ภยาคติ คือลำเอียง เพราะกลัวภัยจะมาถึงตน
อุเบกขา คือความวางเฉย
ทั้งสองประการ เกี่ยวเนื่องกัน ภยาคติมาก่อน อุเบกขา เพราะภยาคติ เป็นเหตุ อุเบกขา เป็น ผล
สำหรับ บุคคลทั่วไป ที่ เกรงกลัวต่อภัย ที่จะมาถึงตน เกรงกลัวต่อความเดือดร้อน ที่จะมาทำให้ตนยุ่งอยาก ในขณะนั้นเรียกว่า ภยาคติ เมื่อ ภยาคติสั่งสมไว้เป็นเหตุมาก ๆ ก็ส่งเสริมทางด้านการกระทำ คือ อุเบกขา คือการวางเฉย ดังนั้นเราก็จะเห็นในสังคมนี้ ใช้ อุเบกขา กันในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เห็น ผัวเมีย เขาทะเลาะตบตีกัน ไม่มีใครเข้าไปช่วยห้ามปราม แต่ทุกคนยืนมอง นั่งดู ด้วยความรู้สึกเฉย ๆ อันนี้เรียกว่า วงจรครบถ้วน คือ ภยาคติ ต่อด้วย อุเบกขา
อุเบกขา เป็นธรรมที่เป็นฝ่ายกุศล ก็มี เป็นธรรมที่เป็น ฝ่าย อกุศล ก็มี
ดังนั้นการวางอุเบกขา พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสแสดงไว้ว่า ถ้าเราวางอุเบกขา ลงไปแล้วธรรมเป็นกุศล พอกพูนเพิ่มขึ้น อุเบกขา นั้นพึงเจริญให้มาก กระทำให้มาก แต่อุเบกขา ใดกระทำลงไปแล้ว พอกพูนอกุศล ให้มากขึ้น อุเบกขานั้น พึงละ ไม่พึงวางอุเบกขา
อะไรเป็นธรรม เครื่องแก้ ภยาคติ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พรหมวิหารเป็นธรรมเครื่องแก้ ภยาคติ แต่ให้ใช้ตามลำดับ ไม่ใช่ข้ามไป อุเบกขาเลย
เจริญธรรม / เจริญพร