ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าจิตเราไม่เป็นทุกข์ เราจะปฏิบัติ กรรมฐาน ไปทำไมคะ  (อ่าน 3019 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าจิตเราไม่เป็นทุกข์ เราจะปฏิบัติ กรรมฐาน ไปทำไมคะ
 คือ หมายถึงว่าเราอยู่ในสภาวะ กินได้ นอนหลับ ไม่เป็นทุกข์ กับเรื่อง ทรัพย์ งาน ครอบครัว เพื่อน ๆ สุขภาพ อย่างนี้ อยากทราบว่า เราจะภาวนาหรือ ปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ไปเพื่อสิ่งใดกันคะ

  :25: :88:
บันทึกการเข้า

sivaroj

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 12
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุญาตินะครับ
ผมเคยคิดอย่างนี้เมื่อเร็วๆนี้เองครับ ขอเล่าให้ฟัง

ผมเพิ่งเข้ามาหาข้อมูลในเวปนี้เมื่อไม่นาน เพื่อหาทางดับทุกข์ที่มันเกิด
จนคิดว่าการนั่งสมาธิวิปัสนา น่าจะช่วยได้เพราะเหลือทางเดียวแล้ว ตอนนั้นทุกข์มันมากเหลือเกิน จนคิดว่าไม่อยากเกิดมาอีกแล้ว
จากที่ฝึกนั่งมาเรื่อยๆ (แบบ งูๆ ปลาๆ) พอตอนเสร็จจากนั่งสมาธิ ก็มานั่งดูตัวเอง แรกๆ ก็เห็นความทุกข์ตัวเองยังทุกข์อยู่ ยังทำใจไม่ได้ ก็ฝืนนั่งสมาธิต่อเนื่อง
ผ่านไปอีก ทำแบบนี้เรื่อยๆ จนเริ่มเห็นว่า ไอ้ที่เราเคยทุกข์เมื่อหลายเดือนก่อน มันไม่ทุกข์แล้ว
ไอ้ที่เคยทุกข์เมื่อปีก่อน มันคลายลงแล้ว ทุกข์ที่สั่งสมมาหลายๆปี วางมันลงได้แล้ว มันไม่กวนใจเราแล้ว
ความรู้สึกกับตัวเอง ว่าเออ...เราไม่ทุกข์แล้วหรือไรนี่ อย่างนี้ก็ไม่ต้องนั่งสมาธิอีกแล้วเพราะไม่มีอะไรทุกข์เท่าที่ผ่านมาอีกแล้ว ผมคิดอย่างนี้จริงๆ นะ

จนกระทั่ง เมื่อสองอาทิตย์ก่อน มารู้ตัวอีกทีตอนนั่งอยู่หน้าแม่ (แม่ผมอายุ 82 แล้ว)
ท่านนอนคุยกับผมอยู่บนเตียงเรื่องท่านจะไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดต่างจังหวัดที่ท่านรับปากว่าจะไปอีก 2 วันและจัดเตรียมข้าวของต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมเอาเงินให้แม่ช่วยเรื่องทำบุญ แม่ลุกขึ้นนั่งจะหยิบซอง ท่านลุกเร็วไป ท่านเกิดอาการปวดหลังอย่างมาก ถึงกับน้ำตาซึม ท่านหลับตาภาวนา พุทโธๆๆ อยู่อย่างนั้น พร้อมบ่นว่าขอให้หายเจ็บเถอะจะไปทำบุญแล้วกลัวไม่ได้ไป

ผมได้แต่ประครองแม่ ได้แต่ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง หายเจ็บบ้างมั๊ย หาหมอมั๊ย
แม่บอกผมว่า ไม่เป็นไรๆ แม่แก่แล้ว สังขารมันไม่เที่ยง มันก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดาอย่างนี้ ห้ามมันไม่ได้
ผมอยากเจ็บแทนแม่จริงๆ
ถึงตอนนี้ไอ้ที่ผมคิดว่าผมพ้นทุกข์แล้ว ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ก็กลับมาคิดได้ว่านี่แหละทุกข์จริงๆ ยังมีอยู่ ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมลืมไปว่าจริงๆ แล้วมันทุกข์
และยังมีทุกข์ที่รอผมอยู่และต้องมาถึงแน่ๆ
ดังนั้นผมบอกตัวเองว่าต้องปฏิบัติต่อไปอย่างจริงจังกว่าเดิม อย่างน้อยก็ไม่ต้องการเกิดมาให้เป็นทุกข์อีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 20, 2012, 10:06:49 pm โดย sivaroj »
บันทึกการเข้า

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ความเป็นจริง คนที่จะไม่ทุกข์เลย นั้น ไม่มี ตราบใดที่มีสุข ทุกข์ก็ดับไป เมื่อใดสุขดับไป ทุกข์ก็จะเกิด คะ

  :58: :s_hi:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อย่ามัวเพลิดเพลิน ทุกข์ มีมาก จงยังจิต ให้ปีติ และ สุข กันเถิด เพื่อเห็นตามความ.
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=6908.0

ลองอ่านบทความพระอาจารย์ ดูดีหรือไม่คะ

 
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ธรรม สอง อย่าง คือ ทุกข์ และ สุข เป็นสิ่งที่สลับกัน นะจ๊ะ
ผู้มีจิตตั้งมั่น ย่อมมองเห้นตามความเป็นจริง ว่า ไม่เที่ยง เป้นทุกข์ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน เป็นเราเป็นของเรา เป็นต้น


  ทุกข์ และ สุข เปรียบเหมือนของที่หนัก อันบุคคลแบกไป แบกมา
  พระอริยะเจ้า จึงสลัดของหนัก นั้น ทิิงลงเสีย เพื่อ สุขอันเป็น บรมสุข ยิ่งกว่า

  เพราะการสลัดของหนักทิ้งลงเสีย เป็นสุขอย่างนี้...อันบุคคลพึงเห็นด้วยปัญญา นั่นเอง



  เจริญธรรม

 

 

บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ