ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การทำบุญอุทิศส่วน กุศลนั้น ผู้ที่เป็นญาต ของเรา ผู้ใดจะได้รับบ้าง  (อ่าน 17612 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
การอุทิศส่วนกุศลนั้น สำหรับ บุคคลที่เป็นที่รักของเราที่จากไปนั้น จะได้รับหรือป่าว

ถึงแม้เราจะกล่าวคำอุทิศ

ทานที่อุทิศให้นั้น อุทิศให้ พระอริยะ เทวดา เปตร พรหม สัตว์นรก เพื่อน บุคคลที่มีชีิิวิต อยู่ได้หรือไม่ คะ

 :85: :85:

วันนี้ตั้งคำถามเยอะ หน่อยนะคะ เพราะเข้าพรรษา อุโบสถ พอจะมีเวลาจากการงานบ้าง คะ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

จ่าวิโรจน์

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เท่าที่ผม เคยสนทนากับพระอาจารย์ ท่านเคยกล่าวว่า

บุญอุทิศ กุศลให้กับ เปตร สัมภะเวสีบางพวก อันนี้ได้ครับ

แต่สัตว์นรกนั้นไม่ได้ครับ ต้องเปลี่ยนเป็นแผ่เมตตาแทนครับ

ส่วนเทวดา พรหม นั้นไม่ได้ครับ พระอริยะนั้น ยิ่งไม่ได้เลยครับ

แต่บุญนั้นได้ผลโดยตรงกับผู้มอบให้

และจะมีผลมากที่ผู้รับ นั้นคือใคร

สูงสุดคือถวายสังฆทาน ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานครับ ได้อานิสงค์ผลบุญมากที่สุด

รู้สึกว่า พระอาจารย์จะกล่าวพระสูตร บทหนึ่งจำไม่ได้เรียกว่า พรหม...อะไรนี้ละครับ

ต้องรบกวนคุณปุ้มแล้ว นะครับเรื่องนี้

 ;)

ว่าแต่คุณปุ้ม เห็นว่าไปฝึกฝน ตนเองมา 9 วันผมติดตามอ่านอยู่ ไม่มีเรื่องการไปฝึกฝน 9 วัน มาเล่าบางหรือครับ
 :08:
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อม สมเ็ด็จพระชินสีห์ เสด็จดี เป็นศรี ชาวสยาม
แม้พระนาม พุทโธ ระบือนาม ทั่วเขตคาม ถิ่นฐานได้ร่มเย็น
ชาวลพบุรีครับ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28362
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

กระทู้ของคุณวิริยา
เรื่อง เวลากรวดน้ำ นั้นทำไมต้องแตะแขนกันด้วย
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=839.0

กระทู้ของคุณฟ้าใสเอง
เรื่อง การทำกุศลศพ ที่ยังสงสัยอยู่
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=834.0

ผมมีคำตอบให้คุณฟ้าใสบางส่วน ตามลิงค์ข้างบนครับ

ส่วนคำตอบที่เหลือ และคำขอของคุณวิโรจน จะตอบให้ในโอกาสต่อไป

ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28362
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก(บ้านปง) ต.อินธขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ขอนำบทความจาก "หนังสือ ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ"
ของพระอาจารย์เปลี่ยน มาแสดงดังนี้ครับ

คำถาม การกรวดน้ำ จำเป็นหรือไม่ว่าต้องกรวดน้ำหลังทำบุญ
และจำเป็นไหมต้องออกเสียงเอ่ยชื่อคนนั้นออกมา
ถ้านึกในใจจะได้หรือไม่ และถ้าเขาไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
มีชื่อในภพใหม่เขาจะได้รับส่วนบุญที่เราอุทิศไปให้หรือไม่

คำตอบ การกรวดน้ำ สมมุติว่าเราทำบุญ
หลักของความจริงนั้นท่านให้ทำบุญก่อน
เราต้องมีบุญ จึงจะสามารถที่จะอุทิศส่วนกุศลไปให ้
แก่ผู้ที่ล่วงลับดับไป หรือคนที่ยังมีชีวิตอยู่
เวลาพระให้พรเป็นเวลาที่จำเป็น


ถ้าพระให้พรไปแล้ว จึงจะไปกรวดน้ำอุทิศอยู่ที่บ้าน
ระยะนั้นจะไม่ค่อยจะได้รับผล
เพราะพระพุทธเจ้ามีกฎเกณฑ์บังคับว่า
เวลาทำบุญเสร็จ พระให้พร ก็ลงมือกรวดน้ำอุทิศให้เลย

ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลไปให้เปตาญาติทั้งหลาย
เวลาเขามารับก็จะได้รับพอดี
ถ้าเราไม่กรวดเวลานั้นวิญญาณเขาก็หนีไปแล้ว
เมื่อเราไปกรวดเวลาใหม่เขาก็จะไม่ได้รับเลย


ทีนี้ถ้ากรวดน้ำไปให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่
เราแผ่เมตตาไปให้เขาได้รับเหมือนกัน
เขาจะมีความสุขเอิบอิ่มใจ เขาจะได้รับเพียงเท่านั้น
จะระลึกถึงเรา ผู้ที่อุทิศส่วนกุศลไปให้
เหมือนกับการแผ่เมตตาหรือส่งความดีไปให้เขา

หากคนเราตายไปแล้วไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
ซึ่งมีหลายๆ อย่าง ทั้งมีขาและไม่มีขา มีขามากมีขาน้อย
พวกนี้ส่วนมากจะรับได้ยาก
เพราะที่เราทำบุญอุทิศไปให้นั้นมันไม่เหมาะสมกับฐานะของสัตว์


ทีนี้ถ้าเราอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้เทวดา พรหม
หรือพระอรหันต์อย่างนี้ อันนั้นท่านไม่รับเพราะว่าท่านรวยกว่าเราแล้ว
ท่านกินบุญทิพย์ของตนเอง

เหตุฉะนั้น คนที่ถวายทานแล้วอุทิศไปให้เทวดา
ให้อินทร์ ให้พรหม ให้พระอรหันต์ทั้งหลาย
มันไม่ถูกหลักของพระศาสนา

แต่คนก็คิดอยากอุทิศให้เขา เขามีเงินอยู่ตั้งแสนๆ ล้าน
แต่เราจะเอาเงินไปให้เขา 10 บาท
พวกนั้นเขารวยอยู่แล้ว เขาอยู่ในบุญทิพย์อิ่มอยู่แล้ว
ในการอุทิศส่วนกุศลนั้น ต้องทำในเวลาพระให้พร

ส่วนว่าเราจะแผ่เมตตาเฉยๆ
ให้เพื่อนมนุษย์ที่เป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั้น อันนี้ทำได้ทุกเวลา
เมื่อเราทำบุญแล้ว หรือสวดมนต์เสร็จแล้ว
สามารถอุทิศความดีไปให้ได้


ส่วนที่เป็นเปตาญาติทั้งหลายจะมารับอนุโมทนา
ต้องมารับหลังทำบุญเสร็จ
พระให้พรจึงจะเหมาะสมกับกาลสมัย
ที่เขาจะมาค่อยรับส่วนบุญจากเรา


คำถาม เวลากรวดน้ำแล้ว คนที่เป็นคนกรวด
กับคนที่อุทิศส่วนกุศลไปให้จะได้บุญเท่ากันหรือไม่
แล้วถ้าเกิดอุทิศส่วนกุศลไปให้หลายคน บุญจะแบ่งกันหรือเปล่า


คำตอบ ก็เหมือนกับเราปล่อยลมไปนั้นแหละ
มันก็จะพัดเย็นกันไปทั่วเลยถ้าเรามีพอ
แต่ถ้าเรามีบุญน้อย มันก็ไปได้น้อยๆ
มันแบ่งหลายคนก็เย็นน้อยๆ ไปอย่างนั้นแหละ


ถ้าเรามีบุญมากก็สามารถจะให้ได้ทั่วโลกเลย
บุญนั้น เรานึกขึ้นมาว่าให้ทั่วไปแก่เพื่อนมนุษย์
มันก็ได้เท่ากันหมดทั่วไป ถ้าเราเจาะจงเอาเฉพาะคนนั้น คนอื่นไม่ให้
ก็จะได้รับแต่คนนั้น เหมือนเราแบ่งอาหารให้กิน


คำถาม การกรวดน้ำโดยไม่แบ่งบุญให้ตัวเองส่วนหนึ่ง
แล้วเราจะได้บุญที่ทำหรือไม่

คำตอบ เมื่อเราทำบุญแล้วเวลาพระให้พร
เราก็กรวดน้ำให้แต่คนอื่น เราจะได้บุญไหม
เพราะไม่ได้กรวดน้ำให้ตนเอง
เราจะไปกรวดน้ำให้ตนเองทำไม
เพราะตนเองเป็นคนทำอยู่แล้ว มันสุขใจอยู่แล้ว
มีความสุขแล้วจึงแบ่งให้คนอื่น


เหมือนเรามีสตางค์นี้แหละ เรามีแล้วจึงแบ่งให้คนอื่นได้
ไม่มีหรอกที่นั่งอยู่ในที่นี้ที่จะแบ่งให้เขาหมด
หรือจะควักสตางค์ให้เขาหมด จนตนเองไม่มีสักสตางค์
มันต้องมีเงินเหลืออยู่ แต่ให้แล้วมันมีความสุขนะ

บัดนี้ตนเองมีความสุข นั่นแหละเขาเรียกว่าบุญ
อุทิศให้คนอื่นอยู่ แต่ใจของเรามีความสุข
ถ้าเราเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ มีอาหารการกินหรือขนม
แล้วแบ่งให้เพื่อนกินกันทุกคน
เมื่อเพื่อนกินอิ่มกันทุกคน เราจะมีความสุขไหม


ความสุขใจก็คือ บุญ พวกฝรั่งเขาไม่รู้เรื่องตรงนี้แหละ
เนื่องจากไม่มีใครสอนให้เขาให้รู้จักทำบุญ
เวลาไปกินข้าวด้วยกันก็ต้องจ่ายใครจ่ายมัน ไม่มีการเลี้ยงกัน
ถึงแม้จะเป็นพี่กันน้องกันก็ตาม
ไม่เหมือนคนไทยที่ออกเงินเลี้ยงแทนกันได้นั่นแหละ

เมื่อเราแบ่งปันให้แก่คนอื่น ตนเองก็มีความสุขอยู่แล้ว
ทำไมจึงว่า ไม่เมตตาเจ้าของเล่า
ตนเองมีความสุข นั่นแหละคือ ตัวบุญแท้ๆ
บุญคือ ความสุขใจ มันก็ได้บุญอยู่ดี
การที่เราจะเมตตาตน ก็คือ สร้างความดีให้เกิดขึ้นแก่ตน
เขาเรียกว่า เมตตาตน


ถ้าเราไม่มีแล้วเราจะเอาอะไรไปให้เขา
เราไหว้พระสวดมนต์ภาวนาก็เป็นบุญ
มีวัตถุก็เป็นบุญ จึงจะให้เขาได้
เราไม่มีอะไร เราจะเอาอะไรไปให้เขา
เราต้องมีความดีซิจึงเอาไปให้เขาได้ เขาจึงมีความสุข
เหมือนเพื่อนไม่ดี เราใช้ปากเราสอนว่า อย่าไปทำนะอันนี้มันไม่ดี
พอเพื่อนหยุดทำเท่านั้น ตนเองก็มีความสุขแล้ว

เนื่องจากเราเป็นคนสอนเขา เขาจึงหยุดทำความชั่ว
เราไม่ต้องการสิ่งตอบแทน แต่เรามีความสุขใจ
เพื่อนกำลังจะดื่มเหล้า เราไปเตือนว่าอย่าดื่มนะเดี๋ยวมันจะเมา
พอเขาหยุดเท่านั้นเราก็ดีใจแล้ว
เพราะว่าเพื่อนของเราไม่ทำความชั่วไม่ผิดศีล



ถาม  วันปล่อยผีมีจริงหรือไม่

ตอบ  ตามหลักพระพุทธศาสนานี้ คนชอบทำสลากภัตรในวันเดือนสิบเพ็ญ ก็เปรียบเทียบว่าวันนั้น สมัยพระโมคคัลลาน์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านไปเมืองนรก

          เมื่อไปเมืองนรก แล้วไฟนรกดับด้วยอิทธิฤทธิ์ของท่าน ด้วยบุญฤทธิ์ แล้วเปรตทั้งหลายหรือ สัตว์นรกทั้งหลายก็ขอฝากคำมาให้ไปบอกญาติคนนั้น บอกญาติคนนี้ ว่าตายแล้วมาตกนรกไม่ได้กินอะไรเลย แล้วจะไปรับอนุโมทนา เพราะไฟนรกดับเขาจะมาได้

          วันนั้นเรียกว่า วันปล่อยผี เขามารับอนุโมทนาในวันเดือนสิบเพ็ญ ทางเมืองเหนือเรียกว่า ก๋วยฉลาก ไม่เลือกวันเลย เอาวันนั้นวันนี้ต่าง ๆ กัน พ้นจากวันนั้นไปแล้ว เขาก็เอากลับคืนไปใส่คุกไว้อย่างเก่า แต่วันนั้นเขาปล่อยสัตว์นรกเพราะไฟนรกดับ ปล่อยวิญญาณของสัตว์ทั้งหลายให้ไปรับส่วนบุญที่ญาติอุทิศให้

          ส่วนพระมาลัยนั้นท่านก็ไปนรกเหมือนกัน แต่เป็นพระสาวกรุ่นหลัง สัตว์นรกก็สั่งท่านมาเหมือนกัน เหตุฉะนั้นจึงถือว่าจะทำบุญวันนั้นหมดเลย อย่างทางภาคอีกสานจะทำบุญในวันเดียวกันหมดทุกวัด แต่ทางเมืองเหนือนี้เขาเอาแล้วแต่จะสะดวกวันไหน เปลี่ยนวัดกันไปเรื่อย ๆ

          ซึ่งถ้าตามหลักแล้วเมื่อถูกจำคุณอยู่ เขาก็มาเอาวิญญาณคืนไป จำคุกเหมือนเก่าแล้ว เขาปล่อยได้แค่วันเดียว ก็คงมีช่วงโอกาสเหมือนคนเมืองเราที่อยู่ในคุก คนอยู่ในคุกเมืองเราที่เขาเอาออกมาทำงาน ใกล้ที่จะปล่อยออกจากคุกแล้ว แต่โทษอาญานั้นไม่ได้ออกมาแน่

          แต่อันนี้เป็นนักโทษประเภทที่อีกสักเดือนสองเดือนจะพ้นจากโทษแล้ว จะได้ออกจากคุกแล้ว เขาก็เอาคนพวกนี้ออกมา พวกผีพวกเปรตก็คงจะเป็นพวกเช่นนี้ที่ได้ออกมารับส่วนบุญ เขาเรียกเปรตที่รับทาน

          บัดนี้พวกเราคงสงสัยว่าทำไมไฟนรกจึงดับได้ ที่ดับได้ก็เพราะอิทธิฤทธิ์ของพระโมคคัลลาน์ จึงมีคาถาเป่าเวลาโดนไฟลวกไฟไหม้โดยไม่ต้องใส่ยา เมื่อโดนไฟไห้มแล้วมีอาการเจ็บ ๆ ร้อนที่ผิวหนัง

          เมื่อเป่าคาถานี้แล้วมันจะเย็นทันที ถ้าพูดหรือท่องคาถาให้มันติดให้มันขลังแล้ว ซึ่งเขาก็ใช้คาถาของพระโมคคัลลาน์นั่นเอง ส่วนคาถาเหยียบไฟนั้นสามารถที่จะเดินลุยไปบนถ่านๆไฟแดง ๆ ได้เลย ไฟจะดับไปทันที เหยียบที่ไหนดับที่นั่น

ที่มา http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008060.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2010, 07:34:41 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28362
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
การอุทิศบุญที่ได้ผล
สรุปจากเอกสาร โดยพระอาจารย์เกษม อาจิณณสีโล วัดป่าสามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์

“...การเบิกบุญมาจ่าย ให้ทำวันละพันละหมื่นรอบ
ยิ่งคนไหนที่มีปัญหาติดหนักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องรีบมาเบิกมาจ่ายให้เขามากเท่านั้น
จึงจะเจริญ ไม่ใช่ทำวันละสิบรอบสามสิบรอบแล้วก็มาบ่นว่าไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย
อู้ย ...ทุเรศนะคนแบบนี้...”

พระอาจารย์เกษม อาจิณณสีโล

เวรกรรมสามารถแก้ได้ ไม่ใช่แก้ไม่ได้ ปัญหาใหญ่อยู่ที่ ทุกวันนี้คนทำบุญกันไม่เป็น ดึงบุญที่เคยทำมาใช้ก็ทำไม่เป็น เป็นแต่ก้มหน้าก้มตาชดใช้กรรมอย่างเดียว
ที่มาแห่งบุญ 3 ประการ

1) บุญเกิดจากการให้ทาน
2) บุญเกิดจากการรักษาศีล
3) บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ


บุญเกิดจากการให้ทาน
การอุทิศหรือโอนบุญ ไม่ต้องพูด ให้ใช้เพียงการคิดและต้องคิดทันทีขณะของหลุดจากมือ อย่าไปรอแผ่บุญตอนพระสวด “ ยถาสัพพี” กล่าวคือ เมื่อใส่บาตร ถวายของให้สงฆ์ หรือให้ของแก่ใครก็ตาม เราก็คิดแผ่บุญทันที โดยคิดว่า

"บุญนี้จงเป็นของ หรือ บุญนี้ให้แก่ ... (ต้องการอุทิศบุญให้ใครก็คิดเอาได้เลย)”
เช่น อุทิศบุญให้แก่
 
-เทวดาที่รักษาข้าฯ ญาติ นายเวร-เชื้อโรคของ ข้าฯ/ลูกข้าฯ /...
-เปรต ผี ปีศาจ เทวดา ยักษ์ นาค ครุฑ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ มาร พรหม กินรา เงือก รากสษ ที่อยู่ในสถานที่ ...
-เทวดาที่รักษา ..(ลูก/สถานที่/บ้าน/กิจการเงินงานของข้าฯ)...
-เจ้ากรรมนายเวรที่เดินทางมาถึง และที่กำลังก่อกวนอยู่ตามร่างกายของ ข้าฯ/ลูกข้าฯ/ ...


คิดอุทิศให้ใครก็สามารถดัดแปลงได้ตามสถานการณ์ ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ปัญหากลัดกลุ้มในเรื่องใด

บุญเกิดจากการรักษาศีล

“บุญที่ข้าพเจ้าได้รักษาศีลนี้ ขอมอบให้แก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย)”

บุญเกิดจากการภาวนา
ก่อนภาวนา
“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญที่เกิดขึ้น ในขณะที่ข้าฯ ภาวนาคราวนี้ แปรสภาพเป็นสิ่งต่างๆ (เช่น ปัจจัยสี่ ฯลฯ) ตามแต่อมนุษย์แต่ละดวงใจ (เช่น ตามแต่เทวดา เปรต ผี ปีศาจ นายเวรของข้าฯ)ที่มาเกี่ยวข้องกับลูกอยู่ในเวลานี้ท่านต้องการ แล้วขอให้บุญที่แปรสภาพแล้วนั้นเป็นของอมนุษย์แต่ละดวงใจเหล่านั้น ตามที่ท่านปรารถนานั้นเทอญ”

หลังภาวนา ก็อุทิศบุญนี้อีกครั้ง
“ขอบุญที่เกิดจากการภาวนา จงถึงแก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย)”

การเบิกบุญ
เป็นการส่งบุญเก่าที่เคยทำไว้ทั้งในอดีตชาติหรือในชาตินี้ ให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า
“ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าฯ ให้ถึงแก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็คิดเอาได้เลย)”

วิธีการอนุโมทนาบุญ
คือร่วมยินดีในขณะที่เห็นผู้อื่นทำความดี บุญจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อเราร่วมยินดี โดยให้คิดว่า
“สาธุบุญนี้ให้ ... (อุทิศบุญให้ใครก็คิดเอาได้เลย)”


การสวดมนต์
หลีกเลี่ยงการสวดมนต์เพื่อขับไล่วิญญาณ โดยอาจปฏิบัติตามนี้

กราบ พุทโธ คิดอุทิศว่า “บุญนี้ให้แก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย)”
กราบ ธัมโม คิดอุทิศว่า “บุญนี้ให้แก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย)”
กราบ สังโฆ คิดอุทิศว่า “บุญนี้ให้แก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย)”


หลังจากกราบเสร็จ ก็ให้คิดอธิษฐานเบิกบุญ “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญข้าฯ ให้ถึงแก่ ... (อุทิศบุญให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย)” จนกว่านอนหลับจึงหยุด

แต่หากต้องการสวดมนต์ให้ได้

ก่อนสวดมนต์
“ภูตผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลาย บัดนี้ข้าฯจะสวดมนต์ ใครชอบฟังเอาบุญเอากุศลก็ขอให้ตั้งใจฟัง หากใครไม่ชอบหรือฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่นก่อน จนกว่าข้าฯ จะสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกลับมาเถิด”

เมื่อสวดมนต์เสร็จก็สามารถอุทิศบุญหรือโอนบุญได้อีก

การสร้างความดีทุกประการล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญกุศลทั้งสิ้น สามารถนำไปอุทิศหรือโอนบุญได้ทันที

ที่มา  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=99650

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28362
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
การอุทิศส่วนกุศลนั้น สำหรับ บุคคลที่เป็นที่รักของเราที่จากไปนั้น จะได้รับหรือป่าว

ถึงแม้เราจะกล่าวคำอุทิศ

ทานที่อุทิศให้นั้น อุทิศให้ พระอริยะ เทวดา เปตร พรหม สัตว์นรก เพื่อน บุคคลที่มีชีิิวิต อยู่ได้หรือไม่ คะ

 :85: :85:

วันนี้ตั้งคำถามเยอะ หน่อยนะคะ เพราะเข้าพรรษา อุโบสถ พอจะมีเวลาจากการงานบ้าง คะ

 :25: :25:

ตอบว่า ไม่ว่าจะกล่าวคำอุทิศ หรือ แค่นึกถึง ญาติที่ตายไปจะได้บุญเหมือนกัน

แต่มีเงื่อนไขต่อไปว่า ญาติของคุณต้องเป็นเปรตประเภท"ปรทัตตุปชีวิกเปรต"



หากถามต่อไปว่า ญาติเป็นเปรตประเภทอื่นๆ เป็นอสูรกาย เป็นสัตว์นรก

จะได้รับไหม ตอบว่า ต้องขอบารมีพระรัตนตรัย จึงจะอุทิศให้ถึงได้

ขอให้ดูหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นตัวอย่าง ท่านอุทิศให้สัตว์นรก

จนขึ้นไปเป็นเทวดาที่ดาวดึงษ์ เพราะท่านมีบารมีมาก

แต่เราๆอาจมีบารมีไม่พอ จึงจำเป็นต้องขอบารมีพระรัตนตรัย

เป็นกำลังหรือสะพาน ส่งให้ถึงญาติของเรา


ถ้าเป็นเทวดา เป็นพรหม  จะอุทิศได้ไหม

ขอตอบว่าได้ ถ้าท่านอนุโมทนาบุญกับเรา ถ้าไม่อนุโมทนาก็ไม่ได้รับ

แต่ต้องขอบารมีพระรัตนตรัยนะครับ


ถ้าเป็นเพื่อน เป็นบุคคลที่มีชีวิต หรือ อริยบุคคลที่มีชีวิต

ส่วนใหญ่จะเป็นการแผ่เมตตาให้ แต่ถ้าจะอทิศบุญให้ก็ไม่มีข้อห้ามครับ




ผมคงตอบได้ไม่กระจ่างนัก ขอให้คุณฟ้าใสอ่านบทความให้ครบนะครับ

จะเข้าใจได้เอง

อย่างไรก็ตาม ผมพอจะสรุปปัจจัยที่จะทำให้

การอุทิศบุญให้ถึงญาติของเรา ที่อยู่ในภพภูมิต่างๆประสบความสำเร็จ

ดังนี้ครับ

๑.ต้องอนุโมทนากับบุญที่เราอุทิศให้

๒.ต้องอยู่ในเวลาที่เหมาะสม

๓.ต้องอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม

๔.ต้องมีบารมีของพระรัตนตรัยเป็นสะพาน



ผมคิดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บารมีของพระรัตนตรัย

โดยเฉพาะบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์

ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25: :25: :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 12, 2010, 08:33:26 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

หลวงพี่เฉย

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 88
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
"ขอให้รวยโดยฉับพลัน!!!...ทุกท่านเทอญ"   วรธมฺโมภิกฺขุ (หลวงพี่เฉย)