ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การทำบุญกับคนพิการ กับ ทำบุญกับคนที่มีอาการ 32 ผลบุญต่างกันอย่างไร  (อ่าน 5326 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

การทำบุญกับคนพิการ กับ ทำบุญกับคนที่มีอาการ 32 ผลบุญต่างกันอย่างไร

 thk56
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
๑๒. ทักขิณาวิภังคสูตร (๑๔๒)

   [๗๐๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
   สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารนิโครธาราม เขตพระนครกบิลพัสดุ์ ในสักกชนบท
   สมัยนั้นแล พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงถือผ้าห่มคู่หนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ
   แล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
   พอประทับนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
   ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้ หม่อมฉันกรอด้าย ทอเอง ตั้งใจอุทิศพระผู้มีพระภาค
   ขอพระผู้มีพระภาคทรงอาศัยความอนุเคราะห์ โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่ของหม่อมฉันเถิด ฯลฯ


  [๗๑๐] ดูกรอานนท์ ก็ทักษิณาเป็นปาฏิปุคคลิกมี ๑๔ อย่าง คือ
   ใหทานในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑
   ให้ทานในพระปัจเจกสัมพุทธ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๒
   ให้ทานในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์ นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๓
   ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๔
   ให้ทานแก่พระอนาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลกประการที่ ๕
   ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๖
   ให้ทานแก่พระสกทาคามี นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๗
   ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๘
   ให้ทานในพระโสดาบัน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๙
   ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๐
   ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๑
   ให้ทานในบุคคลผู้มีศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๒
   ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๓
   ให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน นี้เป็นทักษิณาปาฏิปุคคลิกประการที่ ๑๔ ฯลฯ



   [๗๑๑] ดูกรอานนท์ ใน ๑๔ ประการนั้น
   บุคคลให้ทานในสัตว์เดียรัจฉาน พึงหวังผลทักษิณาได้ร้อยเท่า
   ให้ทานในปุถุชนผู้ทุศีล พึงหวังผลทักษิณาได้พันเท่า
   ให้ทานในปุถุชนผู้มีศีล พึงหวังผลทักษิณาได้แสนเท่า
   ให้ทานในบุคคลภายนอกผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม พึงหวังผลทักษิณาได้แสนโกฏิเท่า

   ให้ทานในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง พึงหวังผลทักษิณาจนนับไม่ได้จนประมาณไม่ได้
   จะป่วยกล่าวไปไยในพระโสดาบัน
   ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำสกทาคามิผลให้แจ้ง
   ในพระสกทาคามี
   ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้งในพระอนาคามี
   ในท่านผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง
   ในสาวกของตถาคตผู้เป็นพระอรหันต์
   ในพระปัจเจกสัมพุทธ และ
   ในตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธ ฯลฯ


    [๗๑๓] ดูกรอานนท์ ก็ในอนาคตกาล จักมีแต่เหล่าภิกษุโคตรภู มีผ้ากาสาวะพันคอ
    เป็นคนทุศีล มีธรรมลามก คนทั้งหลายจักถวายทานเฉพาะสงฆ์ได้ในเหล่าภิกษุทุศีลนั้น
    ดูกรอานนท์ ทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์แม้ในเวลานั้นเราก็กล่าวว่า มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้
    แต่ว่าเราไม่กล่าวปาฏิปุคคลิกทานว่ามีผลมากกว่าทักษิณาที่ถึงแล้วในสงฆ์โดยปริยายไรๆ เลย ฯลฯ


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔  บรรทัดที่ ๙๑๖๑ - ๙๓๑๐.  หน้าที่  ๓๘๗ - ๓๙๓.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=9161&Z=9310&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706
ขอบคุณภาพจาก http://board.postjung.com/,http://www.starupdate.com/


ทักษิณา คือ ทานเพื่อผลอันเจริญ, ของทำบุญ
ปาฏิปุคคลิก คือ เฉพาะบุคคล, ไม่ทั่วไป, ถวายเป็นส่วนปาฏิปุคคลิก คือ ถวายเจาะจงบุคคลไม่ใช่ถวายแก่สงฆ์
โคตรภูสงฆ์ (ภิกษุโคตรภู) คือ พระสงฆ์ที่ไม่เคร่งครัด ปฏิบัติเหินห่างธรรมวินัย แต่ยังมีเครื่องหมายเพศ เช่น ผ้าเหลือง เป็นต้น และถือตนว่า ยังเป็นภิกษุสงฆ์อยู่ ,สงฆ์ในระยะหัวต่อจะสิ้นศาสนา


ที่มา พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อิสสัตถสูตรที่ ๔
     [๔๐๕] สาวัตถีนิทาน ฯ
     พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กราบทูล พระผู้มีพระภาคว่า
     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทาน บุคคลพึงให้ในที่ไหนหนอแล ฯ
             พ. ดูกรมหาบพิตร จิตย่อมเลื่อมใสในที่ใด พึงให้ในที่นั้นแล ฯ
             ป. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ และทานที่ให้แล้วในที่ไหนจึงมีผลมาก ฯ


     [๔๐๖] พ. ดูกรมหาบพิตร ทานพึงให้ในที่ไหนนั่นเป็นข้อหนึ่ง
     และทานที่ให้แล้วในที่ไหนจึงมีผลมาก นั่นเป็นอีกข้อหนึ่ง
     ดูกรมหาบพิตร ทานที่ให้แล้วแก่ผู้มีศีลแลมีผลมาก ทานที่ให้แล้วในผู้ทุศีลหามีผลมากไม่

_______________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๕  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=15&A=3146&Z=3218&pagebreak=0


๖. กาลทานสูตร
      [๓๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลทาน ๕ ประการนี้ ๕ ประการ เป็นไฉน คือ
      ทายกย่อมให้ทานแก่ผู้มาสู่ถิ่นของตน ๑
      ทายกย่อมให้ทานแก่ผู้เตรียมจะไป ๑
      ทายกย่อมให้ทานในสมัยข้าวแพง ๑
      ทายกย่อมให้ข้าวใหม่แก่ผู้มีศีล
      ทายกย่อมให้ผลไม้ใหม่แก่ผู้มีศีล
      ดูกรภิกษุทั้งหลาย กาลทาน ๕ ประการนี้แล ฯ


    ผู้มีปัญญา รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมให้ทานในกาลที่ควรให้ เพราะผู้ให้ทานตามกาล
    ในพระอริยเจ้าทั้งหลาย ผู้ปฏิบัติซื่อตรง ผู้มีใจคงที่ เป็นผู้มีใจผ่องใส ทักขิณาทานจึงจะมีผลไพบูลย์
    ชนเหล่าใดย่อมอนุโมทนา หรือช่วยเหลือในทักขิณาทานนั้น ทักขิณาทานนั้นย่อมไม่มีผลบกพร่อง
    เพราะการอนุโมทนาหรือการช่วยเหลือนั้นแม้พวกที่อนุโมทนาหรือช่วยเหลือ ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญ
    เพราะฉะนั้น ผู้มีจิตไม่ท้อถอยจึงควรให้ทานในเขตที่มีผลมาก บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในปรโลก ฯ

_______________________________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=900&Z=915&pagebreak=0


การทำบุญกับคนพิการ

     สำหรับคนหูหนวกตาบอด แขนขาขาด และทุพพลภาพต่าง ๆ ที่เราให้ทานกันในทุกวันนี้นั้น เช่นเมื่อเห็นคนเฒ่าคนแก่ทำอะไรไม่ได้เลย เราก็ทำทานสงเคราะห์ไป เราก็ได้บุญอยู่ ถ้าหากว่าคนเหล่านั้นไม่มีศีล บุญที่ได้ก็ไม่มาก แต่ก็ยังได้บุญอยู่ตามกำลังศรัทธา
     เพราะฉะนั้น พระพุทธองค์ตรัสเทศนาสั่งสอนพุทธศาสนิกชนทั้งหลายว่า
    "เราควรเป็นผู้มีจิตใจเมตตาเจือจานแบ่งปัน แก่เพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ตกทุกข์ได้ยาก มีความลำบากเกิดขึ้นแก่เขาเหล่านั้นแล้วจงบริจาคทานตามกำลังของตนเองเถิด"


     ฉะนั้นการที่เราจะทำบุญให้ได้บุญมาก ก็คือ

• ตั้งแต่เบื้องต้น เจตนาที่จะทำบุญแม้เราจะหาสิ่งของอะไรที่ควรจะบริจาคทานนั้น จะมีมากน้อยเพียงใดก็ตาม เรียกว่า บุพพเจตนา คือ ควรจะมีเจตนาในการทำบุญที่ดี

ภิกษุเป็นผู้มีศีล ทายกผู้ให้ทานก็เป็นผู้มีศีล ด้วยวัตถุไทยทานได้มาบริสุทธิ์ก็ได้บุญสมบูรณ์ แม้ของทำบุญน้อยก็ย่อมได้บุญมาก เมื่อไปถึงสถานที่แล้วทายกก็ต้องประเคนสิ่งของที่ตนเองไปทำบุญแก่พระด้วยความเคารพนอบน้อม ถ้าหากเป็นการให้สิ่งของแก่คนทั่วไป ก็ส่งให้ด้วยกริยามารยาทดี เป็นการเคารพในกองบุญของตนเอง และพระภิกษุผู้รับประเคนก็น้อมรับด้วยความเคารพ เรียกว่า มุญจนเจตนา
       ถึงแม้ของทำบุญจะเป็นของเล็กน้อยก็ไม่เป็นไร เวลาทำบุญต้องทำด้วยความเคารพ ทำบุญด้วยความไม่เคารพนั้นไม่ถูกต้อง มันจะไม่ได้บุญมาก มันเหมือนไม่พอใจที่จะบริจาคให้แก่ผู้รับทาน
       ฉะนั้นจึงควรทำบุญด้วยความเคารพ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนเอาไว้ว่าทายกผู้ให้ มีความเคารพของทานของตน ปฏิคาหกผู้รับก็เคารพของทานนั้น จึงถูกต้องและควรปฏิบัติ


• เมื่อพระภิกษุตั้งใจให้พระแก่ทายกผู้บริจาคสิ่งของนั้น แล้วทายกตั้งใจรับพร ด้วยความแช่มชื่นเบิกบานในกองกุศลที่ตนเองได้บริจาคทาน แล้วก็แผ่เมตตาอุทิศส่วนบุญกุศล ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย เรียกว่า อปราปรเจตนา

____________________________________________
ที่มา http://www.kanlayanatam.com/sara/sara58.htm
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

การทำบุญกับคนพิการ กับ ทำบุญกับคนที่มีอาการ 32 ผลบุญต่างกันอย่างไร

 thk56

      ans1 ans1 ans1
     
      ผมเอาพระสูตรต่างๆ มาแสดงให้ดู เพื่อที่จะบอกว่า
      พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสถึง การให้ทานแก่คนพิการเอาไว้เลย
      นอกจากเนื้อนาบุญแล้ว พระองค์จะตรัสเฉพาะคนมีศีลกับคนไม่มีศีล
      ดังนั้น การทำบุญกับคนพิการ เมื่อเทียบกับคนปรกติ
      หากเราจำกัดตัวแปรต่างๆแล้ว อานิสงส์ควรจะเท่ากัน


      แต่ถ้าจะคุยกันไปอีกสักหน่อย เพื่อความบันเทิง ก็ต้องเอากาลทานมาคุย
      กาลทาน คือ การให้ในเวลาที่เหมาะสม หากเลยเวลานั้นๆไปแล้ว อาจไม่ได้ใช้ หรือ ไม่ใช้เลย
      ตัวอย่างเช่น ให้รถเข็นกับคนปรกติ โดยประสงค์ให้เก็บไว้ตอนเดินไม่ได้ เป็นทานที่ไม่ถูกกาละเทศะ
      เมื่อเทียบกับการให้รถเข็นกับคนที่เดินไม่ได้ ผู้รับย่อมนำไปใช้ได้ทันที
      ทานอันหลังนี้น่าจะมีอานิสงส์มากกว่า เพราะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนได้ในทันที
      เรื่องนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ แค่คุยเป็นเพื่อนเท่านั้น

       :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ