปจาระฌานได้ วิตก วิจาร ในกรรมฐานไม่มีสัญญา ใด ๆ
   วิตก คือ องค์ บริกรรม  เช่น พุทโธ
   วิจาร คือ การรวมจิต อยู่กับ พุทโธ
  ผลของสมาธิ ระดับ ขณิก อุปจาระ สมาธิ ทั้งสองนั้น ให้ผลอย่างเดียว คือ หยุด นิ่ง อยู่ที่องค์ บริกรรม ไม่มีสัญญาใด ๆ ว่างจาก ขันธ์ 5 ชั่วคราว จึงเรียกว่า หมด วิจิกิจฉา ความสงสัย และ อุทธัจจะกุกุกจะ ความฟุ้งซ่าน อารมณ์ของสมาธิ ให้ ผลสมาบัติ ตั้งแต่ ขณิกะสมาธิ เรื่องเดียว คือ หยุดปรุงแต่ง บรรดา สรรพกิเลสทั้งหมด ชั่วคราว หรือ ที่เรียกว่า สิ้น นิวรณ์ ธรรมเครื่องกั้นขวางจิต
 
   ดังนั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ ในระดับ ขณิกะ และ อุปจาระสมาธิ ( เป็นคุณสมบัติของปัญญาวิมุตติ )
   1.จิตไม่ปรากฏสัญญา ในขันธ์ 5 ชั่วขณะ ตามระดับสมาธิ
   2.จิตวาง อยู่ บริกรรม และ เกิดฉันทะในสมาธิ เรื่องเดียว คือการบริกรรม
   3.จิตพร้อมวิปัสสนา เพียงแต่ยก องค์วิปัสสนา บริกรรมต่อ เพียงเท่านั้น
   4.จิตมิได้นึกองค์ธรรมขึ้นเอง ต้องยกขึ้น เพราะจิตปราศจากนิวรณ์ เป็น กุศล เรียกว่า มหรคตจิต
   5.ผลที่เกิดด้วยอำนาจสมาธิ มีฉันทะสมาธิ นั้นไม่เรียกว่าเสพย์ เพราะเป็นผล ที่เกิดขึ้นเองตามสภาวะจิตที่ปราศจากนิวรณ์ เป็น กุศลจิต ฝ่ายละเอียด
   6.สามารถในสมาธิ คือ หยุดการปรุงแต่งชั่วคราว ไม่ฟุ้งไปเรื่องใด ๆ มีเพียงเรื่องเดียว ถ้าสำเร็จเป็นพระอริยะบุคคลระดับ พระโสดาบัน สามารถทรงสมาธิได้ 24 -30 ชั่วโมงเท่านั้น เรียกว่า ผลสมาบัติ ดัวยผลแห่งการละสังโยชน์ อย่างสิ้นเชิง

   วิตก และ วิจาร ในสมาธิ ไม่มีการปรุงแต่ง เริ่มต้นด้วยการบริกรรม วิจารในท่ามกลาง ละนิวรณ์เป็นที่สุด

   เจริญธรรม / เจริญพร


   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิตก วิจาร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2013, 07:30:23 am »
0
ขอนอบน้อมแด่ พระพุทธเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
ขอนอบน้อมแด่พระธรรม ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
ขอนอบน้อมแด่พระสงฆ์ ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระเถระ พระอริยะเจ้าทั้งหลาย  ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ควรแก่การเคารพนพน้อม

นมัสการพระอาจารย์ธัมมวังโสครับ
สาธุ ครับพระอาจารย์ เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ผมอย่างสูงครับ
ผมจะเพียรให้ได้ดีและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ถูกและตรงตามจริงให้ได้ครับ ชีวิตนี้ผมขออุทิศให้แด่
พระพุทธเจ้า
พระธรรม
พระสงฆ์
พ่อแม่ บุพการีทั้งหลาย
ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ทั้งหลาย
สาธุ สาธุ สาธุ ผมจะเพียรให้ถึง ขอบพระคุณพระอาจารย์ธัมมวังโสที่ไขข้อข้องใจที่ติดใจผมมานาน จากนี้ผมจักไม่หลงมันอีกแล้วครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2013, 07:40:34 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิตก วิจาร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2013, 08:01:59 am »
0
 st12 st12 st12 st12 st12 st12
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2013, 09:08:35 am โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิตก วิจาร
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2013, 03:00:34 am »
0
 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิตก วิจาร
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2013, 09:23:00 am »
0
 st11 st12

   เข้ามาอ่าน มีสาระประโยชน์ มากคะ โดยเฉพาะคำแนะนำของพระอาจารย์ แนะนำอย่างครูอาจารย์กรรมฐาน จริงๆ คะ

 ฟังติดตามในรายการมาตลอดคะ เข้าใจง่าย ปฏิบัติตามได้เร็ว เพราะที่นี่ปิดทองหลังพระ ตลอด

  st11 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

aom-jai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 134
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: วิตก วิจาร
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2013, 05:12:24 am »
0
ท่าน Admax ตั้งคำถามได้ดี น่าจะมาตั้งคำถาม บ่อย ๆ นะคะ ส่วนตัวชอบอ่าน เลยไม่รู้จะถามอะไร คะ

 st11 st12
บันทึกการเข้า